โดยท่านอนุตราจารย์ชิงไห่ รวบรวมจากวารสาร หัวใจที่ถ่อมตนคือหัวใจที่ว่างเปล่า ปราศจากสิ่งกีดขวาง ไม่มีอัตตา ไม่มีความหยิ่งทะนง ไม่มีที่ใดจะพึ่งพิง เฉพาะเมื่อมันว่างเปล่าเท่านั้น มันจึงจะรับเอาสิ่งที่มีค่า ซึ่งหัวใจที่มีสิ่งอื่นอยู่เต็มเปี่ยม มิอาจรับไว้ได้ เราทุกคนเป็นนักโทษด้วยกันทั้งสิ้น ไม่มากก็น้อย บางคนถูกขังในตึก ในขณะบางคนถูกยึดติด ด้วยความคิดของเขา นี่แหละคือข้อแตกต่าง การถูกขังอยู่ในตึกเป็นเรื่องง่ายที่สุด และยังพอมีความหวังอยู่มาก แต่ถ้าถูกขังด้วยความคิด ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะกลับเป็นอิสระ เราถูกขังด้วยความคิดที่โง่เขลา ความไม่รู้หรือความโลภ ความโกรธและความหลง ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะกลับเป็นอิสระ หรือรู้ว่าเมื่อไรเราจะเป็นอิสระ บางทีตายไปแล้วก้ยังไม่รู้เลย เวลา....เป็นเพียง สิ่งลวงตาตาลวงใจอย่างหนึ่ง ตอนที่เธอนอนหลับ เธอก็จะไม่รู้เวลา และตอนที่เธอมีความสุข เวลาก็จะผ่านไปเร็วมาก ตอนที่เธอทุกข์ เวลาก็จะเดินอืดอาดช้ามาก ทำไมล่ะ? มันล้วนแล้วแต่เป็นความคิด ความคิดที่มีมาแต่ก่อน เราต้องเคารพตัวเราเอง ก่อนที่คนอื่นเขาจะเคารพเรา ถ้าเราไม่มีความมั่นใจในตัวเอง ก็จะไม่มีใครมีความมั่นในตัวเราได้ หากเรายังจำความยิ่งใหญ่ ของตัวเราเองไม่ได้ ก็ไม่มีใคร... จำความยิ่งใหญ่ของเราได้เช่นกัน ชีวิตของคนเรา มักจะยุ่งอยู่กับการวิพากษ์วิจารณ์ เรื่องทางโลก และพยายามแก้ไขคนอื่นให้ถูกต้อง จนเราเหนื่อยมากกับการกระทำเช่นนี้ เมื่อใดก็ตาม ที่เธอทำในสิ่งที่ดีงามและถูกต้อง ความถูกต้องและความดีงามนั้น ก็จะเข้ามาสู่ชีวิตของเธอเสมอ เพราะฉะนั้น นั่นจึงเป็นการปกป้องคุ้มครอง อย่างแท้จริง จงเคารพทุกคน และมองทุกคนด้วยสายตาอันบริสุทธิ์ จะเป็นการดีต่อตัวเธอตลอดเวลา นี่แหละคือวิธีที่ดีที่สุด ในการมองผู้อื่น ความรู้สึกมีตัวตนขีดวงจำกัดทุกสิ่งทุกอย่าง เธอไม่มีทางจะมีความไม่จำกัดถ้าเธอถูกจำกัด นี่คือเหตุผลอันสมควรของเรื่องนี้ การที่จะไร้ขอบเขตจำกัดนั้น เราต้องฝึกปฏิบัติ ฎการสูญสิ้นตัวตน" ต้องฝึกปฏิบัติพลังที่คงอยู่ตลอดกาลของพระเจ้า เราต้องกันเวลาบางส่วนในแต่ละวัน เพื่อติดต่อกับ "พระวจนะ" นี้ สาเหตุของความทุกข์ทั้งมวล ไม่ได้มาจากสภาวะภายนอก แต่จริงๆแล้ว มาจากทัศนคติของตัวเราเอง เราควรจะใช้เวลาในชีวิตของเรา ทุกวินาที ให้เป็นที่พอใจเต็มที่ ดำรงชีวิตด้านบวก มีความสุข และเป็นชีวิตที่เรียนรู้ จริงๆ แล้ว ชีวิตนี้ไม่มีอะไรน่าเบื่อเลย ไม่มีอะไรที่ต้องน่าเบื่อ อย่าพ่ายแพ้ต่อสิ่งกีดขวาง และการทดสอบอันรุนแรง บางทีเราอาจจะยังไม่รู้ วิธีจัดการกับมันในวันนี้ ดังนั้นเราจึงตกใจและพ่ายแพ้ ลองพยายามใหม่ในวันพรุ่งนี้ เราจะชนะได้ในวันหนึ่ง ความรักที่แท้จริงนั้น เธอจะไม่รู้สึกมีภาระ ความรักที่แท้จริง ทำให้คนรู้สึกเบาสบายมากตลอดเวลา ไม่มีข้อผูกมัด ไม่มีภาระ ถ้าเราไม่เคยเผชิญหน้า กับการท้าทาย เราจะรู้ได้อย่างไรว่า ศิลปะการป้องกันตัวของเรา อยู่ในระดับไหน ไม่ว่าเราจะอยู่ในสถานการณ์เช่นไร เราต้องมองดูด้านที่สดใส มองในแง่ที่ดี อย่ามัวแต่คิดเรื่องจุกจิกเล็กๆ น้อยๆ เราควรจะเปลี่ยนสถานการณ์ ที่ไม่พึงปรารถนา ให้เป็นสถานการณ์ที่เอื้อประโยชน์แก่เรา ถ้าหากเราต้องการความสำเร็จ ในชีวิตอย่างแท้จริง ต้องปฏิบัติจากภายในออกมา ก็เหมือนอย่างเรารดน้ำต้นไม้ ต้องรดจากราก ไม่ใช่รดแต่ใบไม้เท่านั้น สิ่งที่เธอควรจะละวางก็คือ การยึดติดกับอำนาจและความมีชื่อเสียง ไม่ใช่ละวางไม่ยุ่งกับเงินทอง และความมีชื่อเสียง ไม่มีอะไรที่ยากอย่างแท้จริง มันขึ้นอยู่กับว่า เราต้องการเปลี่ยนแปลงตัวเราหรือไม่ เพื่อเราจะจำได้อย่างแท้จริงว่า อะไรคือคุณสมบัติที่ดีในตัวเรา อะไรที่หลอกลวง และเป็นอันตรายต่อตัวเรา เราต้องซื่อสัตย์ต่อตนเอง เพราะไม่มีใครบอกเราได้ จงละทิ้งทุกสิ่งทุกอย่าง แล้วเธอจะมีทุกสิ่งทุกอย่าง ความรัก.... เป็นกฎที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในจักรวาล ไม่ว่าสิ่งใดล้วนได้รับการชำระล้าง ด้วยความรักที่แท้จริง ดังนั้น เมื่อเธอทำสิ่งใดเพื่อการกุศล จงทำด้วยความรัก จงมีความสุข กับสิ่งใดก็ตามที่เธอมีอยู่ มิฉะนั้น... พระเจ้าจะเอาทุกสิ่งไปหมด ยิ่งเราทำงานมากขึ้น ยิ่งเราพยายามช่วยเหลือผู้อื่นมากขึ้น เราก็ยิ่งจะเจริญพัฒนามากขึ้น และไม่ว่าเราจะทำงานอะไร เราจะต้องทำอย่างสุดจิตสุดใจ นอกจากนี้เรายังต้องช่วยเหลือ เพื่อนๆ ของเราในทุกๆ ทาง ที่เราสามารถจะช่วยได้ ทำให้เขามีความสุข ทำให้เขารู้สึกว่า เขาได้รับความรัก เมื่อสถานการณ์ ต้องการให้เราแสดงความรักออกมา เราก็จะต้องแสดงความรักของเรา และต้องแสดงด้านการกระทำ การพูด และความคิด ที่เต็มไปด้วยความรัก และความเมตตาอยู่เสมอ การทำเช่นนี้เป็นสิ่งที่ดีที่สุด ต่อการพัฒนาจิตวิญญาณของเรา รวมทั้งเป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับเพื่อนๆ รอบตัวเรา สิ่งที่ดีที่สุด จะเรียบง่าย และไม่มีเงื่อนไขเสมอ เราควรจะมีชีวิตที่เรียบง่าย ไม่ใช่ชีวิตที่ยากจนแร้นแค้น ไม่ใช่ชีวิตที่วุ่นวายยุ่งเหยิง ความเรียบง่ายนั้นต่างจากสิ่งเหล่านี้ เราบำเพ็ญปฏิบัติ ไม่ใช่เพื่อที่จะเปลี่ยนแปลงโลก แต่เพื่อเปลี่ยนแปลงปัญญาของเรา เราเปลี่ยนแนวความคิด และความคิด ใช้ปัญญาในการเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ ที่รู้สึกเลว ให้เป็นสถานการณ์ที่ดี ไม่ว่าหน้าที่การงานของเราจะเป็นอะไร สิ่งที่สำคัญที่สุดในโลกนี้ ก็คือการรักซึ่งกันและกัน หากเราไม่ทำหน้าที่เช่นนี้ เราก็จะขาดสิ่งต่างๆ มากมาย สิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตนี้ ในหลักการบำเพ็ญของเรา ก็คือความรัก รักผู้อื่น รักตัวเราเอง จงหลุดพ้นจากความเกลียดชัง อคติ ทัศนคติที่ชอบวิพากษ์วิจารณ์ และความคิดในทางลบ เพราะสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งไม่ดี เป็นภาระซึ่งผูกมัดให้เราไว้กับโลกแห่งวัตถุ หรือผูกมัดให้เราอยู่ในสามโลก ถ้าปราศจากสิ่งเหล่านี้ เราก็จะหลุดพ้นตั้งแต่มีชีวิตอยู่ อะไรคือจิตตารมณ์ของเซ็น? จิตตารมณ์ของเซ็นก็คือ การมีความสุขในวันนี้ ทำสิ่งที่ต้องทำในวันนี้ ไม่ว่าจะมีความสุขหรือความทุกข์ ทุกสิ่งก็คือวันนี้ อย่าไปกังวลเกี่ยวกับอดีต อดีตนั้นไม่สามารถหวนกลับมาอีกแล้ว อนิจจา! อนาคตก็ยังมาไม่ถึง แต่น้อยคนนักจะอุทิศความสนใจของเขา ให้แก่ปัจจุบันอย่างเต็มที่ นี่แหละคือเหตุผลที่ทุกๆคน ต่างมีความทุกข์กันมากเหลือเกิน เราจะต้องทำตัวเสมือนเป็นผู้ฟัง เราต้องมีปัญญามากพอ และรู้แจ้งมากพอ ที่จะเฝ้าชมเกมการละเล่นทั้งหลาย ของจักรวาล และออกไปให้พ้นจากความทุกข์ยากนี้ให้ได้... ถ้าเรามีใจกว้างต่อผู้อื่น และอภัยต่อผู้อื่นอยู่เสมอ แม้ว่าพวกเขาปฏิบัติไม่ดีต่อเรา เราก็ยังคงปฏิบัติดีต่อเขาและรักเขา นี่แหละคือหัวใจของเด็กๆ
28 กรกฎาคม 2554 18:47 น. - comment id 125279
28 กรกฎาคม 2554 17:39 น. - comment id 125280
28 กรกฎาคม 2554 17:50 น. - comment id 125281
28 กรกฎาคม 2554 21:38 น. - comment id 125301
ทั้งหมดข้างบนนั่น ก็ยังแทนคำขอบคุณไม่หมดนะคะ คีตากะ... ขอบคุณสำหรับข้อความดีๆ.... อ่านแล้วสบายใจ..เชิ๊บ..เชิ๊บ...เชิ๊บ... แซมยิ้มแระ....... แซมค่ะ
31 กรกฎาคม 2554 14:02 น. - comment id 125318
ขออนุญาตคัดลอกไว้ในสมุดบันทึก ไว้อ่านให้กำลังใจตัวเอง ยามที่ต้องเผชิญกับสถานการณ์ ณ.ปัจจุบัน
11 สิงหาคม 2554 16:25 น. - comment id 125584