*.*.* กระจอกน้อยเจ้าสำราญ *.*.*
มะปรางหวาน5
กาลครั้งหนึ่ง ยังมีนกกระจอกตัวหนึ่งเป็นนกกระจอกเจ้าสำราญ
เที่ยวกินเที่ยวเล่นไปวัน ๆ สนุกสนาน เมื่อฤดูหนาวใกล้เข้ามา
นกกระจอกตัวอื่น ๆ ก็พากันเตรียมตัวออกบินลงไปหลบหนาว
แต่พระเอกของเราก็ยังทำเป็นทองไม่รู้ร้อน
มันว่าเอาไว้ให้จนตัวจริง ๆ ค่อยออกเดินทางก็ยังไม่สาย
เพื่อน ๆ พากันเกาะกลุ่มบินไปเป็นกลุ่ม จนในที่สุดเหลือมันตัวเดียว
และประจวบกับอากาศที่หนาวเย็นลงทุกวันมันจึงได้สำนึก
เช้าวันหนึ่งที่อากาศหนาวเหน็บนกกระจอกเจ้าสำราญก็ออกบินเดี่ยวเดินทางลงไป
ขณะมาได้ไม่ไกล ฝนก็เทลงมาทำให้ขนของมันเปียกปอนไปหมด
และเพราะอากาศที่เย็นยะเยือกก็ทำให้น้ำที่เกาะปีกของมันกลายเป็นน้ำแข็งหนัก
มันบินต่อไปไม่ไหว ทั้งหนาวจนเกือบแข็งตายและหมดแรง
จึงตกแอ๊กลงมานอนหอบรอความตายอยู่บนพื้นดิน
เผอิญตรงนั้นจำเพาะเป็นลานบ้านชาวนามีวัวตัวหนึ่งเดินผ่านมา
และขี้ออกมากองเบ้อเริ่มหล่นแผละลงมาทับเจ้านกกระจอกพอดีจนมิดหัวมิดหู
เจ้านกกระจอกนึกในใจว่า ซวยจริงตู ตายไม่มีศักดิ์ศรีเลย จมกองขี้วัวตาย
มันปลงได้แล้วว่าคงตายแน่ แต่แล้วกองขี้วัวนั้นแหละที่ช่วยชีวิตมัน
เพราะความอุ่นทำให้น้ำแข็งละลาย และทำให้นกกระจอกกระปรี้กระเปร่าขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง
มันดีใจมากที่รอดชีวิตจนร้องเพลงออกมาดัง ๆ
เจ้ากรรมมีแมวตัวหนึ่งเดินผ่านมา
มันได้ยินเสียงนกร้องจึงเอียงหูฟังและเดินย่องตามมา
จนมาพบว่าเสียยงร้องออกมาจากกองขี้วัวนี้เอง
แมวจัดแจงเขี่ยขี้วัวออกด้วยความสงสัย
จนไปเจอะเจ้านกกระจอกที่กำลังแหกปากร้องเพลงเพลินอยู่
จึงจับกินเป็นอาหารอันโอชะเสียในทันที
ข้อความข้างต้นสอนให้รู้ว่า
1 ) คนที่ขี้รดหัวเราไม่แน่ว่าจะเป็นศัตรูเสมอไป
2 ) คนที่ช่วยโกยขี้ให้พ้นหัวเราไม่แน่ว่าจะเป็นมิตรไปเสียทุกคน