อะกาฮิ(AKAHI) มนุษย์กินอากาศจากเอควาดอร์ วันนี้เราจะเดินทางไป เอควาดอร์ประเทศที่สวยงามในอเมริกาใต้ ไปพบกับผู้กินอากาศ อะกาฮิ เป็นนักเต้นและศิลปินที่ค้นพบความสุขมหัศจรรย์จากการใช้ชิวิตที่ไม่กินอาหาร ต : ก่อนที่ผมจะมาเป็นชาวกินอากาศ ชีวิตผมก็มีความสุขเหมือนกันเพราะผมเป็นศิลปิน ผมมักจะท่องเที่ยวและชีวิตผมก็มีความสุขดี แต่มันเป็นความสุขอีกชนิดหนึ่ง มันเป็นความสุขที่แตกต่างกัน เป็นความสุขที่ไม่เคยเต็มบริบูรณ์ ผมมีความสุขชั่วขณะหนึ่ง ไม่เคยสุขอย่างสมบูรณ์ ดังนั้นไม่อาจพูดว่า ผมมีความสุขจริงๆ ในช่วงเวลาเหล่านั้น แต่ตอนนี้เป็นผู้กินอากาศ คุณจะรู้สึกเสมอว่า คุณหายใจเอาความรักที่สวยงาม ผมเรียกมันว่าพลังงานความรักสำหรับผมมันคือความรัก ถ: เขาเข้ามาเป็น ชาวกินอากาศได้อย่างไร? ชีวิตของเขาเป็นอย่างไร ก่อนที่จะเริ่มเดินทาง มาสายนี้ เป็นผู้ที่ไม่กินอาหาร? อะกาฮิ มาจากครอบครัวที่ทำงานหนัก เขามีพี่น้องผู้ชายสองคน ผู้หญิงหนึ่งคน ผู้ซึ่งทั้งหมดในครอบครัว ถูกสอนตั้งแต่ยังเล็ก ให้เป็นอิสระและพึ่งพาตัวเอง ดังนั้น เขาจึงทำงาน ตั้งแต่เป็นเด็กๆ แล้ว อะกาฮิเชื่อว่าประสบการณ์ที่เขาได้รับจากการอบรม เลี้ยงดูมาทำให้เขา มีทัศนะของชีวิตแตกต่างจากคนอื่น แต่อิสระที่เขามีนั้น เขาก็ไม่สามารถพบสิ่งใดที่น่าสนใจ ส่วนลึกของจิตใจเขา มันมีบางอย่างที่เขารู้ว่าต้องมีมากกว่าชีวิตทางวัตถุนี้ ต : ผมเหมือนกับรอคอยเวลานั้นที่ผมสามารถพบตัวของผมเอง ผมคิดว่ามันมีหนทางอื่นสำหรับผม บางอย่างที่รอผมอยู่ บางอย่างที่ผมต้องการพบเช่นกัน ถ : ในช่วงที่เรียนอยู่ชั้นมัธยมอะกาฮิเริ่มสนใจดนตรีและศิลปะและเมื่ออายุ ๑๘ ปี ก็เริ่มสร้างผลงานภาพวาดและขายเอง ต : ผมรู้ว่านั่นเป็นสิ่งที่มหัศจรรย์สำหรับผมในการวาดภาพเหมือนงานของผม เหมือนวิธีการจัดการชีวิตผม ดังนั้น ผมจึงเริ่มเดินทางไปทั่วอเมริกาใต้ ขายงานศิลปะและภาพวาดของผม แล้วในการท่องเที่ยวครั้งนี้ การเดินทางนี้สิ่งที่สวยงามทั้งหลายก็เริ่มเกิดขึ้นกับผม เมื่อความรู้ทั้งหลายนี้ ความรักนี้เริ่มเข้ามาในชีวิตผม สำหรับผมการเป็นผู้กินอากาศคือการรับรู้ว่ามีแหล่งของความรักอยู่จริงและผมหายใจเอาความรักนั้นทุกๆ วินาที ดังนั้นตอนนี้ มันเป็นมีความสุขจริงๆ หัวใจผมเต็มไปด้วยความสุข ผมรู้ว่าผมมีความสามารถต้องการทำอะไรก็ทำได้ ต้องการเป็นอะไรก็เป็นได้ ต้องการมีอะไรก็มีได้ และที่จริง เวลานี้ผมรู้ว่า ผมรู้ว่าผมไม่ต้องการอะไรเลย หลังจากขบวนการนี้ ผมเลิกกินอาหารและมันก็รู้สึกดีมาก สำหรับผมมันเหมือนกับ....มันคงความงดงาม เพราะมันไม่มีวันหมด ไม่มีหยุด ทุกเวลามีแต่เติบโตขึ้นเรื่อยๆ เติบโตอยู่ภายในตัวผม สภาวะของจิตสำนึกที่ทำให้ผมรู้สึกมีความสุข ตลอดเวลา มันทำให้ผมรู้สึกว่าเต็มไปด้วยความสุขและความขอบคุณ ในทุกลมหายใจ ถ : ความปรารถนาแรงกล้าที่ต้องการช่วยผู้อื่นเกิดขึ้นในตัวเขา เมื่อคู่ชีวิตของเขาเริ่มป่วยในช่วงเวลานี้ อะกาฮิ เปลี่ยนนิสัยการกินของเขาจากอาหารเนื้อสัตว์มาเป็นอาหารพืชผัก ก่อนนี้คุณเป็นอย่างไรก่อนที่จะมาเป็นผู้กินอากาศ? อาหารแบบไหนที่คุณกินตอนนั้น? ต : ผมผ่านกระบวนการทางจิตสำนึก เมื่อผมท่องเที่ยวในอเมริกาใต้ ผมเริ่มเป็นมังสวิรัติ ครอบครัวของผมตอนสมัยผมเป็นเด็ก พวกเขามักให้ผมกินอาหารนานาชนิด พวกเขาไม่ใช่มังสวิรัติ ดังนั้นผมพบทางนี้ มันเป็นทางของผมเอง เมื่อผมเริ่มท่องเที่ยว ดังนั้นผมเป็นมังสวิรัติมาได้สามปี ขั้นตอนเหล่านี้ที่มาเป็นชาวกินอากาศ มันมีเหตุผลที่ทรงพลังชีวิตของผม เพราะในปี ๒๐๐๖ เพื่อนของผมเวลานี้คือภรรยาของผม เธอมีปัญหาสุขภาพในตัวเธอและเราก็ผ่านพ้นช่วงเวลาสำคัญในชีวิตของเรา ด้วยความตั้งใจที่จะบำบัด ด้วยเหตุนี้ ผมมีความมุ่งมั่นภายในที่จะเป็นคนที่สามารถช่วยเหลือผู้คนที่ต้องการรักษา ผมคิดแบบนั้น ผมตัดสินใจอย่างนั้น ผมสวดภาวนาถึงพระเจ้า “ได้โปรดเถิด อนุญาตให้ผมเป็นผู้ที่สามารถช่วยเหลือผู้คนที่ต้องการการรักษา” ถ : เมื่ออะกาฮิงดกินเนื้อสัตว์และเปลี่ยนมากินอาหารพืชผัก เขาก็ได้พบการเปลี่ยนแปลงที่เหลือเชื่อและไม่อาจลืมได้ ต : มันง่ายจริงๆ สำรับผมในการเป็นมังสวิรัติ ไม่เคยมีปัญหาเลย ในการงดเนื้อสัตว์แล้วทีละขั้นตอน มันเริ่มเติบโตขึ้น ความปรารถนานี้ที่จะรักษาให้หายขาดได้หรือสุขภาพดีอย่างเต็มที่หรือบริสุทธิ์อย่างสมบูรณ์ ดังนั้นนั่นคือเหตุที่ผมเปลี่ยนจากการเป็นมังสวิรัติ หันมาเป็นวีแก้น(อาหารเจไม่กินไข่และนม) อยู่ระยะหนึ่ง แล้วผมก็มาถึงขั้นอาหารดิบ(ผักสดไม่ผ่านการปรุง) ดังนั้นผมก็กินอาหารแบบดิบอยู่สองสามเดือน มันมหัศจรรย์จริงๆ ที่รู้สึกถึงความสดชื่นของอาหารแบบนั้น รู้สึกถึงพลังงานที่อาหารแบบดิบนั้นมีอยู่ มันเป็นครั้งแรกที่ผมรู้สึกว่าตัวเองสั่นสะเทือน ด้วยพลังงานอีกแบบหนึ่ง เมื่อผมรู้สึกว่าตัวเองเต็มไปด้วยพลังงานอีกชนิดหนึ่งเกิดขึ้นในตัวผม เป็นพลังงานบางชนิด มันเบามากกว่า ถ : เมื่ออะกาฮิเปลี่ยนจากอาหารแบบดิบมาเป็นผู้กินผลไม้ ตัวตนในร่างกายของเขารู้สึกเหมือนขยายออกจนเขารู้สึกว่าเชื่อมติดต่อใกล้ชิดกับโลกแห่งธรรมชาติมากขึ้น ผมรู้สึกถึงพลังงานนี้ เบาขึ้น ผมรู้สึกเบาขึ้นในตัวผมและผมก็บอกว่า “วาว! ฉันรู้สึกดีเยี่ยมจริงๆ ในแบบนี้” แล้วต่อมา ผมก็เปลี่ยนมาเป็นผู้กินผลไม้เท่านั้นนานอยู่สองสามเดือน กินแต่เพียงผลไม้ นั่นเป็นช่วงที่ดีที่สุด ผมเรียนรู้ถึงรสชาติที่แท้จริงของสิ่งต่างๆ ที่ปราศจากน้ำตาล ผมรู้สึกถึงรสชาติที่แท้จริงและผมก็เริ่มชื่นชอบมากขึ้นในสิ่งที่เป็นธรรมชาติที่เรามีอยู่และเคารพมันด้วยเช่นกัน และทำให้ผมเคารพแม่พระธรณีอีกด้วย ผมรักแม่พระธรณีมากจริงๆ บางส่วนของชีวิตผม ผมตระหนักและรู้สึกได้ว่า ผมสามารถเชื่อมต่อและถูกเชื่อมต่อกับธาตุทั้งหมดที่อยู่รอบตัวผม ถ : การงดกินอาหารโดยสิ้นเชิงและอาศัยเพียงพลังงานจักรวาลเท่านั้นในการค้ำจุนชีวิต อะกาฮิ รู้สึกถึงการหลอมรวมที่ยิ่งใหญ่กับพลังจักรวาลของชีวิต ต : ผมตระหนักรู้ว่าผมอยู่ในการเชื่อมต่อกับฝน ผมรู้สึกว่าผมเชื่อมต่อกับอากาศ กับน้ำ ผมสามารถพูดคุยกับธาตุเหล่านี้ และผมสามารถรับรู้ข้อมูลข่าวสารจากพวกเขา ผมสามารถรับรู้การชี้แนะจากพวกเขา มันน่าสนใจมากสำหรับผมเพราะมันเหมือนกับ เมื่อคุณเริ่มเปิดจิตสำนึกของคุณ คุณเริ่มได้รับข่าวสาร ข่าวสารเหล่านี้เปิดดวงตาของคุณออกมากขึ้นและมากขึ้น และนี่คือคุณเริ่มตระหนักถึงการเชื่อมต่อกับแม่พระธรณีและธาตุทั้งหมดนั้น แล้วการเชื่อมต่อนี้กับแม่พระธรณีนำคุณเข้าไปเชื่อมต่อกับจักรวาล ถ : ผลจากการที่สวดภาวนาถึงพระเจ้าเพื่อขอการชี้แนะและความรู้ เพื่อให้เขาสามารถรับใช้มนุษยชาติ เพื่อนคนหนึ่งก็เข้ามาในเวลาที่เหมาะเจาะของชีวิตและเป็นแรงบันดาลใจให้เขางดอาหารโดยสิ้นเชิงและกลายเป็นผู้กินอากาศ ต : แล้วผมก็ตระหนักว่ามันเป็นไปได้ที่จะเป็นผู้กินอากาศ ผมได้พบกับคนคนหนึ่งที่ปรากฏขึ้นในชีวิตผม อย่างที่ผมบอกคุณว่าผมสวดขอให้มีใครก็ได้ หรือผู้นำทางที่สามารถทำให้ผมกลายเป็นคนที่สามารถช่วยผู้อื่นได้ แล้วเพื่อนคนหนึ่งของผมก็มา เขาเป็นผู้กินอากาศอยู่แล้ว ผมจึงตระหนักว่า มันเป็นไปได้ ครั้งแรกที่ผมได้ยินเรื่องนี้ผมก็ยอมรับ และบอกว่า “ใช่ ผมต้องการ ผมต้องการทำอย่างนี้” ถ : ครั้นที่เขางดอาหาร อะกาฮิสังเกตว่าทัศนะคติของเขาต่อชีวิตก็เปลี่ยนแปลงไป เขาค้นพบสัจธรรมอีกครั้งซึ่งได้เปลี่ยนแปลงชีวิตของเขาโดยสิ้นเชิง ต : ผมผ่านกระบวนการฝึกเป็นเวลา ๒๑ วันและหลังจากนั้นโดยผ่านกระบวนการนี้ ผมรู้ว่ามีข้อมูลมากมายที่ไม่เป็นความจริง ข้อมูลจำนวนมากที่ผมคิดว่าจริง แต่มันไม่จริง ดังนั้นผมเห็นสัจธรรมที่แท้จริงภายในตัวผมผมพบสัจธรรมของผมเอง ภายในตัวผมและสัจธรรมนี้บอกผมว่า ผมเป็นอิสระซึ่งไม่จำเป็นจะต้องพึ่งพาวัตถุใดๆ เพื่อการมีชีวิตอยู่ สัจธรรมนี้บอกผมว่าสิ่งเดียวเท่านั้นที่ผมต้องทำในชาตินี้ก็คือมีศรัทธาในความรัก ในพลังงานที่สวยงามนี้ที่สร้างทุกสิ่งทุกอย่างที่มีอยู่ทั่วจักรวาล ถ : อะกาฮิอยู่โดยไม่กินอาหารมาเป็นเวลาสองปี ได้รับการหล่อเลี้ยงโดยพลังของจักรวาล หรือปราณ เราค้นพบว่าการเดินทางของเขามาเป็นผู้กินอากาศเริ่มต้นจากหัวใจที่ปรารถนาจะช่วยเหลือมนุษยชาติ ผลจากอุดมการณ์ที่สูงส่งนั้น อะกาฮิก็เปลี่ยนนิสัยการกินอาหารมาเป็นอาหารพืชผัก โดยเริ่มต้นที่การเป็นมังสวิรัติแล้วเขาก็ขยับมาเป็นวีแก้นต่อไปก็ไปเป็นอาหารดิบ และหลังจากนั้นก็มาเป็นผู้กินแต่ผลไม้ เมื่อมีโอกาสพบกับเพื่อนที่เป็นผู้กินอากาศ อะกาฮิก็ตัดสินใจเดินทางแห่งความเป็นอิสระกลายเป็นผู้ไม่ต้องกินอาหาร มันเป็นอย่างไรสำหรับอะกาฮิเมื่อเขาเปลี่ยนแปลงจากการเป็นผู้กินผลไม้มาเป็นผู้ที่ไม่ต้องกินอาหาร พึ่งพาแต่เพียงพลังของจักรวาลเท่านั้นในการค้ำจุนชีวิต? ที่จริงแล้วมันเป็นความศรัทธาที่เหลือเชื่อ ต : มันไม่ง่ายอย่างนั้นในตอนเริ่มต้น มันเป็นการเปลี่ยนแปลงที่มีพลังงานในทุกเรื่องเหมือนกับว่าคุณเปลี่ยนรูปแบบทั้งหมดของคุณ ข้อมูลทั้งหมดนี้ สังคมใส่ให้คุณ มันเข้าไปลึกล้ำมาก มันเข้าไปใน DNA ของคุณ ดังนั้นมันเปลี่ยนโปรแกรมใน ดีเอ็นเอ ของคุณ คุณต้องเผชิญกับอุปสรรคอย่างหนักในชีวิตคุณ สำหรับผมแล้วมันเป็นเรื่องแปลกและยากที่จะเข้าใจว่าผมสามารถเปลี่ยนโปรแกรมให้ตัวเองใหม่ได้ ถ : อะกาฮิได้ผ่านกระบวนการทำให้บริสุทธิ์ซึ่งค่อนข้างท้าทาย สำหรับเขาในทุกๆ ด้าน ต : อารมณ์ต่างๆ มากมายในตัวผมเริ่มปรากฏออกมา อารมณ์ทั้งหมดที่ไม่ใช่ความสุขเริ่มปรากฏออกมาจากตัวผม มันลำบากมากที่เห็นอารมณ์เหล่านั้นออกมาจากตัวผม เพราะมันทำให้ผมรู้สึกอารมณ์ไม่ดีเหมือนกัน ในเวลานั้น แต่ผมก็รู้ว่ามันคือส่วนหนึ่งของกระบวนการทำให้บริสุทธิ์ที่ดึงอารมณ์เหล่านั้นออกมาจากตัวผม ถ : มันเป็นการท้าทายเหมือนกันในความเชื่อของอะกาฮิและวิถีชีวิตที่สังคมบ่มเพาะในตัวเขา ตั้งแต่สมัยเด็ก มันเกิดขึ้นกับความคิดผมเหมือนกัน ความเชื่อที่ทรงพลังเหล่านี้ที่อยู่ในตัวผม...เช่น ผมเคยเชื่อว่าผมต้องกินอาหารเพื่ออยู่รอด ผมเคยเชื่อว่าการเจ็บป่วยมีอยู่ ผมเคยเชื่อว่าผมต้องแก่ชรา ผมเคยเชื่อว่าผมต้องตาย ดังนั้น ข้อมูลทั้งหมดนั้นผมเริ่มตระหนักว่ามันไม่จริง สำหรับผมแล้ว ความตายไม่มี การเจ็บป่วยไม่มีและความจำเป็นทั้งหลายที่สังคมสร้างขึ้นนั้น มันไม่มี ดังนั้น เมื่อผมเผชิญกับมัน มันเหมือนกับการทำลายกฎข้างในของผม ทำลายรูปแบบทั้งหมดที่อยู่ข้างในตัวผม และนั่นคือสิ่งที่ทรงพลังที่เปลี่ยนแปลงชีวิตผมและเปลี่ยนทุกสิ่งทุกอย่างจากข้างในตัวผม ถ : นอกจากความท้ายทาย เขาต้องพบกับการเปลี่ยนแปลงมาเป็นผู้ไม่กินอาหาร อะกาฮิไม่เคยพบกับสิ่งที่ดีกว่านี้ ต : ผมรู้สึกว่าตัวผมแข็งแรงขึ้น ผมรู้สึกถึงสภาวะที่สุขภาพดีตลอดเวลา ผมรู้สึกสุขภาพดีจริงๆ สุขภาพดีจริงๆ ร่างกายของผมเรียนรู้การหายใจมากขึ้น ดังนั้นทุกลมหายใจมันเข้าลึกมากสำหรับผม ดังนั้นปอดผมขยายตัว ร่างกายผมเปลี่ยนแปลง ตอนนี้ผมรู้สึกว่าสบายจริงๆ ผมรู้สึกว่าผมมีร่างกายที่สมบูรณ์ และรู้สึกว่าผมมีสติสัมปชัญญะสมบูรณ์ ถ : อะกาฮิเชื่อว่ามนุษยชาติกำลังพบกับยุคที่เสื่อมถอยซึ่งจะมีเหลือเพียงแต่ความรัก ความหวังและแสงสว่าง จากจิตสำนึกที่สูงขึ้นของทั่วโลก ต : จิตสำนึกของความหวังใหม่ที่อยู่ทั่วไปบนโลกนี้ ทุกคนบนโลกเวลานี้กำลังมองหา บางสิ่งที่ดีกว่า บางสิ่งที่สวยงามในชีวิตของพวกเขาและเวลานี้ผมสามารถพูดได้ว่ามันง่ายมากในการเป็นอิสระจากทุกๆ สิ่งในสังคม ถ : หลังจากมีประสบการณ์ด้วยตัวเอง กับบททดสอบของกระบวนการเปลี่ยนแปลงมามีชีวิตโดยไม่กินอาหาร อะกาฮิได้อธิบายถึงสิ่งเดียวที่จำเป็นสำหรับการเป็นผู้กินอากาศ ต : สิ่งเดียวเท่านั้นที่คุณต้องมีก็คือความศรัทธา ศรัทธาในตัวคุณเอง ศรัทธาว่าคุณทำได้ ศรัทธาว่าคุณคือคนสำคัญที่ไม่มีข้อจำกัดใดๆ และมีความปราถนาที่จะมีพลังอำนาจซึ่งมาจากศูนย์กลางหัวใจของคุณ ถ : ยิ่งกว่านั้น อะกาฮิยังอธิบายถึงความจริงที่เราทุกคนสามารถอยู่ได้โดยไม่จำเป็นต้องมีอาหารเลย ต : ยิ่งกว่านั้น การเป็นผู้กินอากาศมันง่ายจริงๆ การมีชีวิตอยู่โดยไม่กินอาหารหรือการเป็นคนพิเศษ ที่จดจำถึงจิตสำนึกนั้นได้ ข้อแรก ผมอยากบอกแก่ผู้คนว่าเวลานี้ทุกคนบนโลกเป็นผู้กินอากาศ คุณทั้งหมดเป็นผู้กินอากาศอยู่แล้ว คุณได้รับการหล่อเลี้ยงจากพลังงานของจักรวาลที่มีอยู่ในอากาศอยู่แล้ว ตอนนี้ในชีวิตชาตินี้หรือชาติอื่นๆ คุณก็เคยเป็นผู้กินอากาศเหมือนกัน เพราะว่ามันเป็นวิธีดั้งเดิมแท้จริงที่ได้รับการบำรุงเลี้ยง เพราะเราไม่ใช่แค่กายเนื้อ เราคือร่างของแสง แบะในฐานะเป็นร่างของแสง คุณก็ได้รับการหล่อเลี้ยงจากแหล่งของแสงเช่นกัน แหล่งพลังงานของแสงนี้ สามารถรักษา สามารถช่วยให้ร่างกายของคุณอยู่ในสภาวะสมบูรณ์เช่นกัน ดังนั้นขอให้จดจำนำความรู้นี้เข้าสู่จิตสำนึกของคุณในเวลาขณะนี้ว่าคุณมีพลังมากมายอยู่กับคุณทุกวินาที คุณมีทรัพยากรมากมายพร้อมสำหรับคุณทุกวินาที และเพียงแต่คุณ นำมันมาใช้ในชีวิตคุณ นำพลังงานที่สวยงามนี้ให้เติบโตอยู่ในตัวคุณ ถ : อะกาฮิ อธิบายว่าความรู้นั้นอยู่ตรงนั้นแล้วและวิญญาณของเรารู้จักมัน เราเพียงแต่ต้องทำจิตคิดเราให้เป็นอิสระว่ามันเป็นไปได้ แล้วร่างกายของเราก็จะจำได้ ต : ร่างกายของเรารู้จัก สิ่งเหล่านี้อยู่แล้วแน่นอน ความทรงจำที่เก่าก่อนในร่างกาย ในวิญญาณของเรารู้จักความรู้ทั้งหมดนี้ มันอยู่ข้างในในเมื่อร่างกายเป็นแสง เราก็ได้รับพลังงานนี้จากแสงเช่นกัน ดังนั้นเมื่อคุณเปิดเข้าสู่จิตสำนึกนั้นที่ว่าคุณไม่ใช่เป็นแค่ร่างกายเนื้อ แต่คุณมีร่างกายของแสงและร่างกายของแสงของคุณเชื่อมต่อกับแหล่งที่มา คุณตระหนักว่าวิญญาณของคุณ จิตวิญญาณมันใหญ่กว่าและทรงพลังกว่าร่างกายเนื้อของคุณ ดังนั้นเมื่อคุณบำรุงวิญญาณของคุณด้วยแสง ร่างกายเนื้อของคุณก็จะยอมรับมันและได้รับการหล่อเลี้ยงไปด้วย ผมคิดว่ามันเป็นธรรมชาติสำหรับมนุษย์ทั้งหมดที่สามารถเป็นผู้กินอากาศ ที่สามารถเต็มอิ่มได้ ถ : ก็เหมือนกับ กิริ บาลาผู้กินอากาศผู้ที่อยู่ด้วยลมปราณมากกว่า ๕๐ ปี เมื่อโยคะนันดะ ได้พบกับเธอ อะกาฮิ ถือว่าความสามารถของมนุษย์ที่อยู่ได้โดยไม่กินอาหารนั้นมาจากพระเจ้า ใครทำให้คุณสามารถอยู่ได้โดยไม่ต้องกินอาหาร? ต : เป็นความสามารถตามธรรมชาติ นี่เป็นของขวัญจากพระเจ้า เพราะสิ่งนี้เป็นของธรรมชาติสำหรับทุกคนบนโลก ทุกคนสามารถทำได้ ถ : การที่ อะกาฮิ ใช้ชีวิตเป็นผู้กินอากาศเป็นการหลอมรวมอยู่ในความรักของจักรวาล ทุกขณะจิตของวันเวลา ต : ผมรู้สึกว่าทางของผมจบลง ผมรู้สึกว่าสิ่งที่ผมแสวงหา ผมได้พบมันแล้ว ดังนั้นผมไม่แสวงหามันอีกต่อไป ผมรู้สึกว่ามีความสุขจริงๆ กับสิ่งที่ผมมีและการใช้ชีวิต ตอนนี้ผมมีแต่ความสุขกับสภาวะที่สวยงามของจิตสำนึกที่ทุกๆ เวลา มันเติบโตขึ้นเรื่อยๆ และนำผมไปยังความรู้สึกอื่นๆ มันเหมือนกับว่าผมกำลังสำรวจทางใหม่ เพื่อรู้สึกถึงความรักในขณะนี้ เหมือนตอนนี้ ผมพบกับความรักที่สำคัญจริงๆ ถ : อะกาฮิ อยู่โดยไม่กินอาหารเป็นเวลาสองปีมาแล้ว เขาได้รับการหล่อเลี้ยงโดยพลังของจักรวาลหรืออีกชื่อหนึ่งว่า พลังปราณ เช่นเดียวกับคนอื่นๆ ที่มีชื่อเสียงซึ่งอยู่โดยไม่กินอาหาร เช่น กิริ บาลา ,เซนต์ นิโคลาส แห่งฟลู, เจริโค ซัลไฟร์, ดร. บาร์บาร่า มัวร์, ฟาน ทัน ลุค, ฮิร่า ราตัน เมนัค, และคนอื่นๆ อะกาฮิอาศัยพระกรุณาของพระเจ้า ในการอยู่รอด เขาเชื่อมั่นว่าด้วยความปรารถนาอันแรงกล้าจากหัวใจที่ต้องการรับใช้มนุษยชาติ พระเจ้าจึงให้เขาสมหวังในการเป็นผู้ไม่กินอาหาร ไม่ต้องมีภาระผูกมัดกับความจำเป็นทางวัตถุ อุดมการณ์อันสูงส่งของเขาทำให้เขาสามารถเปลี่ยนนิสัยการกินอาหารไปเป็นผู้ที่มีเมตตามากขึ้น การเริ่มต้นเดินทางแสวงหาทางจิตวิญญาณในที่สุดก็นำเขาไปสู่วิถีชีวิตใหม่ของการเป็นผู้กินอากาศ อะกาฮิได้รับมุมมองใหม่ในชีวิต ต : ความรักดำรงอยู่จริงๆ ความรักคือพื้นฐานสำหรับทุกสิ่งทุกอย่างปรัชญาของผมคือความรักมีพร้อมสำหรับคุณ เมื่อคุณเปิดรับมัน คุณเปิดรับความรักให้มาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตคุณ มันก็จะให้ประสบการณ์ที่ดีที่สุดแก่คุณ ถ : แม้ว่ากระบวนการเปลี่ยนแปลงนั้นมีความยากลำบากหลายอย่างในตอนแรก แต่อะกาฮิก็เชื่อว่ามนุษยชาติมีความสามารถแต่กำเนิดในการอยู่โดยไม่กินอาหาร อะกาฮิมีความเชื่อมั่นว่าพลังแห่งจักรวาลเป็นเสมือนแหล่งอาหารหล่อเลี้ยงเรา เพียงแหล่งเดียวมาแต่โบราณ ก่อนที่เราจะมีนิสัยของการกินอาหารเกิดขึ้น ต : คุณสามารถอยู่ได้โดยไม่กินอาหาร และไม่ต้องดื่มน้ำ มันเพียงแค่อย่างที่บอกคือต้องมีความเชื่อนี่คือสิ่งที่คุณจำเป็นต้องมี มีความศรัทธาอย่างมาก มันเป็นการทดสอบความเชื่อ ถ้าคุณผ่านการทดสอบนี้คุณจะพบกับขุนทรัพย์แห่งความรักและเมื่อคุณค้นพบขุมทรัพย์นี้แล้ว มันก็จะให้คุณทุกสิ่งทุกอย่าง ถ : ผู้ที่อยู่โดยไม่กินอาหารมีหลายๆ แบบแตกต่างกันไป บางคนไม่กินทั้งอาหารและน้ำ เช่น โยคีนี กิริ บาลา บางคนดื่มแต่น้ำชาเช่นเกษตรกรชาวเอาหลัก(เวียดนาม) ฟาม ทัน ลุค ขณะที่คนอื่นๆ ดื่มน้ำเท่านั้นเมื่อต้องการ เช่นผู้มีรอยแผลศักดิ์สิทธิ์ หลุยส์ ลาตูว์ หรือโยคีผู้เป็นอมตะ เดฟราฮา บาบา ต : ผมยังดื่มน้ำผลไม้หรือชาเป็นบางครั้ง บางครั้งก็ดื่มน้ำ เวลาที่ผมอยากให้ปากมีรสชาติบ้าง แต่เพื่อนของผมไม่ดื่มน้ำเลยเป็นเวลาเกือบสองปี และเขาก็สุขภาพดีมาก ดังนั้นมันเป็นความจริงที่คุณสามารถอยู่ได้โดยไม่กินอะไร และไม่ดื่มอะไรเลย มันเป็นเรื่องความศรัทธา ถ้าคุณใส่ความศรัทธาเข้าในความรู้นั้นว่าแหล่งของขุมทรัพย์นี้สามารถให้ทุกสิ่งทุกอย่างที่คุณต้องการ คุณมีทุกสิ่งทุกอย่าง คุณได้รับความชุ่มฉ่ำทั้งหลายจากพื้นโลกด้วยเช่นกันเมื่อคุณมีความเชื่อและค้นพบขุมทรัพย์นั้น ถ : ชีวิตแต่ละวันจะเป็นอย่างไร สำหรับคนที่ไม่กินอะไรเลย? เรามาดูชีวิตประจำวันของอะกาฮิ อยากจะรู้ว่ามันเป็นวันพิเศษสำหรับคุณที่เป็นผู้กินอากาศหรือไม่? ต : บางวันผมก็ออกกำลังกายที่นี่หรือผมก็นั่งสมาธิเพราะผมชอบมาก แสงแดด ผมชอบดูแสงอาทิตย์ด้วยตาเปล่าและรับพลังงานในตอนเช้าๆ บางครั้งผมก็ไปที่มุมต่างๆ ของเมืองเพื่อรู้จักเมืองนี้หรือไปนอกเมืองบ้าง ผมชอบเดินทาง ผมชอบมีประสบการณ์แบบต่างๆ ทุกวัน นั่นคือสิ่งที่ผมชอบ เพราะมันเหมือนกับว่าตอนนี้ผมยังอยู่ในช่วงเปลี่ยนโปรแกรม ข้อมูลภายในทั้งหมดของผม ดังนั้นผมลบข้อมูลจำนวนมากที่มีอยู่ก่อนในชีวิตออกจาก DNA ของผม ข้อมูลที่ผมเลือกแล้วว่า ผมไม่ต้องการแล้ว ดังนั้นตอนนี้ผมใส่โปรแกรมใหม่ให้ DNA ด้วยข้อมูลแห่งความรัก มันเหมือนกับผมทำหน่วยความจำใหม่และผมต้องการให้ ความจำเหล่านี้มีแต่ความสุข ถ : การอยู่โดยไม่ต้องกินอาหาร ไม่ใช่สำหรับคนเพียงไม่กี่คนหรือคนที่มีความสามารถพิเศษเลย คนคนนั้นไม่จำเป็นต้องเป็นนักบุญหรือผู้บำเพ็ญทางจิตวิญญาณเลยก็ได้ ในการได้รับประโยชน์จากการฝึกการอยู่ด้วยพลังปราณนี้ คุณแนะนำชีวิตแบบนี้ให้คนอื่นๆ หรือไม่? ต : ใช่ แน่นอน ผมแนะนำให้ทุกๆ คนเพราะมันง่ายจริงๆ และมีความสุขจริงๆ มันเป็นเรื่องที่ง่ายที่สุดในการเป็นผู้กินอากาศ ง่ายจริงๆ และคุณจะพบว่ามันเป็นสภาวะแห่งความสุขจริงๆ คุณจะพบกับเสรีภาพซึ่งการเป็นผู้กินอากาศจะมอบให้คุณ มันเพียงแต่ต้องมีใจและมีความปรารถนาที่ดีงาม เพื่อจดจำตัวคุณเองว่าคุณเป็นคนที่ไร้ขีดข้อจำกัดใดๆ ทั้งสิ้น ถ : สำหรับคนที่อยากจะทดลองใช้ชีวิตแบบผู้กินอากาศ อะกาฮิ ได้แบ่งปันความรู้ของเขาและคำแนะนำบางอย่าง ต : เคล็ดลับสำคัญคือคุณเป็นผู้กินอากาศอยู่แล้ว เวลานี้คุณหายใจด้วยแสงแห่งจักรวาล ในขณะนี้คุณก็เป็นผู้ที่กินอากาศอยู่แล้ว และกระบวนการนี้เริ่มต้นให้คุณแล้ว เพราะเวลานี้คุณรู้ว่าพลังนี้มีอยู่จริงและคุณหายใจเอาพลังนี้ทุกๆ วินาที ดังนั้นเมื่อคุณยอมรับพลังนี้แล้วนั่นแหละ พลังนี้จะรู้ว่าคุณยอมรับมันคล้ายกับว่าพลังนี้มีความฉลาดและมีการรับรู้เหมือนกัน และเมื่อพลังนี้รู้ว่าคุณรู้จักกับมัน มันก็เริ่มเข้ามาหาคุณง่ายมากขึ้น แล้วกระบวนการนี้ก็เริ่มต้นขึ้น หลังจากนั้นคุณจะรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงนานาชนิดอยู่ภายในตัวคุณ มันเพียงแต่ว่าให้เปิดจิตสำนึกรับรู้ว่าพลังนี้มีอยู่และคุณกำลังหายใจมัน แล้วเมื่อคุณทำได้ มันก็เริ่มต้นทันที ผมเห็นภาพต่างๆ ที่สวยงามมากมายอยู่ในตัวผู้คนจำนวนมาก หลายๆ คนที่ผ่านพ้นช่วงที่ยากลำบากในชีวิตของพวกเขา แล้วหลังจากประสบการณ์นี้ ชีวิตของพวกเขาก็เปลี่ยนไป และมันดีมากที่ได้ฟังผู้คนบอกคุณอย่างนั้น เมื่อพวกเขาได้รับความรู้นี้และพวกเขายอมรับความรู้นี้ เวลาเดียวกันนั้น พวกเขาก็รู้ว่า อะไรคือสิ่งที่ง่ายและพวกเขาก็รู้เรื่องนี้ดี แต่คุณต้องผ่านกระบวนการนี้ เพื่อรับรู้หรือจดจำมันได้ กระบวนการนี้ถูกจัดวางอยู่ในช่องทางพิเศษ เพื่อเปิดจิตสำนึกแห่งปราณในตัวคนเรา ดังนั้นเมื่อคุณผ่านกระบวนการนี้แล้ว มันก็จะชัดเจนมากขึ้น มันง่ายมากในการเป็นผู้กินอากาศหรือการอยู่โดยไม่กินอาหาร ถ : เวลานี้อะกาฮิให้การฝึกอบรมช่วยผู้ที่ต้องการสละการอยากอาหาร ต : ความสุขที่ผมพบในชีวิต ผมรู้สึกว่าทุกคนมีความรักอยู่ในหัวใจและทุกๆ คนบนโลกต้องมีความรักนี้ เพื่อรับรู้ถึงมัน ผมรู้สึกดีกับชีวิตผมกับทั้งหมดที่อยู่รอบตัวผมและผมรู้สึกอยู่ข้างในว่าผมปรารถนาให้ผู้อื่นสามารถรู้สึกได้เช่นเดียวกันนี้ และนั่นคือสิ่งที่ทำให้ผมมาทำงานตรงนี้ ทำให้ผมทิ้งทุกสิ่งทุกอย่าง ทิ้งชีวิตด้านอื่นและทำสิ่งที่ผมทำอยู่เวลานี้ ถ : อะกาฮิ เชื่อว่ามนุษยชาติใกล้ถึงเวลาของการปรับไปสู่จิตสำนึกโลกที่สูงขึ้น อนาคตของดาวโลกอยู่กับการเลือกวิถีชีวิตของเราจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นอาหารพืชผักหรือการไม่กินอาหารเลย ต : สิ่งที่พิเศษสุดในช่วงเวลานี้สำหรับดาวโลกและสำหรับมนุษย์ก็คือค้นหาสันติสุขภายในตัวเอง ค้นหาความสุขภายใน ดังนั้นวิธีนี้คุณช่วยคนอื่นได้ด้วย คุณกำลังช่วยโลก มันเป็นการสร้างการเปลี่ยนแปลงจากโลกที่มีปัญหาต่างๆ มากมายไปเป็นโลกที่เต็มไปด้วยความรัก ติดตามข้อมูลเพิ่มของอะกาฮิได้ที่ www.akahmi.com email : soy.akahi@hotmail.com สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับมนุษย์กินอากาศค้นหาได้ที่ www.SupremeMasterTV.com/BMD