มหาลัย....ที่รัก
อิเดะจัง
วันเวลาผ่านไปเหมือนโกหก มันเร็วมากจนเราเองก็ตั้งตัวไม่ทันเลยจริงๆ จบม.6มาเกือบปีแล้วซิน่ะเพื่อนๆก็คงจะไปเรียนต่อที่อื่นเหมือนกับที่เรามาเรียนต่อที่นี่ล่ะมั้ง ตอนแรกน่ะ เราก็ไม่ได้คิดที่จะมาเรียนต่อที่นี่หรอก แต่มันจับพลัดจับผลูยังไงก็ไม่รู้อ่ะ รู้ตัวเองอีกทีก็อยู่ที่นี่มาได้เกือบปีแล้ว
"เธอคิดดีแล้วเหรอที่ไปเรียนที่นั่นน่ะ ครูว่าน่ะเธอลองเอนทรานซ์อีกครั้งดีกว่าน่ะ เผื่อจะได้คะแนนดีกว่านี้" นี่คือคำพูดของอาจารย์ที่โรงเรียนเก่า เมื่อทราบว่าเราเลือกที่จะมาเรียนที่นี่มากกว่าที่จะเข้าไปเรียนในกรุงเทพฯ น่าแปลกที่อาจารย์เดือดร้อนมากมายกับการเรียนต่อของเรา ทั้งๆที่ครอบครัวเราไม่มีความเห็นใดๆกับเรื่องนี้เลย พ่อก็แค่ดีใจนิดหน่อยที่ลูกได้เรียนต่อมหาวิทยาลัย คนอื่นๆก็เฉยซะมากกว่า ซึ่งเราเองก็ไม่ได้ใส่ใจอยู่แล้ว
เราเดินทางมาที่มหาวิทยาลัยแห่งนี้คนเดียวด้วยความมาดมั่นอย่างรุนแรงว่า ใกล้แค่นี้เอง ไปเองก็ได้ ไม่จำเป็นต้องให้ใครมาส่งหรอก แต่เอาเข้าจริงๆ พอมาถึงที่นี่แล้วกลับรู้สึกเหงาอย่างไม่น่าเชื่อ รู้ซึ้งถึงความสำคัญของครอบครัวก็วันนี้เองล่ะมั้ง ร้องไห้ซะเป็นวรรคเป็นเวร อยากกลับบ้านตั้งแต่นาทีแรกที่มาถึง แต่ด้วยทิฐิที่มีอยู่อย่างเต็มเปี่ยม ทำให้เรายังหยัดยืนที่จะรียนที่นี่ต่อไป แม้จะไม่แนใจในตัวเองว่าจะอยู่ไปได้นานแค่ไหน เพราะกิตติศัพท์เรื่องหลักสูตรการเรียนการสอนแบบ 3 เทอมที่ไม่ค่อยจะเหมือนชาวบ้านชาวช่องของที่นี่มันกระฉ่อนซะเหลือเกิน สามารถสร้างความไม่มั่นใจแก่ทุกคนได้ว่า จะจบจากที่นี่ภายใน 4 ปีเหมือนคนอื่นๆเค้ารึป่าว
ที่นี่ได้รับสมญานามว่า เมืองมหาลัย นักศึกษาทุกคนต้องอยู่หอพักของมหาลัย(แต่รู้สึกว่ารุ่นหลังจากเรานี่จะไม่มีแล้วน่ะ) ในตอนแรกเราก็ไม่รู้เรื่องอะไรหรอกน่ะว่าชีวิตมหาลัยเป็นยังไง เรียนมหาลัย ก็คงเหมือนเรียน ม.ปลาย น่ะแหละ เรียนๆ เล่นๆ โดดๆ สบายๆ ตามใจตัว เดี๋ยวเดียวก็จบเองแหละ
แต่เมื่อได้มาเรียนที่นี่เข้าจริงๆ ทำให้เรารู้ซึ้งว่า ที่คิดไว้น่ะ..... ผิด!