น้ำใจ..

ขลุ่ยหยก

เมื่อเสียงเห่าของสุนัขในบ้านหลังถัดไปเงียบลง เป้ ก็ค่อยๆ รูดตัวลงจากกำแพงอย่างช้าๆ พยายามทิ้งตัวลงกับพื้นให้เงียบที่สุด แต่ก้อยังไม่วายงายหลัง ล้มลงก้อกระแทกพื้น เพราะเหยียบเอาขอบกระถางต้นไม้ใบเล็กที่ริมกำแพงบ้าน เสียงเครื่องไม้เครื่องมือที่ใส่ไว้ในกระเป๋าผ้าใบใหญ่กระทบกันดังเคล้งคลั้ง....
อู๊ย!
เป้ ร้องครางออกมาเบาๆค่อยๆเยียดตัวลุกขึ้นเมื่อแน่ใจว่ายังไม่มีใครรับรู้ถึงการมาของเขา รูปร่างผอมเกร็งในชุดแต่งกายรัดรูปสีดำทะมึน หน้าตาถูกปกปิดไว้ด้วยหมวกไอ้โม่งสีเข้มไม่แพ้กัน พร้อมกับสะพายเป้ถุงผ้าใบใหญ่ไว้ด้านหลัง การเข้าไปในบ้านคนอื่นยามวิกาลด้วยการปีนกำแพงแทนที่จะเข้าไปในปล่องไฟ ไม่ว่าใครถ้าได้เห็นก็คงจะรู้ได้ทันทีว่าเขาไม่ใช่ซานตาครอสแน่ๆ
เขาค่อยๆย่องสำรวจตัวบ้านไปรอบๆ แสงสลัวจากไฟนีออนบนเสาไฟฟ้าที่ห่างออกไปพอให้มองเห็นสิ่งต่างๆได้รางๆตัวบ้านสองชั้นที่ปิดไฟมืดหมดทั้งหลังถูกล๊อกกุญแจจากด้านในแสดงถึงการมีคนอยู่ในบ้าน แต่โรงรถที่ว่างเปล่าไม่มีรถจอด มันเป็นเช่นนี้ตลอดสามวันที่เป้เฝ้าสังเกต
เป้นั่งลงที่หน้าประตูบานหนึ่งหลังจากสำรวจอยู่นานว่าจะเข้าไปในบ้านทางไหน ประตูบานนี้คงเป็นประตูหลังบ้าน เป้ค่อยๆล้วงเอาเครื่องมือในการงัดแงะออกมาวางทีล่ะชิ้น
เขาไม่ใช่ขโมยมืออาชีพ ครั้งนี้ถือได้ว่าเป็นครั้งแรกของเขา แต่มันเป็นก็เป็นทางเลือกสุดท้ายที่เขาพอจะทำได้ในยามนี้ ก่อนหน้านี้ไม่ถึงเดือนเป้ยังทำงานเป็นคนงานในโรงงานประกอบเครื่องอิเล็กทรอนิกส์แห่งหนึ่งซึ่งต้องปิดกิจการไปเพราะประสบภาวะขาดทุนจนไม่มีเงินที่จะจ่ายค่าจ้างพนักงาน เงินเก็บเขาไม่เคยมี สมัครงานก็ไม่มีคนรับ เป้ไม่คิดจะทำร้ายเจ้าของบ้าน เขาคิดในใจว่าขอหยิบยืมไปก่อน ถ้ามีเงินขึ้นมาจะแอบเอามาวางคืนให้
เขาหยิบไขควงขึ้นมาอันหนึ่งสอดปลายเข้าไปในร่องของลูกบิดของประตู ด้ามไขควงเย็นเฉียบพอๆกับมือของเขา มันเคยเป็นอุปกรณ์คู่มือของเขาในโรงงาน เคยใช้มันขันประกอบชิ้นส่วนต่างๆเลี้ยงตัวมาหลายปี แต่คราวนี้กลับต้องใช้มันในการทำสิ่งที่ผิดต่อทั้งกฎหมายและศีลธรรม
เป้ค่อยๆงัดประตูด้วยใจระทึกหลังจากพยายามอยู่นาน ในที่สุดประตูบานนั้นก็ถูกเปิดออก เขาแทรกตัวเข้าไปอย่างเงียบเชียบแล้วจึงปิดประตูไว้อย่างเดิม กวาดสายตาไปรอบๆบริเวณชั้นล่างของบ้าน ล้วงเอาไฟฉายกระบอกจิ๋วจากในถุงผ้าออกมาถือไว้เริ่มเดินค้นหาของมีค่าที่พอจะหยิบฉวยติดไม้ติดมือออกไปแลกเปลี่ยนไปเป็นเงินได้
กว่าห้านาทีที่เขาค้นหาของมีค่าจากตามลิ้นชัก ตู้โชว์ต่างๆ แต่ก็ยังได้เพียงนาฬิกาข้อมือเรือนเล็กๆที่วางไว้หลังตู้เย็นเท่านั้น ขณะที่เขาก้มตัวลงเพื่อจะงัดลิ้นชักตู้อีกใบหนึ่งอย่างตั้งอกตั้งใจ จนลืมสังเกตถึงสิ่งต่างๆรอบข้าง ทันใดนั้นเองที่เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นท่ามกลางความมืด.....				
comments powered by Disqus
  • tiki

    4 มีนาคม 2547 19:45 น. - comment id 71432

    ชวนติดตามมากค่ะ
  • กัลปพฤกษ์

    4 มีนาคม 2547 21:36 น. - comment id 71444

    ดำเนินเรื่องได้ตื่นเต้นดีครับ
    
  • Completely

    25 พฤษภาคม 2547 13:19 น. - comment id 74374

    โห ... พี่เมศ ใช่ย่อยเหมือนกันนี่ ... รออ่านตอนต่อไปอยู่นะคะ

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน