* * * มหัศจรรย์ * * * วันที่ 1 มกราคม 2516 ช่วงเช้า ผู้ใหญ่บ้านแวะมาก่อนที่จะไปเผาไร่ที่อยู่เลยบ้านหนูหิ่ง ฯ ไปประมาณ 500 เมตร พอตกเย็น แม่ก็เก็บข้าวเก็บของให้พ่อไปนอนเฝ้าที่ไร่ เพราะกลัววัว ม้า แพะ ไปกินผักที่ปลูกไว้ในสวน สารพัดเหตุผลที่แม่ให้พ่อไปนอนสวน จริง ๆ แล้วแม่บอกว่าแม่อาย ^__^ ไม่อยากให้พ่อเห็นตอนคลอดหนูหิ่ง ฯ หลังจากที่พ่อไปแล้ว แม่ก็จัดแจงต้มน้ำ ฉีกผ้าอ้อม เตียมอุปกรณตัดสายสะดือ ปูผ้า แล้วก็นอน แล้วก็ถึงเวลาที่หนูหิ่ง ฯ ลืมตาขึ้นมาดูโลก หญิงแกร่งของหนูหิ่ง ฯ คลอดเอง ตัดสายสะดือเอง อาบน้ำให้หนูหิ่ง ฯ เอง เก็บรกเอง ทำความสะอาดบ้านและตัวเองเสร็จสรรพ มหัศจรรย์มาก จะเป็นเพราะว่าแม่มีประสบการณ์การทำคลอดให้คนอื่น กับตัวเองมาแล้วหลายคนมั้ง ก็เลยทำอะไรเป็นง่ายไปหมด คลอดหนูหิ่ง ฯ ก็ง่าย เพราะหนูหิ่ง ฯ เป็นลูกคนที่ 7 พี่ชาย 3 พี่หญิง 3 คงทำให้แม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น พอรุ่งเช้าวันที่ 2 ลุงกำนันแวะมาที่บ้าน นั่น ได้เป็นผู้มีพระคุณที่กรุณาตั้งชื่อให้หนูหิ่ง ฯ ไม่งั้นหนูหิ่ง ฯ อาจจะได้ชื่อแปลก ๆ เป็นต้นว่า คำอ้าย คำอี่ หรือคำหล้า ก็เป็นได้ เพราะที่บ้านก็มีทั้งคำเอ้ย และคำแปง ขอบคุณมากนะคะลุงกำนัน ที่ช่วยออกใบเกิดแล้วก็ตั้งชื่อให้ สาย ๆ หน่อยพ่อก็กลับมาบ้าน ได้อุ้มหนูหิ่ง ฯ เป็นคนที่ 2 รองจากลุงกำนัน * * * แกร่ง * * * พอโตขึ้นจำความได้แล้ว มักจะมีคนมาหาพ่อกับแม่ที่บ้านเสมอ มาเยี่ยมบ้าง มาให้ช่วยบ้าง ที่บ้านต้มเหล้าขาวและเหล้าข้าวโพดขายค่ะ ชื่อเสียงโด่งดังไปทั้งตำบลเพราะสมัยนั้นตร.ไม่จับเนาะ จำได้ว่าครั้งหนึ่ง มีคนถูกต้นไม้โค่นลงมาเฉี่ยว จนเสี้ยนของต้นไม้....ใหญ่มาก ทิ่มเข้าไปที่ข้อเท้า จนถึงแถวเข่า เลือดก็เยอะ คนก็เจ็บ ร้องโอดโอย ถูกหามมาหาแม่ที่บ้าน อุแม่เจ้า น่ากลัวสุด ๆ แม่หนูหิ่ง ฯ ทำไงหรอคะ เอาฝิ่นขนาดเท่าหัวไม้ขีดไฟให้คนเจ็บกิน แล้วเอาเหล้า 45 ดีกรีที่ต้มเองราดไปที่แผล แล้วก็ให้คนช่วยจับมือไพล่หลังแล้วมัด เพราะกลัวคนเจ็บดิ้นมาก จะจับไม่อยู่ จากนั้นก็ใช้มีดโกนแหวกปากแผล แล้วก็ดึงเสี้ยนขนาดใหญ่ออก เสร็จแล้วก็เอาเหล้าราดอีกที จากนั้นก็ใช้เข็มกับด้ายธรรมดา ๆ ที่มีแช่ในเหล้า แล้วก็มาเย็บ ๆ ๆ ๆ ชุน ๆ ๆ ๆ เหมือนผ้า โฮ่ ๆ ๆ ๆ หนูหิ่ง ฯ จาเป็นลม ส่วนคนเจ็บน่ะสลบไปแล้วค่ะ * * * แกร่ง * * * ด้วยความที่อยู่ในป่าในเขา ก็ต้องมีเรื่องฝิ่น กับปืนเถื่อนเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยอยู่เสมอ ๆ บ้านหนูหิ่ง ฯ ก็จะได้ต้อนรับเหล่าบรรดาข้าราชการบรรดาศักดิ์อยู่เนือง ๆ ไม่ว่าจะเป็นครู หมอ เกษตร ป่าไม้ กรมทาง ฯ ตำรวจภูธร ตำรวจตระเวนชายแดน ฯลฯ มีอยู่วันหนึ่ง ตำรวจตระเวนชายแดนมาตรวจค้นที่บ้าน สงสัยมีคนแจ้ง.... หรือเปล่า ? ก็ค้นเจอปืนเอ็ม 16 เถื่อน 2 กระบอก ปีน 19 มม. 2 กระบอก ปืน .357 อีก 2 กระบอก ปืน .22 อีก 1 กระบอก (อันนี้มีทะเบียน) ส่วนใหญ่ล้วนไม่มีทะเบียนทั้งสิ้น อาจจะมีคนมาขายให้บ้าง หรือจำนำบ้างมั้งคะ จำไม่ได้ค่ะ แม่เห็นตชด.มาแม่ก็คงรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น แม่บอกให้พ่อรีบไปสวน แล้วอย่ากลับมาจนกว่าจะไปเรียก เพราะพ่อหนูหิ่ง ฯ เป็นคนจีน พูดไทยไม่ได้ ขืนให้พ่อรับว่าเป็นเจ้าของบ้านคงจะยุ่งอีรุงตุงนัง แล้วแม่ก็รับเป็นเจ้าของบ้าน ก็เลยถูกเชิญขึ้นรถฟรีไปที่โรงพักอำเภอฮอด ระยะทางประมาณ 90 กม. ข่าวดังมาก จนหมอศุภกิจ ที่รู้จักแม่ แล้วก็สนิทกันมากมาหาที่โรงพัก จะพาแม่ไปนอนที่บ้าน แล้วก็ขอเอาตำแหน่งข้าราชการประกันตัวแม่ แต่ตำรวจไม่ให้ประกัน จะจับแม่เข้าห้องขังให้ได้ แต่หมอไม่ยอม หมอบอกตำรวจว่า ถ้าจะจับพี่สาวผมเข้าคุก ผมจะเข้าแทน ผมไม่ยอมให้พี่สาวไปนอนในห้องขังเด็ดขาด เจอทีเด็ดหมอยืนกรานขนาดนั้น ตำรวจก็ต้องปล่อยแม่ให้ไปนอนบ้านหมอ แล้วก็เสียค่าปรับไป ปืนได้คืนหรือเปล่าไม่รู้ จำไม่ได้ค่ะ โชคดีที่ไม่เจอฝิ่น เพราะปรกติแล้วที่บ้านจะมีฝิ่นด้วย เอาไว้ขาย แล้วก็เป็นค่าจ้างคนงาน ^___^ ตอนนี้พูดได้ เพราะเวลาผ่านไปหลายสิบปี และขณะนี้ก็ไม่มีฝิ่นให้เห็นแล้ว ปืนก็มีใบเรียบร้อยแล้ว ตอนหนูหิ่ง ฯ โต แม่พาไปกราบหมอศุภกิจครั้งหนึ่ง จำได้คลับคล้ายคลับคลาอยู่แถวแม่ริม หรือแม่แตงนี่ล่ะค่ะ แต่ตอนนี้ไม่ได้ข่าวเลย ไปหาบ้านก็ไม่เจอแล้ว จำไม่ได้แล้วค่ะ * * * อัจฉริยะ * * * ต่อมาไม่นาน ที่หมู่บ้านของหนูหิ่ง ฯ ก็เริ่มมีนักท่องเที่ยวฝรั่งไปเดินป่า ไปน้ำตก ไปหมู่บ้านชาวเขา แล้วแม่ก็ขายของชำ ขายก๋วยเตี๋ยว ขายกับข้าว เพราะเลิกทำเหล้าแล้ว พอมีฝรั่งมาบ่อย ๆ ปรากฎว้า.... แม่หนูหิ่ง ฯ สปีคอิงลิชได้วุ้ย คุยกะฝรั่งรู้เรื่องด้วย คิดเงินถูกด้วย ทั้ง ๆ ที่แม่ได้รู้หนังสือเลยสักกะติ๊ด ตัวเลขอะไรเป็นอะไรก็ยังงง ๆ แต่คิดเงินเก่งชะมัด แล้วเวลาเล่นไพ่ก็รู้หมดว่าอะไรเป็นอะไร แต่เวลากดโทรศัพท์ ไม่เคยกดได้เองสักครั้งเลยนะแม่นะ ต้องตั้งเบอร์โทรด่วนให้ กดค้างเลข 2 จะเป็นเบอร์ไคร กดค้างเลข 3 เป็นเบอร์ของใคร จนกระทั่งถึงเลข 9 แม่ก็จำแม่นมากว่าเบอร์ไหนเป็นของใคร ขึ้นลิฟท์ก็ยังขึ้นไม่เป็นจนกระทั่งทุกวันนี้ เดือดร้อนชาวบ้านต้องพาไปส่งทุกทีนะแม่นะ นอกจากสปีคอิงลิชกะฝรั่งรู้เรื่องกันแล้ว แม่ก็ยังพูดจีน กะเหรี่ยง ลั้วะ แม้ว อีก้อ มูเซอ ไต แซ่ม และเย้าได้ นั่น ! อัจฉริยะไหมคะ มีอยู่ครั้งหนึ่งพี่ซิงจับแม่ยัดใส่เครื่องมาหาหนูหิ่ง ฯ ที่กทม. หนูหิ่ง ฯ ก็ไปรับที่ดอนเมือง แม่ก็สามารถนะ ไม่กลัวด้วย แต่เวลากลับ ต้องไปขึ้นเครื่องที่สุวรรณภูมิ นั่น ! แม่จะหาทางไปขึ้นเครื่องยังไงล่ะเนี่ย ? ? ? หนูหิ่ง ฯ เข้าไปไม่ได้ด้วยสิ แม่บอกไม่เป็นไร เดี๋ยวแม่ถามเอง หรือไม่ก็ให้เจ้าหน้าที่เขาไปส่ง นั่นแน่ แม่แน่มากจะใช้เจ้าหน้าที่เขาซะงั้น พอไปเช็คอิน โชคดีมีคนไปไฟล์ทเดียวกัน หนูหิ่ง ฯ ก็เลยฝากแม่ไปกับเขา รอดตัวไปทีนะแม่นะ ไม่งั้นแม่อาจจะหลงทางอยู่ข้างในทั้งวันก็ได้ ^__^ ปัจจุบันวันนี้แม่อายุ 71 ยังแข็งแรงดี สุขภาพจิตดี เที่ยวดี ใช้เงินก็ดี นิแม่นิ
5 กุมภาพันธ์ 2554 20:52 น. - comment id 121888
พี่ใบไม้ก็เป็นเด็กบ้านนอกเหมือนกัน(ประมาณว่าติดชายแดนเขมร)คิดถึงชีวิตตอนเด็กๆ แล้วอะโลฮ่าสุดๆไปเลยล่ะ...
31 มกราคม 2554 16:55 น. - comment id 122007
หวัดดีครับ อ่านจบแระ...หื่ม..น่ารักจริงๆคุณแม่หนูหิ่งฯเนี๊ย...เปนหญิงแกร่งและเก่งครับ.. เปนอะไรที่มหัศจรรญ์มั๊กๆๆครับ อ่านจบชื่นใจดีจัง...ทำให้ผมคิดถึงแม่..นี่ถ้าแม่ยังอยู่น่าจะรุ่นเดียวกับคุณแม่หนูหิ่งฯนีแหละครับ..
31 มกราคม 2554 22:57 น. - comment id 122012
ขอรักคุณแม่ด้วยคนนะคะ......เยี่ยมมมม.....
1 กุมภาพันธ์ 2554 19:19 น. - comment id 122018
สวัสดีเจ้า คุณเอื้องอังกูร : เรื่องเล่าของแม่มีอีกเยอะแยะเลยค่ะ แบ่งปันเรื่องของแม่ที่อยุ่ในความทรงจำให้ฟังบ้างสิคะ ดีใจที่เรื่องของแม่หนูหิ่ง ฯ ทำให้คุณระลึกถึงแม่ เสียใจด้วยกับการจากไปของท่าน แต่ท่านก็ยังอยู่ในใจของคุณตลอดไปนะคะ คุณโอ้ละหนอ : เพื่อนหนูหิ่ง ฯ รักแม่หนูหิ่ง ฯทุกคนล่ะค่ะ แม่พูดเก่ง ทำกับข้าวเก่งค่ะ
6 กุมภาพันธ์ 2554 21:28 น. - comment id 122053
พี่ใบไม้ หนูหิ่ง ฯ ได้มา 1 คำ เนียงสลันบองเต....ค่ะ หนูหิ่ง ฯ ไปอยู่เขมรก็คงได้เนาะ
6 กุมภาพันธ์ 2554 13:01 น. - comment id 122056
น่าแปลก พี่ใบไม้พูดภาษาเขมร ไม่ได้เลย...
6 กุมภาพันธ์ 2554 12:53 น. - comment id 122060
สวัสดีเจ้า พี่ใบไม้ : แหม.... เขาเรียกว่าเด็กตจว.นะ ตอนเด็ก ๆ หนูหิ่ง ฯ ไปพม่าบ่อย ๆ จนพูดภาษาคำ " ไต " ได้เลยค่ะ ตอนนี้ไปเป็นคนฝั่งโน้นได้สบาย อิ อิ อิ เรื่องราวแสนซนตอนเด็ก ๆ มีเยอะเหมือนกันค่ะ หนุกหนานสุด ๆ คิดถึง.... อยากกลับไปเป็นเหมือนก่อนเนาะ....
5 กุมภาพันธ์ 2554 14:26 น. - comment id 122064
โอ้โห...มหัศจรรย์มากๆๆๆ นับถือๆๆๆๆ(ขนาดตัดสายสะดือทำคลอดเองได้เนี่ยไม่นับถือไม่ได้แล้ว) แหม...ชีวิตแม่คุณหิ่งฯนี่ น่าเป็นวัตถุดิบในการเขียนหนังสือจริงๆ ยังไงก็ขอให้คุณแม่และคุณหิ่งสุขภาพแข็งแรง มีความสุขมากๆนะครับ
5 กุมภาพันธ์ 2554 17:11 น. - comment id 122067
สวัสดีเจ้า คุณกระบี่ใบไม้ : อาจจะเป็นเพราะว่าบ้านหนูหิ่ง ฯ อยู่บนดอย ห่างไกลสถานีอนามัย ต้องเดินเท้าจากถนนหลวงไปบ้าน 17 กม.สมัยนั้นถนนสำหรับรถวิ่งยังไม่มีค่ะ สมัยนั้นปรกติแล้วแม่หนูหิ่ง ฯ ทำคลอดให้คนอื่นอยู่เสมอ พอถึงวลาแม่บ้าง บ้านคนอื่นอยู่ห่าง อาจจะบอกไม่ทันมั้งคะ แม่ก็เลยต้องช่วยตัวเองอ่ะค่ะ อีกอย่างแม่หนูหิ่ง ฯ ออกจะขี้อายค่ะ เด็กดอยอย่างหนูหิ่ง ฯ ก็มีเรื่องเล่าแบบคนป่าคนดอยนะคะ เพื่อน ๆ ก็บอกให้เขียนหนังสือนะ แต่เขียนไม่เป็น อิ ๆ ๆ ๆ
8 กุมภาพันธ์ 2554 14:36 น. - comment id 122190
ผมกำความลับของคุณหิ่งหลายข้อเลย ฮ่า ๆ เดี๋ยวโดนแซวทีหลังละกัน เอออยากไปกินแกงป่าที่บ้านจังเลย เหล้าข้าวโพดด้วยนะ...โอ้ย เปรี้ยวปากครับพี่น้อง
8 กุมภาพันธ์ 2554 23:56 น. - comment id 122239
สวัสดีเจ้า คุณสุรศรี : จุ๊ ๆ อย่าเอ็ดไปค่ะ ความลับทางราชการห้ามเปิดเผยนะคะ ความลับอีกข้อคือว้า.... หนูหิ่ง ฯ ทำกับข้าวม่ายเป็น แฮ่.... อายจังเจ้า
10 กุมภาพันธ์ 2554 20:41 น. - comment id 122327
แอบมาบอกความลับนู๋หิ่งฯ อีกข้อนึงล่ะ... นู๋หิ่งที่อยู่ในรูปนะ เหมือนคนหลับตาถ่ายภาพเลยล่ะ อิอิ (ตาเป็นเส้นเดียวเลย ฮิ้ววววว)
10 กุมภาพันธ์ 2554 23:41 น. - comment id 122336
แหม.... พี่ใบไม้ : อันว่าตาของหนูหิ่ง ฯ นั้น แห้งจากสายลมและแสงแดด เพราะพาญาติที่มาจากพม่าตระเวณเที่ยวดอยอินทนนท์ แล้วก็ไปกราบขอพรที่วัดพระธาตุจอมทองค่ะ ในรูปเป็นมุมหนึ่งของพระธาตุจอมทอง แดดจ้ามาก อากาศร้อนมาก นูเปล่าแก้ตัวนะคะ อิ ๆ ๆ ๆ ปล. ช่างภาพบอกว่า.... เวลายิ้มน่ะอย่าหลับตา แหม ๆ ๆ ทำได้เหมือนใจนึกที่ไหนเล่าน๊อ.... ?