ภายหลังที่ชายหนุ่มสั่งงานแก่เจ้าแสงสีและเจ้าสินชัยเรียบร้อยแล้ว ก็มานั่งสนทนากับแม่นางอัปสารรัตนาวดีและอ้อยวิลาวัย์เอ่ย ถึงเรื่องของสาวชบาในขณะนั้นอยู่อย่างเพลิดเพลิน แม่นางรัตนาวดีพลันเอ่ยขึ้นว่า พี่โชติ...รัตน์ว่าเดี๋ยวนี้น้องได้พาสาวชบาไปท่องเที่ยว ยังดินแดนสวรรค์ชั้นต่างๆมานอกจากชั้นจาตุม ไปถึงชั้นดาวดึงส์ซึ่งเป็นสถานที่บรรดาเหล่าเทพเทวัญและเหล่า นางอัปสรต่างสนุกสนานกัน อันเป็นบรมแดนสถานของความสุขทั้งมวล มากกว่าดินแดนอื่นๆในสวรรค์ทุกๆชั้นมาจ๊ะ และปล่อยให้ไปเอง แต่น้องทั้งสองก็คอยเฝ้าติดตามดูห่างๆไว้ เกรงว่าจะบังเกิดความลุ่มหลง จนลืมกาลแห่งเวลาของมิติไปจ้า และสิ่งคิดไว้ก็จริงด้วย ทำให้แม่สาวชบาถึงกลับหลงใหลเกือบจะลืมกลับร่างจ๊ะ เพลิดเพลินไปกับเหล่าสาวสวรรค์ด้วย รัตน์เองนั้นต้องการทดลองจิต ของนางว่าหากเจอสวรรค์ชั้นนี้แล้ว ภายในจิตของชบา จะเป็นประการใด จนเห็นไม่ได้การจึงต้องให้น้องอ้อยรีบไป ดึงร่างกายทิพย์กลับมานั่นแหละ นางถึงจะคลายความลุ่มหลงไปได้ ซึ่งพี่เองก็รู้ด้วยเคยไปมาแล้วว่า อันสถานที่นี้เป็นสวรรค์ที่ล้วนแล้วแต่ความอุดมสมบูรณ์สนุกสนาน ใครแม้นได้ไปมักจะติดในดินแดนนี้ ด้วยในสวรรค์ทุกๆชั้นนั้นหามีสวรรค์ชั้นใดจะมาเทียบไม่ได้หรอก จึงได้กำชับแม่นางชบาว่าอย่าไปให้มากนัก พี่จะเห็นเป็นประการใดหรือไม่จ๊ะ???... จริงซิพี่ อ้อยเองครั้งแรกที่พี่รัตน์พาไปนั้นก็เหมือนกับน้องชบานั่นแหละจ้า ด้วยยังอยู่ในขั้น สกทาคามีอยู่ ครั้นเจริญผ่านขั้นนี้ไปได้ด้วยการฝึกฝนต่อจนพอมา ฝึกปรือสมาธิจนถึงขั้นอนาคามีได้นั่นแหละถึงจะทำใจได้ไม่ติดในสิ่งนี้จ้า ใช่แล้วน้องทั้งสองอันดินแดนแห่งนี้ล้วนแล้วแต่เป็นดินแดน แห่งโลกียะทั้งสิ้นเป็นดินแดนแห่งบรมสุขของสวรรค์ทุกๆชั้น หากใครก็ตามหลงเข้าไปยากที่จะกลับออกมาได้จ๊ะ ด้วยเป็นที่สำราญทั้งสิ้นยกเว้นแต่สองสถานที่คือศาลาสุธรรมา อันเป็นที่ใช้ในการประชุมของเหล่าทวยเทพยดาและสูงถึงชั้นพรหม ทุกวันพระนั้นท่านองค์ท้าวสนังกุมารพรหม ท่านจะลงมาเทสก์สั่งสอนให้แก่บรรดาทวยเทพยดาและเหล่านางอัปสร ถึงธรรมะต่างๆให้ฟังด้วยท่านท้าวสนังกุมารพรหมนี้ ท่านสำเร็จบรรลุถึงขั้นทางแห่งพระอรหัตผลแล้วแต่ท่านยัง เกิดความเมตตาสงสารต่อเหล่าเทพยดาที่มัวแต่เสวยสุขในโลกียะอยู่ จึงไม่ไปสู่ยังพระอรหัตผล อีกสถานที่หนึ่งคือพระเจดีย์จุฬามณีเกตุแก้วอันเป็นที่ บรรจุพระเขี้ยวแก้วขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้ากับ อีกเจดีย์หนึ่งที่บรรจุพระโมลีของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ปราศจาก ความสุขเป็นที่สักการะของเหล่าทวยเทพยดาซึ่งเป็นดินแดนหวงห้ามไว้จ๊ะ จึงปราศจากการละเล่นต่างๆ ส่วนใหญ่ชาวดาวดึงส์มักจะไปหาความสำเริงสำราญในที่สระสุนันทา และสวนสุชาดากันทั้งสิ้นสระนั้นรายล้อมไปด้วยหินอันวิจิตรพิศดาร ปูรอบสระลงไปในสระด้วย ส่วนสวนนั้นก็ล้วนด้วย บุปผานานาพันธุ์อันส่งกลิ่นหอมขจรขจายไปทั่วบริเวณ ทั้งผลไม้ทิพย์นาๆประการ เหตุใดจะไม่ให้น้องชบาลุ่มหลง จนลืมกาลเวลาไปได้เล่าน้อง นั่นซิซึ่งน้องเองก็ยังแค่ไปได้ด้วยอำนาจของฌานสมาธิเท่านั้น อีกประการหนึ่งนั้นน้องยังอยู่แค่ในชั้นจาตุมเท่านั้นเอง ที่ไปได้ก็ด้วย อาศัยเป็นบุตรีของท้าวมหาราชนั่นเองจ๊ะ หากไม่ได้ ไปผุดในหน้าตักของเสด็จพ่อแล้วก็คงจะไม่มีโอกาสได้ไปชมหรอก นอกจากบุตรของเสด็จพ่อ คืออินทกะเท่านั้นส่วนบรรดาบริวารทั้งหลายไม่มีโอกาสไปเห็น แต่น้องดีกว่าพวกพี่ๆคืออินทกะ ก็ด้วยอำนาจฌานที่พี่ได้อบรมเพิ่มเติมจนไปถึงขั้นอนาคามี จึงสามาระไปได้ทุกๆชั้นฟ้าจ๊ะ แต่ก็ไม่ได้ไปเลย ด้วยกลัวกาลแห่งมิติเวลานั่นเอง แม่นางอัปสารเอ่ยกล่าวแก่ชายหนุ่มให้ฟัง อันชั้นยามาก็ดี ชั้น ดุสิตก็ดี อันชั้นดุสิตนี้มีแต่ความร่มเย็น สงบสุขเท่านั้นถึงมาดแม้นจะเป็นแดนแห่งโลกียะด้วยก็ตาม ด้วยบุญญาธิการในผลแห่งบารมีของท่านทั้งหลายจึงระงับเสีย เป็นดินแดนแห่งเหล่าพระโพธิสัตว์ทั้งหลายจึงมีความสุข แค่พอเพียงแล้วก็ล้วนด้วยสร้างสมาธิเพื่อเลื่อนชั้นขึ้นไปสู่ยังพรหมโลก และบางองค์ก็สำเร็จเป็นพระอรหันต์ตัดซึ่งกิเลสเข้าสู่แดนนิพพานไป บางองค์ก็ต้องลงมายังแดนมนุษย์เพื่อสร้างผลบุญต่อเพิ่มผลบารมีทานให้มากๆ ยกเว้นผู้ที่จะมาตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเท่านั้น ที่จะต้องเสด็จลงมายังดินแดนมนุษย์เพื่อจะได้เผยแผ่พระธรรมปลด เปลื้องมวลมนุษย์ให้พ้นจากกิเลสน้อยใหญ่จ๊ะ แดนนี้จึงปราศจากกิเสลกามา ส่วนชั้นนิมมานวดีก็ดีชั้นปรนิมมิตวสวัสดีก็ตาม ยังหมกหมุ่นกับโลกียะกามาอยู่แต่หากมีความต้องการก็จะเนรมิตขึ้นมา แล้วเสวยความสุขกามา ครั้นสมปราถนาแล้วร่างนั้นก็จะอันตรธานหายไป อันชั้นนี้เป็นชั้นจำพวกพรหมเหมือนกันอันมี ท่านท้าวปรนิมมิตสวัตตีมาราธิราช หรืออีกชื่อหนึงว่าวสวัตดี เป็นหัวหน้าชั้นนี้ ส่วนชั้นพรหม นั้นก็ยังแบ่งออกเป็นสองดินแดนชั้นพรหม ไม่มีรูปกับชั้นพรหมมีรูป ชั้นพรหมมีรูปคือแดนของเทพบุตรมาร เป็นเทพบุตรที่คอยรบกวนกีดกั้นผู้ที่จะทำความดีได้แก่ ตัวการที่ขัดขวางไม่ได้บรรลุความดี มี ๕ อย่างคือ ๑. กิเลสมาร มารคือกิเลส ๒. ขันธมาร มารคือเบญจขันธ์ ๓. อภิสังขารมาร มารคืออภิสังขารที่ปรุงแต่งกรรม ๔. เทวบุตรมาร มารคือเทพบุตร ๕. มัจจุมาร มารคือความตายกับเทพบุตรพรหม เทพบุตรมารนั้นเป็นที่ อยู่ของภายใต้การปกครองของท่านพญามารวสวัตตีมาร ส่วนอีกดินแดนหนึ่งติดกับดินแดนมาร เป็นชั้นพรหมที่สร้างสมแต่ความดีที่สร้างสะสมมาคอยช่วยเหลือ ผู้ที่ประกอบความดี มีท่านท้าวสหัมบดีพรหมเป็นหัวหน้า ในชั้นนี้มีท่านท้าวสนังกุมารพรหม ปรเมศพรหม ท่านท้าวมหาพรหมธาดา ชินะปัญชะระพรหมฯลฯล้วนแล้ว แต่มีหน้าที่คอยช่วยเหลือมนุษย์ เทวดา ให้ประกอบความดีแต่มีอิทธิฤทธิ์น้อยกว่าพวกมารพรหม ด้วยอำนาจของความพยาบาทอาฆาตในสิ่งที่คนหรือเทวบุตรเทพอัปสร จะประกอบซึ่งความดีทั้งหลาย เข้าครอบงำจิตใจให้หลงผิดเป็นชอบ แล้วแบ่งแยกปกครองแบ่งแยกดินแดนกัน มิกล้าล้ำแดนกันฤทธานุภาพ ก็แตกต่างกันไม่ได้ จึงส่งผลให้ความชั่วมีฤทธานุภาพ มากกว่าความดีที่สร้างได้ยาก หรือเรียกอีกนัยหนึ่งว่าเทวบุตรพรหมนั่นเอง ทั้งหมดของพรหมเหล่านี้จัดอยู่ในจำพวก พรหมมีรูปทั้งสิ้น อันพรหมไม่มีรูปก่อนจะดับจิตเจริญสมาธิจนถึงแก่ความตายแล้ว อธิษฐานไม่ให้มีรูปเกิดขึ้น ด้วยเกิดอาการเบื่อหน่ายในเบญจขันธ์ห้า ที่ประกอบด้วยอายตนะภายนอกและอายตนะภายใน จึงได้มาอยู่ในดินแดนนี้มีลักษณะเป็นแสงสว่างที่เจิดจ้า วูบๆวาบๆหายไปแต่ไม่ปรากฏรูปดังเทวบุตรพรหมทั้ง หลาย แต่มีฤทธานุภาพมากกว่าพรหมมีรูปมากมายนัก และมีอายุยืนนานที่สุดของพรหมทั้งหมดด้วย จนพรหมเหล่านี้ถึงกับลืมอายุขัยของตนเองไป ลืมวันเวลาแห่งมิติสืบเนื่องจากไม่รู้กำหนดอายุขัยของตน อันสวรรค์ชั้นที่ ๖ นี้ก็ถือเป็นชั้นพรหมด้วยเหมือนกันต้องการ สิ่งใดก็จะเนรมิตสิ่งนั้นมาใช้สอยเองต่างๆกับชั้นที่ต่ำลงมาเพียงแค่นึกเท่านั้น สิ่งทิพย์ก็จะเกิดขึ้นทันทีด้วยผลแห่งการให้ทานมากๆนั่นเอง ส่วนพรหมนั้นการให้ทานนั้นน้อยลงแต่มากด้วยฌานสมาบัติ จึงต้องเนรมิตของใช้ที่ต้องการขึ้นเอง แต่ก็จัดอยู่ในชั้นที่เหนือกว่าชั้นทั้งห้าได้ อันชั้นเทวบุตรพรหมนั้น สามารถจะบรรลุธรรมวิเศษเป็นพระอรหัตผลได้เข้าสู่นิพพานได้ ส่วนเทวบุตรมารนั้นไม่สามารถจะบรรลุธรรมวิเศษได้จึงจำเป็น ต้องลงมาเกิดในดินแดนมนุษย์เริ่มต้นสร้างกรรมดีต่อไป ชายหนุ่มเล่าให้แก่แม่นางอัปสรทั้งสองฟังถึงแต่ละชั้น ของสรวงสวรรค์ ทั้งยังเอ่ยบอกว่า ได้เคยไปท่องเที่ยวมาแล้วเกือบๆทุกๆชั้นแล้ว พลางหันไปยิ้มให้แม่นางทั้งสองซึ่งนั่งคอยฟังด้วย อาการอันสงบ เขาคิดว่านางคงจะสงสัยว่าเหตุใดเขาจึงสามารถ รู้ในสิ่งที่เหนือกว่านางไปได้ด้วย เขามีเพียงแค่ร่างกายมนุษย์เท่านั้น ถึงแม้ว่าจะสามารถถอดกายทิพย์ได้ แต่อำนาจของมิติกาลนั้นย่อมจะต้องกำหนดไว้ แต่ที่เขาเล่ามานั้นทำไม ถึงได้ข้ามมิติกาลและสามารถไปท่องเที่ยวในสิ่งที่ไม่หล่อนเอง ยังไม่สามารถไปได้เลยกระมัง ชายหนุ่มคิดรำพึง ทำให้แม่นางอัปสรครั้นได้รับฟังชายหนุ่มอธิบายให้ฟัง ก็เกิดความปลาบปลื้มยินดียิ่งนัก พลางเอ่ยขึ้นว่า แล้วพี่ในโลกนี้ทำงานด้านนี้จะไม่มีบาปติดตัวไปด้วยเลยหรือ ทำให้เกิดความสงสัย อันหน้าที่การงานของพี่นั้นจะเกี่ยวข้องกับทางบาปก็จริง อยู่การที่คนเราจะทำบาปนั้นให้ เกิดเป็นรูปธรรมนามธรรมได้นั้นต้องพร้อมซึ้งเหตุสามประการคือ หนึ่งต้องพร้อมด้วยใจหรือ เจตนาของผู้นั้น สองด้วยกายที่จะลงมือทำ สามวาจาที่ เมื่อทั้งสามอย่างนี้ รวมกันด้วยความโทสะ โมหะ โลภะ พยาบาทแล้วอันก่อด้วยตัณหา เป็นตัวบัญชา นั่นแหละถึงจะครบถ้วนแห่งการทำบาป สำเร็จลงครบถ้วนบริบูรณ์ ส่วนพี่เองนั้นแม้ว่าจะเป็นหน้าที่ในทางนี้ก็จริงแต่ใจพี่มิได้เกิด ความพยาบาทอาฆาตมาดร้ายอัน ประกอบไปด้วยตัณหา ทำไปเพื่อปกป้องคนดีต้องหลงผิดทาง มิให้คนชั่วต้องประสบผลสำเร็จจึงอยู่เหนือกฏแห่งกรรมไปจ้า................ * กิ่งโศก *
19 มกราคม 2554 09:43 น. - comment id 88827
คุณแก้วประภัสสร เข้ามาศึกษา วิธีเขียนก็ดีครับ.. การพล้อตเรื่อง การวางตัวละคร การสร้างประเด็นปัญหา
19 มกราคม 2554 09:44 น. - comment id 88828
พี่แจ้นเอง ยินดีมากครับพี่แจ้น ที่ยังติดตามอ่านนะครับ
19 มกราคม 2554 09:44 น. - comment id 88829
คุณดวงใจพี่ ขอบคุณมากครับที่แวะมาเยี่ยม
19 มกราคม 2554 09:42 น. - comment id 88834
คุณทางแสงดาว ขอบคุณที่มาอ่านครับ ตอนนี้ กำลังท่องสวรรค์ หุหุหุ
17 มกราคม 2554 16:40 น. - comment id 121460
17 มกราคม 2554 17:25 น. - comment id 121461
17 มกราคม 2554 09:12 น. - comment id 121466
มาสานงานต่อครับ
17 มกราคม 2554 09:20 น. - comment id 121467
17 มกราคม 2554 12:37 น. - comment id 121469