นึกถึงวันเก่า ๆ ที่เราเคยอยู่ด้วยกัน...(ตอนที่3เสนอเป็นตอนจบแล้วค่ะ)

สุชาดา โมรา

"นายอีกแล้วเหรอ  ว่างนักไง...ถึงได้มาชวนเลขาของผมไปเรื่อยเลย"
"คุณ...นี่มันเลิกงานแล้วนะครับจะใช้แรงงานกันไปถึงไหนกัน"
"นาย...."
คุณติวถึงกับพูดไม่ออกเลยเมื่อถูกคุณปลิวตอกกลับซะหน้าแหกทีเดียว...
เดี๋ยวนี้คนที่ไปรับไปส่งฉันทุกวันก็คือคุณปลิว  เพราะคุณติวเธอไม่ค่อยว่างนัก  อีกอย่างฉันก็รบกวนเขามามากแล้วเหมือนกัน  มีเพื่อนใหม่ก็ดีนะอาศัยเขากลับบ้านทุกวันจนที่บ้านเริ่มพูดแปลก ๆ
"เสน่ห์แรงนะเนี่ย  เดี๋ยวก็เจ้านายมาส่ง  เดี๋ยวก็คุณปลิวลูกเจ้าของหนังสือพิมพ์มาส่ง  เอ...มันยังไง ๆ อยู่นา...สรุปชอบคนไหนนะเรา..."
พี่กอล์ฟมักจะแซวแบบนี้เป็นประจำจนฉันเริ่มรู้สึกเขิน ๆ  แต่ฉันก็แกล้งทำเป็นไม่มีอะไรเกิดขึ้นตามเดิม
คุณปลิวเข้ามามีบทบาทในชีวิตฉันมากขึ้น  เป็นเวลา 1 ปีเต็มที่เรารู้จักกันมา  เขาเอาใจใส่ฉันทุกอย่าง  แต่ก็มีคนที่ทำท่าไม่ค่อยจะพอใจสักเท่าไร  คือคุณติว  เขาชอบทำหน้าเบ้ทุกทีที่คุณปลิวมา  ไม่รู้ว่าเป็นโรคอะไรจงเกลียดจงชังเขาจังเลย...เฮ้อ...ฉันเห็นแล้วก็ปวดหัว
"ถามจริง ๆ เถอะคุณเป็นแฟนหมอนั่นเหรอ"
"จะบ้าเหรอคุณติว...ฉันน่ะนะ...ไม่อาจเอื้อมค่ะฉันมันคนเดินดินไม่สมควรจะบินสูงหรอก  อย่างดีถ้าจะหาแฟนก็หาที่มัรระดับเดียวกันจะดีกว่า  เขาจะได้ไม่ดูถูกเราจริงไหมคะ"
คุณติวถึงกับเบรครถกระทันหันทีเดียว...
"อุ้ย....!!!...เบรคทำไมคะ"
"คุณเคยชอบผมไหม"
"หา........................!!!!"
ฉันถึงกลับอึ้งทีเดียว  แต่เขาก็ย้ำกับฉันอีกครั้ง
"คุณเคยชอบผมไหม"
"ก็คุณเป็นเจ้านายฉันจะให้ฉันไม่ชอบได้ยังไงกัน"
"ผมไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น...ผมถามว่าคุณน่ะรักผมไหม...."
หัวใจฉันเต้นรัวราวกับลูกสูบทำงานเกินปกติ  ฉันรู้สึกตัวชาหน้าชาแดงกล่ำไปหมด  แล้วฉันก็ไม่ได้ตอบอะไร
"ถ้าคุณไม่ตอบผมถือว่าคุณ OK.นะ"
"เอ่อ....ฉันไม่รู้จะตอบยังไงค่ะ..."
"ก็พุด ๆ มาสิ"
"ฉันเป็นผู้หญิงนะ...แล้วจะให้ฉันมาพูดอะไรแบบนี้ได้ไงกัน"
เขาไม่พูดต่อแต่ก็ขับรถยาวทีเดียว  ฉันไม่รู้ว่าเขาจะพาฉันไปไหนแต่ฉันรู้ว่าเขาต้องไม่ทำอะไรฉันเพราะเขาเป็นสุภาพบุรุษ  เขาขับรถจนฉันหลับไป  พอมาโผล่อีกทีก็เส้นทางไปเชียงใหม่แล้ว
"นี่มันอะไรกันคะ..."
"ผมเห็นคุณชอบที่สวย ๆ ผมก็เลยพาคุณมาสร้างบรรยากาศหน่อย  หรือว่าคุณไม่ชอบ"
"แต่ฉันยังไม่ได้ขออนุ..."
"ผมขออนุญาติคุณแม่คุณแล้วละ...คุณไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องนี้นะ  และผมก็เตรียมเสื้อผ้ามาให้คุณเรียนบร้อยแล้วรวมทั้งของใช้ส่วนตัว"
"คุณ..."
ฉันพูดอะไรไม่ออกเลย  เขาพาฉันมาพักที่รีสอร์ทที่เดิม  พาฉันไปพักห้องที่เดิม  แล้วก็ชวนฉันไปดูดาวเหมือนเดิม
"คุณนัดกับคุณเพียงตาไว้เหรอ..."
"เปล่า...นี่คุณผมมาแค่เรานะไม่ใช่จะมาหาเศษหาเลยกับคนอื่น"
"ฉันไม่เข้าใจอยู่ดีน่ะแหละ"
ฉันไม่รู้ว่าเขาพูดอะไร  แต่พอฉันเห็นบรรยากาศที่เต็มไปด้วยดาวเต็มท้องฟ้า  หิ่งห้อยบินเป็นกลุ่มใหญ่ดูเพลินตาแบบนี้ก็ชวนให้ฉันหยุดคิดเรื่องทุกเรื่องแล้วก็นั่งมองดูดาวอย่างมีความสุข
"คุณรู้ไหมว่าผมชอบคุณตั้งแต่ยังไม่เห็นหน้าคุณเลย"
"หือ..."
"พอผมเห็นหน้าคุณผมก็รู้ได้เลยว่านี่แหละสะเป็กผม"
"อือ..."
"ผมขอโทษนะที่ทำตัวเป็นเพลบอยโดยไม่คิดถึงจิตใจของคุณ...คุณแม่ท่านอยากให้เราแต่งงานกัน  แต่ว่าผมมันมัวห่วงแต่ความสำราญอย่างผู้ชายที่ไม่เอาไหน  ผมขอโทษคุณด้วยนะกิ"
"หาอะไรนะ..."
"นี่คุณไม่ได้ฟังที่ผมพูดเลยเหรอ"
ฉันส่ายหน้าคุณติวก็เลยโกรธเดินหนีไป  ฉันไม่รู้หรอกว่าเขาพูดอะไรเพราะฉันมัวแต่นึกถึงเรื่องราวเก่า ๆ ของครอบครัวฉัน  ฉันอยากให้คุณแม่มาเห็นที่นี่จังเลย...  จนไม่ได้ฟังที่คุณติวพูด  แต่พอเขาเดินไปได้พักหนึ่งเขาก็กลับมา
"นี่จะไม่ง้อเลยเหรอ  งอนนะ"
ฉันถึงกับหัวเราะเลยละเพราะไม่คิดว่าเขาจะงอนเป็น  ผู้ชายอะไรขี้งอนไปได้  ดูสิจะให้ผู้หญิงง้อ  ไม่เอาด้วยหรอก  ท่าจะบ้า  ลูกคุณหนูนี่ก็เอาใจยากจริง ๆ เลยนะ
"อ่ะง้อก็ได้"
"ไหนล่ะที่บอกว่าง้อ"
"ก็นี่ไง....ง้อ ๆๆๆๆๆๆๆๆๆ"
ฉันหัวเราะขึ้นมาเขาก็เลยเอามือมาขยี้หัวฉัน
"แต่งงานกับผมนะ"
ประโยคนี้ถึงกลับทำให้ฉันอึ้งมากที่สุด  เพราะฉันไม่คิดว่าเขาจะพูดคำนี้กับฉัน  และฉันก็ไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าเขารักฉัน  ทั้ง ๆ ที่ปกติเขาไม่มีท่าทีที่แสดงออกมาเลยว่ารักฉัน
ฉันแต่งงานได้ 3 ปีก็ท้อง  แต่สุขภาพของฉันไม่แข็งแรงเลยแท้งง่าย  หมอบอกให้พักผ่อนมาก ๆ แต่จะทำยังไงได้ล่ะในเมื่อฉันกำลังบ้างาน  ฉันท้องครั้งต่อมาก็แท้งอีก  สรุปแล้วฉันท้องมาถึง 5 ครั้งแล้วก็แท้ง 5 ครั้งทำให้เขาหมดกำลังใจ  
วันหนึ่งเขาล้มป่วยลง  เพราะข้าวปลากินไม่ตรงเวลา  ปวดท้องอยู่บ่อย ๆ พอไปตรวจก็ทราบว่าเขาเป็นมะเร็งลำไส้ระยะสุดท้ายแล้ว  ฉันเป็นห่วงเขามากเลย  คอยดูแลเขามาโดยตลอด  เมื่อฉันรู้ว่าเขาจะไม่อยู่กับฉันแน่ ๆ ฉันก็ยิ่งเสียใจมากแต่ก็ต้องกลั้นน้ำตาเอาไว้ข้างใน  ฉันรู้สึกผิดจริง ๆ เลย
"กิ...จะร้องก็ร้องออกมาเถอะ  อย่าฝืนเก็บไว้คนเดียวเลย"
ตอนที่คุณติวบอกฉัน  ฉันถึงกลับปล่อยโฮออกมาทีเดียว  ฉันไม่รู้ว่าชีวิตของฉันจะอยู่เพื่ออะไรในเมื่อตอนนี้คนที่ฉันรักคนหนึ่งกำลังจะจากฉันไปแล้ว...  ฉันต้องอยู่อย่างเดียวดายอ้างว้างไม่มีใคร  บ้านที่เคยอยู่เคยเห็นหน้ากันทุกวัน  ต้องมีอันต้องขาดใครคนใดคนหนึ่งไป  ฉันหมดกำลังใจที่จะทำงานต่อไปจริง ๆ
"ผมไม่เป็นไรหรอกกิ...ทำใจสบาย ๆ ถือว่าเรามีกรรมร่วมกันมาเท่านี้  รักษาสุขภาพนะกิอย่าหักโหมจนเกินไป  ผมรักคุณนะ  กิ...ผม"
คำพูดคำสุดท้ายมันทำให้ชีวิตฉันจมดิ่งอยู่กับความหลัง  ฉันจำคำพูดทุกคำของเขาได้ดี  คุณติวคุณเป็นคนที่ฉันรักมากที่สุด  แต่ฉันกลับไม่ได้ทำอะไรเพื่อคุณเลย  ฉันกอดแม่ของเขาร้องไห้จนถึงวาระสุดท้ายที่ฉันต้องเผาทั้งเขาและแม่ของเขา  ฉันรู้สึกว่าฉันอ้างว้างเดียวดายที่สุด  ชีวิตของฉันเหลือเพียงฉันคนเดียว...
ฉันยังคงเก็บถาพวันวานของเราไว้เสมอ...คุณติว  คุณแม่ตุ๊กฉันรักทั้งคู่มากเลยค่ะ  ลาก่อนนะคะขอให้ดวงวิญญาณไปสู่สุขติด้วยเถิด  แล้วฉันก็เอากระดูกและขี้เถ้าไปลอยอังคารที่กลางทะเล  ฉันหวังแค่เพียงฝันถึงเขาทุกวันก็พอแล้ว...				
comments powered by Disqus

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน