ฤทธิ์อภิญญา.........ตอนที่ 4
วสุนทรา
สองวันมานี้ ทั้ง กวิน เวคิน และทินกร ฝึกกสิณจนชำนาญ สามารถขยาย ย่อ ขนาดของกสิณให้ใหญ่ เล็ก สูง ต่ำ ได้ตามความนึกคิด และการทำกสิณของทั้งสาม สุดท้ายมีสภาพกับดวงแก้วประกายพรึก สวยสดงดงามสว่างไสว ไม่ว่า ลืมตา หลับตา ก็สามารถเห็นดวงกสิณได้ชัดเจนราวกับ มองด้วยตาเปล่า
ตอนนี้ทั้งสาม นั่งอย่างสงบเสงี่ยมภายในถ้ำต่อหน้าหลวงปู่ พระภิกษุชราเอ่ยขึ้น
ตอนนี้พวกเอ็งนั้นฝึกกสิณกองเริ่มต้นได้ดีแล้ว สำหรับกองต่อ ๆ ไม่ยาก แค่นึกก็ทำได้แล้ว แต่บางคนอย่างช้าก็ต้องฝึก 7 วัน ถึงจะได้เพิ่มกองหนึ่ง สำหรับพวกเอ็งปู่คิดว่า คงไม่กี่วันพวกเอ็งก็ฝึกได้ทุกกองหมด อย่าลืมนะจุดสำคัญของกสิณทุกกอง มันต้องไปจบตรงฌาน 4 วันนี้ปู่จะสอนวิธีอธิษฐานฤทธิ์ก่อน จากนั้นจะบอกเกี่ยวกับกสิณกองที่เหลือ
การอธิษฐานจิตให้เกิดผลตามฤทธิ์ที่ต้องการ ให้พวกเอ็งทำสมาธิเข้าฌาน 4 ก่อน ของกสิณในแต่ละกองที่พวกเอ็งฝึกมา จากนั้นออกจากฌาน 4 มาหยุดอยู่เพียงอุปจารฌาน คือ ให้มันมีอารมณ์คิดได้ ถ้าเข้าฌานลึกกว่านี้มันจะไม่มีอารมณ์คิด พอถอยจิตมาอยู่อุปจารฌาน เอ็งก็อธิษฐาน จากนั้นก็เข้าฌาน 4 ใหม่ ถอยออกมาจากฌาน 4 หยุดลงที่อุปจารฌาน แล้วอธิษฐานทับลงไปอีกครั้งหนึ่ง เป็นอันเสร็จ
กสิณทุกกองก็ใช้วิธีอธิษฐานฤทธิ์แบบนี้เหมือนกันหมด แต่อย่าลืม ที่ปู่ย้ำให้พวกเอ็งเข้าออกฌานจนคล่องก็เพราะแบบนี้ การอธิษฐานทับนี่อย่างดีต้องนึกปั๊บ สำเร็จปุ๊บ แบบนี้จึงจะเรียกว่า ชำนาญ เอาละไปทดสอบกันนอกถ้ำ
เมื่อทั้งหมดมาออกมาอยู่หน้าถ้ำ หลวงปู่หันไปทางกวิน
เอ็งทำอย่างที่ปู่บอก แล้วอธิษฐานให้ตัวเบาเหมือนลม
กวินทำตามที่หลวงปู่บอกเพียงไม่ถึงวินาที เขารู้สึกว่าร่างกายเบาโหวงเหวง ลองกระโดดขึ้น ร่างกายของเขาก็พุ่งขึ้นไปในอากาศทันที กวินดีใจจนหัวเราะดัง ๆ อย่างชอบใจ หากแต่ร่างกลับดิ่งวูบ
โอ๊ยยยย..!
เสียงครางโอดโอย ดังพร้อม ๆ กับร่างน้อยหล่นตุ๊บบนพื้น ท่าทางของกวินทุกลักทุเลยิ่ง เวคินกับทินกรถึงกับหัวเราะคิกคัก
ยังไช้ไม่ได้ อย่าดีใจจนเกิดไป ทำใจมันมันกลาง ๆ ซีวะ ควบคุมอารมณ์จิตดี ๆ เอาเอ็งไปยืนตรงนู้น
กวินมองดูที่ๆ หลวงปู่ชี้ นั่นคือ ริมหน้าผาหน้าถัดออกจากที่พวกเขายืนอยู่ไม่ไกลนัก
กวินเดินไปยังตำแหน่งที่หลงปู่บอก
โดดลงไป
ห๋าาาาหลวงปู่จะให้หลานโดดหรือเจ้าค่ะ มันสู้งสูง ถ้าโดดมีหวังหลานซี๊แหง๋แก๋แน่
กวินทำหน้าเบ้ เขามองดูพื้นเบื้องล่างแล้วหวาดเสียวจริง ๆ
หลวงปู่เดินมาอยู่ด้านข้างตอนไหนไม่รู้ ท่านพูดเสียงดัง
เอ็งจะโดด หรือไม่โดด
กวินทำท่าอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ กึ่งกล้า กึ่งกลัว หลวงปู่ก็เลยบอกว่า
เอ็งไม่โดดงั้นข้าช่วย
ไม่ทันสิ้นเสียง หลวงปู่ก็พลักเลย เวคินกับทินกรได้แต่ ตะลึงจนพูดอะไรไม่ออก
กวินรู้สึกเข้าเหยีบถูกใส่ธาตุอากาศ ไหนเลยจะมีเวลาคิดมากความ ก็ได้แต่ทำอย่างหลวงปู่บอก
ขอให้ตัวเบา ขอให้ตัวเบา
พี่เวคินดูซิ ทินกรพูดอย่างตื่นเต้น พลางชี้มือไปยังอากาศเบื้องบน
เอ็งหลับตาทำไม เจ้ากวิน
กวินได้ยินเสียงของหลวงปู่ชัด เขาค่อย ๆ ลืมตาพบว่า ตอนนี้เขายืนอยู่บนอากาศที่ว่างเปล่า เขาลองขยับตัว และกระโดดไปมา คราวนี้ไม่ตกเหมือนครั้งแรก กวินเล่นเหาะตีลังกา เลี้ยวไปเลี้ยวมา สามารถบังคับกายให้ช้าให้เร็วได้ตามใจนึก
พอก่อนโว้ย ข้ามองจนตาลายแล้ว เอ็งลงมาก่อน ข้าจะสอนให้อีกอย่าง
กวินพอนึกว่าไปที่หลวงปู่ ร่างของเขาก็พุ่งปราดมายังหลวงปู่ทันที ด้วยความเร็วสุดแสน
นอกจากเอ็งจะเหาะได้แล้ว ยังอธิษฐานเรียกลม ได้ เป็นของไม่ยาก วันนี้พอก่อน แล้วค่อยไปฝึกเล่นเองวันหลัง
ถึงตาเอ็งแล้ว เวคิน
เอ็งอธิษฐานให้มีสายน้ำพุ่งออกมาจากพื้นตรงหน้าปู่ซิ
เวคินทำตาม สายน้ำก็พุ่งออกมาจากพื้นสูงหลายวา ราวปาฏิหาริย์ แต่น้ำหาได้ถูกตัวหลวงปู่ไม่
เจ้าทินกร เอ็งเข้ามาอยู่ในรัศมีของน้ำ แล้วอธิษฐานขอให้ร่างกายไม่เปียกน้ำ
ทินกรอาศัยที่ฝึกเตโชกสิน น้ำตกลงมาใส่เขามากมาย แปลกที่ตัวเขาไม่เปียก รอบกายเขาคล้ายมีกระแสความร้อนห่อหุ้มภายนอก แต่เขาไม่รู้สึก เมื่อน้ำจะกระทบกับกายเขาพลันระเหยกลายเป็นไอจนหมดสิ้น
หลวงปู่ดูผลการฝึกของทั้งสาม ท่านจึงพูดขึ้น
พวกเอ็งถือว่าทดสอบผ่าน ขอให้ตั้งใจฝึก กองแรกนี้ปู่จะไม่สอนเพิ่มน่ะ ให้พวกเอ็งเวียนกันฝึกของแต่ละคน ปู่จะบอกกองที่เหลือก่อน
เวคิน นอกจากที่เอ็งทำวันนี้ เอ็งยังสามารถเรียกฝนได้ ทำให้ของแข็งเป็นของอ่านได้ หรือ เสกของต่าง ๆได้ ส่วนเจ้าทินกร นอกจากนี้ เอ็งสามารถทำที่มืดให้สว่างได้ ทำให้ที่เย็นจัดอบอุ่นได้ และสามารถเห็นภาพที่อยู่ไกล ๆ ได้ดุจตาทิพย์นะ เออวันหลังจะมีอาจารย์พาพวกเอ็งไปฝึกเล่นฤทธิ์อย่างที่ปู่บอก และลักษณะสิ่งแวดล้อมมันต่าง พวกเอ็งก็ต้องอาศัยกสิณที่ฝึกมานี่แหละเข้าช่วยประคับประคองธาตุของกาย
ตอนนี้ถ้ากลับไปก็ไปฝึกให้มันคล่อง ๆ ส่วนกสินกองที่เหลือปู่จะบอกวิธีฝึกนะ ส่วนการอธิษฐานฤทธิ์ปู่จะสอน ทีหลังว่ามีอานุภาพใช้ยังไง
ปฐวีกสิณ ให้พวกเอ็งไปหาดินสีอรุณ แล้วมาทำเป็นรูปวงกลม โดยทาไว้บนผ้า ขึงแล้วเพ่งจำภาพ ภาวนาว่า ปฐวีกสิณัง
นิลกสิณ เพ่งสีเขียว เพ่งดูสีเขียวจากใบไม้ก็ได้ แล้วทำเช่นเดียวกับที่ฝึกมา ใช้คำภาวนาว่า นิลกสิณัง
ปีตกสิณ เพ่งสีเหลือง ให้ภาวนาว่า ปีตกสิณัง
โลหิตกสิณ เพ่งดอกไม้สีแดงก็ได้ แล้วภาวนา โลหิตกสิณัง
โอทากสิณ เพ่งสีขาว แล้วภาวนา โอทากสิณัง
อาโลกสิณ เพ่งแสงสว่างที่ลอดมาตามกิ่งไม้ ง่ายดี แล้วภาวนา อาโลกสิณัง
ทุก ๆ กองสุดท้ายจะปรากฎดวงกสิณเหมือนกันหมด และจบลงที่ฌาน 4 วิธี ผลที่ฝึกก็เหมือนกัน ดังนั้นเมื่อพวกเอ็งคร่องกองแรก ทีเหลือก็เหมือนปอกกล้วยเข้าปาก
นอกจากคุณสมบัติที่จะได้ฤทธิ์แล้ว ก็ยังสามารถมี ทิพย์จักขุญาณ คือ สามารถเห็นในสิ่งที่ตาเนื้อมองไม่เห็น เพียงแต่กำหนดจิตเข้าฌานอย่างที่ปู่เคยบอก อธิษฐานขอให้ภาพกสิณจงหายไป ขอให้ภาพที่เอ็งอยากเห็นปรากฏขึ้นมา วิธีนี้พวกเอ็งไม่ได้ไปเอง แต่สามารถมองเห็นได้ด้วยจิตที่ที่มีความชำนาญในกสิณช่วยให้เห็นภาพขึ้นมา
ถ้าฝึกจนคล่อง ไม่ว่าจะทำกิจการงานใด ๆก็ตาม พอคิดจะรู้มันก็รู้มีภาพปรากฏชัดขึ้นมาทันที อย่างนี้ถือว่า สำเร็จ เมื่อได้ทิพย์จักขุญาณ ญาณอื่น ๆก็จะตามมาอีก ไว้ เพื่อนข้าจะมาสอนเอ็งทีหลัง ไม่ใช่หน้าที่ข้า
วันนี้คงพอแค่นี้ก่อน ไปฝึกที่ปู่สอนนะ ปู่จะไม่อยู่อีกหลายวัน ไม่ต้องมาหา แล้วกลับมาปู่จะสอนอานุภาพของกสินที่เหลือ เอ้าไปได้แล้ว
ทั้งสามกราบหลวงปู่อย่านอบน้อมก่อนจากมา
เมื่อทั้งสามเดินไปจนลับตาแล้ว ภายในถ้ำมีชายฉกรรจ์ผิวขาวผ่อง ขาวสวยเดินออกมา เขานั่งพับเพียบและกราบหลวงปู่
ข้าฝากดูแลหลานๆด้วย มันทำอะไรไม่ถูกไม่ควรก็สั่งสอนมันได้ แต่อย่าให้มันเห็นตัวนะ
ขอรับพระคุณเจ้า
ข้าต้องไปก่อน นัดกับสหายเก่าไว้ มีเรื่องคุยกันยาว
หลวงปู่กล่าวจบ พร้อมกับร่างได้หายไปราวปาฏิหาริย์
(จบตอนที่ 4 )