แสงอาทิตย์สุดท้ายของวัน
maruko_sos
เป็นอีกวันหนึ่งที่แสนเหนื่อย ฉันเดินขึ้นสะพานลอยใจเต้นตุบ โชคดีที่ยังไม่มืดมากเท่าไรจึงต้องเร่งก้าวขึ้นบันได สะพานลอยในเมืองหลวงกำลังอยู่ในช่วงเวลาอันน่ากลัว โดยเฉพาะกับผู้หญิง แต่เมื่อเห็นแสงไฟสีส้มของรถราบนถนน จากที่สูงตรงนี้ สามารถมองไปได้ไกล ฉันพยายามมองไปสุดถนน มองไปให้ไกลที่สุด เผื่อบางที สายตาอาจพาให้หลุดจากโลกตรงนี้ไปได้ โลกอันวุ่นวายที่อาศัยอยู่ ฉันมองไป รถแล่นเร็ว แสงไฟเดินทาง รถหลายคัน ลำแสงไฟหลายอัน ส่องตามกันมา รถหลายคัน แสงไฟหลายอัน ต่อผ่านเป็นทอดๆ เมื่อฉันกระพริบตา ดึงตัวเองออกมาจากจินตนาการ รีบเดินไปอีกฝั่งหนึ่งของสะพานลอย แล้วก้าวลงบันไดด้วยความเร็วพอๆกับตอนขึ้น
ข้างถนน ฉันเดินมาที่ป้ายรถเมล์
สองเท้าหยุด แต่สองตายังมองหารถที่จะขึ้นคันต่อไป รถเมล์หลายคันหยุดรับผู้คน เกือบครึ่งชั่วโมงแล้ว ยังไม่มีรถเมล์สักคันเป็นคันที่ฉันต้องการ และแล้ว ในเวลาต่อมา รถเมล์คันที่ฉันต้องการจะไปกับมันก็จอดตรงหน้า ฉันก้าวขึ้นรถ หาเว่างๆนั่ง ควานหาเศษเหรียญในกระเป๋าเป้ใบใหญ่ ส่งให้พนักงานเก็บค่าโดยสาร รับตั๋วจากมือเธอ แล้วก็เหม่อมองออกไปนอกกระจกบานใหญ่ที่ปิดกั้นระหว่างตัวฉัน ในสังคมบนรถเมล์กับสังคมด้านนอก เป็นอีกช่วงเวลาหนึ่งของวันที่มีโอกาสออกมาจากสังคมใหญ่ๆ แต่ก็ไม่ลืมว่าอย่างไรก็ตามฉันก็ยังอยู่ในสังคมอันกว้างใหญ่อยู่ดี
รถเมล์คันใหญ่อีกคันวิ่งมาขนาบข้าง ฉันมองตัวหนังสือข้างรถ (กรุงเทพฯ-นครนายก) รถคันนั้นมีผู้โดยสารเต็มคัน มันค่อยๆวิ่งแซงไป ทำให้ฉันได้สังเกตผู้คนบนรถคันนั้น ตั้งแต่เบาะคู่แรกถึงเบาะคู่สุดท้ายของทั้งสองฝั่ง กว่าครึ่งหนึ่งหลับอยู่ระหว่างทางด้วยความเหนื่อยล้าจากการใช้ชีวิต อีกครึ่งหนึ่งแสดงมันออกมาได้เพียงสีหน้า ทุกคนต่างครุ่นคิด ฉันเดาว่าเขากำลังคิดถึงปลายทาง บ้านของเขา คนที่รอเขาอยู่ เตียงนอนนุ่มๆ น้ำเย็นๆ อาหารอร่อยๆ พ่อ-แม่
ฉันเดาว่าเขากำลังคิดถึงปลายทาง ฉันคิดถึงปลายทางที่ต้องลงจากรถเมล์คันนี้ที่มีผู้โดยสารร่วมทางระยะสั้นๆกันมาไม่กี่คน พ้นประตูนี้ไป ฉันต้องลงไปอยู่ในสังคมใหญ่ๆ ที่มีผู้คนมากมายเหมือนเดิม