หนังสือกับจิตใจ
RERAYA
การอ่านจึงเป็นจุดเริ่มต้นก้าวแรกก่อนที่จะเริ่มการเขียน...หนังสือมีหลายประเภทหลาก
หลายแนว ทั้งสาระบันเทิง//ไร้สาระเถิดเทิง//วิชาการ//ปรัชญา//คำคม และอีกมากมายที่ไม่อาจอ้างอิงได้หมด ฉันก็เป็นคนหนึ่งที่อ่านหนังสือได้เกือบทุกแนวแต่แนวหนึ่งที่ไม่เคยคิดจะหยิบมาอ่านแม้กระทั่งคำนำเลยก็คือ...แนวสยองขวัญ...ไม่ใช่ว่าคนเขียนไม่เก่งหรือไม่โน้มน้าวใจอะไรหรอกนะ...แต่ยอมรับว่าเป็นคนขวัญอ่อนแล้วก็คิดมาก แบบว่าจะอินไปกับหนังสือเลย...สาเหตุที่ไม่แตะหนังสือแนวนี้เพราะว่าเคยดูหนังสยองขวัญแล้วค้นพบว่า***หลังจากที่ดูจบแล้วชีวิตไม่มีความสุขเลย*** แม้จะเป็นแค่ช่วงระยะเวลาสั้นๆที่รู้สึกแบบนั้นก็ตาม แต่ก็เล่นเอาชีวิตประจำวันอยู่กับความหวาดระแวงไปเลย ก็เลยคิดว่าถ้าต้องใช้เวลาอ่านทุกตัวหนังสือก็คงจะอ่านไม่จบเล่มแน่ๆ...แต่คำโบราณท่านกล่าวไว้ว่า"ถ้าไม่ชอบสิ่งไหนจะได้เจอแบบนั้น"(คำโบราณที่ท่านสอนไว้สละสลวยกว่านี้นะคะ) ซึ่งก็ต้องยอมรับว่ามีส่วนจริงในหลายๆเรื่องเลย อย่างหนังสือเล่มหนึ่งที่เมื่ออาทิตย์ที่แล้วฉันได้กรรมสิทธิ์เป็นเจ้าของโดยถูกต้องตามกฏหมาย...พูดง่ายๆตามภาษาเราๆท่านๆก็ซื้อมานั่นแหละแต่แบบว่าชอบทำเรื่องง่ายให้ดูยากเข้าไว้น่ะ... อิอิ...หน้าปกก็เป็นผู้หญิงหน้าออกแนวญี่ปุ่นน่ารักๆยืนปล่อยผมยาวสยายใส่ชุดแซกสีขาวหราอยู่ตามชั้นหนังสือและติดอันดับหนังสือขายดี ฉันก็ไปด้อมๆมองๆ...อืม...หนังสือแนวไหนนะน่าสนใจดี...ยังไม่ทันได้เปิดอ่านคำนำหรือสำรวจจุดด่างดำ(ว่าเข้าไปน่าน) น้าก็เรียกว่า"ไปได้แล้วจ๊ะ" แต่แทนที่ขาจะก้าวตามเสียงน้าไป ทันใดนั้นมือข้างขวา(ใช้เป็นอยู่ข้างเดียว)กลับหยิบหนังสือเล่มนั้นขึ้นมาและเดินตรงไปจ่ายตังค์ที่เคาน์เตอร์เฉยเลย...ตอนนั้นก็ยังไม่รู้สึกแปลกใจอะไร สงสัยอยากจะเสียตังค์มั๊งเรา(คิดในใจ)...พอกลับมาถึงบ้านก็เริ่มสำรวจหนังสือเล่มนั้นอย่างเต็มตาสักที(ก็จ่ายตังค์ปายแย้วนิมะอ่านมะได้แล้วเรา :p ) พออ่านคำนำเท่านั้นแหละ...ปิงโก!...ก็มันเป็นแนวเขย่าขวัญสั่นประสาทที่เราน่าจะนึกเอะใจตั้งแต่เห็นหน้าปกได้แล้ว(เป็นคนอื่นก็คงรู้แต่เรามะเหมือนคนอื่น...หายากๆ) แต่นี่กลับชอบ...แต่หลังจากอ่านคำนำจบ แม้แต่หน้าปกก็ไม่อยากจะเห็นเลย...ต้องเอาหนังสืออื่นมาปิดทับไว้ ตั้งปณิธานไว้ว่าเล่มนี้ไงก็จะไม่อ่าน(ปกติจ่ายตังค์ไปแล้วต้องอ่านทุกหน้า อิอิ) ก็เดินผ่านไปผ่านมาอยู่สองสามวัน สุดท้ายก็แพ้ใจตัวเอง โดยธรรมชาติของมนุษย์ก็จะมีความอยากรู้อยากเห็นเป็นปกติวิสัยอยู่แล้ว...ไม่มีข้อยกเว้นแม้กระทั่งฉันเอง(มนุษย์เหมือนกันนะจริงๆ...อันนี้นั่งยันนอนยันได้เลย) ก็เลยเริ่มตั้งใจอ่าน ในใจก็คิดว่าเป็นไงเป็นกันคนเขาอ่านกันตั้งเยอะไม่เห็นมีข่าวหัวใจวายคาหนังสือซักคน ...พออ่านไปๆเรื่อยๆก็เหมือนตกอยู่ในภวังค์ถอนตัวไม่ขึ้น(หรือจะเพราะอิ่มก็ไม่รู้นะลุกไม่ขึ้น) ช่วงที่อ่านบรรยากาศก็แสนจะเป็นใจซะนี่ มีฝนฟ้าคะนอง ท้องฟ้ามืดครื้ม...ไม่ได้ยินเสียงรถราหรือเสียงผู้คนเลยเหมือนหลุดไปอยู่อีกมิติหนึ่ง(ปลีกวิเวก) ความรู้สึกวังเวง บอกไม่ถูก แม้จะเริ่มหวั่นๆแต่อีกใจก็หยุดอ่านไม่ได้เลยก็เลยอ่านไปๆ สักพักก็ได้ยินเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นข้างหู....กริ๊ง...กริ๊ง....กริ๊ง...แต่เสียงที่ได้ยินกลับรู้สึกเหมือนว่าก้องอยู่ไกลๆจนยากจะเอื้อมมือไปรับได้ถึง(ความจริงขี้เกียจลุกไปรับน่ะประเด็นหลัก) แต่สุดท้ายก็จำต้องวางมือจากหนังสือเล่มนั้นแล้วเดินไปรับโทรศัพท์...หลังจากนั้นก็กลับมาอ่านต่อ...เพราะอยากรู้ว่าตอนจบจะเป็นยังไงนั่นเอง...พออ่านจบก็ต้องอึ้ง...เอ่อ...คือว่า...เล่มที่กำลังอ่านอยู่เนี่ยอ่ะเป็นภาคต่อจากหนังสือเล่มแรกที่เค้าวางขายตั้งนานแล้ว...ซึ่งเราก็เดินเฉียดไปเฉียดมาอยู่นะช่วงนั้น(เริ่มลำดับเหตุการณ์) แต่ช่วงนั้นอ่าน แฮรี่ พอตเตอร์ อยู่ก็เลยไม่ปันใจให้เล่มอื่นเลย...ถึงว่าทำไมเราอ่านไปตั้งนานยังไม่ค่อยเข้าใจสักทีต้องย้อนไปอ่านหน้าแรกๆอยู่
เรื่อย...พอมาถึงหน้าสุดท้ายก็ถึงบางอ้อ...อืม...ต้องไปซื้อเล่มแรกมาอ่านก่อน...แต่เรากลับ
รู้ตอนจบซะแล้วนี่สิ...แต่อย่างน้อยหนังสือเล่มนี้ก็ทำให้เราเริ่มสนใจที่จะอ่านแนวนี้มากขึ้น
เพราะในที่สุดก็อ่านจนจบเล่มจนได้ ตอนนี้ก็อ่านเล่มแรกอยู่แปลกดีนะ อ่านเล่มสองก่อน
แล้ววกมาอ่านเล่มแรก(แหวกแนวๆ) เรื่องของเรื่องก็คือ ความไม่รู้นั่นเอง เพราะไม่ได้
สนใจจะติดตามข่าวคราว หลังจากที่อ่านจบก็ได้ข้อคิดสำหรับตัวเองมาข้อหนึ่งก็คือ การ
พยายามเอาชนะความกลัวน่ะยากแต่เมื่อผ่านช่วงเวลาเหล่านั้นมาได้แล้วเราก็จะรู้สึก
มั่นใจที่จะเผชิญหน้ากับความกลัวในอีกหลากหลายรูปแบบที่รอเราอยู่ข้างหน้าได้อย่างมั่นคง
......................................................................................................................
***รู้สึกจะยังไม่ได้บอกชื่อหนังสือสินะ ว่าจะไปเก็บค่าโฆษณาก่อน :p (ลีลา1)แต่คิดว่า
เพื่อนๆหลายคนคงพอรู้ว่าเรื่องอะไรหลังจากที่อ่านจบแล้ว....จาเฉลยดีมั๊ยนะ(ลีลา2)...หรือ
ว่ายังไม่บอก(ลีลา3)...แต่บอกดีกว่า(หมดท่าเลย)...เล่มแรก ชื่อ ...ริง...คำสาปมรณะ...
เล่มที่สองที่เราเพิ่งอ่านจบไปแหมบๆ(ยังอกสั่นขวัญแขวนอยู่เลย...ว่าจะไปหาไม้มาสอยซัก
หน่อย)ชื่อ...สไปรัล... ถ้าใครยังไม่ได้อ่านขอแนะนำหนังสือทั้งสองเล่มนี้นะคะ หาซื้อได้ตามร้านหนังสือทั่วไปค่ะ***