* แดนพิศวง ตอน ๑ *

แก้วประเสริฐ


                   แดนพิศวง ตอนที่๑
                    (สุริยันต์จันทรา)
บทนำ.......อันนิยายเรื่องนี้ข้าพเจ้าใช้จินตนาการสร้างสรรเรื่องไว้ให้
เกิดความสนุกสนานในแง่มุมมองหลายๆด้าน ทั้งในแง่ศาสตร์ต่างๆ
ผสมผสานกันไว้   ทั้งโหราศาสตร์ ไสย์ศาสตร์ วิทยาศาสตร์ ทั้งใน
อดีตและปัจจุบัน  เพื่อสร้างความเกษมสำราญเท่านั้น โดยมุ่งจะ
เน้นการหมุนเวียนเสริมสร้างพลังจิตแปรเปลี่ยนสภาพเป็นพลังงาน
ทั้งการสร้างและการทำลายของอะตอมต่างๆไว้ โดยอาศัยพลังงาน
ของจักรวาลมีสื่อเป็นการเสริม ไร้อำนาจการต้านทานใดๆได้
ทั้งนี้ล้วนแล้วแต่การจะวิจารณญานกันเอาเองครับ
ขอเชิญหาความเกษมสำราญกันได้แล้ว..............แก้วประเสริฐ.
......................................................................................................
   ยามสายันต์ดวงตะวันลอยเหนือน้ำจรดขอบฟ้า ทอแสงอันแดงจาง
สายลมพลิ้วโชยพลิ่ว  ท้องทะเลอันสงบปราศจากคลื่นลมแรงเกิด
การสั่นไหวพลิ้วเป็นระลอกเล็ก  ค่อยๆทะยอยเข้าสู่ชายฝั่งของแหลม
ที่ยื่นออกไปสู่ยังท้องทะเลอันไกลแสนไกล
   ในบริเวณแหลมนั้นมีร่างของชายหนุ่มอายุประมาณยี่สิบกว่าๆ
กำลังนั่งทอดอารมณ์บนก้อนหินที่วางเกะกะเรียงราย ในมือเขาถือ
ก้านไม้เล็กๆ เขี่ยเล่นไปบนพื้นทรายในบริเวณนั้นแต่สายตาเขากลับ
จ้องมองออกไปสู่ในท้องทะเลอันไกลโพ้นแลมองตะวันที่กำลังจะ
ลาลับจากของฟ้า แสงของมันทอดระยิบเป็นพราวคล้ายๆกับเหลี่ยม
ของอัญมณีที่ยามโดนแสงไฟสะท้อนแวววาบไปตามคลื่นเล็กๆที่
ทะยอยเข้าหาฝั่ง  สายลมพัดต้องเสื้อผ้าเขาไหวพลิ้วไปตามกระแสลม
อันเยือกเย็นกระทบร่างเขาทำให้จิตใจร่าเริงสดชื่นคลายเครียดไปมาก
   นิรุทธ์คือนามของชายหนุ่มนี้ที่มีผมอันดำขลับสลวยหยักโศก
เล็กน้อยทรงผมที่ตัดเรียบรับกลับใบหน้าที่อันขาวผ่องปราศจาก
เสี้ยนสิวราบเรียบประดุจไข่มุกข์เนื้อดี   เขาเป็นลูกหนึ่งในสอง
ของคหบดีที่ร่ำรวยมีเนื้อที่อันกว้างใหญ่ไพศาลจรดริมทะเล  ทั้งสอง
พี่น้องเขาเป็นน้องคนสุดท้องส่วนผู้เป็นพี่นามนิวัฒน์นิสัยใจคอ
แตกต่างราวกับฟ้าดิน   ผู้พี่เป็นคนนิสัยมุทะลุดุดันชอบในการต่อสู้
ไม่ค่อยสนใจในการเรียนเท่าใดนัก พอจบปริญญามาก็ไม่คิดจะร่ำ
เรียนต่อหาความรู้ชอบในการท่องเที่ยวคบหาสมาคมกับพวกไปใน
สถานเริงรมย์ต่างๆ
    ส่วนชายผู้เป็นน้องกับชอบหมกหมุ่นกับการเล่าเรียนขมักเขม้นใน
การค้นคว้าศึกษาตำราต่างๆ  และเป็นคนช่างคิดใฝ่ฝันในสิ่งที่ไม่อาจ
จะเป็นไปได้   ตำราทั้งในและนอกล้วนแล้วแต่เขาหามาอ่านจนหมด
สิ้น  ทั้งทางด้านต่างๆไม่ว่าจะเป็นด้านวิศวะ โยธา วิทยาศาสตร์หรือ
แม้กระทั่งด้านไสยาศาสตร์ล้วนแล้วแต่เขาร่ำเรียนมาอย่างช่ำชอง
 
นิสัยไม่ชอบการต่อสู้อาวุธใดๆทั้งสิ้น ต่างกับพี่ชายอย่างสิ้นเชิง
   ดังนั้นจึงเป็นที่คาดหวังของพ่อแม่ที่จะเห็นความก้าวหน้าของเขา
ด้วยการช่วยกันหาตำราต่างๆมาให้เขาได้ร่ำเรียนไว้เพื่ออนาคตต่อไป
เขาศึกษาวิชาการทั้งด้านปัจจุบันและอดีตที่ผ่านมา แม้แต่หนังสือ
อักษรต่างๆก็พอจะอ่านออกเขียนได้ เป็นอย่างดีไม่ติดขัด มักจะเก็บ
ตัวอยู่แต่ในห้องที่กองสุมไปด้วยตำหรับตำราต่างๆอันมากมาย
   แต่ก็ทำความพอใจให้แก่ผู้เป็นพ่อแม่ด้วยเพราะไม่เคยสร้างความ
เดือดร้อนแต่อย่างใด  ส่วนผู้พี่นั้นมักจะชอบหาเรื่องเป็นเนืองนิจ
พ่อแม่เขาเป็นนักธุรกิจชั้นแนวหน้าจึงไม่ค่อยจะมีเวลาเอาใจใส่มาก
นักคงปล่อยให้อยู่กับคนดูแลทั้งสองที่เป็นหญิงชรา ดังนั้นอุปนิสัยจึง
ออกไปในแนวคล้ายๆคนเลี้ยงเสมอ  พ่อแม่มักจะออกเดินทางไปใน
สถานที่ต่างๆทั้งในและนอกประเทศเกี่ยวกับธุรกิจ การเงิน การตลาด
   วันนี้หลังจากที่เขาอ่านตำราต่างๆจนหมดสิ้นก็สร้างความเบื่อหน่าย
จึงได้ออกมานั่งทอดอารมณ์ยังบริเวณนี้เพื่อที่จะทำให้อารมณ์ดีขึ้น
บ้าง  ชายหนุ่มรู้สึกตัวว่าค่อนข้างจะหงุดหงิดเนื่องจากไม่มีสิ่งใหม่ๆ
ให้เขาได้ค้นคว้าอีกต่อไป   หลังจากพระอาทิตย์จมหายไปในท้อง
ทะเลคงเหลือเพียงแสงอ่อนๆที่ยังเรืองรองบนพื้นขอบฟ้า  แต่ยังมี
แสงของดวงจันทร์ในเดือนขึ้นทอดแสงสุกใสสวยงามแทน ในปลาย
ขอบฟ้าแห่งท้องทะเลที่ดูมืดทะมึนเปรียบคล้ายปีศาจร้ายที่โอบไว้
ด้วยมือทั้งหมดของมัน   ยังมีแสงของดวงดาวน้อยใหญ่   ท้องฟ้า
บัดนี้  ล้วนแล้วเต็มไปด้วยดวงดาว  ต่างแข่งประชันโฉมแสงกันและ
กัน ด้วยแสงที่ไม่กระพริบและกระพริบของดวงดาวต่างๆอัน
ประกอบด้วยดาวพระเคราะห์และดาวฤกษ์ที่ทอแสงประกาย
ระยิบระยับแทน แต่ในท้องทะเลกลับสีออกจะคลึ้มๆดำทะมึน
อันชวนสร้างความสะพรั่งพรั่นพรึงน่ากลัวที่ครอบงำด้วยสิ่งมืดมิด
   ขณะที่ชายหนุ่มกำลังลุกขึ้นพร้อมทั้งดัดแข้งดัดขาหลังไปๆมานั้น
แล้วก็หันหลังกลับจากแหลมที่ยื่นออกไปในทะเลเพื่อหวังจะกลับ
บ้านอันแสนเบื่อหน่ายเอือมระอา  ก้าวเท้าเดินกลับอย่างช้าๆแต่ใน
สมองเขาคิดว่าป่านนี้พี่ชายคงจะออกไปหาความสำราญภายนอก
เสียแล้ว เขาต้องอยู่คนเดียวด้วยคนที่เลี้ยงดูเขามาตั้งแต่เล็กนั้นได้
จากโลกนี้ไปแล้วเมื่อเขาอายุได้สิบแปดปีผ่านพ้นมานอกนั้นเขาจะ
หมกอยู่ในห้องเพียงผู้เดียวไม่ไปท่องเที่ยวที่อื่นเหมือนดั่งพี่ชายเขา
ด้วยนิสัยไม่ชอบการต่อสู้ใดๆ ถึงแม้ว่าเขาจะร่ำเรียนรู้วิชาการต่อสู้
จากตำราแต่ไม่เคยได้ฝึกฝนฝึกปรือแต่อย่างใด ที่อ่านเพราะไม่มี
อะไรจะอ่านแม้กระทั้งพวกไสย์ศาสตร์ต่างๆเขาคิดว่านั่นคือ
สิ่งงมงายไร้สาระทั้งสิ้น 
   สงสัยเราจะไม่พ้นไปจากเจ้าอีกแล้วซินะเจ้าตำราทั้งหลายเอย ถึง
แม้ว่าข้าจะอ่านเจ้ามาหลายครั้งจนกระทั่งแทบจะจำได้ทั้งหมดก็ตาม
แต่ช่างเถอะในเมื่อไม่มีอะไรทำอ่านเจ้าไปดีกว่าไปตะลอนๆเช่นพี่
เขาที่คงจะไปแล้วล่ะ  เขารำพึงในใจเพียงผู้เดียวแต่เท้ายังย่างก้าว
อย่างช้าๆต่อ  ถิ่นนี้เขาช่ำชองมาตั้งแต่เด็กแล้วบัดนี้เขาเป็นหนุ่มเต็ม
ตัวอายุเลยเบญจเพศไปแล้วก็ตามแต่ทว่าในเมื่อสิ่งที่เขาทำอยู่นี้เป็น
ประจำจึงไม่อาจจะเปลี่ยนแปลงในสิ่งอื่นๆแก่เขาได้  ถึงแม้ว่าจะมี
สาวๆในถิ่นนี้มาคอยส่งสายตาและยิ้มแก่เขา แต่เขาไม่เคยใส่ใจแต่
ประการใด เพียงแค่ยิ้มตอบแล้วก็เดินจากไปเท่านั้น
      เหตุเพราะเขามีใบหน้าที่อ่อนเยาว์กว่าร่างที่สูงใหญ่สง่างามตลอด
ใบหน้าอันสวยงามดุจหญิงแต่ใจเขาซิมิได้มีความนึกคิดเรื่องเพศแต่
อย่างใดผิดกลับพี่ชายเขาที่เคยได้ยินคนรับใช้ภายในบ้านกล่าวว่าเขา
มีรูปร่างหน้าตาดีกว่าพี่ชายเขาเสียอีก  จนเมื่อมาชมต่อหน้าเขากลับ
ห้ามปรามมิให้พูดเช่นนี้อีก จะมีภัยถึงเขาเหล่านั้นด้วยรู้นิสัยพี่ชาย
เขาดีว่าเป็นคนค่อนข้างหยิ่งยโสโอหังไม่ชอบให้ใครๆเหนือกว่า
พี่ชายเขาไปได้  เมื่อยามใดที่ส่องกระจกดูใบหน้าตัวเองกลับมอง
อย่างทุเรศใจนัก  ทำไมคนเราจึงช่างหลงใหลต่อรูปลักษณ์ภายนอก
ไปได้ ทำไมล่ะไม่ดูอุปนิสัยภายในบ้าง จนอยากจะเอามีดมากรีดบน
ใบหน้าเขาเพื่อสร้างความอัปลักษณ์ก็เคยคิดเช่นนี้ แต่มีบางอย่างมา
เตือนเขาไว้จึงได้หยุดการกระทำเสีย
   ระหว่างเดินทอดน่องอย่างเชื่องช้านั้น ร่างที่ผึ่งผายก็ต้องหยุดชะงัก
ทันใดด้วยมีเสียงเรียกเบาๆลอยเข้ามา
   “คุณชายขอรับๆๆอย่าพึ่งกลับเลยรอผมเอาของมามอบให้ก่อนนะ
ขอรับคุณชาย  และก่อนจะมอบของให้พวกกระผมอยากจะขอดูอะไร
จากคุณชายบางอย่างขอรับ เพื่อให้แน่แก่ใจถึงจะมอบให้ขอรับ”
    เสียงลอยแว่วออกมาจากแนวไม้ที่เรียงรายตามแนวของแถวริม
ทะเล   ทำให้ชายหนุ่มชะงักหมุนตัวไปรอบๆเพื่อค้นหาตำแหน่งเสียง
นั้นแต่ไม่พบอะไรเลย   ชายหนุ่มหัวร่อเบาๆแล้วก็เริ่มจะออกเดินต่อ
แต่แล้วก็ต้องสดุ้งเมื่ออยู่ดีๆก็ปรากฏร่างชายมีอายุสามคน กำลังเดิน
เข้ามาหา  ร่างทั้งสามแต่งกายแปลกประหลาดยิ่งนักจะว่าเป็นชาว
ภารตะก็ไม่ใช่ จะว่าเป็นชายแถบเปอร์เซียก็มีส่วนคล้ายๆกัน แต่ทว่า
การเดินเหินของเขาซิแปลกจริงๆ จากสายตาที่มีแสงสลัวๆนั้นแต่ยัง
มีแสงนวลของดวงจันทร์ส่องพอจะเห็นได้อย่างเลือนลางก็ตาม  ก็แล
เห็นอย่างที่ไม่น่าจะเป็นไปได้คือการมาอย่างรวดเร็วยิ่งนักปานสาย
ลมที่หนังสือเคยร่ำเรียนมาก็มิปาน เพียงชั่วอึดใจเดียวชายทั้งสามก็มา
ถึงยังเบื้องหน้าเขาแล้ว
  
    ทั้งหมดพากันนั่งย่อกายขาข้างหนึ่งชันอีกข้างหนึ่งราบกับพื้นทั้งยัง
ประสานมือกุมกันระหว่างเบื้องอก หนึ่งในนั้นพลันกล่าวขึ้นว่า
   “คุณชายขอรับ....พวกผมรอเวลาอันเหมาะเจาะมานานแสนนาน
แล้ว เพื่อจะรอพบพิสูจน์ในสิ่งที่ท่านผู้เฒ่าพยากรณ์ไว้และสั่งให้พวก
กระผมรอคอยคุณชาย จนท่านผู้เฒ่าได้ลาจากไป โดยท่านผู้เฒ่าบอก
แจ้งลักษณะต่างๆไว้ให้พวกกระผมทราบและฝากตัวเป็นผู้รับใช้
บุคคลนั้นตามคำสั่งท่านผู้เฒ่า และจะมอบตำราหนังสือต่างๆและ
สิ่งของไว้ให้คุณชายขอรับ  เพียงแต่ว่าต้องพิสูจน์สิ่งบางอย่างก่อน
ถึงจะมอบของเหล่านี้ให้ขอรับ”
   ครั้นได้รับฟังเช่นนั้นยิ่งสร้างความงุนงงสงสัยแก่เขาเป็นอันมาก
แต่สิ่งหนึ่งที่สร้างความสนใจของเขาคือหนังสือตำรานั่นเอง หาก
ไม่ได้ยินสิ่งนี้แล้วก็คิดว่าจะรีบเดินหนีห่างไปไม่สนใจอะไรมากนัก
จึงอดถามไปมิได้ว่า
   “สิ่งที่ท่านต้องการนั้นใครหรือท่านทั้งสาม  ท่านมาผิดตัวแล้ว
กระมัง???... อาจจะสร้างความผิดหวังแก่ท่านได้นะท่าน”
   “เพียงแค่พิสูจน์ในสิ่งที่คนอื่นเขาไม่มีเท่านั้นแหละขอรับ พวก
กระผมได้เฝ้าติดตามคุณชายมาตั้งแต่อายุได้สิบกว่าขวบแล้วขอรับ”
   ชายหนุ่มนึกสนุกเป็นครั้งแรกในชีวิตวัยหนุ่มฉกรรจน์ที่เขาประสบ
จึงคิดจะเล่นหาด้วยจึงเปรยขึ้นว่า
   “หากมาดแม้นมิใช่บุคคลที่ท่านประสงค์อันพึงหมายพบพานล่ะ
ท่านจะต้องเสียใจนะ  โถๆๆสู้อุตส่าห์เฝ้าติดตามมาก็ได้นะท่าน”
   “ถึงแม้นว่าพวกข้าพเจ้าจะเฝ้าติดตามมาตั้งแต่คุณชายเกิดมาแล้ว
แต่ท่านผู้เฒ่ากล่าวว่า หากอายุเลยเบญจเพศแล้วสิ่งนั้นมิเจือจางหรือ
เลือนหายไปกลับส่งประกายแสงสดใสยิ่งขึ้นย่อมไม่ผิดพลาดขอรับ”
   ทำให้ชายหนุ่มอดคิดถึงร่างเขาเสียมิได้ ด้วยความสงสัยมานานถาม
คุณพ่อคุณแม่ถึงเหตุนี้  ก็ได้รับการยืนยันว่ามีมาพร้อมตั้งแต่เขาเกิด
มาแล้ว  เวลาอาบน้ำเขามักจะมองดูในกระจกเสมอๆ  เพราะมันดู
ลักษณะคล้ายปานก็ไม่เชิง จะว่าเป็นรอยหยดของน้ำยาที่หมอเอามา
เช็ดตัวเขาเวลาเกิดก็ไม่ใช่ เพราะต้องเป็นรอยด่างขาวดำเท่านั้น  แต่นี่
ด้านหลังข้างขวาเขาตรงสะบักไหล่เป็นรูปวงกลมสีแดงเรื่อๆ ส่วน
ด้านซ้ายมือเป็นวงกลมออกสีนวลใยจะว่าขาวหรือเหลืองก็ไม่เชิง
สิ่งนี้สร้างความแปลกประหลาดแก่เขา  ค้นคว้าในตำหรับตำราหรือ
อันมากมายก็ไม่มี ในนิยายเก่าๆหรือก็มีเพียงแค่ระบุว่าเป็นปานดำ
บ้างแดงบ้างเท่านั้น  หรือเป็นรูปสัตว์บ้างใบไม้บ้างต่างๆนาๆ
   แต่ของเขาซิเป็นวงกลมขนาดเล็กไม่ใหญ่โตแต่มันกลมมากๆสีออก
ชัดเจนและรู้สึกว่าจะมีประกายในบางครั้งเกิดขึ้น  ครั้นได้รับฟัง
เช่นนั้นก็บังเกิดความสงสัย สร้างความสนใจในใจ    ขึ้นมาทันที
หรือว่า????....ทั้งสามคนนี้อาจจะบางทีไขความลับของเขาได้กระมัง
    จึงสร้างความหวั่นไหวในใจ แต่ก็ยังทำเป็นเล่นตัวเล่นเชิงอยู่บ้าง
พลางเอ่ยแกมหัวร่อขึ้นว่า
   “ฮ่าๆๆๆๆ!!!!???....ชักน่าสนใจเสียแล้วซิท่านไหนๆลองเกริ่นเล่า
เรื่องราวต่างๆให้ฟังก่อนเราถึงจะให้พวกท่านพิสูจน์นะ”
   ชายที่เป็นหัวหน้าของชายทั้งหมด   ก็พลันเอ่ยขึ้นว่า
   “ณ ดินแดนอันไกลโพ้นเหนือมิตินั้นมีนครต้องสาปนครหนึ่งซึ่ง
รอคอยการกลับมาของบุคคลๆหนึ่งที่จะมาแก้ไขสถานะการณ์อัน
ร้ายกาจนี้  และมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้นที่จะทำให้นครนี้พ้นจากสาป
ไปได้เท่านั้นขอรับท่าน   ด้วยนครแห่งนี้ต้องมนต์ที่ไม่อาจจะแก้ไข
ได้ด้วยพลังจิตอันแข็งแกร่ง สาปไว้  หากเล่าก็เรื่องยาวเพียงแค่ให้
คุณชายทราบไว้ในสิ่งใหญ่เท่านี้ขอรับ”
   “แหม๋ๆๆๆท่านเล่าเกริ่นนิดเดียวเหมือนกับนิยายโบร่ำโบราณเชียว
นะที่ยังงมงายในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้อยู่เชียวเลยล่ะท่าน”
   “แต่ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องจริงขอรับคุณชาย ท่านผู้เฒ่าซึ่งเป็นอาจารย์
ของพวกเราได้กำชับนักกำชับหนาให้หาบุคคลเช่นนี้ให้ได้และเรื่องนี้
ได้ตกทอดสืบต่อเนื่องกันมาหลายร้อยปีแล้วขอรับคุณชาย  พวก
ข้าพเจ้าเป็นรุ่นสุดท้ายแล้ว  หากไม่ได้ดังประสงค์ก็เห็นทีจะต้องรอ
คอยไปอีกนานเท่าใดก็ไม่รู้ด้วย วันนี้ลักษณะดวงดาวต่างๆบรรจบ
พอดี ตามคำพยากรณ์ในหนังสือที่ถ่ายทอดสืบกันมาแล้วข้าพเจ้าเป็น
ผู้รักษาของเหล่านี้ไว้  หากไม่พบก็หาได้ทำให้คุณชายต้องเดือดร้อน
อะไรหรอก  เพียงแต่พวกข้าพเจ้าขอพิสูจน์เท่านั้นเองแหละขอรับ”
    ชายหนุ่มนึกก็ยิ่งสนุกมากยิ่งขึ้น จึงเอ่ยกล่าวอีกว่า
   “พวกท่านแน่ใจนะว่าหากการพิสูจน์นี้มิใช่เราจะไม่เป็นอันตราย
ไปนะ  และพวกท่านจะทำอันตรายแก่เราอีกด้วย”
   “สัญญาสัจจะขอรับคุณท่าน  หากแก้วสองดวงนี้เมื่อนำไปยังสถาน
ที่ของเขาแล้วก็จะจมหายไปในร่างกายของคุณชายเอง หากมิใช่ที่อยู่
ของแก้วสองดวงนี้ก็จะคงสภาพเดิมอยู่ขอรับแต่หาได้ทำอันตรายแก่
คุณชายแต่อย่างใดเล่า อีกทั้งพวกข้าพเจ้าก็จะกลับไปเพื่อรอคอย
กาลเวลาอีกต่อไป  คอยเวลาและส่งมอบงานต่อคนรุ่นใหม่ต่อไป”
   “เอาล่ะเมื่อท่านให้สัจจะสัญญาเช่นนี้เราก็พร้อมที่จะให้ท่านพิสูจน์
สิ่งที่ท่านเรียกว่าแก้วสองดวงนั้น เราขอชมก่อนได้หรือไม่ล่ะ???...”
   “ได้ขอรับคุณชาย หากคุณชายเป็นบุคคลที่แก้วทั้งสองนี้ยอมรับ
คุณชายก็จะเห็นเองแหละขอรับ”
    ชายหัวหน้าสองคนนั้นพลันล้วงไปหยิบลูกแก้วซึ่งมีขนาดไม่ใหญ่
นักประมาณเท่าไข่นกกระทาเห็นจะได้  ออกมาทันทีแต่แล้วชายสาม
คนนั้นต่างพากันตลึงพรึงเพริศไปตามๆกัน ด้วยแก้วทั้งสองดวงนั้น
ต่างสีกัน ดวงหนึ่งสีแดงเข้มปานเลือดนก อีกดวงหนึ่งสีเหลืองอ่อน
นวล แต่ภายในซิกลับคล้ายๆมีน้ำใสๆวิ่งไปวิ่งมาได้ พลันส่งประกาย
เจิดจ้าเปล่งออกมาทันที   ทำให้ชายทั้งสามรีบวางลูกแก้วลงยัง
พื้นทรายโดยมีผ้าคลุมศีรษะของชายที่เป็นหัวหน้าคลี่แผ่รองรับไว้
   ชายหนุ่มก็แลเป็นใบหน้าอันแท้จริงของชายคนนั้นก็นึกชมเชยใน
ใจว่าช่างหล่อเหล่ายิ่งนักผิดกับชายอื่นทั่วๆไปถึงแม้จะมีอายุล่วงเข้า
ชายกลางคนไปแล้วก็ตาม  ครั้นแล้วชายทั้งสามคนก็ต่างรีบงอเขาที่
ยกไว้นำอีกข้างมาเสมอแล้วก้มลงกราบไปยังลูกแก้วสองดวงนั้นด้วย
ใบหน้าทั้งสามเอิบอิ่มยิ่งนัก  ชายหนุ่มมองการกระทำของพวกเขา
แล้วก็ให้นึกแปลกใจ  ที่เห็นพวกเขาให้ความเคารพนบนอบแก่ดวง
แก้วสองดวงนี้ยิ่งนักจึงแค่เพียงยืนแย้มยิ้มมองเฉยๆ  แต่ก็แปลกใจที่
แก้วทั้งสองดวงนี้ใยเปล่งประกายน่ารักอะไรเช่นนี้สีสรรแพรวพราว 
   ครั้นแล้วเมื่อหลังจากทำความเคารพเสร็จเรียบร้อยแล้ว  เขาทั้งสาม
ก็เงยหน้าขึ้นมองร่างชายหนุ่มทันที หนึ่งในนั้นพลันเอ่ยขึ้นว่า
   “คุณชายขอรับ พวกกระผมขอน้อมคาราวะท่านด้วยก่อนจะมีการ
พิสูจน์ขึ้นก่อนขอรับ”
   “ไม่ตัองก็ได้กระมังจะติดยึดถือไปทำไมกันเล่า????....”
   “ไม่ได้ขอรับเป็นคำสั่งตกทอดมาขอรับ”
    โดยไม่ฟังความใดๆทั้งสิ้น  ทั้งสามต่างก็ก้มลงกราบชายหนุ่มทันที
ชายหนุ่มก็ตกตะลึงในการกระทำของบรรดาชายเหล่านี้ ด้วยความ
มึนงงสงสัย  ทันใดได้ยินเสียงหนึ่งในนั้นพลันเอ่ยอีกว่า
   “ขอความเมตตาคุณชายช่วยเมตตาถอดเสื้อใส่ออกหันหลังมา
ให้แก่พวกข้าพเจ้าตรวจสอบหน่อยขอรับคุณชาย”
   คงสนุกเหมือนกันเน๊อะชายหนุ่มนึกในใจ  แต่ก็ไม่ขัดพลางปลด
กระดุมเสื้อออก เผยร่างส่วนบนล้วนเป็นกล้ามมัดๆถึงแม้ว่าเขาจะไม่
เคยฝึกหัดการเล่นกล้ามมาก่อน เขาก็สงสัยเหมือนกันว่าทำไมร่างเขา
จึงเป็นเช่นนี้ ข้อนี้เพียงเก็บความสงสัยไว้ในใจเท่านั้น แม้แต่พี่ชายเขา
ที่ชอบฝึกการต่อสู้มาและการเพาะกายก็ยังมิอาจเทียบเขาได้เลย 
ดังนั้นเขามักจะแอบซ่อนใส่เสื้อตลอดเวลาไม่ให้พี่ชายเขาเห็นเลยสัก
ครั้งเดียว  แล้วเขาก็หันหลังไปให้ชายทั้งสามดูทันที  เสียงที่เขาได้ยิน
ดังลั่นมาจากชายสามคนถึงแม้ว่าเขาจะไม่เห็นอากัปกิริยาใด  ก็นึก
คำนวณได้ว่าคงจะเกิดความตื่นหนกยิ่งนัก  จึงเอ่ยขึ้นว่า
   “เป็นอย่างไรล่ะท่านทั้งสาม  ข้าเป็นคนที่ท่านพึงประสงค์หรือไม่
ล่ะ???....ข้าจะใส่เสื้อได้หรือยัง”
   เสียงดังอย่างแสนจะดีใจกล่าวขึ้นว่าอีกนิดเดียวเท่านั้นแหละขอรับ
คุณชาย   ทันใดชายหนุ่มรู้สึกว่าเบื้องหลังเขาได้รับการวางอะไรบาง
อย่างลงบนผิวหนังเขา  ร่างกายเขารู้สึกร้อนวูบวาบขึ้นทันทีเหมือนมี
อะไรบางอย่างพุ่งเข้าสู่ร่างกายส่งกระแสความร้อนเริ่มจะมากๆขึ้น
เรื่อยๆแทบจะทนไม่ได้ จนต้องร้องพรึ่มพรำออกมา  และแล้วก็รู้สึก
มีของอีกสิ่งหนึ่งวางลงยังเบื้องหลังเช่นครั้งแรกแปลกเขาคิดบัดนี้จุด
ที่ชายนั้นวางลงกลับส่งกระแสเย็นจากน้อยไปหามากค่อยแผ่ขยายขึ้น
เรื่อยๆและเข้าต้านทานกระแสความร้อนทันทีแล้วก็รวมตัวกันอย่าง
รวดเร็วทำให้ร่างกายเขาเกิดความเบาอบอุ่นอย่างแปลกประหลาดนัก
กระแสนั้นเย็นประดุจน้ำแข็งอันมากมายแผ่ขยายไปทั่วร่างเขาที่
กระแสความร้อนนั้นแผ่อยู่จนเขาแทบจะทนไม่ได้  เมื่อสายกระแส
นั้นบรรจบกันแล้วรวมตัวกันนั่นแหละเขาจึงค่อยๆรู้สึกสบายร่างกาย
ขึ้นอย่างบอกไม่ถูก  ชายหนุ่มจึงร้องถามชายทั้งสามทันทีว่า
   “เป็นอย่างไรบ้างล่ะ??...ใช่คนที่พวกท่านค้นหาหรือไม่???...”
   เสียงเงียบไม่ดังขึ้นอีกจนเขาแปลกใจจึงรีบสวมเสื้อใส่ทันทีพร้อม
หันหน้ากลับเห็น  ร่างชายทั้งสามนั้นบัดนี้การแต่งกายแปรเปลี่ยนไป
หมดเป็นร่างกายที่สวมใส่ชุดเครื่องแบบทหารโบราณไป เขาเองก็ได้
ค้นคว้าเรื่องเหล่านี้มาเหมือนกัน แต่การแต่งกายของชายทั้งสามผิด
แผกแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง   ด้วยหมวกสวมบนศีรษะทั้งสองด้านมี
ขนนกหลากสีหากนับไม่ต่ำกว่าเจ็ดสีเป็นอย่างน้อย อีกทั้งเครื่องแบบ
นั้นหรือ  ด้านหลังทั้งสองก็มีลักษณะคล้ายๆปีกนกสีขาวแซมสีต่างๆ
อันมากมาย ซ้ำยังส่งแสงประกายแววระยิบพรายไปทั่วร่าง
   ชายหนุ่มผงะร่างทันทีพร้อมรีบถอยหลังออกมาให้ห่างร่างทั้งสาม
นั้น   ที่ยังก้มหน้ากราบมายังเขาอยู่     หนึ่งในนั้นพลันเอ่ยขึ้นว่า
   “ขอเดชะข้าพุทธเจ้าทั้งสามขอถวายพระพรพระเจ้าข้า  ผลพิสูจน์
สำเร็จตามความปรารถนาสมกับที่พวกกระหม่อมและบริวารต่างรอ
คอยมาเป็นเวลาเนิ่นนานแล้ว  คงสมเจตนารมณ์ของท่านผู้เฒ่าที่รอ
คอยมาเนิ่นนานนักแล้ว   พวกข้าบาทจะต้องกลับไปจัดสร้างสิ่งต่างๆ
อีกเพื่อรอคอยพระองค์ต่อไป  สืบเนื่องจากนี้ไปก็เป็นหน้าที่ของ
พระองค์ที่จะต้องกระทำตามลิขิตฟ้าดินเองแล้ว  หากวันใดที่
พระองค์ต้องการจะให้พวกกระหม่อมช่วยเหลือเพียงเอ่ยชื่อไม่ว่าใคร
คนใดคนหนึ่ง  ซึ่งข้าพเจ้ามีนามว่าวิรุฬห์ ซ้ายมือข้าพเจ้ามีนามว่า
สุรสีย์ ด้านขวามือมีนามว่าอินทิราพระเจ้าข้า”................
                   * แก้วประเสริฐ. *
( ข้าพเจ้าขอเอาตอนแรกมาลงไว้ เพราะเคยลงเกริ่นไว้แล้วเพื่อท่่านที่เคย
อ่านมาอาจจะลืมไป เพราะนานแล้วกว่าเรื่อง อทิสมานกาย จะจบลง ชอเชิญ
หาความสำราญกันต่อไปครับ ขอบคุณ)

1139348gm3744qpip.gif76.gif				
comments powered by Disqus
  • อนงค์นาง

    15 กุมภาพันธ์ 2555 06:10 น. - comment id 128473

    สวัสดีค่ะครูแก้วประเสริฐ  
    
    กำลังสนุกค่ะครู ศิษย์จะคอยติดตามอ่านนะคะ
    
    36.gif36.gif36.gif29.gif
  • แก้วประเสริฐ

    15 กุมภาพันธ์ 2555 18:18 น. - comment id 128479

    36.gif16.gif36.gif
    คุณ อนงค์นาง
    
           นิยายเรื่องนี้ครูจะพยายามแยกแยะสิ่งต่างๆ
    ไว้ในเรื่องนี้  รับรองสนุกแน่นอนจ้า ขอให้ติดตาม
    มิฉะนั้นหากขาดตอนก็จะเสียโอกาสไปจ้า
           รักศิษย์เรามากเสมอ
    
               16.gifแก้วประเสริฐ.16.gif
  • แขม่วแมน

    15 กุมภาพันธ์ 2555 23:53 น. - comment id 128481

    ชอบเรื่องสไตล์นี้ครับ
    
    จะแอบมาอ่านบ่อยๆนะ
    
    11.gif11.gif11.gif
  • แก้วประเสริฐ

    16 กุมภาพันธ์ 2555 13:36 น. - comment id 128488

    36.gif16.gif36.gif
    คุณ แขม่วแมน
    
          ชื่อแปลกดีแฮะ  ผมลองเปลี่ยนแนวความคิด
    ไปเรื่อยๆแหละครับ ตามใจผมส่วนคุณชอบผมก็
    ดีใจด้วย บอกตรงๆว่าผมเขียนเรื่องส่งเพื่อฝึก
    งานเขียนผมเท่านั้น  จะดีหรือไม่ผมไม่ค่อยสนใจ
    เพราะผมไม่ใช่นักประพันธ์ เพียงสมัครเล่นฝึกไว้
    เพื่อใฝ่รู้เท่านั้นเอง จึงดีบ้างไม่ดีบ้างครับ ดังนั้น
    ผมถึงไม่ค่อยสนใจว่าใครจะเข้ามาอ่านหรือ
    ไม่  ตามใจเขาครับผมขอเพียงผมสนุกๆไป
    วันๆเท่านั้นเอง ขอบคุณนะครับ
    
                   16.gifแก้วประเสริฐ.16.gif
  • กิ่งโศก

    21 กุมภาพันธ์ 2555 15:13 น. - comment id 128512

    ตอนแรก รู้สึกว่าเคยได้อ่านแล้วนะครับครู
  • แก้วประเสริฐ

    21 กุมภาพันธ์ 2555 16:09 น. - comment id 128514

    36.gif16.gif36.gif
    คุณ กิ่งโศก
    
          ใช่แล้วครูเคยเอามาลงเกริ่นแนวทางไว้แต่ก็
    ได้บอกตอนท้ายไว้แล้วนะว่า กลัวจะลืมจ้า
    เลยนำมาลงใหม่ รักศิษย์เรามากเสมอ
    
                    16.gifแก้วประเสริฐ.16.gif

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน