คนแรกของหัวใจ คนสุดท้ายของชีวิต Part 5
น้ำหมึกขาว
โอยยยยย .. ... จะแปดโมงแล้วหรอเนี่ย สายแน่ชั้น... น้ำหวานพึมกับกับตนเองก่อนที่จะวิ่งลุกลี้ลุกลน ลงมาจากห้องพัก
สวัสดีตอนเช้าครับ... เสียงที่น้ำหวานคุ้นเคยดังขึ้น ภาพที่เห็นคือชายหนุ่มผมเกรียนคนนั้นยืนยิ้มกว้างใกล้เบ้นซ์สีบรอนคู่ใจ พร้อมกับส่งสายตามาที่น้ำหวาน
ร.. .. ...เรย์?? น้ำหวานพูดกับตัวเองเบาๆด้วยสีหน้าที่งง พร้อมกับเดินหนีเพื่อไปรอรถเมล์
อ..เอ่อ.. .น้ำหวาน! น้ำหวาน!! เรย์ตะโกนพร้อมกับวิ่งไปหาน้ำหวาน
นี่คุณมาทำอะไรแถวนี้ค่ะ นี่จะแปดโมงแล้วเดี๋ยวก็เข้างานสายนะคะ น้ำหวานพูดกลับเมื่อชายหนุ่มวิ่งมาจับมือตน
คือ...ผมมารอคุณตั้งแต่หกโมงเช้าน่ะครับ เห็นปกติออกเวลานี้ไม่ใช่หรอ? เรย์พูดในขณะที่น้ำหวานยืนนิ่งแล้วคิดว่าเค้าใส่ใจ และสนใจตัวเธอเองขนาดเวลามาเวลากลับที่ทำงานเลยหรอ
ผมมารับ ขึ้นรถสิครับ มีอะไรจะบอกคุณด้วย เรย์พูดต่อ
มีอะไรคะ น้ำหวานถามด้วยท่าทางที่สงสัยเมื่อขึ้นรถ
พงษ์ มาสารภาพกับผมแล้วนะครับ ว่าเค้าเสียใจกับสิ่งที่เค้าทำลงไปมาก แล้วเค้าจะลาพักงานยาว เพื่อจะไปทดแทนบาปที่เค้าได้ทำไปเพื่อเพื่อนคุณน่ะครับ เค้าฝากผมมาบอกคุณเพราะเค้าไม่กล้าที่จะมองหน้าคนที่รู้จักเจนเลยแล้วน่ะครับ
หญิงสาวฟังคำตอบยิ้มกว้างด้วยท่าทางดีใจ แต่เก็บเอาไว้คนเดียว โดยที่มีสายตาคู่หนึ่งแอบมองไปที่ความเป็นตัวเองของเธอ... หลังจากนั้นเรย์ก็ไปรับไปส่งน้ำหวานเสมือนกับว่าเป็นกิจวัตของเรย์ไปแล้ว... ตอนนี้ทั้งสองคนเป็นแฟนกันไปโดยปริยาย นี่คือสิ่งที่น้ำหวานรอคอยมาแทบชั่วชีวิต เธอเก็บสิ่งที่อยู่ในใจในอดีตที่ผ่านมา ให้เป็นความหลัง. .. เธอตัดสินใจที่จะไม่พูดเรื่องในวัยเด็กเพื่อเป็นการเรียกความรักจากเรย์ให้มันมากขึ้นอีก... เธอพยายามที่จะให้สิ่งที่เป็นอยู่ตอนนี้ดีที่สุด ก็เท่านั้นเอง...
เห็นน้ำหวานมั้ยครับ? เรย์ถามพนักงานคนหนึ่ง
อ...เอ่อ...ผมเห็นเดินลงไปทางบันไดหนีไฟนะครับ ถามว่าไปไหนก็ไม่บอก
อ..อืม ขอบใจมาก เรย์พูดจบก็เดินไปทางบันไดหนีไฟทันที ภาพที่เห็นคือร่างของคนรักนอนนิ่งอยู่ตรงทางลงขั้นสุดท้ายของบันไดหนีไฟ เลือดที่ออกมาเป็นก้อนและบางที่ที่ไหลออกมาเป็นหยด ได้ออกมาจากปากของน้ำหวานนั้น ทำให้เรย์ตกใจแทบทำอะไรไม่ถูก... เค้าตั้งสติได้ก็พุ่งตัวไปหาร่างคนรักพร้อมกับอุ้มขึ้นทันที
ร่างน้ำหวานถูกนำส่งโรงพยาบาล โดยที่มีพนักงานที่บริษัทตามเรย์มาด้วยสี่-ห้าคน เสียงพนักงานที่คุยกันเองไม่ดังมาก พอที่จะรู้แล้วว่าน้ำหวานเป็นเนื้องอกในสมองมาตั้งนานแล้ว และกำเริบมาไม่นานนี้ แต่ไม่หนักมาก นั่นคือตอนที่เรย์ได้มาเหยียบที่บริษัทนี้เป็นครั้งแรกนั่นเอง...
ขอพบญาติของคุณ ญัฐริกา ด้วยครับ เรย์ลุกลี้ลุกลนเมื่อได้ยินเสียงของหมอ
เอ่อ..ผมขอให้คุณทำใจด้วยนะครับ...คนไข้อาจจะอยู่กับเราได้ไม่นาน แต่นั่นมันก็ขึ้นอยู่กับสภาพจิตใจของคนไข้เอง ว่าจะแข็งแรงรึเปล่า...เพราะตอนนี้เนื้อร้ายนั้นค่อนข้างใหญ่มากแล้วกินสมองไปเกิน50เปอร์เซ็นแล้วครับ.
ม...ไม่มีทางรักษาเลยหรอครับ?...ผมมีเงินนะหมอ จะเอาเท่าไหร่ก็ยอม ให้น้ำหวานหาย นะครับ... นะครับ!! เรย์ถามทั้งๆที่เค้ารู้อยู่แล้วว่าคำตอบที่ได้คือไม่มีทาง...
ผมเสียใจด้วยจริงๆครับ ตอนนี้สิ่งเดียวที่ทำให้คนไข้อยู่กับคุณได้นานที่สุดคือสภาพจิตใจของแกเองน่ะครับ นายแพทย์พูดจบก็ปลีกตัวออกห่างเรย์เพื่อไปทำธุระอื่น...
เรย์ยืนนิ่งพูดอะไรไม่ออก ส่วนเพื่อนๆที่บริษัทก็ตกใจไม่แพ้กัน เรย์ยืนตั้งสติก่อนที่จะทำใจแล้วเดินเข้าห้องนั้น... ห้องที่มีคนรักเค้านอนอยู่ น้ำใสๆได้ไหลออกผ่านแก้มทั้งสองข้าง ร่างในชุดสีน้ำเงินของโรงพยาบาล บนเตียงเหล็กพอดีตัว ใบหน้าซีดเผือด เหมือนกับว่าไม่มีเลือดหล่อเลี้ยงเลยแม้แต่น้อยนั้นหลับตาพริ้ม ราวกับว่าหลับอยู่... ชายหนุ่มนั่งลงข้างๆเตียงพร้อมกับมองหน้าไปหาน้ำหวาน และลูบศีรษะไปที่ร่างนั่น...
ไม่นานนักน้ำหวานก็เริ่มรู้สึกตัวและลืมตาขึ้น สิ่งแรกที่เค้าเห็นคือเรย์ที่กำลังมองด้วยสายตาที่ไม่อาจบอกได้เลยว่านั่นคือสายตาของความรักหรือความสงสาร...
อ...ออกจากโรงพยาบาล...ได้ตอนไหนหรอคะ? น้ำหวานถามเรย์
คงอีกสองสามวันน่ะน้ำหวาน ตอนนี้อยากได้อะไรก็บอกเรย์นะครับ แล้วมีอะไรก็ไม่ต้องคิดมากรู้มั้ย... ชายหนุ่มกระซิบบอกคนรัก...
อืมม...เป็นอะไรไปน่ะ ชั้นแค่ไม่สบายนิดหน่อยน่ะ น้ำหวานพักไม่กี่วันก็หายดีแล้ว น้ำหวานตอบพร้อมกับยิ้มให้ชายหนุ่มที่นั่งข้างๆเตียง และเอามืออีกข้างไปเช็ดน้ำตาที่ไหลออกมาให้เรย์
ติดตามตอนสุดท้าย .. .