น้องคนที่อยาก๏ฆ่าตัวตายน่ะ อ่านหน่อย ๚

tiki

สวัสดีค่ะ อยู่ในหน้าไดอารีค่ะ และ หน้ากลอน สองบ้าน
http://www.bangkokcity.com/2004/member/diary04/detail.php?boid=54863
http://www.thaipoem.com/web/poemdata/poemdata_55759.php
ทีจริงทาง 7 สาย คือ สัตว์นรก .  . เปรต_ อสุรกาย สัตว์ติรัจฉาน  มนุษย์ เทวดา พรหม  และ นิพพาน
แต่ไม่นำนิพพานมาไว้ ณ ที่นี่ ด้วยมิอาจแตะต้อง
ภาวะ ไร้ภาวะนั้นได้ ขออถัย นำมา เพียง 6 สาย
เท่านั้น ท่านผู้รู้ อภิธรรม โดยเฉพาะ คุณดอกแก้ว ขอได้โปรด งดโทษข้าพเจ้า.
..ภาวะนั้น เป็น ultimate Desire ก็ จริง 
แต่เด็กๆนั้น ปราถนาแค่ มนุษย์ ต่อ มนุษย์  รักกัน ไม่เกลียดกัน ไม่ทะเลาะ แย่งชิง ทรัพย์ ของรักของหวง กัน 
ไม่อาฆาต กัน  ไม่พยาบาทกัน ไม่
อาฆาต มาดร้าย กัน 
           พูดกันให้เพราะๆ ต่อกัน ให้ มีชีวิตสงบสุข สันติ โอ พูดไปก็เหมือน ยุคพระศรีอาริย์เมตไตร อีกไม่รู้กี่ล้านชาติ
ข้างหน้าโน้น..อันไกลโพ้น
       ส่วน มนุษย์เราในปัจจุบัน ก็ยัง ถือครองวิบากก รรม คือผลแห่งการกระทำ เก่า ของเราเองในภพชาติ อันใกล้
ส่งผลแรงสุด กับภพชาติอันไกลแต่กรรม-การกระทำอันแรงส่งมานั้นอยู่
        ส่วนภพชาติปัจจุบันนี้ เราก็ยังส่งการกระทำแรงด้วยกรรม อันแปลว่า การกระทำ ทั้งดี ทั้งชั่ว กันอยู่
ตลอด ยี่สิบสี่ชั่วโมง ตลอด ทุกนาที ทุกวินาที เรายังมี บาป บ้าง บุญบ้าง ตลอดเวลา
       
             เปรียบ เรายังต้มน้ำด้วยไฟกิเลศตัณหาภวตัณหาความอยากได้โน่นได้นี่  
วิภวตัณหา..ความอยากไม่เอาโน่นไม่เอานี่
                 เออหนอ เราจะพ้นภพชาติไปได้อย่างไรเล่า ลำน้ำน่าน ข้าพเจ้าจึงถึงได้บอกว่า ความเป็นนิรันดร์ 
นี้คือ สังสารวัฏฏ์ แห่งการเวียนว่ายตายเกิด นี้ อย่างแน่แท้ นะท่าน 
        คนอย่างเรา อันเวียนว่ายอยู่ในทะเล วิบากกรรมของตนเอง นี้ จึงจะว่ายอยู่เรื่อยๆ ทั้งภพทั้งขาติ  
ทุกภพ ทุกชาติ มิขาดเลย
       ท่านจะมาประคองข้าฯ ขึ้นฝั่งใด ได้ไฉนเล่า ลำน้ำน่านผู้แสนดี ของข้าฯ เอ๋ย.
ทิกิ_tiki 
แก้ให้ใหม่ ใส่ ทางแรกไว้ให้ก่อนเลย
โอ้ ความห่างเหินพระธรรม ทำให้เราเขียนผิดจนได้นะ 
น้อง%%%% คนที่อยาก๏ฆ่าตัวตายน่ะ อ่านหน่อย  ๚				
juan@hotmail.com says:
ทักกันหน่อย

tiki_ทิกิ says:
สวัสดีค่ะ
อยู่ในหน้ากลอนสองบ้านเลย

j
juan@hotmail.com says:
สบายดีนะครับ

tiki_ทิกิ says:
หลับสบายค่ะ เมื่อคืนร่วงไปแต่สี่ทุ่ม ตื่น หกโมงเช่า
นอนเต็มหน่อย
http://www.thaipoem.com/web/poemdata/poemdata_55759.php
ส่งให้อ่านมิได้ยัดเยี่ยดค่ะ
ว่าอยู่หน้านี้

juan@hotmail.com says:
ขอบคุณครับ
รู้กันอยู่แล้ว

tiki_ทิกิ says:
 
juan@hotmail.com says:
ผมตอบแล้วนะกลอนหนะ

 
tiki_ทิกิ says:
ขอบคุณมากค่ะ

juan@hotmail.com says:
ครับผม
ทำไมคนเข้าชมน้อยจังอะ

tiki_ทิกิ says:
เมื่อคืนเขียนเรื่อง ลำนำกลอนไว้
ก่อนหน้านี้ไม่กีบทเองค่ะ

juan@hotmail.com says:
อ๋อหรอ

tiki_ทิกิ says:
อันนี้ ปกติจะยังไม่ลง ต่อเนื่องขนาดนี้ค่ะ

juan@hotmail.com says:
ทำไมหละ

tiki_ทิกิ says:
จะไปลงเอาค่ำๆ แต่เผอิญที่จะตอบล้ำน้ำน่าน ยาวมาก
เลยต้องขึ้นเป็นบทใหม่เลย

juan@hotmail.com says:
เห็นคุยอยู่นี่ก็รู้แล้วว่าตั้งใจจริงๆ

tiki_ทิกิ says:
ค่ะ กับลำน้ำน่านนั้น เป็นเพื่อนธรรมกันที่ดีมาก
ซึ่งบางครั้งถ้ามีเรื่องทุกข์อันใด เขาก็จะมาเขียนกลอนยาวๆให้เสมอ
จนเสียดายงานเขา อยากให้เขาเอาไปลงกระทู้ใหม่ทุกครั้ง เป็นคนกึ่งพระกึ่งพรหม มากคนนี้
http://www.bangkokcity.com/2004/member/diary04/detail.php?boid=54863
ที่บางกอกก็ลงไว้
แต่ที่นี่คนยิ่งเข้าน้อยกว่า ที่ไทยโพม



juan@hotmail.com says:
เอาเหอะเช้าๆอย่าซีเรียสเลยนะครับ

tiki_ทิกิ says:
ไม่เคยถามเรื่องส่วนตัวเขา จริงๆ 
ขออภัย เป็นคนไม่ละลาบละล้วงเรื่องส่วนตัวผุ้ใด ถ้าเขาไม่เอ่ยเอง

juan@hotmail.com says:
จริงหรอ

tiki_ทิกิ says:
ถูกต้อง เขาไม่เอ่ย ก็ไม่ถาม
ไม่ว่าจะเรื่องเรียน หรือ ส่วนตัว อะไร

juanv@hotmail.com says:
เออนี่แล้วคุณชอบแต่งกลอนเกี่ยวกับไรหรอครับ

tiki_ทิกิ says:
เราพุดเฉพาะในกลอนของเรา
เขียนได้ทุกแนว ส่วนใหญ่ ชีวิต 
การเลื่อนไหลไปของชีวิตกับกิเลศตัณหาในอารมณ์ในตัวตนของมนุษย์

juan@hotmail.com says:
เคยอ่านหนังสือของอริสโตเติลมั้ยครับ

tiki_ทิกิ says:
http://www.thaipoem.com/web/memberhome.php?id=4895
หน้ารวม

juan@hotmail.com says:
เล่มไหนก็ได้ที่เขาแต่ง

tiki_ทิกิ says:
หนังสือพวกกรีกปรัชญา นั่นอ่านสมัยเป็ฯนักเรียนแล้วค่ะ
สมัยเป็นนักศึกษา โท ก็อยู่แต่ห้องสมุดแหละ ค้นปรัชญา อีจีปต์ ควบคู่ไปกับจารึกไทย

juan@hotmail.com says:
งั้นก็ไม่ต้องคุยกันแล้วเรื่องนี้
ตกลงจบโทหรอครับ

tiki_ทิกิ says:
ค้นต้นคิดแห่งปรัชญา ลุ่มน้ำ ไทกริส ยูเฟติส เมโสโพเตเมีย และ ไนล์
เทียบกับ ลุ่มน้ำโขงและเจ้าพระยา
ไม่จบค่ะ จ่ายค่าเรัยนโท ให้ลูกก่อนในปีนั้น ตัวเองไปหางานทำ 
ทำงานจนกลับไปจ่าย ไม่ทัน ทั้งสองมหาวิทยาลัย

juan@hotmail.com says:
บอกแล้วว่าไม่ต้องคุยแล้วเรื่องนี้
เสียดายนะเนี่ย

tiki_ทิกิ says:
อือ คนที่เขาบ่นว่าไม่มีเงินจ่ายค่าเรียนโท เขียนมาเป็นเรื่องสั้น เขาตัวคนเดียวเขายังบ่นแทบบ้าตายนะ
เราเองเสียดายแทบแย่ เพราะกว่าจะสอบเข้า มหิดลได้น่ะ หนักเอาการ
ส่วน ศิลปากร ไม่หนักเพราะผ่านฉลุย 

juan@hotmail.com says:
ไม่มีตังแต่อยากเรียน คิดได้2แง่2ง่ามนะผมว่า
โง่กับไม่โง่ไม่มีฉลาดเลยคนพวกนี้

tiki_ทิกิ says:
เขาตัวคนเดียวเขาไม่มีทางเหรอ..
เรา จำเป็นกว่า เพราะ ลูกเราต้องเรียน เทอมละ สองหมื่นกว่า
 นะลูกคนโตสมัยนั้น ต้องจ่ายลูกก่อนแหละ

juan@hotmail.com says:
ไม่เกี่ยวกันเลย

tiki_ทิกิ says:
เราทีหลังได้นะ
อย่างไร เราก็ยังมีอาชีพรองรับหลายหนทาง
แต่ถ้าส่งลูกไม่ได้ ก็อย่ามีลุกเลยดีกว่านะ

juan@hotmail.com says:
สอนให้ลูกหากินเองได้แล้วครับ ยึดติดกับระบบสังคมไทยแบบเดิมๆก็แย่งี้แหละ

tiki_ทิกิ says:
จริงไหม
ส่งได้แค่ตรีแหละค่ะ โทให้ไปหาเอาเอง

juan@hotmail.com says:
ไข่ในหินจริงๆนะทุกวันนี้เด็กไทย

tiki_ทิกิ says:
เป็นมาแต่อดีตแล้วแหละสังคมไทยน่ะ
เด็กกัน สิบสามสิบสี่ ก็ต้องตัดหญ้า ล้างจาน เลี่ยบ

juan@hotmail.com says:
อยู่ที่คนมากว่าจะเปลี่ยนซะอย่างได้อยู่แล้ว

tiki_ทิกิ says:
เลี้ยงเด็กตามบ้านหาเงินใช้กันแล้ว

juan@hotmail.com says:
ก็นั่นสิ

tiki_ทิกิ says:
คนไทย เราเลี้ยงกันมาเป็นพระเจ้า เจ้าขุนมูลนาย แต่ตัวคุณทิกิ เองนี่ 
ถือว่า เราเคยเป็นหนี้ลูกมา ใช้เขาให้หมด เสียดีกว่า ให้ถึงทีสุดค่ะ
 แล้วเราเป้นไงก็ช่าง เด๊ยวก็ตาย
ไม่ได้เศร้านะ เขียนแบบใจแกร่งมาก
เค้าเรียกว่า ปลงวิบาก

juan@hotmail.com says:
สอนลูกให้ได้อย่างคำกล่านี้บ้างนะ

tiki_ทิกิ says:
คิดอีกอย่าง คือ เราคิดว่าเราไปทำบุญกับคนนอกบ้านน่ะ 
สู้เราทำกับคนในบ้าน อย่างให้พ่อแม่เรา ให้ลูกเรา
 ให้คู่ครองเราให้เขาเต็มที่จะได้อยู่กันสบายๆนะ
ไม่ลุกเป็นไฟให้ร้อนใจ
ชีวิตเราจะได้เย็นได้

คิดแบบเห็นแก่ตัวที่สุด

juan@hotmail.com says:
ถ้าทุกคนคิดแบบนี้ทำได้แบบนี้คนเราก็ไม่ต้องไปทำบุญแบบน่าเศร้าที่สุดอย่าง .....
ที่เห็นกันทุกๆวันนี้หรอก

tiki_ทิกิ says:
พระพุทธเจ้าท่านสอนนะ ว่าแม้นพระภิกษุสงฆ์ เลี้ยงพ่อแม่ตนยิ่งกว่าทำบุญกับพรหม
หรือทำบุญกับพระพทุธเจ้าด้วยซ้ำนะ
ท่านก็สอนสารพัดแหละ คำว่าบูชาไฟ บูชาทิศน่ะ ท่านสอนว่าอะไร 
ให้ ดูแลคนรอบข้างให้สงบเรียบร้อยค่ะ
พ่อแม่ก็เป็นไฟ ถ้าเลี้ยงไม่ดีก็เป็นไฟเผาเราทุกชาติน่ะ 
เห็นมามากแล้วพวกในบ้านตัวเองไม่สงบไปทำทานแต่นอกบ้าน ก็ล่มเสียส่วนใหญ่นะคะ
ว้า หนักอีกแล้วเรา



ไม่ได้มองอย่างใครๆหรอกว่างานนี้จะดีจะเลวเพียงใดแต่มองที่ความตั้งใจที่คิดจะทำงานมากกว่า 
ไม่เห็นเองคงไม่เชื่อหรอกว่าคนๆหนึ่งจะตั้งใจทำงานมากขนาดนี้ 
ผมว่านะกลอนไม่ได้ขึ้นอยู่กับคำว่า ไพเราะ สวย มีความหมาย กินใจอะไรเลยจริง
 ความรักที่จะตั้งใจทำกลอนออกมาจากใจต่างหากคือ กลอนที่เป็นกลอนอย่างแท้จริง      
         ตั้งใจทำงานนะครับ  
 จาก : juan  
 รหัส - วัน เวลา : 292732 - 23 มิ.ย. 47 - 09:54  


     ขอบคุณเป็นอย่างยิ่งค่ะ

ทิกิ_tiki

juan@hotmail.com says:
แถวพัตนาการครับ

tiki_ทิกิ says:
อ้าว 
แล้วไปเรียนที่ ม.กรุงเทพไปยังไงเหรอคะ ไกลดีจัง

juan@hotmail.com says:
ไกลๆสิดี

tiki_ทิกิ says:
ไปรถไฟ ลงรังสิตเหรอ
ถามจริงนะ ค่าเดินทางเพียบละสิ

juan@hotmail.com says:
ไปรถบัสมหาลัยครับ

tiki_ทิกิ says:
อ้อ ดีนะคะ ต้องจ่ายเป็นเทอมใช่ไหมคะ

juan@hotmail.com says:
ครับ
tiki_ทิกิ says:

อืม ม์ ในสามอาทิตย์ที่ผ่านมานี้นะคะ มี น้องอยู่คน ชื่อ %%%% เขาเขียนเรื่อง คว้าปืนจะยิงตัวตาย 
แล้วก็ เข้ามาแอดในคืนนั้นเลย แล้วก็ พยายามพูดเรื่องอยากตาย อยู่เรื่อย

juan@hotmail.com says:
แปลกดีนะ

tiki_ทิกิ says:
ก็พยายาม ส่งให้เขาไปอ่านเรื่อง กรรม คืนนี้นเขียนไรไว้หน่อย ก็เขียนบอกไปเรื่อยๆว่า
วิบากที่เคย ฆ่าสัตว์เล็กสัตว์น้อยไว้ ทำให้วันหนึ่งก็ฆ่าสัตว์ใหญ่ แล้วฆ่าตนเองได้ ให้เขาค่อยคิด
เม่อคืนก็ เข้ามาตอน ทุ่มสองทุ่ม คุณทิกิ ก็ไม่อยู่หน้าจอ ลืมบอกไว้ว่าไม่อยู่หน้าจอ ก็มา เปิดดู
แล้วทิ้งโน้ตไว้อีกว่า อยากตายจริงๆอีก 
โอ๊ย
กลับมา ก็ แย่เลย

juan@hotmail.com says:
แล้วตกลงคนโง่คนนั้นทำไงต่อไป

tiki_ทิกิ says:
ไม่ทราบสิคะ ก็มาเขียนอ่านกลอนไว้เรื่องนี้..
http://www.thaipoem.com/web/poemdata/poemdata_55728.php
คุณทิกิ ขักเบื่อที่ต้องจะกลายเป็นปัญหาสังคมไปเองแล้วค่ะ
อ่อ มีอยู่วัน เข้ามา ก็ส่งเรื่องนั้ให้อ่าน         
    http://www.thaipoem.com/web/poemdata.php?id=55580
ก็นึกว่าจะดีแล้วนา

juan@hotmail.com says:
ถ้าเป็นพวกก่อกวนหละ

tiki_ทิกิ says:
ไม่ใช่หรอกค่ะ วิเคราะห์ตามสภาพแม้ไม่บอกรายละเอียด อยู่สุราษฎร์ เรียน มอ สี่
ไปหยิบปืนพ่อมาจะกรอก ปาก
น่าจะมีพ่อเป็นตำรวจ หรือ ทหาร ซึ่ง สภาพอาจไม่ดีเท่าไหร่

juan@hotmail.com says:
ม.4เอง
เขาบอกป่าวครับว่าเรื่องไร

tiki_ทิกิ says:
แม่อาจมีปัญหา กับพ่อ พ่ออาจเครียด รายได้ไม่พอใช้  ฯลฯ
ไม่ค่ะ ไม่กล้าถามมากด้วย
เกรงว่า เด็กจะวนในปัญหาตัวเองมากไป

juan@hotmail.com says:
เวลานั้นต้องถามแล้ว

tiki_ทิกิ says:
พยายามดึงให้ดูสภาพมุมกว้าง
วันไหนเข้ามา จะช่วนให้คุยกับหลายคนดุนะ
แต่ส่วนใหญ่เข้ามาดึกนะคะ

juan@hotmail.com says:
พี่รู้ไรมั้ยเวลานั้นแหละที่เด็กต้องการคนอยู่ข้างเขา
ให้เขาพิม พูดเยอะแล้วมันจะดีขึ้นเอง

tiki_ทิกิ says:
อืมม์ เขาจะบ่นว่าเดี่ยวแม่เขาก็จะว่าว่าอยู่ดึก ท่าทางเพ้อฝันพอสมควร
ส่วนใหญ่จะคอยฟังเราพูดค่ะ ถ้าเราไม่พูดอะไรมาก ก็เหมือนจะบ้าๆ ไปใหญ่ล่ะ
ต้องคอยเลือกเรื่องธรรมะให้อ่านอยู่บ่อยๆ
เฮ้อ เป็นศิราณี ไปซะแล้ว

juan@hotmail.com says:
แล้วตอนนี้เขาไม่มาคุยแล้วหรอครับ

tiki_ทิกิ says:
วันนี้ยังไม่เห็นนี่ค่ะ
มาเขียนไว้เมื่อคืนตอนทุ่มสองทุ่มนั้นไง
ครอบครัว คนไทยนะ จังหวัดภาคใต้ สร้างปัญหาให้พวกเขามากนะคะ
สภาพจิตขนาดที่เขียนมา แรกๆ ยังเกรงว่า เมายาหรือไม่ แต่ถามอะไร ก็ตอบได้หมด
เลยแน่ใจว่ามีสติดี แต่เครียด
บางทีจะเครียดเพราะสภาพปัญหาสังคม ความขัดแย้ง ความเคร่งศาสนา ทั้งสองฝ่ายก็ยังได่ค่ะ

juan@hotmail.com says:
เอาเหอะนะ
เครียดเลยนะเช้านี้

juan@hotmail.com says:
ว่าไง
tiki_ทิกิ says:
ฮวน จะขอ ที่เราคุยไปลงเรื่องสั้นนะคะดีมาก แต่ตัดชื่อ  เป็น juanv@hotmail.com says:
tiki_ทิกิ says:
นะ
เพราะต้องการเขียนเรื่องนี้ถึง %%%% นะ

tiki_ทิกิ says:
juan@hotmail.com says:
แค่นี้แหละ

juan@hotmail.com says:
ครับ
tiki_ทิกิ says:
นะ อย่างน้อยก็จะช่วยให้เธอมีอาการดีขึ้น ว่ามีคนสนใจเธออยู่นะ
เดี่ยวลงแล้วจะให้อ่านค่ะ				
เช้านี้
ขอผ่านมาทางหน้าเรื่องสั้น
นำเรื่องนี้มาเขียนไว้ให้ เพราะ เป็นเรื่องที่ทิกิ จะแก้คนเดียวไม่ได้ค่ะ
ต้องขอความร่วมมือจากพี่น้องทุกคนในที่นี้  
ต้องขอความร่วมมือจากทุกคนที่บ้านของเด็กด้วย
ว่า...

            อินเตอร์เน็ต  หรือ การแช้ท กันในเอ็ม ไม่ใช่เรื่อง ไร้สาระ หรือเสียหายอันใด
เราคุยกันในแง่มุมที่จริงใจเป็นเรื่องดีต่อกัน  ก็ย่อมสามารถสื่อข้อความถึงกันแต่ในสิ่งดีดี

             ขอน้อง %%%%% ผุ้นั้น ได้มาอ่าน
ให้รู้ว่า เราทุกคน เป็นกำลังใจให้ น้อง และ ทุกคนในครอบครัวของน้อง
แม้ ทิกิ จะไม่ถามว่าคุณเป็นใคร มีปัญหามาแต่ไหน...แต่บอกได้เลยว่า

           คนที่ฉลาดทางธรรมมากๆ มา มักจะมีอาการเบื่อโลก มาแต่เด็กๆ กันเกือบทั้งนั้น


            วิเคราะห์ด้วยตนเอง และจากการคุยกับพวก ปฏิธรรมมามากๆ แต่ละราย 
ได้เห็นสภาพชีวิตพวกเขาในลักษณะเช่นนี้มามากค่ะ

 1. ถ้ายังเป็นฆราวาสอยู่ จะลุ่มๆดอนๆ ด้วยปัญหาอันมากมายมหาศาลแก้ไป วนไป 
       ผูกไปด้วยกรรมอันมากมาย (อย่างตัวเองก็เป็นอย่างหนัก)..

     วิเคราะห์ได้จุดร่วมจุดหนึ่งคือ    ในอดีตชาติ อธิษฐานธรรมขอไปนิพพานกันในชาติ นั้น ชาตินั้น
       แต่เพราะเศษวิบาก กรรม ซึ่งแต่ละคนทำไว้มากมายมหาศาล นับชาติไม่ถ้วน
        ก็ทันทีที่ ว่าจะไปนิพพาน ก็เท่ากับว่า สิ่งใดที่หาบมาต้องสละทิ้ง วางทิ้งนะ ห้ามหาบไปเป็นอันขาด หรือหมายว่า
       ต้องทิ้ง บ้านเรือน ไปเนาป่า ไปเนาธรรม ไปถือธรรม ยึดเพศ พรหมจรรย์ แต่ความที่ตนไม่ทราบ
       ไม่ปฏิบัติธรรม ให้รำลึกชาติเดิม หรือ อดีตตนได้ ก็ ข้ามพ้นข้อนี้  คือ หมดเนื้อ  หมด ตัว กันใน
        สภาพ ฆราวาสกันเป็นแถว  ด้วย ในเพศฆราวาสจะไม่อาจครองตนเจริญได้ ต้องถือธรรมตามอธิษฐาน
        จึงจะพ้นวิบาก อธิษฐานชาติไว้

         บ้าง ก็อยู่ใน สภาพมีเงินมากมายมหาศาล ไร้คู่ เพราะ ในอดีตชาติ มีอะไรก็บริจาคให้วัด ให้พระหมด
มาทุกชาติ แล้วก็ไม่ยอมจะรักใครทั้งนั้น แต่พันเอิญ  จงใจเขียนว่า พันเอิญ เพราะมันไม่บังเอิญ ด้วย คนที่อยู่
ในชาติอดีต อันเคย รักใคร่  สัญญา สาบาน กันละ เกิดต้องมาพบรักกันด้วยวิบากเดิมของตน ก็ โหมใหม่เอ้า
        ไปรัก ไปแต่งงานกันอีก ก็มี  
        ไปรัก ไปทุบตีทะเลาะวิวาทกันเช้าเย็นก็มี
         ไปรัก ถือไม้เท้ายอดทองกระบองยอดเพชรไม่ยอมพรากจากกันจนลืม คำอธิษฐานส่วนตนในศาสนาไว้ก็มี

        ไป รัก ไป ทะเลาะกัน ไป ไปพบ คู่อธิษฐานบารมี สัญญา สาบาน อีก สัก ห้าสิบ ร้อยคน ในชาติอดีตอีก เอ้า
ทำกรรมใหม่ ตามวิบากกรรมอีก ไปคบกันไป รักกันไป เป็นชุ้กันไป อนิจจัง อนิจจา บางรายถึง ฆ่ากันตายไปอีกก็มี
       
          ลองมองตนเอง ถามตนเอง ว่าเราจะไปทิศทางไหนกันในชาตินี้ ให้ดีดี เพราะมันจะเป็นเรื่องคอขาดบาดตาย
ในภพชาติพอสมควร

2.   ด้วยเคย บวชมาถือธรรมมา อย่างหนักในอดีต แต่อาจเคยผิดศีลข้อหนึ่งข้อใดขนาดหนัก ก็ร่วงธรรม ต้องมาใช้
วิบาก ผลแห่งกรรมอย่างหนักในชาตินี้ แต่ใจจะระลึกสภาวะแห่งธรรมที่ตนเคยปฏิบัติมาขนาดหนักได้เสมอ
แต่วิบาก แห่ง อกุศลกรรมบทสิบ อันตนทำไว้ อาทิ
           กาย   ฆ่า    ลักขโมย   ผิดกาเม
           วาจา  ปด  หยาบ ส่อเสียด เพ้อเจ้อ
            ใจ     อาฆาต พยาบาทปองร้าย   เห็นผิดเป็นชอบมิจฉาทิฐิ ..  ๚ 

             ก็ส่งผลให้ตนต้องรับวิบาก คือ ผลแห่งกรรม นานับประการอยู่เรื่อยๆ 
แต่เหตุที่ไม่เรียนรู้วิถีทางธรรม ก็ทำกรรมซ้ำเข้าไปหนักกว่าเดิมอีกก็มีมาก..
..ก็จะ ถูกดึงไปทางเดิมที่ตนเคยทำมาเช่น เคยฆ่ามาในอดีต..ใจก็จะมุ่งฆ่าผู้อื่น กล้าฆ่าตน อยู่เช่นนั้น


         ขออธิษฐานให้ ผลบุญอันเคยทำมาแต่ในอดีตชาติ ให้น้อง %%%%  ได้ ระลึกบุญอันเคยอยุ่ในธรรมมาในอดีตชาติ
ให้สามารถ หันมาสนใจทางธรรม แม้นว่า หนักเกินไปที่จะทุ่มไปทั้งตัว ก็ขอให้มีภาวะอันเย็นเกิดขึ้นในใจ
    ให้ลดรุ่มร้อนใจไม่คิดฆ่าตัวตาย

                    เพราะคนเรา เกิดเป็นคนได้ยากมากค่ะ เนื่องจาก เรานั้น กว่าจะเกิดมาเป็นคนได้ ต้องแย่งชิงนับแต่เชือ้อสุจิ
สเปิร์มพ่อ นับล้านๆตัว กับไข่แม่ในท้องนับล้านๆฟอง มาเป็นตัวเราได้ ก็เรียกว่าเก่งมาแต่ในท้อง ไม่ตกไปอยู่ในทาง
ชีวิตหลังความตาย อันมี 7 ทาง 

เอ้า เอาใหม่  ตายแล้วมีถนน 7 สายคอยรับ

1 สัตว์นรก  
2.เปรต อสุรกาย 
3 .สัตว์ติรัจฉาน 
4 มนุษย์ 
5.  เทวดา เทพ 
6.พรหม 
7 .ไปนิพพาน 

         เราจะไปรอภพชาติหน้าว่าเป็นอะไร จะสายไปก่อนจะได้เกิดมาเป็นมนุษย์ใหม่ อันเป็นทางสายกลางนี้กระมังคะ

เดี่ยวว่างจะมาเขียนเรื่องนี้ต่อนะคะคนดี
ทิกิ_tiki
เวลา สิบเอ็ดโมงกว่าเช้าวันพุธ 23 มิถุนายน พ.ศ.2547

น้อง~%%%% คนที่อยาก๏ ฆ่าตัวตายน่ะ อ่านหน่อย  ๚				
๏   เมื่อรากหยั่ง  ..ดินชุ่ม...คลุมราก..ต้น

ใบที่วน..สู้ลม..ก็พรมมั่น

ปรับตัวเป็น  ฝอยกระเซ็น..เส้นเล็กนั้น

เพื่อฝ่าฟัน พายุลม...อันถ่มกระเซิง...



               เปรียบประดุจ..มนุษย์เรา..ในนาวา

คลื่นลมกล้า....พายุร้าย...ร่ายสุดเหลิง

ถูกคลื่นโยน...โจนกล้า...ท้าชั้นเชิง

มิรู้หลบ...จะยืนเบิ่ง...จะบอกใคร


            ก็โยนตัวตามคลื่นลมอันพรมพร่ำ

     คลื่น และ ลม จะกระหน่ำ ..สักเพียงไหน

    ก็ก้มหน้า..งุดงุด  มุดน้ำไป

   หวังให้โผล่ขี้นใหม่...ไกลคลื่นลม


            แต่เปรียบสน ทนไสว...เห็นใบแกว่ง

รับลมแรง  รับลมแย้ง ได้ทุกหน

อยู่ที่การ...เปลี่ยนปรับ..รู้จับตน

วิวัฒนาการ..อันเลอล้น..บนค่าธรรม ๚


งานดีเหลือเกินค่ะ คุณดอกแก้วคะ


ทิกิ_tiki 
 
 จาก : รหัสสมาชิก : 4895 - tiki  
 รหัส - วัน เวลา : 292766 - 23 มิ.ย. 47 - 11:14  

ตอบคุณดอกแก้วไว้ที่
http://www.thaipoem.com/web/poemdata/poemdata_55767.php				
อืมม อยากให้น้องๆ ไปหาข้อมูลได้ที่

http://board.thaimisc.com/dokgaew

หรือ
http://www.luangta.com/salawatpa/

หรือ
 www.google.com				
"สร้างเครือข่ายแห่งความดีให้เต็มประเทศ" โดย ประเวศ วะสี

ทุนไม่ได้มีแต่เงินเท่านั้น

ความดีเป็นทุนที่ใหญ่กว่าเงิน

คงไม่มีใครปฏิเสธว่าความดีนั้นดี แต่คำถามก็คือทำอย่างไรความดีจึงจะมีพลัง ท่ามกลางพัฒนาด้วยโลภจิตและเงินเป็นใหญ่ในปัจจุบัน เรื่องนี้ไม่ยากอย่างที่คิด ถ้าเราเข้าใจความจริง 2 ประการ คือ

ทุกคนมีเมล็ดพันธุ์แห่งความดีอยู่ในหัวใจ

พลังแห่งความดีเกิดจากการเอาความเป็นมนุษย์มาเชื่อมต่อกัน

มนุษย์มีกิเลสก็จริง แต่กิเลสไม่ได้มีด้านเดียว มนุษย์มีธรรมชาติอีกด้านหนึ่งด้วยทุกคนมีเมล็ดพันธุ์แห่งความดีอยู่ในหัวใจ อย่างที่บางทีเรียกว่า เมล็ดพันธุ์แห่งโพธิ ถ้าใส่ปุ๋ยรดน้ำพรวนดินเมล็ดพันธุ์นี้ก็จะงอกและผลิตดอกออกผลแผ่ไพศาล การพัฒนาทุกวันนี้ไปใส่ปุ๋ยรดน้ำพรวดดินกิเลส ความชั่งจึงกลบความดี

ท่านเคยได้ยินเรื่องพลังนิวเคลียร์ ว่าเมื่อนิวเคลียสของสารเข้ามาเชื่อมผนึกกันที่เรียกว่า nuclear fusion จะปลดปล่อยพลังงานมหาศาลออกมา เช่นในดวงอาทิตย์เมื่อนิวเคลียสของไฮโดรเจน 2 ตัว เชื่อมผนึกกันเป็นฮีเลียม เกิดพลังงานอันมหาศาลของดวงอาทิตย์

การเชื่อมต่อ ทำให้เกิดพลังงานมหาศาล

ในทางสังคมก็เช่นเดียวกัน เมื่อใดที่เกิดการเชื่อมต่อทางสังคม หรือ social fusion จะเกิดพลังงานทางสังคม(Social emergy) อันมหาศาล

มนุษย์ถูกแยกให้ตัดขาดจากกันด้วยประการต่างๆ

แม้แต่เด็กนักเรียนก็ไม่อยากคุยกับพ่อแม่ปู่ย่าตายาย เพราะคุยแล้วมันไม่ได้คะแนน! เพราะคะแนนไปอยู่ที่การท่องวิชา นี้คือการศึกษาที่ทำให้มนุษย์ตัดขาดจากกัน เพราะไปเอา "วิชา" เป็นตัวตั้ง

มนุษย์ถูกทำให้ตัดขาดจากกันเพราะเหตุนานาประการ เช่น เพราะฐานะต่างกัน เพราะกฎระเบียบ เพราะวิชา เพราะเทคนิค เพราะธุรกิจ หมอไม่ยอมให้ญาติไปนั่งจับมือคนไข้ที่กำลังจะตาย เพราะเกะกะการใช้เทคโนโลยี เพราะให้ความสำคัญแก่เทคโนโลยีที่เหนือกว่าการที่มนุษย์จะเอาหัวใจเข้ามาเชื่อมกัน

การตัดขาดทำให้ไร้วิญญาณ

อย่างเช่นการชำแหละโคหรือสุกรออกเป็นส่วนๆ เมื่อตัดขาดเป็นส่วนๆ ก็ไร้วิญญาณ การมีวิญญาณคือการเชื่อมต่อ อย่างร่างกายของเราถ้าทุกส่วนเชื่อมต่อกัน เราก็มีชีวิตมีวิญญาณ การพัฒนาทุกวันนี้เน้นที่การตัดขาดออกจากกัน จึงวิกฤตทุกๆ ทาง

กุญแจแก้วิกฤตคือการเชื่อมต่อ

ลองมาดูตัวอย่างเรื่องการเชื่อมต่อบ้าง

ตัวอย่างที่ 1 อดีตผู้จัดการธนาคารออมสินคนหนึ่ง เมื่อธนาคารออมสินมีนโยบายให้สินเชื่อเกษตรกร เขาโกรธมาก เพราะเคยนั่งสบายอยู่ในห้องแอร์ คราวนี้ต้องออกไปพบเกษตรกรที่หัวไร่ปลายนา แต่ทำไปๆ เขาเกิดความสุขขึ้นอย่างประหลาด เพราะหัวใจของความเป็นมนุษย์ไปสัมผัสกัน เดี๋ยวนี้รายได้เขาน้อยลงแต่ความสุขเขามากขึ้น เขาไม่อยากกลับไปทำอย่างเก่า

ตัวอย่างที่ 2 เกษตรกรตำบลที่ขอนแก่นหลายคน เมื่ออาจารย์บัณฑร อ่อนดำ ถามว่าเกษตรกรในตำบลที่เขาดูแลคนไหนพึ่งตนเองได้คนไหนพึ่งไม่ได้ ตอบว่า "ผมไม่รู้ รู้แต่ว่าผมเกลียดมัน เพราะมันดื้อ"

ที่ว่าดื้อนี้คือบอกว่าให้ใช้ปุ๋ยใช้ยาฆ่าแมลงก็ไม่ค่อยจะยอมเชื่อ ปุ๋ยและยาฆ่าแมลงคือมิติทางเทคนิค เรามักเรียนกันทางเทคนิคแต่ขาดมิติแห่งความเป็นมนุษย์

เมื่ออาจารย์บัณฑรชวนไปคุยกับเกษตกร รู้จักป้าคนนั้น ลุงคนนี้ ใครอยากทำอะไร ทำไมถึงทำไม่ได้ ความรู้สึกนึกคิดก็เปลี่ยนไป กลายเป็นคนมีความสุขและงานเดิน เพราะหัวใจของความเป็นมนุษย์เข้าไปเชื่อมกัน

ตัวอย่างที่ 3 นักศึกษาธรรมศาสตร์ 40 คน อาจารย์ส่งเข้าไปอยู่กับชาวบ้านที่พะโต๊ะจังหวัดชุมพร ลึกเข้าไปในป่า อยู่บ้านละคนๆ ชาวบ้านก็ดูแลเลี้ยงดูเหมือนลูกเหมือนหลานให้กินกบกินเขียดตามประสาจน ปรากฏว่ารักชาวบ้านหมดทุกคน เรียกเขาเป็นพ่อเป็นแม่ เพราะหัวใจความเป็นมนุษย์เข้าไปเชื่อมกัน ไม่ได้ศึกษาแต่ "วิชา" เท่านั้น

ขณะนี้ ธ.ก.ส. ได้ให้ผู้จัดการสาขาทุกคนไปนอนบ้านชาวบ้านบ้านละคน และร่วมทำงานอย่างที่ชาวบ้านทำ เพื่อปลุกพลังทางปัญญาและพลังทางความดี

ตัวอย่างที่ 4 ครูชบกับคุณอัมพรที่อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา ทำมานานกว่า 20 ปี ส่งเสริมให้ชาวบ้านรวมตัวกันตั้งกลุ่มสัจจะสะสมทรัพย์ เรื่องนี้ไม่ใช่ได้แต่ทรัพย์ แต่ได้ "จิต" และได้ "สังคม" เข้ามาเชื่อมต่อกัน ชุมชนเข้มแข็งมาก เพราะการเอาจิต เอาคนหรือสังคมเข้ามาเชื่อมต่อกัน สามารถทำอะไรๆ ได้เอง และมีความสุขมาก ถ้าเอาเงินเป็นตัวตั้งมันจะไปบาดทำให้ผู้คนตัดขาดจากกัน เพราะขาดการเชื่อมต่อด้วยหัวใจความเป็นมนุษย์

พระสุบิน ปณีโต ที่จังหวัดตราด ก็กำลังส่งเสริมการเชื่อมต่อทางสังคมขยายตัวออกไปมาก ครูชบนั้นบัดนี้ตระเวนไปทั่วทุกภาคเพื่อสอนการเชื่อมต่อความเป็นมนุษย์

มีกระบวนการที่ชาวบ้านในชุมชนมารวมตัวกันทำวิจัยเรื่องชุมชนของเขาเอง ที่ อาจารย์เสรี พงศ์พิศ เรียกว่า "ประชาพิจัย" คือการวิจัยโดยประชาชน แล้วเอาผลการวิจัยมาทำแผนแม่บทชุมชน

ขณะนี้ผู้ใหญ่ โกเมศร์ ทองบุญชู ก็กำลังประสานงานเครือข่ายแผนแม่บทชุมชน 4 ภาค นี้ก็คือกระบวนการที่เอาความเป็นมนุษย์เข้ามาเชื่อมโยงกัน ซึ่งกำลังขยายตัวไปเป็นอันมาก ที่ยกตัวอย่างนี้เป็นส่วนน้อย ยังไม่ได้พูดถึงงานของปราชญ์ชาวบ้านและการพัฒนาอื่นๆ ซึ่งเป็นการเชื่อมต่อความดี งานเหล่านี้มีองค์กรสนับสนุนต่างๆ เช่น พอช. ธ.ก.ส. มูลนิธิหมู่บ้านสถาบันชุมชนท้องถิ่นพัฒนา สสส. เป็นต้น จึงเป็นไปได้ที่เครือข่ายความดีนี้จะถักทอขยายตัวออกไปอย่างกว้างขวาง

ตัวอย่างที่ 5 เมื่อวันอังคารที่ 8 มิถุนายนที่ผ่านมา ผมไปร่วมประชุมสมัชชาสุขภาพคนพิการภาคเหนือ จัดโดยมูลนิธิคนพิการไทยที่มี คุณณรงค์ ปฏิบัติสรกิจ เป็นประธาน ผมได้พบปะพูดคุยกับคนพิการมากที่สุดในชีวิต ได้เรียนรู้เรื่องที่ไม่เคยรู้และเกิดความบันดาลใจในเรื่องการเชื่อมต่อความดีเป็นอันมาก

คนพิการนั้นจิตใจสูงกว่าคนไม่พิการ เพราะเขาผ่านความทุกข์แสนสาหัสอย่างไม่รู้จะหลบหลีกจนเอาชนะมันได้ เมื่อเขาเอาชนะความทุกข์ได้ เขาจึงมีจิตใจดีอยากทำประโยชน์และอยากช่วยเหลือผู้อื่น เขามักมีความสามารถพิเศษ เช่น บางคนเก่งคอมพิวเตอร์ คนตาบอดหลายคนเต็มไปด้วยข้อมูลข่าวสารเพราะฟังมาก ที่แน่ๆ เขาสามารถเป็นที่ปรึกษาแก้ทุกข์คนอื่นได้ อาจดีกว่าครูและพระโดยทั่วไป เพราะเขาผ่านความทุกข์ยากมา

บางคนบรรลุธรรมะเอาเสียเลย เช่น คุณกำพล ทองบุญนุ่ม ที่เขียนเรื่อง "จิตสดใสแม้กายพิการ-ทุกวันนี้ผมลาออกจากความทุกข์แล้ว" คนพิการอาสาสมัครทำงานเพื่อสังคมก็มีมาก ผมเคยพบคนพิการร่วมรณรงค์ต่อต้านยาเสพติด

ในด้านองค์กร มีมูลนิธิคนพิการ สมาคมคนพิการ และเครือข่าย สวรส. มีโครงการวิจัยระบบสุขภาพคนพิการ โดยได้รับงบประมาณสนับสนุนจาก สสส. คนพิการได้ร่วมในกระบวนการยกร่าง พระราชบัญญัติสุขภาพแห่งชาติอย่างเข้มแข็ง

ถ้าไม่มองคนพิการว่าเป็นภาระ(burden)ต่อสังคม แต่

มองว่าคนพิการเป็นทุน(asset) เพื่อการพัฒนา คนพิการประมาณ 3 ล้านคนสามารถถักทอกันเป็นเครือข่ายในการทำความดีขนาดใหญ่ทีเดียว

ตัวอย่างที่ 6 เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน สปสช.(สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ) ได้จัดประชุมเครือข่ายเพื่อนมะเร็ง(Cancer support groups) ที่สวนสามพราน นี้เป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นใหม่ คือคนที่มีน้ำใจซึ่งอาจเป็นอาสาสมัคร อาจเป็นคนไข้ที่หายแล้ว หรือคนไข้ที่ยังเป็นอยู่ เจ้าหน้าที่ที่ดูแลผู้ป่วยโรคมะเร็ง ก่อตัวกันเป็นกลุ่มอาทรเพื่อนมะเร็ง พากันไปให้กำลังใจคนเป็นมะเร็ง แนะนำเรื่องอาหาร แนะนำการทำสมาธิ แนะนำกิจกรรมต่างๆ การเอาหัวใจความเป็นมนุษย์เข้ามาหากัน ทำให้เกิดความสุขมาก บางคนหายจากมะเร็ง บางคนกล่าวว่า "ฉันดีใจที่เป็นมะเร็ง" เพราะทำให้ได้เจอความสุขที่ไม่เคยเจอมาก่อนเลย ความสุขเกิดจากการที่ผู้คนมีน้ำจิตน้ำใจต่อกัน และเกิดจากการทำสมาธิ

จะเห็นได้ว่าความเจ็บไข้ได้ป่วยก็เป็นโอกาสที่ผู้คนจะเอาหัวใจของความเป็นมนุษย์เข้ามาเชื่อมโยงกัน แล้วเกิดความสุขความสร้างสรรค์เหลือหลาย ความพิการ มะเร็ง ความเจ็บไข้ได้ป่วยทุกชนิด หรือโดยรวมก็คือความทุกข์ของเพื่อนมนุษย์นั่นเอง มีอยู่ทั่วไปทุกหนทุกแห่งล้วนเป็นทุนที่มนุษย์จะมีความดีต่อกัน โอกาสที่จะสร้างเครือข่ายแห่งความดีจึงมีอยู่เต็มประเทศ

ตัวอย่างที่ 7 สปิริตแห่งการเป็นอาสาสมัครเพื่อสังคม คนบางคนเป็นอาสาสมัครเพื่อสังคมหรือเพื่อนมนุษย์ เรื่องนี้สามารถทำให้เกิดเต็มประเทศ โดยรัฐบาลมีนโยบายให้นักเรียน นักศึกษา ข้าราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจ ลูกจ้าง สามารถใช้เวลาส่วนหนึ่งไปเป็นอาสาสมัครเพื่อสังคม เช่น ไปดูแลคนแก่ เด็ก คนพิการ คนเป็นมะเร็ง คนป่วยอื่นๆ เด็กกำพร้า ฯลฯ 

เรียกว่าคนไทยทั้ง 63 ล้านคน เป็นอาสาสมัครเพื่อสังคมอย่างใดอย่างหนึ่งสังคมจะอบอุ่น ปลอดภัยและมีความสุขอย่างยิ่ง ผู้หญิงต้องเดินทางผ่านตรอกผ่านซอยที่เปลี่ยวก็มีอาสาสมัครเดินไปเป็นเพื่อน ไม่ถูกจี้ถูกข่มขืนเยี่ยงปัจจุบัน

เท่าที่ยกตัวอย่างมา จะมองภาพออกว่าคนไทยสามารถสร้างเครือข่ายแห่งความดีโดยเอาหัวใจของความเป็นมนุษย์เข้ามาเชื่อมกัน ให้ความดีเกิดขึ้นเต็มแผ่นดิน ความสุขความงามจะแผ่ไพศาลทั้งแผ่นดิน ในสมัยที่เงินเป็นใหญ่จนน่าเกลียด เต็มไปด้วยความโลภ โกรธ หลง และการเมืองเรื่องเลือกตั้งยังใช้เงินกันเป็นหมื่นล้าน สังคมไทยจะถูกนำเข้าไปสู่ความไม่เป็นธรรม ความแตกแยก และความรุนแรง ปัญหาใหญ่ๆ ยากๆ นั้นใหญ่เกินที่รัฐบาลใดๆ จะแก้ได้ คนไทยต้องลงมือทำเอง อย่าไปรอหรือเอาแต่ขอร้องให้ใครมาแก้ เขาทำไม่ได้หรอก แต่เราคนไทยทุกคนลงมือทำเองได้ อะไรที่เป็นความดีเราทำ เอาเมล็ดพันธุ์แห่งโพธิ หรือ หัวใจของความเป็นมนุษย์มาเชื่อมโยงกันเป็น เครือข่ายแห่งความดี ขยายออกไปให้เต็มประเทศ

เมื่อ เครือข่ายแห่งความดี แข็งแรง ก็จะดึงให้ทุกคนทุกฝ่าย รวมทั้งนักการเมืองด้วย เข้ามาอยู่ในตาข่ายแห่งความดี

ความดีเป็นทุนของการพัฒนาที่สำคัญที่สุด ไม่ใช่เงิน

คนไทยจงเอาหัวใจของความเป็นมนุษย์มาเชื่อมกันให้เต็มแผ่นดิน และเป็นผู้กำหนดทิศทางการพัฒนาประเทศให้อยู่บนเส้นทางของความถูกต้อง เพื่อไปพ้นจาก "โมหะ-อบายภูมิ" 

ที่มา : มติชน (22 มิ.ย.47)
 
 http://www.nrct.net/modules.php?op=modload&name=News&file=article&sid=1203&mode=thread&order=0&thold=				
comments powered by Disqus
  • Completely

    23 มิถุนายน 2547 12:43 น. - comment id 74882

    โห ... เรื่องหนักจังเลยค่ะ พี่เขียนเรื่องมีสาระมากขนาดนี้ด้วยเหรอ ... แสดงว่าต้องศึกษาพระธรรมอย่างถี่ถ้วนแล้วแน่ๆเลย เก่งจังๆ
    
    น้องคนที่คิดสั้น ... ขอให้มีกำลังใจเดินต่อไปนะคะ โลกนี้ยังมีอะไรอีกมากมายนะคะ สู้ๆต่อไปนะ ...
  • fatima

    23 มิถุนายน 2547 18:47 น. - comment id 74887

    น้องคนที่อยากฆ่าตัวตายน่ะ...
    
    เลิกคิดเถอะนะคะ  คนที่ลำบาก เจอปํญหากดดันมากกว่าเราน่ะต้องมีแน่นอนค่ะ
    
    เพราะฉะนั้นต้องอดทนเพื่อสู้กับปัญหานะคะ  อย่าหลีกเลี่ยงด้วยวิธีนี้เลย
    แล้ววันนึงที่น้องโตขึ้นจะรู้ว่า ครั้งนึงตัวเองคิดแบบนั้นไปได้ยังไง
    
    เป็นกำลังใจให้นะคะ  สู้ๆๆๆค่ะ....
  • tiki

    23 มิถุนายน 2547 21:19 น. - comment id 74889

    โห ... เรื่องหนักจังเลยค่ะ พี่เขียนเรื่องมีสาระมากขนาดนี้ด้วยเหรอ ... แสดงว่าต้องศึกษาพระธรรมอย่างถี่ถ้วนแล้วแน่ๆเลย เก่งจังๆ
    
    น้องคนที่คิดสั้น ... ขอให้มีกำลังใจเดินต่อไปนะคะ โลกนี้ยังมีอะไรอีกมากมายนะคะ สู้ๆต่อไปนะ ...  
     จาก : รหัสสมาชิก : 7116 - Completely  
     รหัส - วัน เวลา : 9837 - 23 มิ.ย. 47 - 12:43 
    
    
                การเกิดมาเป็นมนุษย์ในโลกนี้แสนยาก
              การสั่งสมบารมีแต่ละชาติ ก็แสนยาก
             การสั่งสมบุญแต่ละชาติยิ่งยากใหญ่
        หากว่าลำบาก แปลว่า ปราถนา ขันติ บารมี
    คือความอดทน
    
           แปลว่า ปราถนา วิริยะบารมี แปลว่าความเพียร 
    
    ขอบคุณ โอเล่มากค่ะ
  • tiki

    23 มิถุนายน 2547 21:21 น. - comment id 74890

    น้องคนที่อยากฆ่าตัวตายน่ะ...
    
    เลิกคิดเถอะนะคะ  คนที่ลำบาก เจอปํญหากดดันมากกว่าเราน่ะต้องมีแน่นอนค่ะ
    
    เพราะฉะนั้นต้องอดทนเพื่อสู้กับปัญหานะคะ  อย่าหลีกเลี่ยงด้วยวิธีนี้เลย
    แล้ววันนึงที่น้องโตขึ้นจะรู้ว่า ครั้งนึงตัวเองคิดแบบนั้นไปได้ยังไง
    
    เป็นกำลังใจให้นะคะ  สู้ๆๆๆค่ะ....  
     จาก : รหัสสมาชิก : 7383 - fatima  
     รหัส - วัน เวลา : 9843 - 23 มิ.ย. 47 - 18:47 
    
    
            คะ พี่ก็ขอ ให้กำลังใจเช่น fatima ด้วยเช่นกัน ตอนนี้เพิ่งกลับมาค่ะ เหนื่อยมากเลย
    
  • tiki

    25 มิถุนายน 2547 10:34 น. - comment id 74903

    "สร้างเครือข่ายแห่งความดีให้เต็มประเทศ\" โดย ประเวศ วะสี
    
    ทุนไม่ได้มีแต่เงินเท่านั้น
    
    ความดีเป็นทุนที่ใหญ่กว่าเงิน
    
    คงไม่มีใครปฏิเสธว่าความดีนั้นดี แต่คำถามก็คือทำอย่างไรความดีจึงจะมีพลัง ท่ามกลางพัฒนาด้วยโลภจิตและเงินเป็นใหญ่ในปัจจุบัน เรื่องนี้ไม่ยากอย่างที่คิด ถ้าเราเข้าใจความจริง 2 ประการ คือ
    
    ทุกคนมีเมล็ดพันธุ์แห่งความดีอยู่ในหัวใจ
    
    พลังแห่งความดีเกิดจากการเอาความเป็นมนุษย์มาเชื่อมต่อกัน
    
    มนุษย์มีกิเลสก็จริง แต่กิเลสไม่ได้มีด้านเดียว มนุษย์มีธรรมชาติอีกด้านหนึ่งด้วยทุกคนมีเมล็ดพันธุ์แห่งความดีอยู่ในหัวใจ อย่างที่บางทีเรียกว่า เมล็ดพันธุ์แห่งโพธิ ถ้าใส่ปุ๋ยรดน้ำพรวนดินเมล็ดพันธุ์นี้ก็จะงอกและผลิตดอกออกผลแผ่ไพศาล การพัฒนาทุกวันนี้ไปใส่ปุ๋ยรดน้ำพรวดดินกิเลส ความชั่งจึงกลบความดี
    
    ท่านเคยได้ยินเรื่องพลังนิวเคลียร์ ว่าเมื่อนิวเคลียสของสารเข้ามาเชื่อมผนึกกันที่เรียกว่า nuclear fusion จะปลดปล่อยพลังงานมหาศาลออกมา เช่นในดวงอาทิตย์เมื่อนิวเคลียสของไฮโดรเจน 2 ตัว เชื่อมผนึกกันเป็นฮีเลียม เกิดพลังงานอันมหาศาลของดวงอาทิตย์
    
    การเชื่อมต่อ ทำให้เกิดพลังงานมหาศาล
    
    ในทางสังคมก็เช่นเดียวกัน เมื่อใดที่เกิดการเชื่อมต่อทางสังคม หรือ social fusion จะเกิดพลังงานทางสังคม(Social emergy) อันมหาศาล
    
    มนุษย์ถูกแยกให้ตัดขาดจากกันด้วยประการต่างๆ
    
    แม้แต่เด็กนักเรียนก็ไม่อยากคุยกับพ่อแม่ปู่ย่าตายาย เพราะคุยแล้วมันไม่ได้คะแนน! เพราะคะแนนไปอยู่ที่การท่องวิชา นี้คือการศึกษาที่ทำให้มนุษย์ตัดขาดจากกัน เพราะไปเอา \"วิชา\" เป็นตัวตั้ง
    
    มนุษย์ถูกทำให้ตัดขาดจากกันเพราะเหตุนานาประการ เช่น เพราะฐานะต่างกัน เพราะกฎระเบียบ เพราะวิชา เพราะเทคนิค เพราะธุรกิจ หมอไม่ยอมให้ญาติไปนั่งจับมือคนไข้ที่กำลังจะตาย เพราะเกะกะการใช้เทคโนโลยี เพราะให้ความสำคัญแก่เทคโนโลยีที่เหนือกว่าการที่มนุษย์จะเอาหัวใจเข้ามาเชื่อมกัน
    
    การตัดขาดทำให้ไร้วิญญาณ
    
    อย่างเช่นการชำแหละโคหรือสุกรออกเป็นส่วนๆ เมื่อตัดขาดเป็นส่วนๆ ก็ไร้วิญญาณ การมีวิญญาณคือการเชื่อมต่อ อย่างร่างกายของเราถ้าทุกส่วนเชื่อมต่อกัน เราก็มีชีวิตมีวิญญาณ การพัฒนาทุกวันนี้เน้นที่การตัดขาดออกจากกัน จึงวิกฤตทุกๆ ทาง
    
    กุญแจแก้วิกฤตคือการเชื่อมต่อ
    
    ลองมาดูตัวอย่างเรื่องการเชื่อมต่อบ้าง
    
    ตัวอย่างที่ 1 อดีตผู้จัดการธนาคารออมสินคนหนึ่ง เมื่อธนาคารออมสินมีนโยบายให้สินเชื่อเกษตรกร เขาโกรธมาก เพราะเคยนั่งสบายอยู่ในห้องแอร์ คราวนี้ต้องออกไปพบเกษตรกรที่หัวไร่ปลายนา แต่ทำไปๆ เขาเกิดความสุขขึ้นอย่างประหลาด เพราะหัวใจของความเป็นมนุษย์ไปสัมผัสกัน เดี๋ยวนี้รายได้เขาน้อยลงแต่ความสุขเขามากขึ้น เขาไม่อยากกลับไปทำอย่างเก่า
    
    ตัวอย่างที่ 2 เกษตรกรตำบลที่ขอนแก่นหลายคน เมื่ออาจารย์บัณฑร อ่อนดำ ถามว่าเกษตรกรในตำบลที่เขาดูแลคนไหนพึ่งตนเองได้คนไหนพึ่งไม่ได้ ตอบว่า \"ผมไม่รู้ รู้แต่ว่าผมเกลียดมัน เพราะมันดื้อ\"
    
    ที่ว่าดื้อนี้คือบอกว่าให้ใช้ปุ๋ยใช้ยาฆ่าแมลงก็ไม่ค่อยจะยอมเชื่อ ปุ๋ยและยาฆ่าแมลงคือมิติทางเทคนิค เรามักเรียนกันทางเทคนิคแต่ขาดมิติแห่งความเป็นมนุษย์
    
    เมื่ออาจารย์บัณฑรชวนไปคุยกับเกษตกร รู้จักป้าคนนั้น ลุงคนนี้ ใครอยากทำอะไร ทำไมถึงทำไม่ได้ ความรู้สึกนึกคิดก็เปลี่ยนไป กลายเป็นคนมีความสุขและงานเดิน เพราะหัวใจของความเป็นมนุษย์เข้าไปเชื่อมกัน
    
    ตัวอย่างที่ 3 นักศึกษาธรรมศาสตร์ 40 คน อาจารย์ส่งเข้าไปอยู่กับชาวบ้านที่พะโต๊ะจังหวัดชุมพร ลึกเข้าไปในป่า อยู่บ้านละคนๆ ชาวบ้านก็ดูแลเลี้ยงดูเหมือนลูกเหมือนหลานให้กินกบกินเขียดตามประสาจน ปรากฏว่ารักชาวบ้านหมดทุกคน เรียกเขาเป็นพ่อเป็นแม่ เพราะหัวใจความเป็นมนุษย์เข้าไปเชื่อมกัน ไม่ได้ศึกษาแต่ \"วิชา\" เท่านั้น
    
    ขณะนี้ ธ.ก.ส. ได้ให้ผู้จัดการสาขาทุกคนไปนอนบ้านชาวบ้านบ้านละคน และร่วมทำงานอย่างที่ชาวบ้านทำ เพื่อปลุกพลังทางปัญญาและพลังทางความดี
    
    ตัวอย่างที่ 4 ครูชบกับคุณอัมพรที่อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา ทำมานานกว่า 20 ปี ส่งเสริมให้ชาวบ้านรวมตัวกันตั้งกลุ่มสัจจะสะสมทรัพย์ เรื่องนี้ไม่ใช่ได้แต่ทรัพย์ แต่ได้ \"จิต\" และได้ \"สังคม\" เข้ามาเชื่อมต่อกัน ชุมชนเข้มแข็งมาก เพราะการเอาจิต เอาคนหรือสังคมเข้ามาเชื่อมต่อกัน สามารถทำอะไรๆ ได้เอง และมีความสุขมาก ถ้าเอาเงินเป็นตัวตั้งมันจะไปบาดทำให้ผู้คนตัดขาดจากกัน เพราะขาดการเชื่อมต่อด้วยหัวใจความเป็นมนุษย์
    
    พระสุบิน ปณีโต ที่จังหวัดตราด ก็กำลังส่งเสริมการเชื่อมต่อทางสังคมขยายตัวออกไปมาก ครูชบนั้นบัดนี้ตระเวนไปทั่วทุกภาคเพื่อสอนการเชื่อมต่อความเป็นมนุษย์
    
    มีกระบวนการที่ชาวบ้านในชุมชนมารวมตัวกันทำวิจัยเรื่องชุมชนของเขาเอง ที่ อาจารย์เสรี พงศ์พิศ เรียกว่า \"ประชาพิจัย\" คือการวิจัยโดยประชาชน แล้วเอาผลการวิจัยมาทำแผนแม่บทชุมชน
    
    ขณะนี้ผู้ใหญ่ โกเมศร์ ทองบุญชู ก็กำลังประสานงานเครือข่ายแผนแม่บทชุมชน 4 ภาค นี้ก็คือกระบวนการที่เอาความเป็นมนุษย์เข้ามาเชื่อมโยงกัน ซึ่งกำลังขยายตัวไปเป็นอันมาก ที่ยกตัวอย่างนี้เป็นส่วนน้อย ยังไม่ได้พูดถึงงานของปราชญ์ชาวบ้านและการพัฒนาอื่นๆ ซึ่งเป็นการเชื่อมต่อความดี งานเหล่านี้มีองค์กรสนับสนุนต่างๆ เช่น พอช. ธ.ก.ส. มูลนิธิหมู่บ้านสถาบันชุมชนท้องถิ่นพัฒนา สสส. เป็นต้น จึงเป็นไปได้ที่เครือข่ายความดีนี้จะถักทอขยายตัวออกไปอย่างกว้างขวาง
    
    ตัวอย่างที่ 5 เมื่อวันอังคารที่ 8 มิถุนายนที่ผ่านมา ผมไปร่วมประชุมสมัชชาสุขภาพคนพิการภาคเหนือ จัดโดยมูลนิธิคนพิการไทยที่มี คุณณรงค์ ปฏิบัติสรกิจ เป็นประธาน ผมได้พบปะพูดคุยกับคนพิการมากที่สุดในชีวิต ได้เรียนรู้เรื่องที่ไม่เคยรู้และเกิดความบันดาลใจในเรื่องการเชื่อมต่อความดีเป็นอันมาก
    
    คนพิการนั้นจิตใจสูงกว่าคนไม่พิการ เพราะเขาผ่านความทุกข์แสนสาหัสอย่างไม่รู้จะหลบหลีกจนเอาชนะมันได้ เมื่อเขาเอาชนะความทุกข์ได้ เขาจึงมีจิตใจดีอยากทำประโยชน์และอยากช่วยเหลือผู้อื่น เขามักมีความสามารถพิเศษ เช่น บางคนเก่งคอมพิวเตอร์ คนตาบอดหลายคนเต็มไปด้วยข้อมูลข่าวสารเพราะฟังมาก ที่แน่ๆ เขาสามารถเป็นที่ปรึกษาแก้ทุกข์คนอื่นได้ อาจดีกว่าครูและพระโดยทั่วไป เพราะเขาผ่านความทุกข์ยากมา
    
    บางคนบรรลุธรรมะเอาเสียเลย เช่น คุณกำพล ทองบุญนุ่ม ที่เขียนเรื่อง \"จิตสดใสแม้กายพิการ-ทุกวันนี้ผมลาออกจากความทุกข์แล้ว\" คนพิการอาสาสมัครทำงานเพื่อสังคมก็มีมาก ผมเคยพบคนพิการร่วมรณรงค์ต่อต้านยาเสพติด
    
    ในด้านองค์กร มีมูลนิธิคนพิการ สมาคมคนพิการ และเครือข่าย สวรส. มีโครงการวิจัยระบบสุขภาพคนพิการ โดยได้รับงบประมาณสนับสนุนจาก สสส. คนพิการได้ร่วมในกระบวนการยกร่าง พระราชบัญญัติสุขภาพแห่งชาติอย่างเข้มแข็ง
    
    ถ้าไม่มองคนพิการว่าเป็นภาระ(burden)ต่อสังคม แต่
    
    มองว่าคนพิการเป็นทุน(asset) เพื่อการพัฒนา คนพิการประมาณ 3 ล้านคนสามารถถักทอกันเป็นเครือข่ายในการทำความดีขนาดใหญ่ทีเดียว
    
    ตัวอย่างที่ 6 เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน สปสช.(สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ) ได้จัดประชุมเครือข่ายเพื่อนมะเร็ง(Cancer support groups) ที่สวนสามพราน นี้เป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นใหม่ คือคนที่มีน้ำใจซึ่งอาจเป็นอาสาสมัคร อาจเป็นคนไข้ที่หายแล้ว หรือคนไข้ที่ยังเป็นอยู่ เจ้าหน้าที่ที่ดูแลผู้ป่วยโรคมะเร็ง ก่อตัวกันเป็นกลุ่มอาทรเพื่อนมะเร็ง พากันไปให้กำลังใจคนเป็นมะเร็ง แนะนำเรื่องอาหาร แนะนำการทำสมาธิ แนะนำกิจกรรมต่างๆ การเอาหัวใจความเป็นมนุษย์เข้ามาหากัน ทำให้เกิดความสุขมาก บางคนหายจากมะเร็ง บางคนกล่าวว่า \"ฉันดีใจที่เป็นมะเร็ง\" เพราะทำให้ได้เจอความสุขที่ไม่เคยเจอมาก่อนเลย ความสุขเกิดจากการที่ผู้คนมีน้ำจิตน้ำใจต่อกัน และเกิดจากการทำสมาธิ
    
    จะเห็นได้ว่าความเจ็บไข้ได้ป่วยก็เป็นโอกาสที่ผู้คนจะเอาหัวใจของความเป็นมนุษย์เข้ามาเชื่อมโยงกัน แล้วเกิดความสุขความสร้างสรรค์เหลือหลาย ความพิการ มะเร็ง ความเจ็บไข้ได้ป่วยทุกชนิด หรือโดยรวมก็คือความทุกข์ของเพื่อนมนุษย์นั่นเอง มีอยู่ทั่วไปทุกหนทุกแห่งล้วนเป็นทุนที่มนุษย์จะมีความดีต่อกัน โอกาสที่จะสร้างเครือข่ายแห่งความดีจึงมีอยู่เต็มประเทศ
    
    ตัวอย่างที่ 7 สปิริตแห่งการเป็นอาสาสมัครเพื่อสังคม คนบางคนเป็นอาสาสมัครเพื่อสังคมหรือเพื่อนมนุษย์ เรื่องนี้สามารถทำให้เกิดเต็มประเทศ โดยรัฐบาลมีนโยบายให้นักเรียน นักศึกษา ข้าราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจ ลูกจ้าง สามารถใช้เวลาส่วนหนึ่งไปเป็นอาสาสมัครเพื่อสังคม เช่น ไปดูแลคนแก่ เด็ก คนพิการ คนเป็นมะเร็ง คนป่วยอื่นๆ เด็กกำพร้า ฯลฯ 
    
    เรียกว่าคนไทยทั้ง 63 ล้านคน เป็นอาสาสมัครเพื่อสังคมอย่างใดอย่างหนึ่งสังคมจะอบอุ่น ปลอดภัยและมีความสุขอย่างยิ่ง ผู้หญิงต้องเดินทางผ่านตรอกผ่านซอยที่เปลี่ยวก็มีอาสาสมัครเดินไปเป็นเพื่อน ไม่ถูกจี้ถูกข่มขืนเยี่ยงปัจจุบัน
    
    เท่าที่ยกตัวอย่างมา จะมองภาพออกว่าคนไทยสามารถสร้างเครือข่ายแห่งความดีโดยเอาหัวใจของความเป็นมนุษย์เข้ามาเชื่อมกัน ให้ความดีเกิดขึ้นเต็มแผ่นดิน ความสุขความงามจะแผ่ไพศาลทั้งแผ่นดิน ในสมัยที่เงินเป็นใหญ่จนน่าเกลียด เต็มไปด้วยความโลภ โกรธ หลง และการเมืองเรื่องเลือกตั้งยังใช้เงินกันเป็นหมื่นล้าน สังคมไทยจะถูกนำเข้าไปสู่ความไม่เป็นธรรม ความแตกแยก และความรุนแรง ปัญหาใหญ่ๆ ยากๆ นั้นใหญ่เกินที่รัฐบาลใดๆ จะแก้ได้ คนไทยต้องลงมือทำเอง อย่าไปรอหรือเอาแต่ขอร้องให้ใครมาแก้ เขาทำไม่ได้หรอก แต่เราคนไทยทุกคนลงมือทำเองได้ อะไรที่เป็นความดีเราทำ เอาเมล็ดพันธุ์แห่งโพธิ หรือ หัวใจของความเป็นมนุษย์มาเชื่อมโยงกันเป็น เครือข่ายแห่งความดี ขยายออกไปให้เต็มประเทศ
    
    เมื่อ เครือข่ายแห่งความดี แข็งแรง ก็จะดึงให้ทุกคนทุกฝ่าย รวมทั้งนักการเมืองด้วย เข้ามาอยู่ในตาข่ายแห่งความดี
    
    ความดีเป็นทุนของการพัฒนาที่สำคัญที่สุด ไม่ใช่เงิน
    
    คนไทยจงเอาหัวใจของความเป็นมนุษย์มาเชื่อมกันให้เต็มแผ่นดิน และเป็นผู้กำหนดทิศทางการพัฒนาประเทศให้อยู่บนเส้นทางของความถูกต้อง เพื่อไปพ้นจาก \"โมหะ-อบายภูมิ\" 
    
    ที่มา : มติชน (22 มิ.ย.47)
     
     http://www.nrct.net/modules.php?op=modload&name=News&file=article&sid=1203&mode=thread&order=0&thold=0
    
    
    
       
       
    
  • ..ยาสีฟัน..

    27 มิถุนายน 2547 02:28 น. - comment id 74943

    ขอบคุณครับ...
    
    เพียงเรื่องรักที่ตระหนักฆ่าตัวตาย...
    คงจะต้องวอดวายเป็นแน่นัก..
    ขอบคุณพี่คนดีที่ผมรัก...
    ผมตระหนักฆ่าตัวตายมิดีเลย....
    
    มาอ่านแล้วนะครับ.....
  • ..ยาสีฟัน..

    27 มิถุนายน 2547 02:30 น. - comment id 74944

    อย่าคิดเลยเรื่องฆ่าตัวตายมันไม่ดีนะ....
    
    มาเป็นกำลังใจให้เพื่อนๆๆพี่ๆๆน้องๆๆที่จะฆ่าตัวตาย..ครับ...อิอิ
  • พันช์

    2 กรกฎาคม 2547 16:02 น. - comment id 75060

    การที่คนเราคิดฆ่าตัวตาย มันเป็นแค่เพียงอารมณ์ชั่ววูบเท่านั้นเอง ถ้ามันไม่ถึงที่สุด ถ้าผ่านช่วงเวลานั้นมาได้แล้วเรามองย้อนกลับไปดูตัวเราเอง ไม่มีใครอยากจะทำลายชีวิตตัวเองหรอกค่ะ  เป็นกำลังใจให้กับคนที่กำลังท้อแท้ใจอยู่นะคะ
  tiki

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน