กิจกรรม... สำหรับวันว่าง

sun strom


          เช้าวันเสาร์ป๊าไปรับที่ที่สถานีรถปรับอากาศเวลาตีห้า หลังจากนั้น 15 นาที ก็ขับรถถึงบ้าน นอนต่ออีก 1 ชั่วโมง ก็ตอนเช้าวันนี้มีฝนโปรยมาจากฟ้าให้อากาศมันดีขึ้นนี่นา ตื่นอีกที 6 โมงกว่านิดหน่อย ลุกขึ้นไปเปิดหน้าต่าง แหงนหน้ามองฟ้า อืมม...เรากลับหวนคิดถึงบ้านที่เราจากมา....
          ที่บ้านเรานั้นยามเช้าเรามักจะตื่นตั้งแต่เช้า และชอบที่จะเดินเล่นภายในบริเวณบ้านที่มีต้นไม้ยืนต้นขนาดใหญ่เกือบ 10 ต้น ปลูกเรียงรายกันเป็นระยะ เราชอบดูกระแตตัวน้อย ๆ วิ่งเล่นกัน ชอบดูนกหลากหลายชนิดที่คอยบินมาเกาะที่กิ่งไม้ให้เราได้ชื่นชม ชอบฟังเสียงจักจั่นที่ดังจนแสบแก้วหูเพราะมันเยอะมาก หากเราเดินผ่านใต้ต้นไม้ ก็เหมือนกับมีละอองฝนเล็ก ๆ หล่นมากระทบตัวเรา แรก ๆ เราไม่ทราบหรอกน๊ะว่ามันเป็นอะไร ป๊าบอกว่า นั่นคือฉี่ของตัวจักจั่น
          บรรยากาศแบบนี้หาไม่ได้ที่บ้านในเมืองนนท์  กว่าเราจะทำความสะอาดร่างกาย แต่งตัวเรียบร้อยก็เกือบ ๆ เจ็ดโมงเช้า รับประทานอาหารเช้าเสร็จก็กลับขึ้นไปบนห้อง เพราะระหว่างที่ทานอาหารกันนั้น ป๊าบอกว่า วันนี้เราไม่ต้องไปเป็นเพื่อนป๊า เพราะป๊าจะไปกันเองกับแม่เล็ก 2 คน เราก็เลยมีเวลาเป็นของตัวเอง ดีใจจัง เราจะไปไหนดีน๊ะ..........
          มีโอกาสแบบนี้น่าจะออกไปทานข้าวกลางวันนอกบ้านซักหน่อย ส่งข้อความหาใครคนหนึ่ง บอกเค้าว่า วันนี้เราอยู่นนท์น๊ะ บอกไปแค่นี้ เพียงเพื่อคอยการเรียกกลับ แต่สุดท้ายก็หาย ไม่มีอะไรผ่านเข้ามาทางโทรศัพท์ ตัดใจ เค้าคงไม่ว่าง ไม่เป็นไรเราคงมีโอกาสพบเค้าซักวัน หันหน้าเข้าหาตู้หนังสือ รื้อหนังสือต่าง ๆ ออกมาอ่าน ทั้งอ่านทั้งแยกหมวดหมู่ และจัดเก็บเข้าที่ใหม่ กว่าจะเสร็จก็ปาเข้าไปเที่ยง  ลงมาข้างล่างทำบะหมี่ทาน ยังอีกตั้งครึ่งวันเราจะทำอะไรดีหละ
          กดโทรศัพท์อีกครั้ง หาปะป๊า ทราบว่าตอนนี้ท่านกำลังนั่งทานอาหารกลางวันที่ร้านธิดาวรรณเพชรบุรีก็เบาใจ อีกซักพักท่านคงแวะไปที่สถานีควบคุมการส่งสัญญาณผ่านเคเบิลใต้น้ำที่ ชลี 1 หาดเจ้าสำราญ เพื่อพูดคุยกับเพื่อน ๆ ของท่าน ป๊าบอกว่าหากแม้เราไปเที่ยวถ้ามีโอกาสแวะไปดูคนทำงานที่เค้าต้องเฝ้าตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง อย่างน้อย ๆ ก็เพื่อเป็นกำลังใจให้กับบุคคลเหล่านั้น เราไม่ได้มาตรวจงาน แต่เรามาในฐานะเพื่อนของเค้า ป๊าเป็นคนมีน้ำใจสำหรับเพื่อนเสมอ
          ยามบ่าย ๆ เราลงมาข้างล่างต่อเน็ต เข้าไปคุยกับเพื่อน ๆ ได้ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็ต้องออฟไลน์ เพราะไม่สนุก ในใจเรากังวลจัง แต่ว่า...เป็นเรื่องอะไรหละ อยากจะโทรหาเค้าน๊ะ แต่เราไม่กล้า เพราะเราเคยสัญญากับเค้าไว้แล้วว่า เราจะไม่รบกวนเค้าในเวลาที่เค้าต้องใช้เวลาเหล่านั้นกับครอบครัวของเค้า อีกอย่างเราเป็นผู้หญิง ดูไม่เหมาะหากจะทำอะไรแบบนั้น ลงไปเดินเล่นหน้าบ้านได้แป๊บเราก็ต้องกลับเข้าห้องอีกครั้ง เปิดทีวีดู เลือกช่อง HBO เนื่องจากมีภาพยนตร์ให้เราได้ดูตลอด ดูหนังยังไม่จบเรื่องเราก็เบื่ออีกแล้ว กังวล.....
          ซิน๊ะเราต้องทำอะไรซักอย่างเพื่อให้ความกังวลหายไป เข้าห้องพระทำสมาธิซักหน่อยดีกว่า ตั้งนโมสามจบเสร็จแล้ว ก็อธิฐานขอพรจากหลวงพ่อ ลงมือนั่งสมาธิ  2 ชั่วโมงผ่านไป เราดีขึ้นมาก ไม่กังวลอีกแล้ว เนี่ยเป็นเพราะเราหวังมากเกินไป อะไรบ้างหละที่เป็นของเรา ไม่มีซักอย่าง หวังอะไรหละ สิ่งที่เป็นไม่ได้ตัดทิ้งเสียน๊ะ ชำเลืองมองนาฬิกาข้างผนัง 16.30 น. เราผ่านครึ่งวันบ่ายมาได้ ประเดี๋ยวไปตลาดซักหน่อย ซื้อขอมาตั้งโต๊ะสำหรับมื้อเย็นรอป๊ากับแม่เล็ก
          ใคร่ขอแทรกเรื่องนี้คั่นเรื่องปฏิบัติธรรม 5 ที่กำลังจะตามมา เนื่องด้วยในการที่จะสื่อให้เห็นปีตินั้น มันค่อนข้างละเอียด จริง ๆ แล้วเรื่องปฏิบัติธรรมตอนที่ 5 นั้นเราเขียนไว้ใกล้จะจบแล้ว แต่เราลืมแผ่นดิสไว้ที่นนท์เลยไม่มีโอกาสจะลงให้อ่าน คงต้องเรียบเรียงใหม่อีกครั้งซิน๊ะ
				
comments powered by Disqus
  • พายุ สุริยะ

    10 พฤษภาคม 2547 09:28 น. - comment id 74026

    ... กระแสจิตส่งกระแสใจให้รับรู้
        เรานั้นอยู่ห่างกันเพียงฝั่งถนน
        แต่เหมือนมีเมฆหมอกปิดบังตน
        ดูมืดมนมองไปไม่เห็นตัว
    
  • ชัยชนะ

    10 พฤษภาคม 2547 19:54 น. - comment id 74044

    เห็นเรื่องที่เขียนแล้ว พี่ยอมรับว่าน้องมัดว่างจริง ๆ 
    เพราะเห็นรายละเอียดที่เขียนมาช่างจดจำได้ละเอียดยิบ
    
    วันนี้คงยิ้มแป้นแต่เช้านะครับ
    
    บางทีการอ่านเรื่องธรรม ก็ทำให้ได้หยุดคิดพิจารณาถึงชีวิตตนเองเหมือนกันครับ 
    
    

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน