กระดังงา
ธีรนันท์
กระดังงา
[ 06.00 น.]
ลมฤดูฝนพัดเฉื่อยฉิว โบกยอดกระดังงาซึ่งพึ่งแตกยอด ปลิวไสว ดอกกระดังงาสีเหลืองเข้ม เราร่วมกันปลูกมัน แต่ฉันดูแลมันเพียงผู้เดียว ดอกกระดังงาไม่ต้องการคนดูแล ฉันเช่นกัน ฉันเข้มแข็ง
ฟ้าสีเงิน เมฆสีขาว ความเหงา คนเหงา
`หากความฝันสามารถไขว่คว้ามาได้ง่าย ๆ ก็คงไม่มีความจริงใด ๆ ในโลกเหลืออยู่แล้ว`
วันนี้ฉันต้องทำอะไรตามใจตัวเองเสียบ้าง หลังจากที่ต้องตามใจคนอื่นมานานแสนนาน นานหลายปีแล้ว ตั้งแต่ย่างเข้าสู่วัยวันที่ธรรมชาติสร้างให้มีความต้องการความอบอุ่นทางธรรมชาติ ปีนี้ฉันอายุ 18 แล้วสิ่นะ ถึงเวลาแล้ว
ดอกกระดังงาสีเหลืองเข้ม มือสีขาว ดอกระดังงาบนฝ่ามือสีขาว ความสวยงามของดอกกระดังงาบนฝ่ามือสีขาว สายตาที่คร่ำโลกจับจ้อง ความรู้สึกของการหยุดนิ่งแห่งสรรพสิ่ง ลมจากปากกระทบดอกกระดังงา ดอกกระดังงาขยับเพียงอึดใจก็หยุดนิ่ง
ดอกกระดังงา กระดังงาแตกยอด ฉันบนม้านั่งไม้ บ้านไม้หลังเก่า ความรู้สึกที่เคยมีเรา `เขาบอกให้ฉันใจกว้าง ยอมรับสิ่งที่เขาทำ รับให้ได้ ถ้ารับไม่ได้ ก็ช่วยไม่ได้` ฉันโตแล้ว ฉันรู้ว่าสิ่งใดควร ไม่ควร ฉันเดินจากเขามาโดยที่ไม่เหลียวหน้าไปมอง
เช้านี้ไร้เสียงโทรศัพท์ เขาโทรมาปลุกฉันทุกวัน วันนี้ฉันลุกขึ้นได้ด้วยตัวฉันเอง ฉันภุมิใจ
[ 09.00 น.]
ฉันพาตัวเองออกจากบ้านเดินเตร่ตามริมฟุตบาท สองข้างทางมีร้านอาหารเคลื่อนที่เต็มไปหมด แทบไม่มีที่จะให้วางเท้าก้าวไป อาหารอิสาน ส้มตำ ข้าวเหนียว ไก่ย่าง อาหารไทย ต้มยำปลา ปลาดุกลุยสวน ปลาเก๋า [อาหารจีน ฝรั่ง อิตาเลี่ยน แขก] ไม่มีที่นี่ วันนี้ฉันจะตามใจตัวเอง`
เมื่อวานมีเขาเคียงคู่ เมื่อคืนฉันปล่อยตัวเองให้เมามาย ฉันสัญญากับตัวเอง `ฉันขอเสียใจเพียงค่ำคืนเดียว` `พรุ่งนี้ฉันจะแข็งแกร่ง`
ฉันเลือกร้านอาหารอิสาน ข้าวเหนียว ตำถั่วฝักยาว ไก่ย่าง เปิบเข้าปาก รสชาติแปลกลิ้น ให้ความรู้สึกซู่ซ่า `ชีวิตฉันควรจะเป็นเช่นนี้` เป็นครั้งแรกที่ฉันกินเมื่อก่อนฉันเคยรังเกียจ เพราะคิดว่าคนอิสานสกปรก เวลานี้ฉันมองโลกอย่างที่มันควรจะเป็น อะไรที่กินได้ฉันกิน อะไรที่กินไม่ได้ฉันก็พยายามจะทำให้มันกินได้
`พี่สาวอร่อยอ่ะ เอามาอีกจาน ตำถั่วอ่ะ ข้าวเหนียวจานด้วย`
สายตาหญิงชายหลายคู่จ้องมองฉันด้วยอาการขบขัน ปนเอ็นดู เขาคงไม่เคยเห็นคนไทยกินอาหารอิสาน ฉันชอบจังเลยสายตาเช่นนี้ ต่างกับสายตาลึกลับคู่นั้น `ไม่เอาน่าอย่าไปนึกถึงเขา เข้าใจไหม มันจบตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว`
[ 13.00 น. ]
ฉันกระโดดขึ้นรถเมล์ ที่แน่นขนัด อากาศร้อนอบอ้าว แต่ฉันไม่สนใจ มีที่ว่าง 3 ที่ แต่ฉันเลือกที่จะยืน ยืนหันหน้าไปทางคนขับรถ ฉันยิ้มให้เขาทางกระจกรถ เขายิ้มตอบ รถเมล์วิ่งด้วยความเร็ว 1 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เพราะรถราในกรุงเทพไม่เอื้ออำนวย ฉันไม่อนาทรหรอก กระเป๋ารถเมล์เป็นชายวัยกลางคน เสื้อสีเขียว กางเกงดำ กระบอกตั๋ว `ก๊อบแก๊บ ก๊อบแก๊บ`ดังตลอดเวลา ฉันยื่นเหรียญห้าบาทให้เขาบอกไม่ต้องทอน เขามองหน้า ฉันยิ้มจริงใจ เขาทอนให้ บาทห้าสิบสตางค์ ฉันรับมาแล้วยัดไว้ที่กระเป๋ากางเกงเขา `ขอโทษนะคะ ได้ค่าแรงเท่าไร`
`160 บาทต่อวัน แล้วได้เปอร์เซนต์อีกร้อยละเจ็ดครับ`
`ลำบากน่าดูนะคะ`
`ก็ต้องทนครับ เรามันคนจน`
ฉันชอบจังเลยกับคำว่า `ทน` ที่ออกจากปากเขา มันให้ความรู้สึกแตกต่างจากคำคำเดียวกันที่ออกจากปากนายกรัฐมนตรีหลายคนที่ออกมาประกาศนโยบายให้ประชาชนอดทนต่อเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ แต่ตัวเองก็พยายามที่จะกอบโกยเพื่อหลีกเลี่ยงกับคำคำนี้ รถเมล์สุดสาย ฉันหลงทาง
ฉันเดินดิ่งไปสู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งใกล้กับป้ายรถเมล์ที่ฉันลงไม่ไกลนัก
[16.30 น.]
ร้านกาแฟริมแม่น้ำ กอผักตบชวาลอย ล่องเข้าหาฝั่งยามเมื่อเรือแล่นผ่าน ขยะจำพวกถุงพลาสติก โฟม เกาะกับผักตบชวา หรือว่ามันต้องการที่พึ่ง หรือว่าฉันต้องการที่ยึดเหนี่ยว ฉันถึงต้องมาที่นี่
กาแฟดำ แม่น้ำ ฟ้าโศรก คนเศร้า อารมณ์เหงา
` โธ่เอ๋ย ความเข้มแข็ง เจ้าหลอมละลายไปกับสายน้ำหรือไร อย่าให้ความเหงามันเข้าปกคลุมจิตใจสิ่ เคยได้ยินไหมที่เขาพูดกันว่า "อารมณ์เหงาทำให้เกิดอารมณ์อย่างอื่นตามมามากมายนับไม่ถ้วน ทั้งดีและไม่ดี ส่วนมากจะไม่ดี" เข้มแข็งเข้าไว้ อย่าให้ใครเขาดูถูกได้ `
ฉันนั่งละเลียดกาแฟดำ นั่งมองผักตบชวาพัดไปมาระหว่างที่เรือเร็วแล่นผ่าน ลอยล่องอย่างไร้หลักแหล่ง บางกอเกาะกันเป็นกลุ่มก้อน ถุงพลาสติถุงหนึ่งติดอยู่ที่กลุ่มผักตบชวา ให้ความรู้สึกแปลกประหลาด แม้แต่สิ่งมีชีวิตจำพวกพืชก็ยังมีการแบ่งแยกชนชั้นวรรณะอย่างเห็นได้ชัด คนรวย คนจน คนดี คนเลว สังคมตราเขาให้เป็น หรือว่าเขาอยากเป็นโดยสันดาน หรือว่าสื่อเป็นเครื่องสนับสนุนให้เขาอยากเป็น บางครั้งในระหว่างเช้าก่อนไปทำงาน ฉันนั่งละเลียดกาแฟดำพร้อมกับอ่านหนังสือพิมพ์ การฆาตกรรมบางอย่างก็เกิดจากการที่สื่อหนังสือพิมพ์นั่นแหละมาสนับสนุนความคิดของเขาที่เกิดขึ้นอยู่แล้วแต่ยังไม่แน่ใจเมื่อเห็นคนอื่นทำก่อนทำให้ เขาเกิดความคิดอย่างแรงกล้ามากขึ้น อารมณ์เศร้าโศก กลายเป็น ความเคียดแค้น เพราะเขาไม่รู้จะหาวิธีแก้ไขอย่างไร เขาไม่ได้ถูกปลูกฝังให้รู้จักวิธีการเผชิญหน้ากับปัญหาอย่างท้าทาย แต่โดยมากมักจะกระทำการอย่างใดอย่างหนึ่งที่รุนแรงเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหานั้น ฉันไม่ทำอย่างนั้นแน่ ฉันมีวิธีการของฉันเอง เอาเถอะน่าถึงเวลาก่อนเถอะแล้วจะได้รู้กัน อีตาบ้า
ความมืดมิดโรยตัว ฉันอยู่กับตัวเองมานานพอแล้ว หลังจากที่เรียกบริกรเก็บค่าใช้บริการเรียบร้อยแล้ว ฉันลุกขึ้น มองไปสู่แม่น้ำอีกครั้ง กอผักตบชวายังคงลอยฟ่อง
[19.00 น. ]
ฉันเลือกเรียกรถเท็กซี่ เพราะกลับบ้านไม่ถูก เปิดประตูถามคนขับบอกจุดหมาย คนขับยิ้ม ฉันยิ้มเขิน ๆ รถเลี้ยวซ้ายเข้าตรอกข้างหน้าประมาณห้าสิบเมตร เลี้ยวขวาเข้าซอยอีกซอยหนึ่ง ถึงแล้วเหรอนี่ 35 บาทยังไม่กระดิกเลย
`ไม่รู้จริง ๆ ค่ะว่ามันอยู่ใกล้แค่นี้เอง`
`ไม่เป็นไรคับ เราคนไทยด้วยกันต้องช่วยเหลือกัน`
แล้วรถเมล์พาเราอ้อมมาตั้งแต่เมื่อไรอ่ะ ไม่เข้าใจ ฉันต้องท่องกรุงเทพให้ละเอียดกว่านี้แล้ว ฉันจมปลักกับความรู้สึกบ้า ๆ นี้มาตั้งนานเพิ่งรู้ว่ามีสิ่งที่เราควรจะรู้ที่เรายังไม่รู้อีกมากมาย เอาล่ะวันนี้ฉันเข้มแข็ง พรุ่งนี้ฉันจะอดทนไม่ให้ความอ่อนแอเข้าแทนที่ความเข้มแข็งที่เป็นอยู่ขณะนี้
[ 19.15 น. ]
หลอดนีออนบนเสาไฟฟ้าทางเข้าบ้านส่องแสงสลัวเลือน ดอกกระดังงา ร่วงหล่นบนพื้นดินสีเทาซีด ฉันหยิบมันขึ้นมา ประกบมือสองข้างขยี้ดอกกระดังงา แบมือสองข้างออก สูดเอากลิ่นของมันเข้าไป ชื่นใจจังเลย เมื่อก่อนฉันไม่ชอบกลิ่นของมัน ขณะนี้ฉันชอบมันและทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่รอบตัวฉัน แม้กระทั่งความรู้สึกที่ฉันเกลียดที่สุดฉันก็ยังชอบมัน..ฉันชอบบรรยากาศ และอารมณ์ในขณะนี้จัง
** `กระดังงา` เขายืนรอฉันอยู่หน้าบ้านพร้อมดอกกระดังงาในมือที่แข็งแรง เขาประคองมือทั้งสองที่มีดอกกระดังงาสดใหม่เพิ่งเก็บจากต้น ยกขึ้นสูดดม
ขาฉันแข็งทื่อ ไม่มีเรี่ยวแรงแม้จะก้าวต่อไป กำแพงแห่งความดื้อรั้นทลายลง ฉันฟุบลงกับพื้น ดอกกระดังงาตกอยู่ที่พื้นสีเทาซีดข้างตัว ฉันพ่ายแพ้ใจตัวเองครั้งที่ร้อยแปดสิบ ทำไมฉันต้องชื่อ กระดังงา