พุทธศาสนิกชน กรุงเทพฯเป็นอะไรกันไปแล้ว
ฤกษ์ ชัยพฤกษ์
ท่านผู้อ่านทุกท่านรู้สึกอะไรบ้าง เมื่อพระออกบิณฑบาต พอรับบาตรจากชาวบ้านแต่ละคนหรือแต่ละกลุ่ม แล้วจะต้องยืนสวดให้พร จะเป็นแบบย่อ หรือแบบยาว ก็แล้วแต่เอาแบบอย่างกันมา ซึ่งการสร้างประเพณีอย่างนี้ขึ้นโดยเฉพาะในเมืองกรุง (ต่างจังหวัดไม่ค่อยมีแต่เริ่มระบาดไปบ้างแล้ว)สร้างความลำบากในการเดินบิณฑบาตให้แก่พระทุกรูป แสดงให้เห็นถึงความโลภของคนใส่บาตรอยากได้ไม่รู้จบแม้แต่พรของพระซึ่งไม่ใช่เวลาที่จะต้องมาสวดให้พร
พระทุกรูปเมือ่ออกบิณฑบาต มีข้อกำหนดให้ท่องสวดพิจารณาสิ่งของทุกอย่างที่เป็นบริขารอยู่แล้วเรียกว่า บทสวด ปฏิสังขาโย ซึ่งมีคำที่เรียกว่าหัวใจปฏิสังขา คือ จิปิเสคิ
จิ คือจีวร
ปิ คือบิณฑบาต
เส คือเสนาสะนะ
คิ คือ คิลานะเภสัช
พระบวชใหม่ทุกรูป จะต้องหัดท่อง บท ปฏิสังขาโย เป็นบทแรก ๆ เพราะจะต้องใช้ท่องเดินบิณฑบาต ซึ่งบทสวดเต็ม ๆ มีดังนี้
ปะฏิสังขา โยนิโส จีวะรังปฏิเสวามิ
ยาวะเทวะ สีตัสสะ ปะฏิฆาตายะ
อุณหัสสะ ปะฏิฆาตายะ
ฑังสะมะกะสะวาตาตะปะสิริงสะปะสัมผัสสานัง ปะฏิฆาตายะ.
ยาวะเทวะ หิริโกปินะปฏิจฉาทะนัตถังฯ
ปะฏิสังขาโยนิโส ปิณฑะปาตัง ปฏิเสวามิ.
เนวะ ทวายะ.
นะ มะทายะ.
นะ มัณฑะนายะ.
นะ วิภูสะนายะ.
ยาวะเทวะ อิมัสสะ กายัสสะ ฐิติยา.
ยาปะนายะ.
วิหิงสุปะระติยา.
พรัหมะจะริยานุคคะหายะ.
อิติ ปุราณัญจะ เวทะนัง ปิฏิหังขามิ.
นะวัญจะ เวทะนัง นะ อุปปาเทสสามิ
ยาตรา จะ เม ภะวิสสะติ อะนะวัชชะตา จะ ผาสุวิหาโร จาติ ฯ
ปะฏิสังขา โยนิโส เสนาสะนัง ปะฏิเสวามิ
ยาวะเทวะ สีตัสสะ ปะฏิฆาตายะ, อุณหัสสะ ปะฏิฆาตายะ
ฑังสะมะกะสะวาตาตะปะสิริงสะปะสัมผัสสานัง ปะฏิฆาตายะ
ยาวะเทวะ อุตุปะริสสะยะวิโนทะนัง ปะฏิสัลลานารามัตถัง
ปะฏิสังขา โยนิโส คิลานะปัจจะยะเภสัชชะปะริกขารัง ปฏิเสวามิ.
ยาวะเทวะ อุปปันนานัง เวยยาพาธิกานัง เวทะนานัง ปะฏิฆาตายะ.
อัพยาปัชฌะปะระมะตายาติ ฯ
เห็นไหมล่ะท่านทั้งหลาย พระเดินบิณฑบาต ท่านต้องสำรวม มองไปข้างหน้าเพียงเพื่อดูทางเดินเท่านั้นและยังต้องท่องบทสวดมนต์ ปฏิสังขาโย ไปตลอดทาง
แล้วท่านจะยังสร้างความลำบากให้ท่านต้องท่องบทให้พรเป็นหลายครั้ง คนใส่บาตร ร้อยคนท่องร้อยครั้ง ท่านคิดเว่าถูกต้องแล้วหรือ
ต่างจังหวัดประชาชนผู้ใส่บาตรทำบุญเขามีความเข้าใจ อาการอิ่มเอิบเมื่อได้ทำบุญใส่บาตรเป็นการปฎิบัติเบื้องต้นเพื่อเข้าถึงพุทธศานนาคือการจาคะ ลดความโลภ ถ้าไม่รู้จัก จาคะ อย่าหวังว่าจะได้เข้าถึงพุทธศาสนาได้เลย พระสมัยใหม่บางท่านก็เลยเอาจุดนี้มาเป็นเครื่องมือ สร้างค่านิยมให้เกิดการบริจาคอย่างมโหฬาร
ถ้าการบริจาคเพื่อประโยชน์ส่วนรวมก็เป็นสิ่งดี แต่ถ้าบริจาคเพื่อ อาตมารวยก่อนชาตินี้ชาติหน้าโยมถึงรวยละก็ไม่ถูกต้อง
จึงอยากเรียกร้องให้ชาวกรุงรนณรงค์ให้พระไม่ต้องสวดให้พรทุก ๆครั้งที่รับบาตร