มีชายคนหนึ่งหลงรักงานศิลปะมาก โดยเฉพาะภาพเขียน แต่อย่างว่า สมัยนี้พบเจอแต่ภาพถ่าย วันหนึ่ง ที่ตลาดนัดซึงเงียบเหงา เขาพบคนเขียนรูปคนหนึ่ง กำลังนั่งเขียนรูป เขาเฝ้ามองด้วยความตั้งใจ โอ ฝีแปรง และการลงสีช่างงดงาม ภาพท้องทะเลสีคราม ฟองคลื่น และพระอาทิตย์ที่กำลังจะลาฟ้า มีเรือกอและ ผูกผ้าแพรสีใส ดูทำให้ท้องทะเลยามเย็นสดชื่นขึ้น "นี่แหละ ศิลปะ ที่เราเฝ้าหา" เขาบอกตัวเอง คุณครับ ภาพเขียนคุณงามจัง เขาเอ่ย ชายเขียนภาพเงยหน้าขึ้นมามองเขา ด้วยสีหน้าเรียบเฉย "มันคือทัศนะคติและธรรมชาติในความฝันของข้า" ชายเขียนรูปกล่าวด้วยสีหน้าเรียบเฉย ขอซื้อได้ไหมน่ะ (เขาคิดในใจ) ชายผู้รักศิลปะ เฝ้ามองฝีแปรง และภาพวาดอย่างหลงใหล และหลงรัก ศิลปะที่แท้จริง ต้องเป็นแบบนี้ซิ มิใช่ โพสการ์ด ตามตรอกถนนข้าวสาร ผมชอบภาพเขียนคุณนะครับ เขากล่าว มันคือจิตวิญาณ และชีวิตของข้า ข้าเขียนมันมาจากใจ (ชายเขียนรูปพูด) สองคน หนึ่งชายนั่ง ดู และอีกหนึ่งชายทำงาน และทำหน้าที่ของตนต่อไป ขอซื้อได้ไหมนะ (ชายผู้รักศิลปะคิดในใจ) แต่ถ้าซื้อไปเราจะเอาไปเก็บไว้ที่ไหน ที่บ้านมีภาพเขียนอีกภาพซึ่งได้มาเมื่อนานมาแล้ว (เขาคิด) นี่คุณ ชอบภาพเขียนข้าจริงเหรอ (ชายเขียนรูปถามหลังละมือจากวางพู่กัน) ครับ (เขากล่าวสั้นๆ แววตาจับลึกลงไปในท้องทะเลและฟองคลื่นภาพเขียนนนั้น) แต่ข้ามันแค่จิตรกรไร้นามนะ ทำไมคุณไปเดินหาชมภาพงามๆตามสถานที่แสดงภาพศิลป์หละ ไม่รู้ซิ ผมชอบภาพคุณ ผมอยากจะขอซื้อไว้ แต่เกรงว่าความงามของภาพจะหม่นหมอง เพราะที่บ้านผมไมมีที่ว่างเหมาะเจาะกับงานงดงามแบบนี้ (เขากล่าว) ไม่เป็นไร แค่มีคนชอบข้าก็ยินดีแล้ว (ช่างเขียนกล่าว) และภาพวาดข้าคงจะกองเรียงไว้ในตู้โน่น เขาชี้มือไป ภาพคุณสวยจริงๆครับ (ชายผู้รักงานศิลปะกล่าวอีกครั้ง) ก่อนเดินจากไป ในวินาทีนั้น เขาเพิ่งได้รู้ว่า ศิลปะที่งดงามไม่จำเป็นต้องมาจากจิตรกรลือนาม เขาอยากได้มัน แต่ที่บ้านคับแคบ และไม่มีที่ว่างเหมาะที่จะซื้อหาภาพงามไปวางได้ และบ่อยครั้ง เมื่อเขาพบงานศิลปะที่ไหน เขามักจะคิดถึงภาพนั้น ภาพท้องทะเลสีคราม ฟองคลื่น เรือกอและ ผูกผ้าแพรสีใส และพระอาทิตย์ที่กำลังจะลาฟ้า บางคราวอดไม่ไหว ย้อนเดินไปที่ตลาดนั้น เห็นภาพงามยังกองวางอยู่ในตู้ มันสวยจริงๆ (ทุกครั้งที่เขาคิด หัวใจก็พองโตเหมือนรักแรกพบ) แค่ได้รู้ว่ายังมีงานศิลปะดีดีก็สุขใจแล้ว อยู่มาวันหนึ่ง เขาเดินไปยังร้านนิตยสาร หยิบหนังสือกีฬาพาดหัว "สิงห์ซื้อสากกะเบือ หงส์จิกปีศาจ" (เขาฉีกยิ้มที่มุมปากก่อนวางลงชั้นวาง) นั่น นิตยสารท่องเที่ยวไทย รายเดือนเมืองไทยนี่ช่างงดงามนัก" และแล้วภาพถ่ายหนึ่งในนิตยสาร - คุ้นตา เหมือนเคยเห็นที่ไหน อะไรกันนี่ เขาตกใจ ภาพเขียนที่เขาเจอที่ตลาด นี่มันภาพถ่ายนี่ เหมือนภาพนั้นมาก แต่นั้นคือภาพเขียน นี่ไม่ใช่ถ่ายจากภาพเขียน ภาพถ่ายทะเลไทยอันวิไลล้ำที่ไหนสักที่ ภาพถ่ายชัดเจนว่าเป็นภาพจากไหน แต่...การเขียนภาพหละ ภาพถ่าย กลายเป็นภาพเขียน หัวใจเขาหลุดหล่น คิดถึงศิลปะ และถ้อยคำที่ก้องหูเขาของคนเขียนภาพ มันใช่หรือไม่ใช่จิตวิญาณ และชีวิตของเขา และเขียนมันมาจากใจจริงหรือไม่ (เขารู้คำตอบ) เขาเสียใจ และหัวใจเลื่อนลอย แต่ไม่ได้นึกตำหนิอะไรมากกว่าเสียใจ ฝีแปรงเขาดี การลงสีสวย และแสงเงาก็งาม แต่มันไม่ใช่ศิลปะจากจิตวิญาณ นั่นคือสิ่งที่เขาโศกเศร้า วันนี้ เขายังชื่นชมภาพเขียนผืนนั้น และนับถือฝีมือช่างเขียน เพียงแค่ เขาแค่ผิดหวังวิธีการ ของคนที่บอกว่ารักศิลปะเท่านั้นเอง ความรักไม่ได้เกิดจากจิตวิญญาณหรือ แค่มีสารกระตุ้นและแบบร่าง ก็สร้างรักได้แล้วหรือ อนิจจา เมื่อพระจันทร์ที่แสนเศร้า / แทนคุณแทนไท
28 มีนาคม 2554 21:10 น. - comment id 123123
สำหรับบางคนความรักดีๆก็ไม่ใช่จะสร้างขึ้นมาได้ถ้าหากมันไม่ได้มาจากใจจริงๆ แต่บางสิ่งที่ทำไปย่อมมีเหตุผลในการกระทำ
28 มีนาคม 2554 21:31 น. - comment id 123124
ถึง...คุณแทนคุณ แทนไท คนที่รักศิลปะไม่ว่า.. จะเป็นภาพวาดหรือภาพที่ถ่าย ต่างก็ใช้หัวใจทั้งสิ้น... สารกระตุ้นก็เป็นเพียงตัวช่วย ให้ภาพนั้นเสร็จและสมบูรณ์เร็วขึ้นเท่านั้นเอง..... ไม่ว่าภาพที่บรรจงวาดหรือ... ภาพที่ถ่ายออกมา... จิตกร..ก็ต้องใช้หัวใจแท้ๆเรียงร้อย.. ออกมาให้เป็นภาพที่สวยงาม.. ... หัวใจที่ใช้กลั่นกรองออกมาให้เป็นภาพได้ งดงาม... ความรักก็เหมือนกันต่างก็มาจากหัวใจ.. ทั้งสิ้น.. เมื่อมีคนที่เห็นคุณค่าในความรัก.. สารกระตุ้น สารที่ทำให้เรารับรู้ว่า.. ความรักนั้นงดงามมากเพียงใด.. คำพูด... การกระทำ.. ตัดสินได้เลยว่าความรัก บางครั้งจิตรกร..พยายาม วาดภาพนั้นเป็นสิบๆปี คิดว่าภาพนั้นต้องสวยงาม.. และสมบูรณ์แบบที่สุด.. แต่เมื่อคนที่มองภาพนั้นไม่เห็นคุณค่า เห็นเพียงภาพนั้นเป็นเพียง กระดาษ... อยากจะหยิบมาดูเมื่อไรก็ได้.. ไม่รู้คุณค่าภาพนั้น.. เมื่อวันหนึ่งมีคนที่รักศิลปะ.. เหมือนกัน.. หยิบภาพออกมาชื่นชมและเห็นคุณค่า จิตกร..จะมอบภาพนั้นให้กับผู้ใด... เมื่อหัวใจที่เป็นศิลปะถ่ายทอดหัวใจลงงานศิลป คนที่เห็นภาพงดงาม ก็ต้องเป็นคนที่รักศิลปะเหมือนกัน..
29 มีนาคม 2554 15:22 น. - comment id 123126
ความรักไม่ได้เกิดจากจิตวิญญาณหรือ แค่มีสารกระตุ้นและแบบร่าง ก็สร้างรักได้แล้วหรือ คมค่ะ เข้าใจนะ การที่เรารักอะไรสักอย่าง เราย่อมอยากให้สิ่งๆนั้น ปราศจากมลทินใดๆ นั่นอาจเพราะเราพกพาความคาดหวังมาผูกพ่วงกับความรัก แต่ความรักก็คือความรัก อาจมีการชักนำ แต่ไม่มีการขู่บังคับ
29 มีนาคม 2554 15:54 น. - comment id 123128
ขอบคุณคุณก้าวที่กล้าเลยครับ ที่ถอดรหัสความรู้สึกนึกคิดผมออก
29 มีนาคม 2554 15:58 น. - comment id 123129
น้องสมองน้อยๆ.... การมีเหตุผลนะดีแล้ว แสดงว่าเรามีสติ แต่ถ้าเหตุผลทีทำไปขาดสติอย่าเรียกเหตุผลดีไม๊ค่ะ ความเหมาะสม ความสมควร จารีต ประเพณี และสิ่งต่างๆมากมายที่จะใช้หักห้ามเหตุผลที่เกิดจากสัญชาตญาณเพียงฝ่ายเดียว ขอบคุณที่แวะมาครับ
29 มีนาคม 2554 16:02 น. - comment id 123130
คุณดอกไม้ ใบหญ้า สิ่งที่ท่านว่าใกล้เคียงกับรู้สึกนึกคิดผมแทบทั้งสิ้นครับ ขอบคุณน้ำใจที่เห็นได้ว่าตั้งใจจะตอบ แสดงว่าอ่านละเอียดมาก ผมแค่แย้งนิดเดียวครับ "ควรซื่อสัตย์ต่อจืตวิญญาณตัวเอง" ถ้านำภาพวาดมาจากถาะถ่ายก็ควรบอกจิตวิญาณว่า นี่มิใช่ภาพเขียนในมโนของข้า ก็เพียงนั้น ขอบคุณน้ำใจ
29 มีนาคม 2554 20:20 น. - comment id 123132
เรียน..คุณแทนคุณ แทนไท ความรู้สึกภาพถ่าย.. ที่ถ่ายมาจากภาพวาด... สำหรับดอกไม้ ใบหญ้า.. มันอยู่ที่ความตั้งใจในการนำเสนอ.. มากว่า... สำหรับจิตกรแล้ว..ไม่ว่า การถ่ายภาพที่มาจากรูปวาด.. มันก็คือศิลปะอย่างหนึ่ง..ที่สื่อออกมา แต่มันเป็นการนำเสนอผลงาน.. ที่มาจากจิตญาณ..และต้องบวกเพิ่มคุณค่า เพราะจิตกรตั้งใจที่จะถ่ายภาพ... จากฝีมือที่ตัวเองตั้งใจวาดมากมาย... ไม่เพียงแค่น้ำหมึก..หรือสีที่ใส่ในภาพ มันคือทุกสิ่งทุกอย่างที่ตั้งใจ.. ความรู้สึกนึกคิด..หัวใจ..สั่งให้สมอง.. ขยับมือแล้วบรรจงแปรงออกมา.. ให้เป็นภาพ.. เช่นกันภาพที่จิตกรบรรจงกดชัตเตอร์ จากภาพที่วาดนั้น... ลองคิดดูว่าซิค่ะว่าต้องใช้ความตั้งใจ.. ขนาดไหนจะให้ภาพออกมาสวย.. น่าจะบวกคุณค่าเพิ่มไปอีก... เพราะจิตกรต้องตั้งใจให้ภาพนั้น.. คมชัด..และสวยงาม. ซึ่งรวมแล้วจิตกรต้องการสื่อออกมาว่า จิตวิญาณความรู้สึกทุกส่วนของหัวใจข้า ใส่ความคมชัด..สวยงามของภาพ ได้รวบรวมกลายมาเป็นมโน..ของข้า แล้วจึงกดชัตเตอร์. เพียงแต่ว่าคนที่มาดูงานที่จิตกรบรรจงสร้าง... ต้องตั้งใจและใช้หัวใจจริงๆมองภาพนั้น จะรับรู้ได้ทันทีว่าภาพนั้นหาได้เป็นเพียงมโนหรือจิตวิญาณเท่านั้น แต่มันคือทุกสิ่งทุกอย่างรวบรวมกัน ซึงรวมแล้วมาจากก้นบึ้งของหัวใจ มันจึงจะกลายมาเป็นงานศิลปะ (ถึงแม้ดอกไม้ใบหญ้าจะไม่ใช้ศิลปิน แต่หัวใจของดอกไม้ใบหญ้าก็รักศิลปะ)
29 มีนาคม 2554 22:21 น. - comment id 123134
สั้นๆว่า ขอบคุณดอกไม้ใบหญ้าครับ
30 มีนาคม 2554 00:44 น. - comment id 123135
หงส์จิกปีศาจ" (เขาฉีกยิ้มที่มุมปากก่อนวางลงชั้นวาง วรรคนี้รับบ่ได้.......(ขณะกะลังอินกะเรื่องสั้น ยังสามารถเกิดแรงต้านสะท้านวรรคนี้ อย่างแรง)
30 มีนาคม 2554 10:42 น. - comment id 123136
แล้วแต่ความชอบ ภาพวาดอาจตกหล่นบางอย่าง ขาดความคมชัด..แต่ก็มีบางอย่างมาชดเชยน่ะ..
30 มีนาคม 2554 14:49 น. - comment id 123138
ความอ่อนไหวในอารมณ์.. มักจะนำมาซึ่งความผิดหวังได้ในบางครั้ง แต่เมื่อเวลาผ่านไป .. ทุกสิ่งก็เข้ารูป เข้ารอยเหมือนเดิมค่ะ รออ่านเรื่องต่อไปครับผม
30 มีนาคม 2554 20:21 น. - comment id 123140
เด็กผี คุณนับเรื่องกะพี้เป็นสาระ และมองไม่พบแก่นอันเป็นสาระนั้น ผมรักน้ำใจคุณและขอบคุณทีมาทักมายครับ (อย่าเคืองนะ ถ้าเคืองวันหลังจะไปขอโทษ)
30 มีนาคม 2554 21:35 น. - comment id 123141
ครับคุณกุ้งหนามแดง แต่ภาพวาดจากมโน กับวาดจากภาพถ่าย (มิใช่หัวใจคนรักศิลปะดอกหรับ) ขอบคุณที่แวะแสดงความเห็น รับฟังครับ
30 มีนาคม 2554 21:38 น. - comment id 123142
ครับ-ค่ะ คุณแก้วประภัสสร ผมรักบทกวีและไม่ปรารถนาให้บทกวีแปดเปื้อน (สำหรับรู้สึกในวันนนี้)
31 มีนาคม 2554 06:47 น. - comment id 123144
ชายผู้รักศิลปะ และช่างเขียน มีสิ่งที่เหมือนกันอย่างคือ ความรักศิลปะ แต่ที่ต่างกันคือวิถีชีวิต เชื่อเถอะค่ะว่าความรักไม่ได้หายไปไหน จิตวิญญาณที่สร้างงานไม่ได้หายไปไหน เพียงแต่บางครั้ง ความรัก ก็ไม่สามารถแสดงออกได้ในความเป็นจริงของชีวิต จิตวิญญาณ ไม่มีใครพรากไปจากใครได้ แต่บางครั้งบางคนก็ไม่มีทางเลือก จำปล่อยให้จิตวิญญาณหปลับใหลไปบ้าง แต่ไม่นานก็จะตื่น......... ................................... อ่านเรื่องสั้นคุณแทนฯ แล้วได้แง่คิดแบบนี้...ค่ะ
31 มีนาคม 2554 07:56 น. - comment id 123145
31 มีนาคม 2554 13:48 น. - comment id 123150
สวัสดีค่ะ พี่แทน... "ความรัก" ละเอียดอ่อน ละเมียดละไม อ่านแล้วน้องตกใจ... ตกใจตัวเอง "จิตวิญญาณ" ของตัวเอง หายไปหรือ... ใจหายวาบเลยล่ะ
31 มีนาคม 2554 15:58 น. - comment id 123153
สวัสดีครับคุณโคลอน ผมนึกสงสัยอยู่ว่าคุณหายปไหน ไม่พบเห็นหลายวันเลยครับ ขอบคุณที่ยังอยู่ และแวะมาทักทายกันครับ สิ่งที่คุณว่ามาผมคิดนึกดูเห็นจะเป็นจริงดั่งนั้นครับ ความรักไม่ได้หายไปไหน เพียงแต่ผมเสียนิดเดียวที่ภาพเขียนนั้นมิได้มาจากมโน บางครั้ง เราอาจเรียกความรักเช่นเดียวกัน แต่จุดเริ่มต้นของความรักอาจต่างกันก็ได้ นั่นคือสองคนต่างรัก แต่อีกคนสำคัญผิดในรักของอีกคนว่ามาจากหนึ่ง แต่แท้แล้วมาจากอีกสิ่ง แต่ภาพวาดที่ทั้งสองหลงรัก ก็เป็นความรักในภาพวาดอยู่ดี สุดท้ายคงจบที่ว่าขายผู้หลงรักศิลปะ ได้รักศิลปะนั้นแล้ว แล้วจะยังรักอยู่รึไม่ว่ามิได้มาจากมโน ทำให้ผมนึดถึงความรู้สึกบางอย่างของผม "รักแต่ละที ไม่มีบังเอิญ" รักแรกพบ เพียงตาสบ ซาบซึ้งตรึงความหมาย มนต์ความไม่เคยมีก็คลี่คลาย ทนเหงาไว้เจียนตายก็หายพลัน รักกูลเกื้อ ก่อจากความช่วยเหลือ มิเบื่อผัน ส่งผ่านม่าน รัศมีที่พลีปัน หาใช่สิ่งมหัศจรรย์เกินเข้าใจ รักใกล้ชิด เกินทนพิษความห่างที่ขวางไว้ เพียงใกล้กายก็คล้ายละลายใจ แล้วจะรักกันไหมถ้าไกลกัน รักไซเบอร์ เก็บไปหลง ละเมอ จนเพ้อฝัน สลับกลับเป็นหนาวเย็นเมื่อเห็นกัน เมื่อความจริง สิ่งนั้น แค่ฝันไป รักสงสาร อาจสุขผ่านความดีที่พลีให้ จนเมื่อเลยล่วงผ่านกาลนานไป ให้รักสุขอย่างไร ถ้าใจตรม รักตอบแทน ยอมให้แม้น แสนฝืนสุดขื่นขม หลอกตนเอง หลอกคนอื่น ขืนอารมณ์ น่านิยมยิ่งนัก รักหลอกลวง รักเพราะให้ เพียงได้ความเอาใจใส่อย่างใหญ่หลวง เหมือนเห็นค่าคนรัก จนปักทรวง แท้แค่คิด ตักตวง ลวงว่ารัก รักชื่นชม เริ่มจากความ นึกนิยม เป็นพื้นหนัก พ่ายพลัง ดูดดึงตรึงใจภักดิ์ เมื่อนานไป ก็จัก ประจักษ์ใจ รักลวงตา หลงในมนต์มายา น่ารักใคร่ รู้ทั้งรู้อยู่หรอก เขาหลอกใช้ ยังปักใจ ศรัทธามายาลวง รักรูปลักษณ์ เหมือนรู้จัก คนรักอย่างใหญ่หลวง ทั้งรูปร่าง ทางท่า ประดาปวง แต่เกลากลวง ยิ่งนัก รักรูปกาย ไม่พบรัก ก็จะยังแน่นหนักกับความหมาย ว่าจะยังคง เหงา แทบขาดใจ ทุกข์จะเริ่มเปลี่ยนไป เมื่อมีรัก !!! บทส่งใจ.... นักเขียนนาม ดั่งตฤณ เคยเขียนไว้ในมติชนสุดสัปดาห์ ว่าไว้ดั่งนี้ ...รักระหว่างชายหญิง จะเกิดจากเหตุอันใด ยืนบนพื้นฐานบาปบุญแบบไหนก็ตาม ท้ายสุดก็มีฤทธิ์ผูกใจไว้ ไม่ให้ได้เป็นไทในตนเอง จนกว่าใครจะแสวงหา ความรักอิสรภาพทางใจ และพบกับรักชนิดนั้นจริง จึงยุติการสร้างเหตุแห่งทุกข์รูปแบบใดรูปแบบหนึ่งลงเสียได้อย่างถาวร ถ้ายังไม่มีความรัก เรารู้แน่ว่าต้องทนทุกข์แบบเหงา แต่ถ้าฝืนมีความรักให้จงได้ เราไม่รู้เลยว่า จะต้องทุกข์แบบไหนแน่ ... ท่าจะจริง แทนคุณแทนไท ความเสียใจผมดีขึ้นพลัน
31 มีนาคม 2554 16:15 น. - comment id 123154
อีกสองท่านจะตอบคืนนี้ครับ แบบว่า ...มันมาอีกแล้ว
31 มีนาคม 2554 16:26 น. - comment id 123155
^ ^ ^ ยาหอม ยาลม ยาหม่อง มั๊ยคะ ( )
1 เมษายน 2554 01:46 น. - comment id 123165
^ ^ หรือ...จะเป็นยาแก้ปวด..ยาแก้อักเสบ..ดีไหม
1 เมษายน 2554 02:44 น. - comment id 123169
กลั่นแก้ว...ค่ะ เชื่อและมั่นใจในทุกๆสิ่งทุกๆอย่างที่แสดงงานศิลปะออกมาไม่ว่าจิตกร หรือคนที่รักศิลปะหรือศิลปิน รายละเอียดความหมายความรู้สึกที่อยู่ในเนื้องานคนที่รักศิลปะเหมือนกันรู้ความหมายมันอย่างละเอียดดีเลยค่ะ ขอบคุณนะค่ะสำหรับงานดีๆแบบนี้
1 เมษายน 2554 22:18 น. - comment id 123186
ขออนุญาติเก็บภาพไว้ด้วยนะครับ ผมเคย เก็บภาพเขียนซึ่งดูเสมือนหนึ่งว่าเป็นการ ถ่ายรูปแต่ไม่ใช่แต่ช่างเหมือนจริงๆ คำคม คุณก็กล่าวด้วยอารมณ์แห่งจิตวิญญาณอัน แท้จริงครับ ผมเคยได้ยินรับฟังการสั่งสอน จากครูสมัยผมเรียนหนังสือว่า "งานทุกๆอย่างจะปราณีตหรือไม่หาใช่สิ่ง สำคัญใดไม่หากเราใช้จิตวิญญาณเราสามารถ นำใส่ลงไปในงานนั้นๆงานนั้นก็จะเด่นขึ้น ทันทีด้วยการผสมผสานระหว่างงานกับ จิตวิญญาณเข้าด้วยกันอย่างแนบแน่นยิ่ง ฉนั้นทุกๆสิ่งอย่างควรจะใช้จิตวิญญาณเรา ผสมเข้าไปในงานที่เราต้องการด้วยทุกๆ ครั้ง " ตอนแรกผมฟังไม่เข้าใจว่าทำไม จึงต้องใช้จิตวิญญาณผสมกับงาน แค่เป็น งานที่เราทำก็จะเพียงพอแล้ว แต่เมื่อพ้น ภาระนักเรียนแล้วมาทำงานนั่นแหละถึง จะเริ่มเข้าใจในคำสั่งสอนแนะนำของครู ครับ นับได้ว่าเป็นงานเขียนที่ดีมากครับ แก้วประเสริฐ.
1 เมษายน 2554 23:10 น. - comment id 123187
ขอบคุณสำหรับสามยิ้มและหนึ่งดอกไม้ครับคุณเทียนหยด
1 เมษายน 2554 23:11 น. - comment id 123188
น้องแมงกุ๊ดจี่ "ทำเป็นพูดดีไป" สุขภาพใจเยียวยาได้ดีก็พอแล้ว
1 เมษายน 2554 23:14 น. - comment id 123189
ขอบคุณทั้งน้ำใจของคุณกลั่นแก้ว และถ้อยคำที่ดีงามของคุณแก้วครับ.... ขอบทุกทุกไมตรีและมิตรภาพที่มาเยือนกันเสมอๆ
3 เมษายน 2554 10:57 น. - comment id 123221
....
3 เมษายน 2554 21:04 น. - comment id 123227
ผู้หญิงช่างฝัน นานแล้วไม่เห็นกัน สบายดีนะครับ นึกถึง และคิดถึงเสมอ มิตรภาพอันงดงาม ขอบคุณที่แวะมาวางดอกไม้ ไม่ได้วางหรีด 55+
16 เมษายน 2554 22:01 น. - comment id 123505
คุณแทนเป็นคนที่ละเอียดอ่อนจังเลยค่ะ แสดงว่าเป็นคนที่เข้าใจความรู้สึกคนอื่นได้ดีทีเดียวแต่อย่าลืมเข้าใจตัวเองด้วยนะค่ะ..