แดนพิศวง ๙ (บันทึกลายแทง) ชายหนุ่มมองไปรอบๆแล้วพลางยกมือไหว้แขกที่มาทุกๆคน บรรดาแขกที่มาเยี่ยมต่างทึ่งในรูปร่างของชายหนุ่มไปตามๆกัน ประกอบร่างกายสูงสง่าแม้ผมเผ้าจะฟูก็ตามก็ดูมีสง่าราศรีมากว่า พี่ชายนัก เหมือนนักรบโบราณของต่างประเทศทีเดียว ด้วยร่างกาย ของเขาสูงใหญ่กว่าพี่ชายมากนัก สร้างความแปลกใจแก่ทุกๆคน จนอดไม่ได้ที่จะนึกชมในใจ ยิ่งสาวพัชรายิ่งแล้วถึงกับใจสั่นแอบ นึกชอบเขาอยู่ในใจอย่างบอกแก่ตัวเองไม่ถูกว่าเป็นเพราะเหตุใด จึงให้ความสนใจหนุ่มคนนี้เป็นพิเศษ ร่างเขาเดินเข้ามาหาทุกๆคน แล้วนิวัฒน์ก็เข้ามาเพื่อแนะนำน้องชาย พลางเอื้อมมือหมายไปจับ ตัวน้องชายพร้อมเอ่ยชื่อเขาแก่ นักโบราณคดีทั้งหลาย ก็ต้องร้องลั่นร่างเขากระเด็นออกมา แรงของการส่งร่างทำให้บรรดา เก้าอี้นั้นล้มระเนระนาดไปหมดพร้อมส่งเสียงร้องดังลั่น “โอ้ย!!!!ๆๆๆๆ....อะไรกันว๊ะ เฮ้ยๆๆๆ!!!!!?????......” ร่างของนิวัฒน์พลันกระตุกๆแล้วแน่นิ่งไป ทำให้ทุกๆคนแตกตื่นตกใจ เป็นอย่างมาก ต่างถลาเข้าไปยังร่างหนุ่มนิวัฒน์พลางเขย่าตัว เพื่อเรียกสติ ให้ฟื้นคืนกลับมา แต่พอดร.รพีจับต้องตัวของหนุ่มนิวัฒน์ก็ต้องสะดุ้งเฮือก พลางถอยหลังกลับมา ไม่ใช่เฉพาะ ดร.รพีเท่านั้นแม้แต่ทุกๆคนที่ถูกต้องตัว ต่างก็มีอาการเช่นเดียวกันมากบ้างน้อยบางของการเข้าไปใกล้ไกล ชายหนุ่มมองเห็นเช่นนั้นพลางนึกในใจว่าเขาลืมเก็บพลังงานของเขายาม ที่ได้ทดลอง ดังนั้นพลังงานเหล่านี้จึงวนเวียนในร่างกายเขา เป็นอนุภาคที่ ห่อหุ้มร่างกายของเขาไว้ วิ่งไหลวนเวียนไปๆมาๆรอบๆ พลังงานนั้นจึงแฝงไปในร่างกายพี่ชายเขา ชายหนุ่มจึงรีบไปยังร่างของพี่ชาย พร้อมจับร่างกายแล้ว พร้อมทั้งเก็บพลังงานที่วิ่งพล่านไปตามร่างกายของเขา ทั้งหมดไว้ในที่เก็บในสถานที่นั้น พร้อมจับไปยังร่างของพี่ชายเขาทันที พลาง ใช้อำนาจจิตผสานกับการดึงดูด ดึงพลังงานที่แฝงอยู่ในร่างกายพี่ชายกลับเข้าสู่ ร่างกายเขาทันที ไม่นานนักร่างหนุ่มนิวัฒน์ก็ลืมตาขึ้นพลางสั่นศีรษะไปๆมาๆ อย่างมึนงง พลางหันมองหน้าน้องชายและทุกๆคนอย่างประหลาดใจ ดังนั้นบรรดาคนทั้งหมดก็พยุงร่างของนิวัฒน์ให้เอนพิงฝาผนัง ครั้นทุกอย่าง คืนสู่ปกติ หนุ่มนิวัฒน์พลางหันหน้าไปถามน้องชายเขาด้วยอาการทั้งแปลกใจและ ตกใจในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทันที พลางร้องถามน้องชายว่า.... “เฮ้ยๆๆ...เจ้ารุทธ์ทำไมร่างแกมันถึงมีกระแสคล้ายไฟฟ้ามากมายนักว๊ะ เพียงพี่ยัง ไม่ได้จับถึงตัวแก่เลย ก็ถูกอะไรก็ไม่รู้ดันร่างกระเด็นออกมาหน้าวูบไป????” “อุปาทานกระมังพี่วัฒน์ ลองจับตัวผมอีกซิว่าปกติหรือเปล่าล่ะ...” “อุปาทานห่าอะไร????... แกดูซิร่างพี่กระเด็นจนเก้าอี้หักไปตัวหนึ่งนะ” “ผมว่าพี่จะเป็นลมกระมัง หรือทานเหล้ามากไปเลยเป็นเช่นนี้เอง” “เปล่านี้หว่า จริงๆนะไอ้รุทธ์วันนี้ข้าเพียงจิบนิดๆหน่อยๆเท่านั้น ปกติมากกว่า นี้ก็ไม่เห็นเป็นอะไรเช่นนี้เลยว๊ะ????...” “งั้นพี่ลองจับตัวผมอีกทีซิ ว่าจะมีเหตุการณ์เหมือนเดิมหรือเปล่าล่ะ” ดังนั้นหนุ่มนิวัฒน์จึงเอื้อมมือไปจับแขนน้องชายอีกครั้งเพื่อทดลองดู คราวนี้เขาสามารถจับแขนอันกำยำของน้องชาย ทำให้เขาถึงกับอ้าปากหวอ “ผมบอกแล้วว่าเกิดอาการกระตุกของเส้นเอ็นตอนมาจับผมและเกิด อุปาทานแน่เลย งั้นเดี๋ยวผมขอเวลาหน่อยนะ แล้วจะกลับเข้ามา ใหม่ขอเวลาชำระล้างร่างกาย พึ่งตื่นนอนมายังไม่ได้ล้างหน้าตาเลยพี่” “เออๆๆรีบไปรีบมานะโว้ย ผู้ใหญ่ท่านจะขอคำปรึกษาหน่อย เร็วๆหน่อยนะ อย่าต้องให้ผู้ใหญ่ท่านเสียเวลามากนัก” “ครับพี่ ผมจะรีบไปรีบมา พลางเหลียวไปรอบๆห้อง แล้วเอ่ยว่า ขอโทษทุกๆคนนะครับ แต่ควรไปห้องประชุมถัดไปดีกว่ากระมัง เพราะที่นี่คงไม่สะดวกเละเทะอยู่ ไม่สะดวกแก่พวกท่านนะ” ด้วยในบ้านนี้มีห้องประชุมเล็กๆเพื่อเวลาคุณพ่อคุณแม่จะประชุม เด็กๆคนงานต่างๆ ตลอดจนมอบหมายงานในบ้านไว้ ดังนั้นห้องจึงว่างเปล่า “เออๆๆๆจริงของแกว๊ะ งั้นเดี๋ยวรีบมาก็แล้วกันจะไปรอยังห้องข้างๆนะ” “ครับพี่ ผมจะรีบไปรีบมานะ” แล้วร่างชายหนุ่มก็หันหลังกลับไปยังห้อง อันที่จริงเป็นเพียงข้ออ้างเท่านั้น เพราะว่าเขาไม่ได้หลับเลยกำลังคิดถึงเรื่องอนาคตที่จะเกิดขึ้นเท่านั้นและทดลอง พลังงานดูเป็นอย่างไร เมื่อเขาเข้าห้องไปแล้วก็ไปที่ยังห้องน้ำซึ่งอยู่ในห้องอยู่แล้ว ล้างหน้าตาหวีผมให้ดูเรียบร้อย ก็เดินออกมา ปรากฏว่าทุกๆคนไปรอเขาที่ห้อง ข้างๆเรียบร้อยหมดแล้ว ดังนั้นจึงเดินตรงเข้าไปเห็นทุกๆคนนั่งกันเรียบร้อย “หล่อจริงๆนะคุณพ่อ น้องชายคุณนิวัฒน์นี่ ทั้งสูงสง่ากว่าพี่ชายแยะเลย” “เงียบไว้ยายหนู เดี๋ยวเจ้าวัฒน์มันได้ยินเข้าจะไม่ดี และเจ้าโกเมศด้วยเพราะ พ่อมองดูแล้วว่าสนใจในตัวแกอยู่เหมือนกันนะ” “โอ้ยๆๆๆหนูไม่สนหรอกนอกจากเป็นเพื่อนเท่านั้นแหละคุณพ่อ มีคนมาสนใจ หนูก็มากมายและน่าตาดีๆกันทั้งนั้นหนูยังไม่สนใจเลยล่ะค่ะ” “ดีแล้วจบมาแล้วจะทำอะไรต่ออีกหรือเปล่าล่ะ???....” “คงจะขอพักสักระยะหนึ่งก่อนค่อยคิด แต่หนูคิดว่าคงหางานได้ไม่ยากนัก” “เออๆดีๆ อย่างนี้ซิถึงสมเป็นลูกของพ่อ แล้วจะเดินทางไปกับพ่อไหมล่ะ??” “ให้หนูคิดดูก่อนจ๊ะคุณพ่อ สงสัยจะอันตรายมากเสียด้วยซินะ” “คงจะเป็นอย่างนั้นนะ เพราะการเดินทางครั้งนี้ต้องผจญภัยไม่รู้เลยว่า จะมีเหตุการณ์อะไรบ้าง หากไม่ไปก็จะดีจะได้ดูแลบ้านด้วย” แล้วดร.รพีก็หัวร่อเบาๆ พลางหันไปทางดร.สุเมธและคนอื่นๆ ที่กำลังซักไซร้ ไล่เรียงหนุ่มนิวัฒน์อยู่ว่าอะไรเกิดขึ้นแก่ตัวเขา “ผมหวังจะไปจูงมือไอ้เจ้ารุทธ์มันเท่านั้นแหละครับ เพื่อมาแนะนำตัว แต่ทว่าพอผมเอื้อมมือไปยังไม่ถึงแขนมันยังไม่ถึงเนื้อตัวเลยก็ต้องสดุ้งเฮือก ไม่รู้โดนอะไรพุ่งออกมากระแทกใส่ร่างผมครับอย่างรุนแรง มันแรงมาก แรงจากพลังมหาศาลนักทำให้ผมต้องกระเด็นสมองเลอะเลือนไปทันที ไม่รู้สึกตัว แต่คล้ายเคลิ้มๆจนเจ้าน้องชายผมมาจับผมนั่นแหละถึงจะเป็นปกติ ผมว่าแปลกนะทีเมื่อกี้นี้ผมไปจับแขนมันก็ไม่เห็นมีอะไรนี่นา” กล่าวจบก็เกาศีรษะตัวเองอย่างมึนงงสงสัย เมื่อทุกคนได้รับฟังก็งงงวย ไปตามๆกัน ต่างคนคิดไม่ออกว่าทำไมถึงมีเหตุการณ์เช่นนี้ได้ หรือว่า เมื่อกี้นี้เหตุการณ์อย่างรุนแรงจะแฝงไปยังร่างเขา ด้วยเขาไม่รู้ตัวของ เหตุการณ์เมื่อที่ผ่านมานี้ ซึ่งมีอำนาจรุนแรงมหาศาลคล้ายสึนามิ เพราะ ดังขนาดนี้ยังไม่ยอมออกมาจากห้องเลย ต่างคนต่างวิพากษ์วิจารณ์ไป ต่างๆนาๆ ผิดกับหญิงสาวพัชราไม่ได้คิดเช่นนั้น เพียงแต่คิดถึงความสง่า งามและใบหน้าที่คมคายหล่อเหลาเท่านั้น หล่อนคิดไปต่างๆนาๆถึงเขา สักพักชายหนุ่มก็ก้าวเข้ามายังในห้อง ทุกๆคนยืนต้อนรับพร้อมบอกเขา ให้ไปนั่งยังโต๊ะข้างๆ ดร.ทั้งสอง พลาง ดร.สุเมธก็เอ่ยปากขึ้นว่า “ผมได้ยินคุณนิวัฒน์บอกว่าคุณชอบอ่านหนังสือเป็นชีวิตจิตใจผ่านการ อ่านหนังสือมามากมายนัก ผมอยากจะให้ช่วยถูกบันทึกนี้สักหน่อยพร้อม กับลายแทงนั้นว่าเป็นอย่างไร ผมเองกับดร.รพีและเพื่อนๆต่างไม่เข้าใจใน อักษรเหล่านี้เลย” “ถ้าอย่างนั้นผมจะช่วยเหลือได้หรือครับ ในเมื่อประสบการณ์ต่างๆท่านมี มากกว่าผมเสียอีก แต่ผมก็จะพยายามอ่านไหนๆขอชมหน่อยครับ บอกก่อน นะครับผมว่ารู้ก็แค่หนังสือที่เคยผ่านสายตามาเท่านั้นเอง ส่วนนั้นผมก็อาจจะ ไม่ทราบได้ครับท่าน” “ไม่เป็นไรหรอกพ่อหนุ่ม ผมก็เคยให้เพื่อนๆทั้งในและนอกอ่านมาแล้ว เขาก็ให้ความกระจ่างแก่ผมไม่ได้ พอดีคุณนิวัฒน์เอ่ยถึง จึงอยากจะให้ ทดลองดูบางทีอาจจะมีผลได้กระมัง พ่อหนุ่มไม่ต้องคิดมากหรอกนะ” “นี่ไงหนังสือสองเล่มกับลายแทงอีก หนึ่งแผ่น คุณช่วยดูให้หน่อยนะ หากไม่ได้ก็ไม่เป็นไรหรอก ไม่ต้องกังวลใจมากนัก” ดร.รพีเอ่ยขึ้น พร้อมนำสิ่งของทั้งหมดส่งมอบให้ชายหนุ่มทันที “ครับ ผมจะพยายามอย่างสุดความสามารถก็แล้วกันนะครับ” พลางยื่นมือนำหนังสือทั้งสองเปิดออกอ่านอย่างคร่าวๆและรวดเร็ว เวลาผ่านไปประมาณ ห้านาทีได้ เขาก็เงยหน้าพลางยิ้มกับ ดร.ทั้งสอง พลางเอ่ยขึ้นว่า “เป็นหนังสือภาษาชาวแอสตีสที่หายสาปสูญไปนานแสนนานแล้วครับ รวมทั้งภาษาของชาวอินคา มายา และอียีปต์ด้วยกันทั้งสองเล่ม เพียงแบ่ง แยกออกเป็นหลากหลายเท่านั้นครับ สลับซับซ้อนกัน เข้าใจว่าคนบันทึกไม่ แน่ใจต่ออักษรหนังสือนี้ คงได้จากศิลาจารึกเท่านั้นหรือตามถ่ำต่างๆ การบันทึก จึงสับสนปนเปกันไปไม่เป็นหมวดหมู่ คล้ายๆกับรีบทำไว้ก็ไม่ปานครับ ผมจึงต้องอ่านย้อนสลับไปๆมาๆจึงสามารถจับใจความได้บางอย่างครับ” ดร.สุเมธกับดร.รพีหันมามองหน้ากัน เขาไม่เคยได้ยินเช่นนี้จากเพื่อนเขา เลย อาจจะใช่เพราะเขาเคยได้ทราบประวัติพวกนี้มาแต่ด้านหนังสือนั้นเขา ไม่เคยพบเห็น นอกจากของชาวอียีปต์เท่านั้นที่พอจะอ่านออกได้ นั่นก็ เพียงแค่ภาพแล้วมาประกอบกับลายเส้นหนังสือ โดยอาศัยภาพเป็นหลัก ในการค้นคว้าภาษาอียีปต์นี้ บางส่วนก็อ่านไม่ได้เช่นกัน ครั้นได้ยินชายหนุ่ม เอ่ยขึ้นเช่นนี้ มันแตกต่างจากเพื่อนๆเขาและตัวเองคนละเรื่องเลยทีเดียว ในข้อความ ก็บังเกิดความหวังขึ้นสมกับที่เจ้านิวัฒน์มันว่า ก็บังเกิดความ ดีใจที่น้องชายนิวัฒน์สามารถไขข้อกระจ่างให้เขาทราบ จึงเอ่ยว่า “แล้วในหนังสือสองเล่มนี้บ่งบอกอะไรไว้หรือพ่อหนุ่ม” “อ้อๆๆ...หนังสือสองเล่มเป็นการบันทึกของนักโบราณคดีแต่ไม่ชัดเจนนัก เพราะบางตอนหายไปไม่ต่อเนื่องกัน หนังสือเล่มแรกเป็นภาษาของชาวแอนตีส ชาวอินคาและมายา ผสมผสานกันไว้ครับ กล่าวถึงพลังงานต่างๆของทวีปแอต แลนติคไว้ก่อนจะจมสู่ยังมหาสมุทรครับ เป็นการบรรยายของอำนาจพลังงาน ที่พวกเขาเหล่านี้ใช้อยู่ครับ และพลังงานของจักรวาลต่างๆที่เขาได้เดินทางไป สำรวจค้นพบ แต่เสียดายเหลือเกินบันทึกกล่าวเพียงคร่าวๆเท่านั้น และการใช้ พลังงานอื่นๆอีกมากมายนัก แต่ขาดหายไปจึงไม่ทราบว่าวิธีการใช้นั้นทำได้ อย่างไรกัน ส่วนด้านหลังเป็นของชาวอียีปต์ที่บันทึกถึงเรื่องการรวบรวม อาณาจักรต่างๆ โดยแบ่งแยกการปกครองของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเป็นเรื่อง ราวของเขาระหว่างอาณาจักรกับศาสนจักร กับอาณาจักรต่างๆที่ได้ รวบรวมกันไว้ ถึงอาณาเขตต่างของชนชาวโบราณไว้ครับ ด้านศาสนจักรกล่าวถึงเวทย์มนต์คาถาอาคมและการสร้างมนุษย์ให้เป็นอมตะ เกี่ยวกับวิญญาณต่างๆไว้ โดยอาศัยพลังงานของสุริยะจักรวาล เป็นบ่อเกิดพลังงานแต่ก็มีเพียงส่วนน้อยเท่านั้นเพราะว่าเขาไม่ได้บันทึก รายละเอียดมากเป็นแค่คร่าวๆครับ ผิดกับเล่มแรกที่กล่าวถึงการใช้พลังงานต่างๆ และทางด้านโทรจิต ซึ่งนักวิทยาศาสตร์เราตอนนี้กำลังศึกษาค้นคว้าอยู่เป็นพลัง งานเร้นลับใช้พลังงานจิตบังคับวัตถุได้ นอกนั้นก็ไม่มีอะไรครับ ท่านทั้งสองดูตัวหนังสือซิครับจะแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง จะมีลักษณะคล้ายภาษาทางโลกเราบ้าง ก็มีที่จีน ญี่ปุ่น เกาหลีตลอดจนชาว อินเดีย และชาวอาหรับบ้าง เพราะแต่ละขีดจุดหากเพิ่มแล้วความหมายจะเปลี่ยน ไปทันทีจะเป็นอีกคำๆหนึ่ง ที่คล้ายคลึงมากที่สุดคือภาษาชาวเผ่ามายาและอินคา ด้านภาษาชาวแอตตีสมีน้อยมากๆครับและละตัวอักษรจะคล้ายคลึงกันเท่านั้น คงเป็นระยะยาวนานทำให้อักษรต่างๆแบ่งแยกแตกต่างกันออกไปครับ” เมื่อชายหนุ่มอธิบายหนังสือทั้งสองเล่มทำให้ ดร.ทั้งสองอ้าปากค้างสิ่งที่เขา ค้นคว้ามานานพึ่งจะกระจ่างเดี๋ยวนี้ แต่ความสงสัยถึงชาวเผ่าแอตตีสนั่นเอง จึง ถามชายหนุ่มขึ้นว่า “ในเมื่อพ่อหนุ่มว่าภาษาแอตตีสมีส่วนคล้ายคลึงกับภาษามายาและอินคานั้น แตกต่างกันอย่างไรล่ะ????...” “อ้อๆๆเกิดจากเป็นเผ่าพันธุ์เดียวกันครับของชาวแอตแลนตีส ซึ่งกาลต่อมา เมื่อทวีปจมลง ผู้หนีรอดไปต่างก็เหลือจำนวนน้อยมาก และภาษาก็เปลี่ยนไป ตามสิ่งแวดล้อมอีกด้วย เพราะกาลผ่านมาเป็นหมื่นๆปีครับ อีกประการหนึ่ง ชนเผ่านี้ได้แตกแยกกระจายกันไปทั่วทุกแห่งของโลกเรา ภาษาจึงค่อยเปลี่ยน แปลงไปตามสภาพสิ่งแวดล้อมครับท่าน” “เป็นเช่นนี้เอง ทำให้เราไม่สามารถอ่านหนังสือเหล่านี้ได้นอกจาก ของชาวอียีปต์เท่านั้นเอง ดังนั้นหนังสือสองเล่มนี้ก็เป็นข้อบ่งบอกถึงเหตุการณ์ เท่านั้นเอง ซึ่งก็ผ่านการศึกษามาแล้วเช่นกัน เว้นแต่ภาษาเท่านั้นที่ไม่สามารถรู้ อ้อๆๆพ่อหนุ่มแล้วลายแทงนี้ล่ะเห็นเป็นภาษาที่พวกเราอ่านไม่ออกเลย” “อันลายแทงนี้เป็นของชนเผ่าอินคาโบราณในแนวทางชาวแอสตีสทั้งหมด เขียนไว้ถึงสถานที่ของทวีปแอนติคไว้ครับ ก่อนจะจมลงทั้งทวีปครับ พร้อมทั้งแหล่งทรัพย์สมบัติต่างๆไว้เท่านั้นตลอดจนคำจารึกไว้ก่อนที่ จะต้องสูญเสีย ดังนั้นภาษาจึงไปในทางภาษาของขาวแอสตีสมากๆครับ เนื่องจากเจ้าผู้นำทวีปนี้ได้เก็บรวบรวมไว้ ก่อนทวีปจะจมหายไป ที่จริงก็ไม่มีอะไรที่น่าสนใจเท่าใดนักแหละครับจะมีของสิ่งหนึ่งที่เก็บ สะสมพลังงานต่างๆไว้เท่านั้นเอง แต่ไม่รู้ว่าจะคงอยู่หรือเปล่าข้อนี้ ลายแทงไม่ได้กำหนดไว้ครับ แต่การเดินทางไปค้นหาตามลายแทง อันตรายมากนะครับ เพราะยังมีอำนาจพลังงานบางส่วนคุ้มครองอยู่ แม้จะไม่มากนัก แต่วิทยาการทางวิทยาศาสตร์เราจะก้าวหน้าไปก็จริงแต่ พวกเรายังตามเขาไม่ทันหรอกครับ ในแผ่นลายแทงจะมีรูปลักษณะที่ คล้ายๆกับจักรวาล จะมีรูปภาพเป็นสามเหลี่ยมซ้อนๆกันไว้ยากแก่การ ค้นพบ คงบางครั้งอาจจะมีอำนาจเร้นลับแฝงซ่อนเร้นอยู่ตามลักษณะลายแทง ผมคิดว่าท่านอย่าเสี่ยงไปค้นหาเลยเพราะว่าถึงอย่างไรก็ไม่เป็น ประโยชน์เท่าใดนัก นอกจากแก้วแหวนเงินทองซึ่งผมคิดว่าท่านก็มี พร้อมอยู่แล้วครับ จะพบก็เพียงแผ่นจารึกที่อาจจะหลงเหลืออยู่บ้าง แต่ยากจะหาคนอ่านได้ครับ ส่วนผมนั้นขอปฏิเสธในเรื่องนี้นะครับ เพราะไม่ค่อยชอบยุ่งเรื่องราวมากนัก ไม่ต้องการชื่อเสียงเท่าใด ถ้าหากพวกท่านได้มา ผมก็ขอปฏิเสธในการอ่านอีกด้วยไม่อยากจะ ให้คนอื่นมาทำลายความสงบสุขวุ่นวายไปครับ” พร้อมทั้งชี้ตำแหน่งและลักษณะใกล้เคียงของแผนที่ที่วาดไว้อธิบาย สิ่งต่างๆพร้อมแผ่นดินและเกาะตามกำหนดลายแทงบ่งบอกไว้ให้รู้ เสร็จแล้วเขาก็มอบหนังสือพร้อมลายแทงคืนให้ไป พร้อมเอ่ยปากขอตัวอีกด้วย เพราะเขาคิดว่าต้องค้นหาบางสิ่งบางอย่าง เกี่ยวกับการแก้ไขอำนาจของเวทย์มนต์ที่ย่อมใช้พลังงานเป็นสิ่งประกอบ “แหมๆๆๆผมคิดอยากจะชวนคุณไปค้นหาจารึกในลายแทงด้วยกัน เพื่อคุณจะช่วยผมได้ง่ายขึ้นครับ” ดร.รพีและดร.สุเมธ เอ่ยขึ้นกับชายหนุ่ม วางแผนอาศัยความรอบรู้เขา “นั่นซิค่ะคุณพ่อ น่าจะให้คุณนิรุทธ์ร่วมไปค้นหาก็จะดีมากเชียวนะค่ะ” “ผมก็เห็นด้วยกับน้องพัชราครับ” ชายหนุ่มลูกของดร.สุเมธเอ่ยปากเช่นเดียวกัน “ไม่ต้องหรอกครับท่านเดินทางไปตามลายแทงก็ย่อมจะพบครับ และผม จะเขียนเพิ่มเติมให้บ้างนะครับ แต่การผจญภัยครั้งนี้ระวังเรื่องการเปลี่ยนแปลง ไว้ด้วยนะครับหาก พวกท่านจะคิดไปค้นหาตามลายแทง บางทีพวกท่านอาจ จะไม่ถึงจุดหมายก็จะมีอันตรายถึงแก่ชีวิตได้นะครับ ผมพูดได้เท่านี้เพราะใน ลายแทงเขียนบ่งถึงอันตรายต่างๆไว้ครับ ว่ามีสิ่งแปลกประหลาดซ่อนเร้นไว้” แล้วชายหนุ่มก็ลุกเดินไปในห้องนอน พร้อมนำดินสอออกมา ขีดเขียนและแปล เป็นภาษาไทยกำกับไว้ให้เรียบร้อย พร้อมจุดที่เป็นอันตรายควรหลบเลี่ยง หากเกิดความไม่ชอบมาพากลให้อีกด้วย พร้อมชี้แหล่งต่างๆอันเป็นจุดค้นหานคร ที่จมอยู่ใต้สมุทรของทวีปแอสแลนติค และตำแหน่งผู้นำของทวีปนั้นพร้อมที่เก็บ ทรัพย์สมบัติไว้ให้พร้อมที่อยู่ของแผ่นจารึกอารยธรรมต่างๆของทวีป ก่อนจะสูญสิ้นทวีปไปในที่สุด แล้วชายหนุ่มก็เอ่ยขึ้นว่า "อีกประการหนึ่งหากพวกท่านพบการเปลี่ยนแปลงนี้อาจจะนำท่านไปสู่ยัง อีกมิติหนึ่งก็น่าจะเป็นไปได้นะครับ เรื่องนี้ไม่ใช่การล้อเล่นครับระวังไว้ด้วยก็ดี หรืออาจจะเข้าสู่ดินแดนใหม่ที่ท่านไม่รู้จักก็ได้ควรเตรียมเนื้อเตรียมตัวไว้ด้วย" “ เดี๋ยวพ่อหนุ่มขอถามอีกหน่อยตามลายแทงกำหนดไว้จุดเริ่มต้นไม่ได้กำหนดว่า อยู่ที่แห่งใด พ่อหนุ่มคิดว่าแห่งใดล่ะ???ที่เราควรเริ่มต้นนะ” ชายหนุ่มหันมายิ้มต่อทุกๆคน เพราะคิดว่าลายแทงเป็นสิ่งล่อใจนักค้นคว้า พวกนี้แน่นอน จึงเอ่ยขึ้นว่า “ตามลายแทงถึงไม่ได้บอกว่า แต่ดูจากสิ่งต่างๆแล้วจะเป็นรูปคล้ายสามเหลี่ยม ที่มาบรรจบกันซับซ้อนไว้ ที่ควรหาคือในทวีปแอตแลนติค แต่การเริ่มต้นนั้น ผมคิดว่ากึ่งกลางคือสิ่งที่พวกท่านควรไปของแหลมเบอมิวด้าที่เชื่อมต่อกัน ระหว่างประเทศต่าง รวมทั้งหมู่เกาะใกล้เคียงจนถึงอ่าวเมกซิกัน ในมลรัฐฟลอลิด้า เนื่องจากมีลักษณะสามเหลี่ยมดังลายแทงนี้ไว้ อีกอย่าง หนึ่งตรงกึ่งกลางของสามเหลี่ยมนี้เคยเกิดเรื่องการสูญหายของ เรือ และ เครื่องบินโดยสารและอื่นๆที่ป่านนี้ยังหาร่องรอยไม่พบ จากการดึงดูดของ บางอย่าง ซึ่งจะเกิดพายุพัดหมุนเวียน การทำงานของไฟฟ้าพลังงานมากมาย และรายงานว่าจะมีลำแสงสีขาวๆดึงดูดสิ่งที่เข้าไปในอาณาะเขตนั้นๆ ผมเองเข้าใจว่าน่าจะเกิดจากพลังงานที่ยังเหลือของชนชาวแอสแลนติส สร้างพลังงานอันเร้นลับซ่อนไว้อยู่กระมังครับ ทำให้เกิดประจุไฟฟ้าขึ้น เพราะที่นั่นเป็นจุดของพลังงานต่างๆที่ชาวแอสแลนตีสหลงเหลือไว้ การเริ่มต้นพวกท่านควรเริ่มต้นที่หมู่เกาะ เปอร์โตริโก้อันเป็นปลายของ สามเหลี่ยมแล้วเดินทางเข้าไปยังส่วนกลางของสามเหลี่ยมจะดีที่สุดครับ"..... แก้วประเสริฐ.
13 มีนาคม 2555 09:03 น. - comment id 128594
อ่านแล้วตื่นเต้นค่ะครู เพราะศิษย์สนใจเกี่ยวกับสามเหลี่ยมเบอมิวด้า จะรอติดตามตอนต่อไปนะคะิ่ิ่
13 มีนาคม 2555 15:23 น. - comment id 128599
คุณ อนงค์นาง ศิษย์เอ๋ย ครูก็โม้ไปเรื่อยๆไม่ได้คิดอะไร เพื่อ ความสนุกแก่ตัวเองเท่านั้นแหละฝึกสมองได้ดีด้วย จ้า รักศิษย์เรามากเสมอๆแหละจ้า แก้วประเสริฐ.
19 มีนาคม 2555 14:51 น. - comment id 128624
สวัสดีครับ ท่านแก้วประเสริฐ นานมากครับที่ไม่ได้เข้ามาบ้านกลอนแห่ง นี้นับแต่ที่ผจญกับมหาอุทกภัยครั้งใหญ่ครับ อันที่จริงก็ไม่ได้ไปไหนไกลครับยังคงอยู่ ในกรุงเทพและต่างจังหวัด ไปต่างประเทศ บ้างนิดหน่อยครับ ภาระกิจมีมากอีกทั้งยังต้องทำงานทั้งงานตัว เองและของบริษัทฯแต่สิ่งหนึ่งที่ยังทำต่อเนื่อง คือการได้ไปสร้างสถานที่เรียนให้กับนัก เรียนที่อยู่ไกลทุรกันดารเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2555 ที่ผ่านมาไปมอบอาคารเอนกประสงค์ ห้องสุขา ทุนอาหารกลางวัน ทุนการศึกษา แบบยั่งยื่นให้แกโรงเรียนบ้านใหม่ห้วยหวาย เมือง แม่ฮ่องสอนมาครับ ผมเข้ามาบ้านกลอนเมื่อวานนี้..เปิดดูเห็น เรื่อง แดนพิศวง ด้วยความตื่นเต้นในดวง หทัย แต่..เปนตอนที่ 9 แล้ว..จึงเริมอ่าน ตอนที่1..ใหม่ จำได้ว่าเคยอ่านตอนที่ 1 เมื่อ นานมาแล้ว..ก้อจำได้เมื่อระลึกชาติครับ..ก้อ อ่านตอน2.....9 อย่างละเมียดและกะว่าจบ ตอนที่ 9 จะเขียนมาทักทายท่าน อันที่จริงยังระลึกถึงท่านเสมอครับ..เมื่ออ่าน แดนพิศวง แล้งต้องบอกว่า..ไม่ผิดหวังเลย ครับ...เนื้อหาชวนติดตามอย่างชนิด ระทึก ในดวงหทัยพลัน เรื่องทุกเรื่องที่ท่านเขียน หากมีการรวมเล่มขายนะครับ...ผมจะเปน แฟนคลับคนหนึ่งซื้อโดยไมเกี่ยงงอน เอ่อ..เขียนมายาวนาน..ท่านสบายดีนะครับ ผมรออ่านตอนต่อไปนะครับ...ต่อแต่นี้จะแวะเขามารออ่านทุกวันครับ
19 มีนาคม 2555 15:12 น. - comment id 128627
คุณ เอื้องอังกูร ก่อนอื่นๆผมขอร่วมอนุโมทนาด้วยคนครับที่ คุณสร้างผลบุญกุศล ผมจำไม่ผิดคุณทำมาเรื่อยๆ ดีครับ สาธุอนุโมทามิครับ ผมก็แต่งไปเรื่อยๆฝึกสมองแหละครับ มิได้คิด มากอะไรหรอกครับ เรื่องจัดเล่มคงจะไม่มี ปัญญาทำหรอกครับ นอกจากคนอ่านจะรวบรวม ไว้ผมก็ไม่ว่ามอบลิขสิทธิ์ให้ิด้วยครับ ขอเพียง แค่ส่งมาให้เรื่องละเล่มก็พอครับหากคิดว่าดี นะครับ ผมชอบเขียนสดๆครับ หากตกหน้าไป ก็จะเขียนที่ลงไว้ครั้งละสองตอนนั้นเพราะ ไม่รู้จะทำอะไรก็เขียนทิ้งๆไว้ครับ ตอนนี้มี ของเล่นใหม่ ก็ไปเ่ล่นทางนั้นอยู่ครับ เบื่อๆ ก็๋จะมาดูสักครั้งว่าตกหน้าหรือยังแล้วก็จะเขียน ขึ้นครับ ดีใจครับที่ยังไม่ลืมกันเห็นหายไปนานพอๆ กับผมแหละครับเรื่องอุทกภัยครั้งนี้ ผมก็ว่าง เว้นงานเขียนไปเหมือนกันครับ อันที่จริง ผมชอบแต่งแบบนิยายแบบนี้มากครับ หาก เป็นเรื่องสั้นๆเมื่อไหร่ก็เขียนได้แต่ไม่มันส์ ครับ เขียนแบบนี้ใช้สมองมากกว่ามากๆครับ รักเสมอครับ แก้วประเสริฐ.