*.*.* มองโลกในแง่ดี...มีความสุข *.*.*

มะปรางหวาน5

การมองโลกในแง่ดีเป็นศิลปะสำคัญของการดำรงชีวิตให้มีความสุข
เป็นอุบายกล่อมใจ ให้ยอมรับสภาพปัญหาที่กำลังปรากฏ
เพื่อให้มีกำลังใจ และความเข้มแข็งในการต่อสู้กับชีวิตต่อไป
ฉันเคยอ่านพระคัมภีร์ไบเบิ้ล พบคำสอนของพระเยซูที่ประทับใจทับหนึ่ง
ท่านสอนว่า ร่างกายสำคัญกว่าเสื้อผ้า  ชีวิตสำคัญกว่าอาหาร 
เป็นการสอนให้คนขาดเสื้อผ้าให้ทราบว่า เขามีสิ่งที่สำคัญกว่าเสื้อผ้าคือร่างกายของตนเอง
และสอนคนที่ขาดอาหาร ให้พอใจแล้วที่ยังมีชีวิตอยู่ในขณะนี้
ฉันได้อ่านขำขัน  ที่เด็กคนหนึ่งถูกเพื่อนขโมยขนมไปครึ่งหนึ่ง
เด็กนั้นรำพึงรำพันว่า แกต้องเสียขนมไปตั้งครึ่งหนึ่ง
แล้วเพื่อนก็ปลอบว่า ให้มองโลกในแง่ดีสิ แกยังเหลือขนมอีกตั้งครึ่งหนึ่ง
การเปลี่ยนมุมมองสักนิด บางทีก็ทำให้อะไร ๆ ดีขึ้นได้หลายอย่าง
ในช่วงวิกฤต I M F นั้น หลายคนเดือดร้อนมาก
บางคนล้มละลาย บางคนท้อแท้ใจในชีวิต
แต่บางคนมองโลกในแง่ดี
ในวันที่เขาเกิดมานั้น เขาไม่มีอะไรมาเลย ไม่มีทรัพย์สิน กำลังกาย กำลังความรู้ 
ตอนนี้ถึงจะไม่มีทรัพย์สิน แต่ก็ยังมีกำลังกาย มีความรู้ และประสบการณ์
นับว่ายังดีกว่าจุดเริ่มต้นอีกมากนัก
การมองโลกในแง่ดีเพื่อสร้างความพอใจในสิ่งที่ตนมี ยอมรับในสิ่งที่ตนได้
เป็นคำสอนของปราชญ์ทั่วไป รวมทั้งพระศาสดาของเราชาวพุทธด้วย
เช่นทรงสอนให้เรามองโลกด้วยความเมตตาต่อเพื่อนร่วมโลกและสรรพสัตว์
แต่คำสอนทางพระพุทธศาสนา ยังก้าวไปอีกขั้นหนึ่ง
เหนือการมองโลกในแง่ดี คือการมองโลกตามความจริง
การมองโลกตามความเป็นจริงของพระพุทธศาสนานั้นมีความลึกซึ้งและละเอียดอ่อนมาก
คือท่านสอนตั้งแต่วิธีการมองโลกตามความจริง
ให้ปรากฏการณ์ทั้งปวงที่สัมผัสได้ด้วย ตา หู จมูก ลิ้น กาย และใจตามที่มันเป็น
โดยไม่นำประสบการณ์ หรือความคิด เข้าไปเบี่ยงเบนการเรียนรู้นั้น
ท่านชี้บอกกระทั่งว่า เมื่องมองโลกตามความเป็นจริงแล้ว
เราจะเห็นอะไรคือเราจะเห็นว่า สิ่งที่ถูกเห็นทั้งปวงนั้น
มีความเกิดขึ้นด้วยเหตุ และดับไปเมื่อเหตุดับ
ยังมีอีกคำสอนที่ลึกซึ้งและอัศจรรย์ยิ่งกว่านี้อีก
คือท่านสอนให้มองย้อนเข้ามาที่ตัวเองด้วย ไม่ใช่เพียงรู้โลกตามความจริงเท่านั้น
หากแต่ยังไม่รู้จักมองตัวเอง ซึ่งเป็นศูนย์กลางของประสบการณ์ทั้งปวงด้วย
ความรู้ทางพระพุทธศาสนาจึงเป็นความรู้ที่แจ่มแจ้ง
คือรู้ตามความเป็นจริงถึงสิ่งภายนอก อันได้แก่ปรากฏการณ์ทั้งปวง
และรู้ชัดถึงสิ่งภายใน อันได้แก่สิ่งที่เรียกว่า เรา เรา เรา ด้วย
เมื่อมองทุกอย่างตามความเป็นจริงจนถึงขั้นปราศจากตัวเราแล้ว
สิ่งภายนอกทั้งปวงจะมีความหมายอะไร
ดังนั้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ก็ไม่ต้องคอยนั่งปลอบใจตนเอง
หรือพยายามมองโลกในแง่ดีเป็นคราว ๆ ไป
การแก้ปัญหาความทุกข์ด้วยหลักธรรมทางพระพุทธศาสนาจึงมีจุดสิ้นสุด
หากสรุปรวบย่อ ก็อาจกล่าวได้ว่า
มองโลกในแง่ดี มีความสุข
มองโลกตามความเป็นจริง พ้นทุกข์				
comments powered by Disqus

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน