มโนกรรม
บุหรง
"มึงไม่กลัวรึ" เสียงเพื่อนเอ่ยขึ้นเหมือนว่าทึ่งปนอึ้ง
กับสิ่งที่ผมคิดและกำลังทำมันอย่างสนุกสนานเพลิดเพลิน โดยไม่ยี่หระกับใครอะไรทั้งนั้น ใครจะเจ็บ ใครจะอ่อนไหว หวั่นไหว ผมไม่เห็นต้องสน ยิ่งผมทำให้ผู้หญิงคนไหนหวั่นไหวไปกับข้อความ ที่ผมพิมพ์ผ่านแป้นพิมพ์ยิ่งทำให้ผมกระหยิ่มในใจ ทุกข้อความก่อนที่จะ Enter มันไปผมไม่ได้คิดใส่ใจ ว่ามันจะเป็นอย่างไร เป็นเพียงการบริหารเสน่ห์ในโลกออนไลน์เท่านั้นเอง จะเอาอะไรมากมายกับตัวหนังสือ มีก็แต่คนโง่ และคนเหงางี้เง่าเท่านั้นที่จะซาบซึ้งกับข้อความเหล่านี้ ใครหลงติดกับดักของผมนับว่าโชคร้ายเป็นของเธอแล้วกันที่จะหลงเพ้อฝันในโลกไร้สาระ
"ทำไม? ก็แค่โลกออนไลน์มึงอย่าซีเรียสหน่อยเลยหน่า" ผมตอบเพื่อนที่มาตั้งวงในห้องชุดของผม
"นี่มึงไม่สงสาร ผู้หญิงพวกนั้นหรือไง? " เพื่อนอีกคนท้วงขึ้น
"ทำไมกูต้องสงสาร อยากโง่เอง" ผมตอบไป ทำเอาพวกมันมองหาอย่างปลง
"มึงไม่คิดบ้างรึไง ว่าถ้ามึงโดนมั่งจะเป็นไง" เพื่อนคนเดิมยังพร่ำบอก
"กูไม่สนหรอก แค่สนุกไปวันวัน" ผมหัวเราะร่า
"เวลารักใครสักคนแล้วมึงจะรู้ กูท้าไว้เลย" เพื่อนอีกคนโพล่งขึ้นกลางวงเหล้า
"ใช่ แล้วมันจะรู้ว่าการถูกหลอกลวง ยอกย้อน มันเจ็บแสบแค่ไหน?" เพื่อนอีกคนเสริมมา
"กรรมติดจรวดนะเว้ย ยิ่งยุคดิจิตอลแบบนี้มึงระวังให้ดี" เพื่อนในวงพากันรุมเมื่อได้ที
"ช่างมันเถอะว่ะ เดี๋ยวมันได้รู้แน่ว่าการไม่ได้รับความซื่อตรง ไม่มีสัจจะเป็นยังไงให้มันรู้เองเถอะว่ะ" เพื่อนอีกคนเสริม
ผลจากการกระทำของชายหนุ่มข้างต้น
ทำให้เขาขาดความเชื่อถือในทุกเรื่อง ไม่ว่าจะพูดจากับใคร ติดต่องานใดไม่บรรลุผลสำเร็จ ไม่ว่าจะพูดอะไรกับใครขาดความน่าเชื่อ ไม่มีใครให้ความไว้วางใจ แก่เขาเลย กรรม มาจากการกระทำ
"มโนภาพ" หมายถึง ความคิดเห็นเป็นภาพขึ้นในใจ
มโน หมายถึง ใจ, จิตใจ
ภาพ หมายถึง รูป, ความ ความเป็น ความมี
มโนภาพ กับ จินตนาการ ความหมายอย่างเดียวกัน เป็นการสร้างขึ้นจากสิ่งเร้า หรือกระตุ้นให้คิด ให้จับจดอยู่กับภาพที่สร้างขึ้น โลกในยุคโลกาภิวัฒน์เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทในสังคม และแทบจะเกี่ยวข้องกับทุกคนในชีวิตประจำวัน ทุกอย่างในโลกใบบูดเบี้ยวนี้ มีด้านดี ก็ต้องมีด้านเลว เป็นของคู่กัน ทุกสิ่งล้วนต้องถูกควบคุมไว้ด้วย คุณธรรม ศีลธรรม ประจำใจของบุคคล ทำจะข่มและแยกได้ออกว่าสิ่งใดควร ไม่ควร สิ่งใดดี สิ่งใดเลว
แต่ยุคปัจจุบัน...
จิตใจของคนเปลี่ยนไป มีความอดทนน้อย มีคุณธรรมประจำใจน้อยเต็มที แต่มีความเอาเข้าตัวมาก โดยไม่นึกถึงผู้อื่นขอเพียงตัวเองมีความสุขและได้ทำในสิ่งที่ตัวเองต้องการเป็นพอ ไม่คำนึงว่าสิ่งที่ตน ทำไปมันเบียดเบียนเพื่อนร่วมโลกหรือไม่ การเอาเข้าตัวในปัจจุบันยิ่งมีมากขึ้นเรื่อยๆ โดยมองเห็นได้อย่างชัดเจนจากวิถีของสังคม สถาบันครอบครัวเป็นสถาบันที่น่าเป็นห่วงที่สุด ไม่ว่าจะเดินไปมุ่งใด สถานที่แห่งใดของเมืองใหญ่ในทศวรรษนี้ ภาพที่เห็นคือคนจะจดจ้องอยู่กับจอขนาดเล็ก โดยไม่มองไม่สนใจสิ่งรอบข้าง ไม่เห็นหรอกว่าสิ่งแวดล้อมตนนั้น มีหลายสิ่งที่ต้องทำต้องปฏิบัติที่เราเรียกว่า "ความดี" ไม่เคยได้เห็นแล้วภาพจูงคนแก่ข้ามถนน ไม่ได้เห็นแล้วภาพบนรถเมล์ที่ลุกให้คนชรานั่ง ไม่เห็นแล้วภาพที่พลโลกช่วยเหลือ เกื้อกูลกัน ต่อไปสิ่งเหล่านี้คงเลือนหายไปเหมือนไม่เคยมี ไม่เคยเกิดขึ้นบนโลกใบนี้ ทุกคนเหมือนลืมหน้าที่ของตัวเองต่อสังคมแล้ว
เมื่อไม่นานมานี้
มีน้องคนหนึ่งถามว่าทำไมเขาไม่ได้รับความจริงใจจากใครเลย อยากจะบอกเขาไปเหลือเกินว่าเคยได้ให้ใครไปอย่างจริงใจบ้างล่ะ แต่ถ้าหากให้ไปแล้ว ไม่ได้รับกลับคืนถือว่าเรายังให้เขาไม่จริงแท้ เขาถามต่อว่าเวลารับฟังเรื่องราวที่ไม่ดีของเขาทำไมไม่เล่าให้เขาฟังคนอื่นมาเล่าหมด ยิ่งฟังคำถามยิ่งทำให้รู้สึกเหนื่อยกับโลกใบนี้เหลือเกิน การที่จะเล่าเรื่องที่คนอื่นพูดหรือนินทา ให้เจ้าตัวฟังนั้นมันไม่ได้ประโยชน์ใดเลย การ "คิดดี พูดดี ทำดี เป็นศรี เป็นพรสูงสุด" นั้นเป็นของแท้และจริง