สามีของฉัน
น้ำตา_
ฉันแต่งงานมาแล้ว 5 ปี โดยที่ก่อนแต่งงานนั้นก็ได้เป็นแฟนกันมา 11 ปี.
นับว่าเป็นเวลานานมาก 16 ปีที่รู้จักผู้ชายคนนี้.สามีของฉัน
เรารู้จักกันในชมรมดนตรีไทยที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง
เขาพยายามจะเข้ามาสมัครเรียนขิม แต่มาสมัครได้ 3 ครั้ง ห้องก็ปิดทั้ง 3 ครั้ง
มีอยู่วันหนึ่ง เขาเดินผ่านห้องชมรม ได้ยินเสียงฉันตีระนาด
เขาก็เดินเข้ามา
แว่บแรกที่เห็นเขา ฉันรู้สึกเหมือนว่าเคยรู้จักเขาที่ไหนน๊า คิดไม่ออก
สำหรับเขาก็บอกฉันว่าครั้งแรกที่เจอกัน เขารู้สึกรำคาญฉัน คิดแต่ว่า
เจอ ยัยคนนี้อีกแล้ว แต่ก็นึกไม่ออกว่าเคยเจอที่ไหน
เวลาผ่านไป จากเพื่อนร่วมชมรม ก็ได้เป็นแฟนกัน ฉันไม่ได้รักเขาเต็มหัวใจ
เพราะเคยอกหักแบบร้ายแรงมาก่อน ทำให้ขยาดกับรักแบบไม่ลืมหูลืมตา
ฉันเคยสัญญากับตัวเองว่า จะไม่เสียใจกับความรักอย่างนั้นอีกแล้ว
รักของฉันครั้งใหม่ ต้องเป็นการรักด้วยสมอง ไม่ใช่หัวใจ
ผู้ชายรักแบบนี้ได้
ทำไมฉันจะทำไม่ได้
สามีของฉันเป็นผู้ชายเคร่งขรึม ผิดกับฉันที่เป็นคนเฮฮา เขาเป็นคนที่คิด
คิด แล้วคิด อีกที ก่อนจะลงมือทำอะไรก็ตาม ดังนั้น
สิ่งที่เขาทำจะได้ผลที่ดีเสมอ
ฉันเป็นคนสะเพร่า ชอบทำของใช้แตกเสียหายประจำ เขาก็จะบ่นเล็กน้อย
แต่ก็ก้มหน้าก้มตาซ่อมจนใช้งานได้ใหม่ เรียกได้ว่าไม่เคยต้องจ้าง
ช่างซ่อมไฟฟ้า ประปา เลย
สิ่งที่ติดใจฉันตลอดเวลาก็คือ เขาแต่งงานกับฉันทำไมนะ
ตอนที่จะตัดสินใจแต่งงานกัน ฉันโดนรบเร้าจากญาติพี่น้อง
ถามกันทุกครั้งที่เจอหน้า เมื่อไหร่จะแต่งงานสักทีเรา
เคยโดนแบบนี้ไหม ถามแล้ว ถามอีก จากแค่คำถามเดิมๆ ซ้ำๆ ซากๆ
กลับกลายเป็นแรงกดดัน พ่อแม่ เริ่มถามอีก
เมื่อไหร่จะแต่งงาน เป็นแฟนกันมาตั้ง 10 กว่าปี
เอ เอาละซิ เขามีการจำกัดกันด้วยเหรอ ว่าห้ามเป็นแฟนกันเกิน 10 ปี
อายุ 28 แล้วนะ น่าจะแต่งได้แล้ว คำถามนี้ฉันก็แปลกใจว่า
อะไรเป็นตัวกำหนดให้ผู้หญิงต้องรีบแต่งงานก่อนอายุ 30
คงจะเป็นประเพณีนิยมมั้ง
เอาเถอะ อย่างน้อยคำถามเหล่านี้ ไม่ได้กล้ำกลายเขาแม้แต่น้อย
จนฉันทนไม่ไหว ถามเขาว่า เราจะแต่งงานกันไหม
เอาซิ เป็นคำตอบของเขา
หลังจากนั้น 8 เดือน เราก็แต่งงานกัน ไม่เหมือนในหนังที่เคยดูๆ มาเลย
พระเอกต้องหาวิธีขอนางเอกแต่งงาน
แต่สำหรับฉัน เหมือนกับปรึกษากันเรื่องงาน เฮ้อ ฉันเก็บความคิดว่า
เขาแต่งงานกับฉันทำไมนะ ไว้กับตัวเอง
เขาไม่เคยพูดคำหวานๆ หรือแสดงอะไรให้ฉันประทับใจเลย ฉันได้แต่คิดว่า
เขาคงแต่งกับฉัน เพราะเราเป็นแฟนกันมานาน
เพราะเขาเกรงใจพ่อแม่ฉัน
เพราะเขาหาคนอื่นไม่ได้แล้ว (หรือขี้เกียจหา แบบ เอาก็เอาวะ)
เพราะเขาคิดว่าฉันเหมาะสม ทั้งทางด้านการศึกษา และครอบครัว
เพราะ . เพราะ. เพราะ . สารพัด
แต่ในสมองฉันไม่มีเหตุผลที่ว่า เพราะเขารักฉัน ทำไมเหรอ
ฉันคิดว่าผู้หญิงส่วนใหญ่ ต่อให้รู้ทั้งรู้ว่าเขารักเรา
แต่ถ้าเขาไม่พูดออกมาก็ไม่อยากคิดเข้าข้างตัวเอง (จริงไหม)
ฉันได้แต่เก็บความสงสัยนี้ไว้มาตลอด 5 ปี
เมื่อคืนก่อน ระหว่างดูทีวี ฉันถามเขาว่า
ถ้าจะต้องให้เลือกว่าใครจะตายก่อน
คุณจะเลือกเอาใคร?
สามีฉันนิ่งเงียบสักพัก คิ้วขมวดเล็กน้อย ถามฉันว่า แล้วคุณคิดยังไง
ฉันตอบว่า ขอฉันตายก่อนแล้วกัน ฉันทนเห็นเขาเอาคุณลงโลงไม่ได้หรอก
ฉันคงอยู่คนเดียวไม่ได้ นี่คือคำตอบของฉัน
เขานั่งสักพัก แล้วก็พูดว่า ผมก็คิดเหมือนกัน
ผมว่าคุณตายก่อนแหละดีแล้ว
อ้าว!!! น้ำตาฉันเริ่มปริ่มๆ ด้วยความน้อยใจ
นี่เขาไม่รักเราจริงๆ นั่นแหละ
หูเริ่มอื้อ แล้วฉันก็ได้ยินเขาพูดว่า
ผมรู้ว่าผมจะไปตามหาคุณได้ที่ไหน
คุณน่ะ ชอบหลงทางทุกที ถ้าคุณไปแล้ว ผมต้องหาทางตามคุณจนได้แหละน่า
แล้วเราก็จะได้อยู่ด้วยกันอีกไง
เขาพูดจบด้วยรอยยิ้ม และสายตาที่เขามองฉันนั้นอบอุ่นเหลือเกิน
น้ำตาฉันไหล .
อ้าว ร้องไห้ทำไม ไม่อยากตายก่อนเหรอ
ฉันไม่ตอบ
แต่ฉันได้คำตอบที่ติดใจฉันมานานแล้วว่า เขาแต่งงานกับฉันทำไม
คืนนั้น ฉันร้องไห้เงียบๆ สามีฉันก็เงียบไม่ถามอะไรอีก
ได้แต่ลูบหัวฉันไปมา
หัวใจฉันเต็มตื้น
ไม่ต้องมีคำหวานๆ มีแต่ความเข้าใจและความผูกพันของคนสองคน
นี่ไง สามีของฉัน