* * * หนูหิ่ง ฯ ตอน งอ อู งู * * *

หิ่งห้อยน้อยใจ

 
หลาย ๆ คนที่สนิทกันจะรู้ว่าฉันมีโรคประจำตัวคือ โรคกลัวงูขึ้นสมอง 
(กลัวมาก ถึงมากที่สุด) แปลกมั้ยล่ะ 
ทั้ง ๆ ที่ตัวก็อาศัยอยู่บนเขาตั้งแต่เกิด.. จนโต
@ งูตัวแรกที่เจอ (ถ้าจำไม่ผิดนะ) 
อายุประมาณ 5 ขวบได้แล้วหละ ตอนเย็น ๆ ของทุกวัน มีหน้าที่ไปรับพ่อที่ไร่ 
ซึ่งก็อยู่ห่างจากบ้านไม่ไกลเท่าไหร่ ก็ไปช่วยพ่อเก็บพืชผักในไร่ไปขายมั่ง เก็บไว้กินมั่ง 
เย็นวันหนึ่งก็เดินไปรับพ่อตามปรกติ แต่ยังไปไม่ถึงกระต๊อบ เพิ่งจะถึงหัวไร่เท่านั้นเอง . เอ๊ะ 
เห็นอะไรแว๊บ ๆ ที่ต้นหญ้า คิดเองก็ตอบตัวเองในใจ. ก็งูอ่ะดิ งูเขียวด้วยนะ 
ตัวเล็ก ๆ นิ๊ดเดียวเอง สงสัยเพิ่งจะออกจากไข่มาแหงเลย กำลังพันอยู่บนต้นหญ้า (ไม่ใช่ต้นไม้นะ) 
รู้สึกว่ามันกำลังจ้องหน้าอยู่ ก็เลยไม่กล้าก้าวขาวิ่ง ทำไงดีล่ะทีนี้.
ก็อยู่มันตรงนั้นแหละ ร้องให้เลย ร้องดัง ๆ เดี๋ยวพ่อได้ยินก็วิ่งมาหาเองแหละ 
คิดได้ดังนั้นก็ตั้งหน้าตั้งตาร้อง ๆ ๆ ๆ จนพ่อวิ่งมาดู โอ้ โฮ แฮะ เจ้างูเขียวตัวน้อยท่าจะหูหนวก 
เขาร้องแทบตาย ไม่ยักกะได้ยิน พอพ่อมาถึงก็ชี้โบ้ชี้เบ้ให้พ่อดู ว่างูมันอยู่ตรงนั้น
พ่อหันไปดูและเข้ามากอดพร้อมทั้งหัวเราะจนตัวโยก  โธ่เอ๊ยลูก นั่นมันเถาวัลย์ ไม่ใช่งูสักหน่อย .  
แป่ว.........................หน้าแหกแตกละเอียด........................
พ่อบอกว่า
สิ่งที่เห็น อาจไม่ ใช่อย่างคิด
จงพินิจ ให้ดี ค่อยตัดสิน
บางครั้งเสียง ส่งมา ให้ได้ยิน
อาจไม่สิ้น สุดคำ เจรจา
ลูกจ๋าเจ้า จงจำ คำพ่อไว้
เมื่อเติบใหญ่ ให้ดู รู้รักษา
ความซื่อตรง จากใจ ใส่วาจา
เขาพูดมา ฟังจบ ครบถ้อยความ
แฮ่ ๆ ๆ โง่บรมเลยเรา.. อุตสาห์ร้องซ้าตาบวม..
@  ตัวที่สอง  
ก็บอกแล้วว่าบ้านอยู่บนเขา  ในวันหยุดเสาร์  อาทิตย์  เด็กเล็กเด็กโตทั้งหลาย  
ก็มักจะนัดกันไปยิงนก ตกปลา งมหอย   (อันนี้หอยจริง ๆ กินได้ด้วย  
ภาษาพื้นเมืองเรียกว่า  หอยจูบ   เพราะเวลากินต้องดูดให้ตัวหอยหลุดออกมาจากกระดอง 
แต่ภาคกลางจะเรียกหอยขม  ก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันขมตรงไหนอ่ะนะ)  เมื่อวานตอนเย็น ๆ ก็นัดกันไว้ว่า  
เช้าวันนี้จะไปนา  ไปงมหอยและเก็บผักตามทุ่งนา  พอสมาชิกมาพร้อมหน้าก็เริ่มออกเดินทาง  
พอพ้นเขตหมู่บ้านจะต้องเดินผ่านป่าก่อน  ไอ้เราก็เป็นคนกลัวงู  ทุกคนรู้กันหมด  ก็เลยให้เราเดินตามหลัง
ให้คนที่ไม่ค่อยกลัวเดินเป็นทัพหน้า  (แบบว่าทางมันแคบ  ต้องเดินแถวตอนเรียงหนึ่ง)  
เอ้า  เดินหน้าเดิน  ซ้าย ขวา ซ้าย  ซ้าย ขวา ซ้าย..  ถึงทุ่งนาพอดี  ไม่ยักกะเจอคู่อริแฮะ
ที่นี้ก็เลือกเอาว่าใครจะลงล๊อคไหนงมหอยกันก่อนไม่ต้องแย่งกัน  เดี๋ยวค่อยเก็บผักทีหลัง   
ต่างคนต่างก้มหน้าก้มตา  งม งม งม และ งม   
เอ๊ะอะไร  แว๊บแว๊บ  ทางหางตา
คลับคล้ายคลับ  คลาว่า  ข้าเคยเห็น 
ขดอยู่บน  คันนา  น่าจะเป็น
งูนอนเล่น  ตากแดด  แผดเผาตัว
อ่า..........  อีตอนนี้ไม่กล้าร้อง  กลัวว่ามันหูดีแล้วได้ยิน  ก็เลยตัดสินใจกระโดดไปขี่คอพี่ที่อยู่ล็อคติดกัน
โชคดีที่พี่คนนี้ตัวใหญ่มาก  ก็เลยไม่ล้ม  
 พะ - พี่ ๆ ๆ หงะ  หงะ งูอ่ะ ๆ    พี่เขาหันมาบอกว่า   จุ๊ ๆ อย่าเอ็ดไป   
แล้วก็เอาไม้ค่อย ๆ เขี่ยให้มันเลื้อยจากไป  โชคดีนะที่ไม่ใช่งูเห่า  ไม่งั้นมันคงจะเห่าแล้วค่อยกัด  
เจ้างูตัวนี้นิสัยดีนะ  มันคงรู้ว่าเรากลัวมัน  มันก็เลยค่อย ๆ เลื้อยหลบไป
แฮ่.  ค่อยยังชั่วหน่อย.  
@  ตัวที่สาม  (เจ้าตัวนี้เด็ดสุดเลยนะ  จะบอกให้)
วันนี้เลิก  ร่ำเรียน  เรียบร้อยแล้ว
เดินเรียงแถว กลับบ้าน  พร้อมกับพ่อ
อย่างรวดเร็ว  ถึงบ้าน  แม่เฝ้ารอ
กลับไปก่อ  ไฟอุ่น   นั่งผิงกัน.
แล้วก็ได้เวลาอาหารเย็น  สมาชิกในครอบครัวมานั่งล้อมวงในครัว  ซึ่งสร้างแยกไว้ด้านหลังบ้าน  
กำลังนั่งกินกันอย่างเอร็ดอร่อยยังไม่ถึงครึ่งท้องเลย  ก็ได้ยินเสียง แฉ่ ๆ ๆ ฟ่อ ๆ ๆ  แว่วมาเบา ๆ  
ก็เลยบอกพ่อ   พ่อ  หนูได้ยินเสียงอะไรไม่รู้ ดัง ฟ่อ ฟ่อ มาจากในบ้าน   พ่อก็เลยอาสาไปดูให้  
คงจะนึกว่าหมาใครเข้ามาเล่นในบ้านมั้ง  ทุกคนมองตามหลังพ่อออกจากประตูครัวเดินผ่านประตูหลังเข้าไปในบ้าน       
ไอ้หยา  พวกเราเกือบช็อค  ที่ริมประตูหลังบ้านมีไอ้ตัวยาว ๆ ใหญ่เท่าแขนตั้งท่า  แผ่แม่เบี้ย  
เห็นที่หัวด้านหลังมีกุญแจซอลอยู่ด้วย  ไม่มีใครกล้าส่งเสียงเลยจนได้ยินเสียงพ่อพูดออกมาเบา ๆ   
 ไม่เห็นมีอะไรเลย    แล้วพ่อก็เดินย้อนกลับมา  ก็เลยส่งเสียงบอกพ่อเบา ๆ ว่า     
 อย่าเพิ่งออกมานะพ่อ  ที่ประตูมีงูเห่า   สงสัยพ่อจะฟังเพี้ยน  เพราะพ่อตอบกลับมาเสียงดังฟังชัดว่า  
 หมาที่ไหนจะมาเห่า  พ่อไม่เห็นมีหมาสักตัว   พอพูดพร้อมกับเดินมายืนตรงประตู  เสียวใส้น่าดูเลย  
ก็เจ้างูตัวนั้นตั้งท่าจะฉกพ่อ  1 ที  2 ที  3 ที.  ก็ยังไม่ฉก  พ่อซึ่งมองไม่เห็นงู  ก็ไม่ได้สนใจอะไร  
เดินอย่างสง่าผ่าเผยกลับมาในครัว  เราเลยรีบปิดประตูครัว  กลัวเจ้าตัวนั้นตามพ่อเข้ามา  
ก็เลยชี้ให้พ่อแอบดูที่รอยแยกข้างฝา  พ่อได้แต่อึ้ง.......  อึ้ง......  และอึ้ง...... จนกระทั่งมันเลื้อยหายไปลับตา  
สงสัยจะเลื้อยเข้าไปในจอมปลวกแถวท้ายสวนแน่ ๆ เลย  พวกเราทุกคนก็เลยพร้อมใจกันอิ่ม   กินไม่ลง.....                 
สงสัยอยู่  ใยมัน   ไม่กัดพ่อ   
มัวรีรอ  กลัวงู  ไม่ได้ถาม
ต้องเก็บถ้วย  แก้วไป  ได้ล้างชาม
เวลาผ่าน  นานจน  ลืม ลืมถามพ่ออ่ะดิ  ^_^
แฮ่ะ ๆ  ก่อนไปล้างชามก็เข้าไปจับตัวพ่อ   
จับแขนพ่อ  จับขาพ่อ  แฮ่......  
พ่อยังอยู่  ยังไม่มีที่ไหนบุบสลาย  
สบายใจแล้วหละ                           
@  ตัวที่สี่ตัวสุดท้ายที่จะเล่า  
ตอนนี้ทำงานแล้วนะ  ได้งานทำที่บริษัทส่งออกแห่งหนึ่งในกรุงเทพมหานคร อมรรัตนโกสินธ์สองร้อยปี  
บุรีรมณ์อุดมราชนิเวศมหาสถาน  อมรพิมาณอวตาลสถิตย์  เอ  ใช่หรือเปล่าหว่า..  
เอาเป็นว่าได้ทำงานที่กรุงเทพ ฯ ก็แล้วกัน  ที่ทำงานมีเพื่อน ๆ เยอะแยะเลย  เพราะมีหลาย ๆ แผนกอยู่ในห้องเดียวกัน  
แต่แผนกของฉันมีกันอยู่แค่สองคน  คือฉันเป็นลูกน้องกับพี่อีกคนเป็นหัวหน้า  ตอนนี้เราสองคนทำงานเข้าขากันได้ดี  
ตะว่าก่อนหน้านี้ก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่งานของเราขึ้นตรงต่อเจ้านายคนเดียวกัน
ทำงานด้วย  ความสุข  สนุกสนาน  
ทิวาวาร  ลับล่วง  วันหมุนเปลี่ยน
งานการทำ  ใส่ใจ  ได้เล่าเรียน
สมุดจด  เขียนสิ่งใหม่  ที่เข้ามา
         ขอบคุณ  สำหรับ  คำสั่งสอน
         ทุกขั้นตอน  ต้องย้ำ  อย่างหนักหนา
         จะจำไว้  ใส่ใจ  ไปทุกครา
         ไม่ลืมว่า  เคยอยู่  เคียงคู่กัน
วันหนึ่ง  มีลูกค้าต่างชาติเข้ามาเพื่อสั่งซื้อสินค้า  กำลังคุยกับเจ้านายในห้อง  โต๊ะฉันตั้งอยู่หน้าห้องเจ้านายพอดี๊พอดี  
มองเห็นกันได้ตลอดเวลา  ก็ฝาผนังเป็นกระจกอ่ะ  เราต้องอยู่ในสายตาเจ้านายตลอดเวลา  (ทำให้เกเร  เหลวไหลไม่ได้)    
วันนั้นหัวหน้าเดินเข้าเดินออกระหว่างห้องเจ้านายกะตู้เอกสาร  ฉันก็นั่งทำงานอยู่ที่โต๊ะนั่นแหละ  
บางครั้งใช้ความคิดก็จะนั่งหลับตาเอนตัวไปข้างหลังเล็กน้อยพักผ่อนสายตาไปด้วยในตัว  เอ่อ......เอนสักหน่อยน่ะ  
ชักเหมื่อยแล้ว  แค่แป๊บเดียวหละ  ไม่เป็นไรหรอก..........ทันใดนั้น  ก็มีสิ่งหนึ่งตกลงมาที่ตัก  เอามือคลำดูนิ่ม ๆ ยาว ๆ  
คิดได้อย่างเดียว    อ๊ะจ๊าก......งู   โยนทิ้งไปทางไหนก็ไม่ทันได้ดู  และตะโกนออกมาซะดังลั่น  
พร้อมทั้งกระโดดขึ้นไปบนโต๊ะด้วยความลืมตัว  ทั้งเจ้านาย  ลูกค้าฝรั่ง  เพื่อน ๆ มองมาตาเดียวกัน  
เห็นคนหนึ่งยืนหน้าซีดอยู่ข้างโต๊ะฉัน  แล้วค่อย ๆ เดินไปเก็บเจ้าสิ่งนั้นขึ้นมาและเอ่ยว่า      ขอโทษนะ  งูตุ๊กตาน่ะ  
ไม่นึกว่าเธอจะตกใจขนาดนี้ เธอลงจากโต๊ะได้แล้ว  เจ้านายมองอยู่นะ      
 แฮ่ะ ๆ  ไม่เป็นไร  Sorry sorry sir    ยังอยู่ในอาการตกใจ  
พูดไทยปนอังกฤษบอกทุกคน...... วันนั้นทั้งวันคิดวุ่นวายใจ   
เย็นนี้ตัวข้าคงไม่แคล้ว  ถูกเจ้านายเรียกไปดุว่าเป็นแน่แท้    คิดไปคิดมา อยู่แค่นี้แหละ  จนถึงเวลาเลิกงาน..  
ลูกค้ากลับไปแล้วหละ  เอ..  แปลกแฮะ  ไม่ยักกะถูกเรียกไปดุ  เย้.  เจ้านายใจดีจังเยย.
แป่ว.  งานนี้หน้าแตก  หมอไม่รับเย็บ..  
แหะ ๆ ๆ จิง ๆ มีอีกหลายตัวนะ  ถ้ามะเบื่อก็บอก  จะเล่าให้ฟังอีก  ตะนี้เอาไป 4 ตัวก่อนละกันเน่อ
(จอ.  บอจบ)                                              
                                        
				
comments powered by Disqus
  • โอ้ละหนอ

    27 มีนาคม 2554 00:03 น. - comment id 123110

    โอ้ละหนอมีน้องสาวอยู่คนเดียว เขาเกิดปีงูน่ะจำไม่ได้งูเล็กหรืองูใหญ่ แต่ดวงเขาสมพงษ์กะงูมาก  ขนาดว่าซื้อบ้านแล้วขายบ้าน ยกกระถางต้นไม้จากบ้านที่ขายกลับบ้านตัวเอง
    งูอยู่ในกระถางต้นไม้ยกใส่รถมาไม่รู้ตัวเลยว่ามีงูอยู่ในรถในกระถางต้นไม้กลับมาบ้านด้วย......น่าเสียวไส้น่ะ.......17.gif
  • หนูหิ่ง ฯ

    27 มีนาคม 2554 20:48 น. - comment id 123113

    สวัสดีเจ้า
    
    คุณโอ้ละหนอ  :  อยากมีน้องบ้างจังค่ะ  หนูหิ่ง ฯ เป็นคนสุดท้อง  ไม่มีน้องเลยค่ะ
    
    หนูหิ่ง ฯ ไม่ได้เกิดปีงูสักกะหน่อย  ไหงเจอแต่งูอยู่ร่ำไปก็ไม่รู้นะคะ
    
    ถ้าหนูหิ่ง ฯ เป็นน้องคุณโอ้ละหนอล่ะก็....  คงไม่ใช้รถคันนั้นอีกเลยตลอดชีวิตค่ะ
    
    แบบว่า....  ระแวงอ่ะค่ะ
  • ชอบ

    2 เมษายน 2554 20:47 น. - comment id 123216

    41.gif41.gif41.gif
  • หิ่งห้อยน้อยใจ

    4 เมษายน 2554 15:02 น. - comment id 123237

    สวัสดีเจ้า
    
    คุณชอบ ^^"
    
    
    ดีใจที่ชอบจ้า
    
    
    
    11.gif11.gif11.gif

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน