ทำไมเราจึงอยู่ที่นี่(Why Are We Here?)
คีตากะ
ปราศรัยโดยท่านอนุตราจารย์ชิงไห่
โอ๊กแลนด์ นิวซีแลนด์ 27 เมษายน 2543
(ต้นฉบับเป็นภาษาอังกฤษ) วีดิทัศน์#686
คัมภีร์พุทธกล่าวว่า เธอคือพุทธะ และธรรมชาติแห่งพุทธะอยู่ภายในตัวเธอ ไบเบิ้ลกล่าวว่า พระเจ้าอาศัยอยู่ภายในโบสถ์หลังนี้ ถ้าเช่นนั้น จะมีใครอื่นล่ะ ที่อยู่ในนั้น นอกจากพระเจ้า? ถ้าเราคือโบสถ์และพระเจ้าคือผู้เดียวเท่านั้นที่อาศัยอยู่ในนั้น ถ้าเช่นนั้นเราคือใครกันนอกจากพระเจ้า? ถ้าเราจำไม่ได้ก็ดี แต่เราก็ยังคงเป็นพระเจ้า
ดังนั้นไม่ว่าเราจะเลือกทำอะไรในฐานะที่เป็นพระเจ้าของพระเจ้าทั้งหลาย เราก็ควรที่จะให้ความเคารพในฐานะที่เราเป็นบิดา/มารดาของสรรพสัตว์ทั้งหลายเหล่านี้ เราควรเคารพความปรารถนาของเราและทางเลือกของเราที่จะมีชีวิตและแสดงตัวตนความเป็นพระเจ้าของเราในแบบใดก็ตามที่เราต้องการ
เหตุฉะนี้ พระเยซูจึงบอกเราว่าเราไม่ควรตัดสินผู้อื่น เพราะเราไม่ทราบทางเดินที่สรรพสัตว์อื่นได้เลือกที่จะเดิน เขาหรือหล่อนทำสิ่งต่างๆ ของเขา/หล่อน เพื่อว่าเขา/หล่อนอาจจะได้รู้จักพระเจ้าด้วยวิธีการที่แตกต่างออกไป เขาหรือหล่อนอาจเลือกที่จะเป็นคนที่ดูเหมือนชั่วร้าย เป็นคนที่ต่ำมากๆ หรือที่เรียกว่าคนไม่มีคุณธรรม แต่นั่นก็เป็นวิธีการของเขา/หล่อนในการรู้จักพระเจ้าด้วยการเลือกที่จะไม่มีลักษณะแบบพระเจ้า วันหนึ่งบุคคลผู้นั้นก็จะทราบว่านั่นไม่ใช่ตัวเขา/หล่อน แต่พวกเขาก็ต้องกลับมาและเรียนรู้การเป็นมนุษย์ใหม่อีกครั้ง เพราะถ้าเราอยู่ในสวรรค์ตลอดเวลาและเป็นพระเจ้าตลอดเวลา เราก็จะจำไม่ได้ว่าเราเป็นพระเจ้า ดังนั้นเราจึงต้องลดตัวเองลงมาและลงมาอยู่ที่ระดับทางโลกนี้ เพื่อเราจะได้จดจำได้อีกครั้งหนึ่งถึงความยิ่งใหญ่ของเราเอง นั่นคือทางเลือกของเรา และนั่นคือสาเหตุที่เรามาที่นี่
ดังนั้น คำตอบของคำถามของเราที่ว่าทำไมเราเจึงอยู่ที่นี่ก็คือเพราะเราต้องการรู้จักพระเจ้า เมื่อเรารู้สึกว่าเวลาหมดลงแล้ว นั่นก็คือเวลาที่เราเลือกที่จะจดจำตัวเราเองอีกครั้งหนึ่ง นั่นคือเวลาที่เราเสาะแสวงหาเพื่อนทางจิตวิญญาณ เพื่อเราจะสามารถจำได้อย่างรวดเร็ว เพราะเราได้ลืมไปแล้วว่าจะจำได้อย่างไรและจะหาจากที่ไหน ดังนั้นเพื่อนบางคนที่จำตัวของเขา/หล่อนได้แล้ว ก็อาจจะช่วยเหลือเราได้ แล้วเราก็จะตระหนักว่า เราไม่ใช่ใครอื่นใด นอกจากสรรพสัตว์ผู้สูงสุด นอกจากพระเจ้า เราตระหนักรู้ถึงสรรพสัตว์ผู้สูงสุดที่อาศัยอยู่ภายในร่างกายนี้
แต่อันที่จริง ท่านไม่ได้อาศัยอยู่ภายในร่างกาย ท่านครอบครองกายของเรา แต่เนื่องจากคำศัพท์ทางจิตวิญญาณไม่ได้เป็นวิทยาศาสตร์ที่ตรงตัวๆ ดังนั้นไม่ว่าครูจะบอกเรามากมายเพียงใดเกี่ยวกับพระเจ้าหรือเพื่อนทางจิตวิญญาณ อาจจะพูดได้คล่องแคล่วเพียงใดเกี่ยวกับพระเจ้าที่อยู่ภายในตัวเรา เราก็ไม่สามารถเข้าใจได้ด้วยการฟังเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ดังนั้นครูทางจิตวิญญาณผู้ชี้ทางจิตวิญญาณหรือเพื่อนทางจิตวิญญาณ จึงต้องแสดงให้เราทราบโดยทางปฏิบัติ ไม่ใช่โดยทางทฤษฎีอย่างเดียวเท่านั้น
ตัวอย่างเช่น เมื่อพระเยซูเสด็จมายังโลกของเรา พระองค์ได้สอนลูกศิษย์ของพระองค์ทั้ง 2 วิธี คือทฤษฎีและปฏิบัติ ด้วยเหตุนี้ต่อมาลูกศิษย์โดยตรงของพระองค์จึงสามารถแสดงปาฏิหาริย์ต่างๆ ได้ สามารถเห็นสวรรค์ได้ด้วย สามารถได้ยินเสียงของพระเจ้าที่เป็นพระวจนะของพระผู้สร้างด้วย สามารถเห็นแสงของสวรรค์ด้วย สามารถขึ้นไปสวรรค์และแม้กระทั่งได้เห็นเทวดา นางฟ้า หรือเห็นพระบิดา พระบิดาตรัสกับพวกเขา เหมือนกับที่พระองค์ตรัสกับโมเสส และเทวดานางฟ้าก็พูดกับพวกเขาด้วยเช่นกัน
ในทำนองเดียวกัน เราก็สามารถทำเช่นนั้นได้ เพราะเราก็ยิ่งใหญ่เหมือนกับลูกศิษย์ที่ยิ่งใหญ่ของพระเยซู เรากับลูกศิษย์ของพระเยซูก็เหมือนๆ กัน เพราะพระเยซูได้ตรัสกับพวกเราว่า พวกเราทั้งหมดเป็นบุตรของพระเจ้า แต่เนื่องจากเราได้ลืมไปแล้ว ดังนั้นบางครั้งเพื่อน 1 คนหรือ 2 คนจึงต้องมาย้ำเตือนความจำของเรา แต่ก็เฉพาะเมื่อเราพร้อมแล้วเท่านั้น เพราะถ้าเรายังไม่พร้อม ก็ไม่มีใครสามารถทำอะไรให้กับเราได้มากนัก....
ฺBe Veg ,Go Green 2 Save The Planet
www.suprememastertv.com