เราไต่ขึ้นที่สูง ทีละน้อย ความสูงที่ค่อย ๆ เพิ่ม ดูเหมือนเราไม่เปลี่ยนตำแหน่งไปมากนัก ครั้นเหลียวหลัง จึงเห็นว่า เราอยู่ห่างหุบลึกข้างล่าง เสียไกลลิบแล้ว ในขณะที่เป็นขาขึ้น ผมเห็นว่าเรายังต้องไต่ลงเป็นพัก เป็นช่วง สลับไต่ขึ้นสูงขึ้นไปอีก เพื่อให้ถึงเป้าหมายได้จริง ๆ ระหว่างพักเหนื่อยรายทาง เราแลเห็นริ้วหิน เหลี่ยมผา เต็มตา ร่องรอยกัดเซาะของสายน้ำ ทำให้หินเกิดแง่งคม สวยงามยามแลไกล ชวนหวั่นหวาดใจเมื่อต้องไต่ไปตามร่องแคบและคม สายฝนธรรมดาว่าแรง สายน้ำจากฟ้าที่ม่านหมอกรุมรมเป็นกรดกัดกร่อนแล้ว แรงกว่าอีก เราจึงได้เห็นซากชีวิตใต้ทะเลพวกหอย ที่อยู่ในเนื้อหินนับนาน เผยออกมาให้ผู้ผ่านทางแลเห็นได้ เมื่อฝนกรดนั้นกัดกร่อนเนื้อหิน จากวันเป็นเดือน จากเดือนเป็นปี นานมา ก่อนลุกขึ้นด้วยแรงกายหมายไปให้ถึงยอด ผมนึกถึงคำของเพื่อน รูปรอยที่ฝนกรดกัดกร่อนหิน ก็เหมือนบาดแผลในชีวิตของคน ย้อนมาดูก็เห็น เป็นรูปรอยอารมณ์แบบต่าง ๆ ผมคงต้องไปต่อไป แม้จะล้าเพียงใด ก็เพื่อน ๆ กวักมือเรียกอยู่ไหว ๆ โน่นแล้ว
21 เมษายน 2547 21:29 น. - comment id 73395
เก็บมาจากภู 2 หินผาเป็นร่องเป็นริ้วแหลมคม นั่นเกิดเองตามธรรมชาติ ธรรมชาติอันใด ฝนกรดกัดกร่อนอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน นานมา หินผาจึงมองเห็นเป็นริ้วแหลมคม หินผาทับซ้อนเป็นก้อนวางเรียง นั่นเกิดเองตามธรรมชาติ ธรรมชาติอันใด น้ำฝนชะล้างส่วนที่ผุ เหลือส่วนที่แกร่งทับกันอยู่ เราจึงเห็นหินก้อนใหญ่ทับซ้อนเป็นก้อนราวคนจัดวางทับกัน ไม้ใหญ่ขึ้นบนยอดภูตระหง่าน ค่อยเลื้อยรากลงเบื้องล่าง หาน้ำและแร่ธาตุเลี้ยงยอดที่อยู่สูงลิบรับแดด นั่นเกิดเองตามธรรมชาติ ธรรมชาติอันใด ธรรมชาติของชีวิตที่ต้องปรับตัวให้อยู่รอด ไม่ว่าสภาพแวดล้อมจะขัดแย้งรุนแรงหรืออ่อนโยน แล้ว หินผาที่เป็นร่องเป็นริ้วแหลมคม กับ หินผาที่ทับซ้อนเป็นก้อนเรียง และ ไม้ใหญ่ที่ขึ้นบนยอดภูตระหง่าน ที่ต่างก็ พังทลายลงมา กองอยู่กับพื้น ก่อนย้ายที่ไกลออกไปแสนไกลโดยจักรกล นั่นเกิดจากธรรมชาติด้วยไหม เกิดจากธรรมชาติอันใด อ๋อ เกิดจากธรรมชาติของคน คนคือนักทำลาย ทำลายเพื่อสร้างขึ้นมาใหม่ สร้างแล้วทำลาย ทำลายแล้วสร้าง หมุนวน .
21 เมษายน 2547 21:34 น. - comment id 73396
เก็บจากภู 3 ( นิตยสารผู้หญิง ในนาม เพีย คำปัน) เคยเห็นอีกบ้างไหม สายน้ำใสจากเทือกผา รินร่วงลงสู่หล้า ณ เบื้องล่างเย็นสยิว หนาวเยือกทรวงสะท้าน ลำธารลึกซ่อนคลื่นพลิ้ว ลมภูพัดไผ่ปลิว สะท้อนน้ำอยู่รำไร หนาวเหน็บจนเจ็บปวด รวดร้าวกว่าคราวไหน กี่กาลที่ผ่านไพร วิญญาณใครไม่จดจำ งดงามดุจความรัก ประจักษ์ในใจลึกล้ำ ใครลืมความดื่มด่ำ ธรรมชาติอันจริงแท้ ใครเฉื่อยอยู่หนหลัง ให้เธอยังถูกรังแก ภูผาผืนป่าแย่ ลำธารนั้นยิ่งรันทด น้ำร่วงจากตาไหล ใจเจ็บช้ำเหลือกำหนด ใครหนอทรยศ คดกันหลากจนยากนับ ต้นน้ำลำธารนั้น นั่นมือใครใจด้านดับ พรหมจรรย์แห่งป่าถูกพร่ายับ ใครรับรู้บ้างไหมเพื่อนไทยเอย .
21 เมษายน 2547 21:34 น. - comment id 73397
เก็บจากภู ตอนจบ เห็นหินก้อนนั้นไหม ก้อนไหน ก้อนกลมอยู่กลางผืนทราย หินนี้ใยจึงกลมราวกลึง ก็เมื่อเส้นทางเส้นหนึ่ง มิได้ไกลพอที่จะขัดขูดให้หินนี้กลมได้พอ หลายคนหยิบหินก้อนนี้ขึ้นพินิจ สีหน้าเหมือนครุ่นคิด เสร็จแล้วก็กลับวางลงไป
24 เมษายน 2547 15:01 น. - comment id 73546
ธรรมชาตืให้คุณค่าต่าง ๆ กับเรามากมาย
24 เมษายน 2547 22:39 น. - comment id 73580
ทางกายภาพด้วย ทางจิตใจด้วย ปรัชญาลึกซึ้ง ปรัชญาเมธีคิดในป่าด้วยมั้ง