โป๊ะ! . เสียงลูกโป่งสีแดงแตก ไม่กี่อึดใจเสียงร้องของฉันก็ดังขึ้น แง่แง่ฮือ แม่ซึ่งอยู่ในครัวและง่วนอยู่กับรายการอาหารของลูกค้าที่เข้ามาในร้านไม่ขาดสายเพราะมันเป็นเวลาพักกลางวันพอดี แม่ต้องรีบวางตะหลิวแล้วเข้ามาถามฉันว่า เป็นอะไรไป ร้องไห้ทำไม ลูกโป่งแตกแล้ว หนูก็จะไม่มีลูกโป่งเล่นแล้ว ฮือ.. ฉันพูดพร้อม ๆ กับเสียงสะอื้น เอาอย่างงี้ แม่จะทำให้ใหม่นะ แล้วแม่ก็คว้ากระดาษหนังสือพิมพ์ข้างตัวมาพับอย่างรวดเร็ว หนูไม่เอา มันเป็นกระดาษหนังสือพิมพ์มันไม่ใช่ลูกโป่ง มันไม่เหมือนกัน ฉันอาละวาดและตะเบ็งเสียงให้ดังกว่าเดิม จนลูกค้าต่างหันมองมาที่ฉัน ชั่วพริบตาเดียวที่แม่เป่ากระดาษแล้วมันก็กลายเป็นลูกบอลขนาดย่อม ต่างกันก็เพียงแค่มันมีลายหนังสือพิมพ์ที่ดูสวยกว่าของจริงตั้งเยอะ และวันนั้นก็เป็นวันแรกที่ฉันได้รู้ความลับว่า มีซูเปอร์ฮีโร่อยู่ในบ้านของฉัน เธอมีความสามารถพิเศษในการเสกกระดาษหนังสือพิมพ์ให้เป็นลูกโป่งได้ด้วย แต่ฉันสัญญากับตัวเองว่าจะไม่บอกความลับนี้กับใครอย่างแน่นอน เพราะถ้ามีใครมารู้เข้า แม่ก็คงจะกลายเป็นคนดังและเป็นที่รักของใครอีกหลายคน ฉันไม่ยอมหรอกเพราะแม่จะเป็นที่รักของฉันคนเดียวและฉันก็ยังอยากนอนกอดแม่ทุก ๆ คืนด้วย ๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑ ขึ้น ม. 1 แล้วนะ เสียงคนข้างบ้านตะโกนออกมาขณะที่ฉันกำลังจะขึ้นรถไปโรงเรียน วันนี้ฉันรู้สึกว่าฉันโตแล้ว ฉันเป็นผู้ใหญ่พอที่จะดูแลตัวเองได้ และเป็นวันแรกที่พ่ออนุญาติให้นั่งรถโดยสารคนเดียวภายใต้คำคัดค้านของแม่ วัยรุ่นเป็นวัยที่เพื่อนสำคัญที่สุด ฉันมีเพื่อนมากมายพวกเรามักจะทำตัวโดดเด่นในโรงเรียน ซึ่งโรงเรียนของฉันก็จะเป็นโรงเรียนประจำจังหวัดเล็ก ๆ ใครทำอะไรที่ไหนอย่างไรก็จะรู้กันหมดราวกับว่าทุก ๆ ที่มีกล้องวิดีโอวงจรปิดติดตั้งไว้เพื่อคอยจับผิดพวกเราอยู่ ซึ่งความประพฤติของพวกเราก็มักจะทำอะไรเป็นกลุ่มใหญ่ ๆ ไม่เกรงกลัวใคร กลุ่มของพวกเราจึงโด่งดังไม่น้อย พวกเรามักจะคิดกันว่าเราโตแล้วไม่ต้องการให้ใครมาบงการ และอาจารย์ฝ่ายปกครองก็คือศัตรูตัวฉกาจของพวกเราเลยทีเดียว ฉันเริ่มมีแฟนเป็นรุ่นพี่ในโรงเรียน ความรักครั้งแรกของฉันบริสุทธิ์มาก มันเป็นเรื่องของความรู้สึกล้วน ๆ ซึ่งผู้ใหญ่ไม่ได้มองอย่างนั้น ทุกคนมักจะคิดว่าเด็กม.1มีแฟนเป็นเรื่องชิงสุกก่อนห่าม ทั้ง ๆ ที่มันเป็นการคบกันด้วยความบริสุทธิ์ใจด้วยคำว่า เรารักกัน ด้วยความที่เป็นจังหวัดเล็ก ๆ ไม่ว่าจะทำอะไรทุกสายตาก็จับจ้องอยู่ วันหนึ่งฉันกลับบ้าน แม่มีสีหน้าเปลี่ยนไปจนฉันรับรู้ได้ถึงรัศมีบางอย่างที่เปล่งออกมาจากตัวเธอ มีแฟนใช่มั๊ย ฉันส่งเธอไปเรียนหนังสือ ไม่ใช่ให้ไปทำตัวแบบนี้ วูบแรกรู้สึกเหมือนน้ำเย็น ๆ มารดที่หลัง และคิดในใจว่าวันนี้คงจะเป็นจุดสิ้นสุดความรักของฉันแล้วสิ แม่อาจจะตีฉันจนตายเลยก็ได้ แต่ความดื้อรันก็เข้ามาแทนที่ และคิดว่าต้องมีใครสักคนมาบอกแม่แน่ ๆ อาจจะเป็นอาจารย์ที่มากินข้าวที่ร้านบ่อย ๆ หรืออาจจะเป็นเพื่อนคนใดคนหนึ่งก็ได้ แม่รู้มาจากไหน ใครบอก บอกมาซิใครหน้าไหนมาฟ้อง ฉันใส่อารมณ์ เลิกเดี๋ยวนี้นะ ห้ามมีแฟน นี่เป็นคำสั่งของฉัน! แม่ลุกขึ้นยืน ฉันตะโกนกลับไปอย่างไม่ลดละ ไม่! นี่มันชีวิตของหนูคนเดียว หนูจะทำอะไรแม่ก็ไม่เกี่ยว คำพูดนี้แหล่ะ เป็นอาวุธที่ฉันใช้ฆ่า ซูเปอร์ฮีโร่ ของฉันในพริบตา จากวันนั้น ฉันไม่ยอมพูดกับใครในบ้าน หลังจากเลิกเรียนพิเศษก็จะอยู่กับเพื่อน ๆ จนมืดค่ำแล้วค่อยกลับ และทุกครั้งที่ฉันเดินเข้าบ้านก็จะเห็นแม่นี่แหล่ะที่รอฉันกลับบ้านทุกวัน แต่ฉันก็ไม่เข้าใจว่าแม่จะรอฉันเพื่ออะไรในเมื่อทุกครั้งแม่จะหยิบยกคำบ่นสารพัดมาว่าโน่นว่านี่ และเช่นเดิมเราแทบจะไม่มีสื่อสารในเรื่องอื่นกันเลย เรื่องราว แฟนฉัน in my memory ก็จบไปอย่างรวดเร็ว เพราะพี่ชายที่แสนดีคนนั้นเรียนจบไปแล้ว พวกเราก็เลยห่าง ๆ กันไป แต่ก็ยังคงเป็นความรักครั้งแรกของฉันที่ยังอยู่ในความทรงจำตราบจนทุกวันนี้ ความตึงเครียดต่าง ๆ ในบ้านค่อย ๆ คลี่คลายลงเมื่อฉันโตขึ้น แต่มันก็เป็นเรื่องน่าแปลกตรงที่เมื่อฉันเริ่มเป็นผู้ใหญ่จริง ๆ ฉันก็แอบคิดถึงซูเปอร์ฮีโร่คนเก่าคนนั้นอยู่เนือง ๆ เพราะความเป็นเด็กในตัวแม่ค่อย ๆ มีมากขึ้น แม่มักจะชอบงอแง ขี้งอน น้อยใจ โดยไม่มีเหตุผล แม่ของฉันอ่อนแอทั้งกายและจิตใจลงเรื่อย ๆ จนฉันเองก็ระอาที่จะคอยเอาใจแม่แล้ว ๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑ วันที่ฉันเรียนจบ ลูกแม่โดมคนนี้ก้าวออกจากรั้วมหาวิทยาลัยด้วยความภาคภูมิใจ แต่บทเรียนของโลกภายนอกก็สอนฉันว่าชีวิตมันไม่ได้สวยงามอย่างที่คิด เพราะเศรษฐกิจฟองสบู่แตกนั้นมันทิ้งบาดแผลไว้มากมายรวมถึงบัณฑิตใหม่อย่างฉันและเพื่อนร่วมรุ่นอีกมากมาย ราวกับเคราะห์ซ้ำกรรมซัด นอกจากจะกลายเป็นบุคคลกึ่งทุพลภาพอันเนื่องมาจากตกงานแล้ว ความรักก็ไม่ราบรื่น อาการอกหัก เป็นเหมือนฟางเส้นสุดท้ายที่ฉันแบกรับความรู้สึกที่หนักอึ้งนี้ไว้ไม่ไหว อยากมีใครสักคนคอยถ่ายเทความทุกข์นั้นไปถือไว้บ้าง แต่มองไปทางไหนก็ไม่มี เพราะทุกคนก็มีภาระที่ต้องถือไว้เต็มมืออยู่แล้ว ฉันโดดเดี่ยวและอ้างว้างมาก ๆ แต่แล้วน้ำหยดแรกที่หยาดลงบนดินที่แห้งผากก็ทำให้ใจชุ่มขึ้นเป็นกอง เมื่อแม่โทรศัพท์มาจากต่างจังหวัด เป็นอะไรไปหรือเปล่าลูก แม่ถามด้วยความเป็นห่วง ไม่มีอะไรนี่แม่ แม่มีอะไรรึป่าว ถึงได้โทรมา ฉันพยายามทำน้ำเสียงให้ปกติที่สุด ไม่มีอะไรหรอก ก็แค่คิดถึง แม่ยังพูดไม่ทันจบฉันก็ร้องไห้ ร้องโฮออกมาเหมือนเขื่อนที่พังลงมาจนยับยั้งไว้ไม่อยู่ด้วยคำว่า คิดถึง ของแม่ แม่ไม่ถามอะไร ซึ่งไม่เหมือนแม่คนเดิมที่จะคอยเซ้าซี้ จู้จี้ถามโน่นถามนี่ แต่วันนี้แม่ไม่พูดอะไร เพียงแค่รอจนฉันหยุดร้อง ซึ่งเป็นการโทรศัพท์ที่นานพอดู พอฉันเริ่มควบคุมสติได้ แม่พูดเพียงแค่ว่า ไม่ไหวก็กลับบ้านนะลูก ทุกคนยังรอลูกเหมือนเดิมนะ ฉันก็เริ่มร้องไห้อีกครั้ง แต่ครั้งนี้เป็นการร้องไห้เพราะว่า ฉันรู้แล้วว่าซูเปอร์ฮีโร่คนเดิมที่ฉันคิดถึงตลอดเวลานั้นยังไม่ได้หายไปไหน คน ๆ นั่นยังอยู่ ยังอยู่ในตัวของผู้หญิงคนนี้ตลอดเวลา เพียงแค่ฉันมองไม่เห็นเท่านั้นเอง ซูเปอร์ฮีโร่ของฉันกลับมาแล้ว เธอคนนั้นก็คือแม่ของฉันเอง และฉันก็จะไม่เก็บเป็นความลับของฉันคนเดียวอีกต่อไป เพราะฉันรู้แล้วว่าไม่ว่าใครก็ไม่สามารถพรากความรักที่ฉันมีต่อเธอและความรักที่เธอมีต่อฉันไปได้ ฉันอยากตะโกนออกมาดัง ๆ โดยไม่อายใครว่า มีซูเปอร์ฮีโร่อยู่ในบ้านของฉัน เธอมีความสามารถพิเศษในการเสกกระดาษหนังสือพิมพ์ให้เป็นลูกโป่งได้ด้วย ! แล้วซูเปอร์ฮีโร่ที่อยู่ที่บ้านคุณล่ะ มีความสามารถพิเศษอะไรบ้าง ??
16 พฤษภาคม 2547 00:12 น. - comment id 74212
เขียนได้ดีค่ะ
16 พฤษภาคม 2547 00:46 น. - comment id 74213
เพิ่งเคยเอางานเขียนของตัวเองมาโพสครั้งแรก ของคุณนะคะ
17 พฤษภาคม 2547 14:48 น. - comment id 74230
คิดถึงแม่จังเลย
3 กรกฎาคม 2547 02:33 น. - comment id 75079
ดูแลตัวเองให้ดี แค่นี้ซูเปอร์ฮีโร่ของคุณก็ชื่นใจ แล้วคุณก็จะเป็นซูเปอร์ฮีโร่ของท่านด้วยเช่นกัน