นึกถึงวันเก่า ๆ ที่เราเคยอยู่ด้วยกัน...(ตอนที่2)
สุชาดา โมรา
"หนังสือเล่มนี้เข้าท่าดี เอาไปอ่านดูไหมครับ"
"หนังสืออะไรคะ..."
"หนังสือเกี่ยวกับการบริหารไง เป็นเรื่องการครองใจคนในสำนักงาน ผมว่าเข้าท่าดี"
ผู้ชายอะไรชวนผู้หญิงอ่านหนังสือเครียด ๆ ฉันนะงงไปหมด สงสัยจะแก่เรียนจนไม่รู้ว่าจะชวนคุยเรื่องอะไรแล้วมั้ง แต่ฉันก็รับหนังสือมาเปิดอ่านดู ก็เข้าท่าดีนะ ฉันจึงเลือกซื้อหนังสือเล่มนั้นมาอ่านเวลาว่าง คุณติวพาซื้อของจนข้าวของเยอะแยะไปหมดต้องให้พนักงานร้านเอาหนังสือไปส่งที่รถ จากนั้นเขาก็พาฉันไปเที่ยวต่อที่สนามหลวง พาฉันมาดูคนเล่นว่าว เราทั้งคู่เล่นไม่เป็นเลย ก็เลยได้แต่นั่งมองว่าวที่อยู่บนท้องฟ้า... ฉันก็รู้สึกแปลก ๆ อยู่เหมือนกันนะ คนเราเพิ่งรู้จักกันวันแรกแต่กลับทำท่าเหมือนรู้จักกันมานานแสนนานทีเดียว เขาตามใจฉันทุกอย่าง ลักษณะของเขานี่ถอดแบบน้าตุ๊กมาเลยทีเดียว
วันทั้งวันนั่งดูเขาเล่นว่าวกันจนบรรยากาศเริ่มมืดแล้วคุณติวจึงพาฉันแวะไปทานอาหารก่อนที่จะพาฉันมาส่งไว้ที่บ้านพี่ชาย ฉันจะปฏิเสธได้อย่างไรในเมื่ออาศัยเราเขามา ก็เลยต้องกลับบ้านค่ำ พี่ชายฉันถึงกับมายืนรอหน้าบ้านทีเดียว
"ไปไหนกับใครมา ทำไมกลับเอาป่านนี้"
"เอ่อ...กิ...."
"สวัสดีครับ คือผมเป็นลูกชายเจ้าของร้านที่น้องกิเขาไปทำงานอยู่น่ะ คือเราไปซื้อหนังสือเข้าร้านกันเลยกลับช้าไปหน่อย ขอโทษนะครับ แล้วที่คุณแม่ไม่มาด้วยเพราะท่านติดธุระน่ะครับ"
คุณติวพูดซะยืดยาวพี่กอล์ฟจึงเข้าบ้าน ฉันยืนส่งคุณติวจนรถแล่นไปสุดสายตา วันนี้ฉันรู้สึกดีนะที่ได้ไปเที่ยวหลาย ๆ ที่ ฉันนอนอ่านหนังสือเล่มนั้นจนดึกแล้ก็เผลอหลับไป
ตั้งแต่มีคุณติวก้าวเข้ามาในชีวิต ฉันก็รู้สึกว่าโลกใบนี้มันเป็นสีชมพูไปหมด ฉันไม่รู้ตัวหรอกนะว่ารู้สึกเกินเลยกับคำว่าเจ้านายกับลูกจ้างไปแล้ว ตอนเย็นทุก ๆ วันศุกร์คุณติวจะขับรถมารับฉันทุกครั้งเพราะวันศุกร์คือวันหยุดของเขา คุณติวเป็นสจ๊วตอยู่สายการบินแอร์ไอทิสตี้ เขามีโครงการที่จะเปิดบริษัททัวร์ ก็เลยคิดโครงการกับฉันเพราะฉันก็กำลังเรียนมัคคุเทศก์อยู่ด้วย เมื่อวางแผนกันเป็นเวลา 2 ปีเต็มบริษัทก็เป็นรูปเป็นร่างขึ้นมา เริ่มมีการก่อสร้าง คุณติวก็มักจะพาฉันไปดูการก่อสร้างอยู่เสมอ ๆ จนตอนนี้ฉันเรียนใกล้จะจบแล้ว
พอฉันเรียนจบน้าตุ๊กก็เชียรให้ฉันไปเป็นเลขาของคุณติว คุณติวยังไม่ลาออกจากการเป็นสจ๊วตแต่คุณติวก็มักจะให้ฉันรักษาการแทนไปก่อนจนฉันเป็นงานทุกอย่างในบริษัท สามารถรู้และเข้าใจระบบโครงสร้างของบริษัทได้เป็นอย่างดี ฉันรู้สึกว่าฉันรักบริษัทนี้มากทีเดียว เพราะคนในบริษัทนี้ดูแลฉันเป็นอย่างดีโดยเฉพาะมีคุณติวและน้าตุ๊กที่คอยเป็นห่วงเป็นใยฉันราวกับเป็นคนในครอบครัวเดียวกัน...
"เอ่อ...คุณกิผมมีเรื่องอยากจะถามคุณ"
"คะ"
"ผมกำลังหนักใจมากเลย ผมอยากจะลาออกมาทำงานที่บริษัทแต่ว่า ผมก็รักการเป็นสจ๊วต ผมรักแอร์คนนึงเธอน่ารัก สวย อ่อนหวาน เธอเป็นคนสุภาพ ดูดีไปซะทุกอย่าง คุณว่าผมควรจะทำอย่างไรดี"
ฉันรู้สึกว่ามันเจ็บแป๊บ ๆ เข้าไปในใจของฉัน แต่ฉันก็ตีหน้าเฉย ๆ เหมือนกับว่าฉันไม่ได้รู้สึกอะไรเลย
"คุณก็ทำตามที่ใจคุณปรารถนาเถอะ...เพราะฉันคงจะไปห้ามคุณไม่ได้หรอก"
คุณติวจึงไม่ลาออก ทีแรกฉันก็รู้สึกเสียใจเหมือนกันแต่ตอนหลังฉันเริ่มชินชาเสียแล้ว เพราะฉันก็รู้ ๆ อยู่ว่าเจ้านายกับลูกน้องที่ไหนจะมารักกันได้ ฉันไม่กล้าบินสูงขนาดนั้นหรอก
"คุณติวคะ คุณไม่ไปทำงานเหรอคะ นี่มันไม่ใช่วันศุกร์นะคะ"
"ผมทุกข์ใจ ผมหาทางออกไม่ได้แล้ว แอร์ที่ผมรักเธอมีสามีแล้ว ผมทำใจไม่ได้...เอือก"
คุณติวดื่มเหล้าเมามายอยู่ในออฟฟิต ฉันทนไม่ได้จึงพยุงตัวออกมาจากบริษัทแล้วก็พาไปส่งไว้ที่บ้านของน้าตุ๊ก
"กิ...ติวทำไมเป็นแบบนี้ล่ะลูก"
"สงสัยจะอกหักจากแอร์น่ะค่ะ"
"โถ่...ลูก แม่บอกแล้วว่าแม่มีคนให้ลูกเลือกอยู่แล้วลูกจะไปรักคนอื่นทำไมกัน"
น้าตุ๊กพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อย ๆ แล้วก็หันมามองหน้าฉัน ฉันจึงขอปลีกตัวกลับไปทำงานก่อน... คุณติวเป็นแบบนี้มานานหลายสัปดาห์จนฉันทนไม่ไหว
"นี่คุณ รักอนาคตบ้างหรือเปล่า...เป็นบ้าไปแล้วหรือไงกัน เอาแต่เมา ๆๆๆแล้วก็เมาชีวิตจะเจริญได้ยังไงกัน ผู้หญิงไม่ได้มีคนเดียวในโลกซะหน่อย ทำไมต้องทำฟูมฟายเป็นเด็ก ๆ ไปได้"
"เธอจะมารู้อะไร ในเมื่อเธอไม่เคยอกหัก"
"ทำไมฉันจะไม่เคยอกหัก ฉันอกหักก็เพราะมีผู้ชายแบบคุณอยู่บนโลกใบนี้เนี่ยแหละ"
เขาถึงกับส่างเมาทีเดียว วันรุ่งขึ้นจึงไปลาออกแล้วก็หันกลับมาตั้งหน้าตั้งตาทำงาน ฉันไม่รู้หรอกว่าเขาจะรู้หรือเปล่า ว่าไอ้ที่ฉันพูดไปน่ะมันคือเขา แต่ฉันก็ยังเป็นคนเดิมที่วางมาดนิ่ง ๆ เหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น คุณติวเห็นฉันเหมือนน้องสาวคอยเอาใจใส่ฉันเสมอ ไปรับไปส่งไม่เว้นแต่ละวันจนคนที่บ้านคิดว่เราเป็นแฟนกันเสียด้วยซ้ำ
"เนี่ยคุณกิ...พนักงานต้อนรับคนใหม่ของเราน่ารักดีนะ ผมว่าผมน่าจะจีบเธอนะ"
"ก็ตามใจคุณเถอะ"
ฉันรู้สึกเฉยชาต่อเรื่องนี้ เพราะเขามักจะเอาเรื่องสาว ๆ มาปรึกษากับฉันอยู่เสมอ แต่ก็มักจะแฮ้วทุกที ฉันต้องคอยมีหน้าที่เป็นศิลานีให้เขาปรึกษาอยู่เรื่อย ๆ จนเขาพอใจ ฉันไม่รู้หรอกนะว่าเมื่อไรเขาถึงจะหันมาดูฉันบ้าง แต่ก็คงชาติหน้าตอนบ่าย ๆ นั่นแหละ
"วันนี้อากาศดีเป็นพิเศษนะกิ ช่วงหน้าหนาวแบบนี้ผมอยากจะชวนคุณไปเที่ยวเชียงใหม่จริง ๆ ไปชมพระธาตุ ไปดูสาวเชียงใหม่ แหมมันท่าจะสนุกพิลึกนะ...ไปกันนะ"
"แล้วมีใครไปกันบ้างล่ะ"
"ก็มีผมกับคุณแม่ แล้วผมก็เลยชวนคุณไปด้วยเพราะเห็นเราเป็นคนครอบครัวเดียวกัน"
"จะบ้าเหรอ...พูดแบบนี้ฉันเสียหายนะ"
"เสียหายยังไง..."
ฉันเงียบแล้วก็ทำหน้าแดง ๆ เดินหนีไป นั่งทำงานต่อจนเย็น
"ไปกับผมนะ...นะนะนะ..."
เขามาอ้อนวอนให้ฉันไปราวกับเด็ก ๆ จนฉันต้องตอบตกลง แต่ต้องให้เขาไปขอร้องคุณแม่กับพี่กอล์ฟ เพราะมันไม่ดีถึงจะมีแม่เขาไปด้วยก็ตามเถอะใครมองมันก็จะยังไง ๆ อยู่นะ... เขามาขอร้องที่บ้าน ที่บ้านตอบตกลงแล้ววันรุ่งขึ้นก็ขนข้าวของไปกัน
อากาศที่นี่สวยจริง ๆ แหละ เราเดินทางมากันถึง 3 วันกว่าจะมาถึงเชียงใหม่เพราะคุณติวต้องขับรถมาตลอดทาง แวะพักที่โรงแรมตั้งแต่สุโขทัยไปเลย ฉันมีความรู้สึกว่าเหมือนฉันเป็นลูกสาวคนหนึ่งของน้าตุ๊กทีเดียว...
"คืนนี้พักที่นี่ก่อนละกัน"
คุณติวพาเข้าไปในรีสอร์ทแห่งหนึ่งของเชียงใหม่ จองบ้านพักหลังนึง ฉันอยู่ห้องข้าง ๆ คุณติว ส่วนน้าตุ๊กอยู่ห้องชั้นบน ฉันรู้สึกแปลก ๆ เหมือนกัน อาจจะเป็นเพราะต่างที่ต่างทาง... ฉันนอนอย่างไม่ค่อยมีความสุข ฉันรู้สึกเหมือนใครบางคนกำลังจ้องมองฉันอยู่ ฉันจึงค่อย ๆ ลืมตาช้า ๆ
"อื้อ...อื้อ...อื้อ..."
ฉันพยายามส่งเสียงร้องแต่ใครคนนั้นเอามือมาปิดปากฉันไว้ ฉันพยายามดิ้นยังไงเขาก็ไม่ปล่อย ฉันรู้แน่ว่านั่นเป็นผู้ชายแน่ ๆ แต่ฉันต้านแรงไม่ไหวแล้ว ฉันจะทำยังไงดี...
"อย่าเอะอะโวยวายนะ ผมไม่ทำอะไรคุณหรอก ผมเอง...ติวไง"
ฉันถึงกับแทบช็อกทีเดียวเมื่อรู้ว่าเป็นคุณติว แต่ฉันก็ไม่ปิปากร้องเพราะเขาสั่งห้ามฉันไว้ เขาค่อย ๆ เดินไปเปิดไฟแล้วก็มานั่งคุยกับฉัน
"กิ...ออกไปข้างนอกกันไหม ไปดูดาวกัน เขาว่าดาวที่นี่สวยกว่าที่อื่นนะ"
"สวยกว่ายังไงคะ"
"ก็มันสูงและโล่งไง ไปดูให้ได้เชียว"
ฉันเดินออกจากห้องไปกับคุณติว ทีแรกฉันตกใจแทบแย่นึกว่าเขาจะมาทำอะไรซะอีก แต่ตอนนี้โล่งใจแล้วละเพราะเขามาดี
"ทำไมถึงชวนฉันมาดูดาวคะ...เห็นเมื่อเย็นบ่นว่าอยากจะชวนผู้หญิงที่นั่งทานกาแฟอยู่ในร้านค็อฟฟี่ช็อฟไปดูดาวไงคะ"
"อย่าพูดมากเลยเดินตามมาดีกว่านะ"
แนเดินตามเขาไป จนเขามาหยุดอยู่ที่ลานโล่ง ๆ มีเพียงต้นไม้ใหญ่ต้นเดียวที่เรายืนอยู่ ฉันเห็นดาวระยิบระยับบนท้องฟ้า หมู่หิ่งห้อยก็บินวนไปวนมาเป็นกลุ่มใหญ่ ช่างสวยงามเหลือเกิน...ฉันรู้สึกว่าถ้ามีคนที่รักฉันพาฉันมาเที่ยวและมาดื่มด่ำบรรยากาศ ดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์ที่นี่ก็คงจะดีไม่น้อยเทียวละ ฉันมัวแต่ยืนฝันอยู่เสียนานเทียว
"กิ...นั่นไงสิ่งที่ผมให้คุณมา คุณดูนั่นสิ สาวน้อยคนนั้น คุณช่วยผมหน่อยสิ ไปชวนเธอมาที่นี่แล้วก็ให้นั่งคุยกับผมหน่อย"
อ๋อ...ก็เพิ่งรู้เดียวนี้นี่เองว่าเรากลายเป็นแม่สื่อไปแล้ว...ไม่น่าเชื่อเลย อุตส่าห์ฝันลม ๆ แล้ง ๆ อยู่ตั้งนาน ที่แท้ก็เห็นประโยชน์เราตรงนี้นี่เอง...เรานี่มันบ้าไปแล้วเหรอนี่ ให้เราเดินมาทั้ง ๆ ที่ใส่ชุดนอน เฮ้อ... น้ำค้างก็ลงแต่ก็ต้องจำใจทนหนาวหน่อยเดินไปคุยกับผู้หญิงคนนั้นจนสามารถพาเขามาหาคุณติวจนได้ คืนนี้คุณติวเลยได้เธอไปควงแถมยังได้เธอไปนอนเคียงข้างด้วย ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่าผู้หญิงคนนั้นจะยอมคุณติวง่าย ๆ แบบนี้... แต่ฉันก็ได้เพื่อนใหม่นะคือเพื่อนของคุณเพียงตาคนที่ฉันไปหว่านล้อมให้ไปคุยกับคุณติว ฉันจึงสนิทกันเพราะเหตุการณ์มันพาไป
"คุณชื่ออะไรครับ"
"คุณบอกฉันก่อนสิคะ..."
"ผมปลิวครับ"
"ฉันกิค่ะ"
"มาเที่ยวที่นี่ครั้งแรกเหรอครับ"
"ค่ะ...แล้วคุณล่ะคะ"
"ก็หลายครั้งอยู่ครับ ผมติดใจตั้งแต่มาเที่ยวกับแฟนคนแรกแล้วจนตอนนี้เลิกลากันไปก็ยังมาเที่ยวอยู่ ที่จริงผมมากันหลายคนแต่ยายเพียงตาน่ะสิชวนผมมาเพราะอยากจะเจอหน้าแฟนคุณไง"
"ไม่ใช่...เขาเป็นเจ้านายฉัน ไม่ใช่ฟงแฟนอะไรหรอก"
ฉันถึงกับตอบเสียงหลงทีเดียว ฉันคุยกันจนเริ่มรู้สึกว่าง่วงมาก ๆ ก็เลยเดินกลับบ้านหลังที่พักอยู่ คุณปลิวก็เลยมาส่ง เราแลกที่อยู่กันจากนั้นพอเช้าขึ้นมาเราก็ไม่ได้เจอกันอีกเลย แต่น้าตุ๊กน่ะสิเสียความรู้สึกมาก ๆ ที่คุณติวเอาคุณเพียงตาเข้ามานอนด้วย น้าตุ๊กถึงกลับช็อกทีเดียว เลยจะขอกลับกรุงเทพฯก่อน แต่คุณติวไม่ยอม น้าตุ๊กเลยไม่พูดกับคุณติวเลย... ฉันนะสงสารคุณติวและสงสารน้าตุ๊กมาก ๆ เลย ครอบครัวที่สงบสุขกลับแย่เพราะผู้หญิงคนเดียว ที่จริงฉันก็โทษตัวเองอยู่เหมือนกันที่เป็นสื่อให้น้าตุ๊กต้องหมางใจกับลูกชาย ฉันนี่มันบ้าจริง ๆ ...การเที่ยวครั้งนี้เลยกล่อยเพราะสถานการณ์ไม่ค่อยดี
พอกลับมาได้สามวันคุณปลิวก็ติดต่อมา เรานัดเจอกันบ่อยครั้งจนคุณติวไม่ค่อยพอใจหาว่าฉันอู้งาน ฉันก็ไม่รู้ตัวหรอกว่าเขาโกรธทำไมเพราะว่าฉันไม่เห็นว่าฉันจะใช้เวลางานตรงไหนเลย แต่คุณติวกลับแสดงออกจนน่าเกลียด