อทิสมานกาย ๗๐

แก้วประเสริฐ

76.gif
               อทิสมานกาย ๗๐
    ภายในห้องฝ่ายปราบปรมสถานีตำรวจในจังหวัด พตท.วิเชียร อรุณโชติ
กำลังก้มหน้าก้มตาดูภาพถ่ายและรายงานของเจ้าหน้าที่ส่งมาให้ตรวจสอบ
ผลของการจับกุมพ่อค้ายาเสพติดอยู่นั้น  ก็ต้องเงยหน้าขึ้นจากโต๊ะทำงาน
   “ท่านผู้ช่วยครับ  มีแขกจะมาขอพบท่านครับ “
ตำรวจหน้าห้องเข้ามารายงาน
   “ใครหรือจ่า???...ที่จะมาขอพบผมนะ”
   “เขาบอกว่าชื่อ เม้ง เจริญกิจตั้งไพบูลย์ ครับท่าน”
   “อ้อ???...เสี่ยเม้งนั่นเอง เชิญเขาเข้ามาได้แล้วจ่า”
   “ครับผ๊ม...”
     แล้วจ่าก็ทำความเคารพเดินออกไปยังหน้าห้องทำงาน พร้อมนำร่างชาย
รูปร่างท้วมผิวกายขาวเข้ามาพบ พร้อมด้วยชายอีกสองคนเดินตามหลังมา
ด้วย  ครั้นเห็นพตท.วิเชียรก็ยกมือไหว้ท่านผู้ช่วยรองผู้กำกับทันที
   “นึกว่าใครเสียเอง   นั่งๆๆๆๆตามสบายนะเสี่ยมีอะไรหรือถึงได้มาถึงที่นี้นะ”
   เสี่ยเม้งก็นั่งลงตรงเก้าอี้ตรงกันข้ามกับโต๊ะทำงาน พร้อมหันไปทางลูกน้อง
ที่ยืนถือกระเช้าผลไม้อยู่  รับมาแล้วเสี่ยเม้งก็นำมาส่งมอบให้พตท.วิเชียรทันที
พลางเอ่ยขึ้นว่า
   “ไม่มีอะไรหรอกครับท่าน เพียงนึกถึงก็แวะมาเยี่ยมเยียนกันเท่านั้นเองครับ
นี่กระเช้าผลไม้ที่ผมคัดเลือกมาเองครับใต้ผลไม้นั้นมีของพิเศษครับท่าน”
    “ต้องมีซิเสี่ยมิฉะนั้นเสี่ยไม่มาหาผมที่ทำงานแน่ๆเลย” 
ท่านผู้ช่วยรองผู้กำกับกล่าว และยิ้มแย้มแจ่มใสเมื่อเสี่ยเม้งบอกว่ามีของพิเศษอยู่
    “ว่ามาได้เลยจะให้ผมช่วยอะไรได้บ้างล่ะ???...”
    “ไม่มีเรื่องอะไรใหญ่โตหรอกครับท่าน เพียงแต่ว่าอยากจะให้ท่านผู้ช่วยดูแล
ในเรื่องกำนันมั่นสักหน่อยครับ  ด้วยกำนันนั้นเป็นคนของผมครับตอนนี้ถูกจับ
กุมไว้และทางนี้ก็ยังไม่ยอมให้ประกันตัวเลยครับ”
     เสี่ยเม้งเอ่ยอย่างไม่อ้อมค้อม  สารวัตรวิเชียรได้รับฟังก็สะดุ้งแต่สีหน้าก็ยังปกติ
   “แล้วเสี่ยไปหาสารวัตรอำนวยมาแล้วหรือยังล่ะเสี่ย???....ด้วยเขากำลังทำงาน
ในเรื่องนี้อยู่พอดีเป็นหน้าที่ของเขาด้วยนาเสี่ย”
สารวัตรวิเชียรถาม   ด้วยทราบว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล็กๆเสียด้วยด้วยท่านรองผู้กำกับ
มีหนังสือห้ามเยี่ยมห้ามประกันตัวไว้
   “ไปหามาแล้วครับท่าน  สารวัตรอำนวยบอกว่าให้มาปรึกษากับท่านก่อนด้วยท่าน
มีอำนาจในการจัดการเรื่องนี้ก่อนเสนอไปยังท่านรองผู้กำกับครับท่าน”
   “อย่างงั้นหรือ???...แล้วคุณอำนวยกล่าวเพิ่มเติมอีกหรือเปล่าล่ะ???...”
   “เห็นรับปากว่าจะช่วยครับเท่าที่จะช่วยได้  จะทำสำนวนให้อ่อนหน่อยเมื่อไปถึง
ทางอัยการครับ  แต่สำนวนนี้ต้องผ่านมือท่านอีกเพื่อตรวจสอบก่อนจะรายงานครับ”
   “อย่างนั้นหรือ  อ้อๆๆ ผมได้รับสำนวนมาแล้วล่ะนี่กำลังนั่งพิจารณาอยู่นะเสี่ย”
   “ผมก็อยากจะให้ท่านประสานงานกับสารวัตรอำนวยด้วยครับ 
ถึงอย่างไรก็มันเป็นเด็กของผมอยู่หนักก็ให้เป็นเบา
 หรืออาจจะขอประกันตัวได้ครับถ้าเป็นไปได้นะครับ”
   “เอาล่ะเรื่องนี้เสี่ยไม่ต้องเป็นห่วงอะไรหรอก  เราคนกันเองแท้ๆ
ผมกับคุณอำนวยจะได้ช่วยกันและจะรายงานผลนั้น
ให้ท่านรองผู้กำกับพิจารณาหาทางแก้ไขให้นะ”
   “ครับๆๆขอบคุณมากครับ หากประกันตัวได้ผมก็จะมีสิ่งที่ดีกว่านี้
สมนาคุณท่านทั้งสองด้วยครับ”
   “ถ้าอย่างนั้นผมไม่รบกวนเวลาของท่านสารวัตรแล้วนะครับ
 จะได้รีบกลับไปก่อนครับ
   “เชิญตามสบายเถอะเสี่ย  ไม่ต้องห่วงหรอกผมจะแก้ไขทำให้สำนวน
ให้อ่อนขึ้นไปอีกนะ”
   “ครับดีครับขอบคุณท่านสารวัตรมากๆนะครับ”
     แล้วเสี่ยเม้งก็ลุกขึ้นยกมือไหว้สารวัตรวิเชียร แล้วลากเก้าอี้ให้เรียบร้อย
 หันไปพยักหน้ากับลูกน้องสองคน  มันทั้งสองก็หันมา
ยกมือไหว้สารวัตรวิเชียรเดินตามหลังเสี่ยออกจาก
ประตูห้องสารวัตรทันที
     ครั้นเสี่ยเม้งก็นำกระเช้ายกไปวางบนหลังตู้เอกสารด้านหลัง
แต่ก่อนจะนำไปวางได้ล้วงไปยังก้นตระกร้ากระเช้า
 ดึงซองสีขาวออกมาวางในลิ้นชักข้างหน้าโต๊ะ ครั้นวางของเสร็จ
ก็มานั่งยังโต๊ะ ดึงลิ้นชักเปิดซองดูเห็นแบงค์พันปึกใหญ่ๆ
คงประมาณหลายๆหมื่นก็ยิ้มแล้ว
   แล้วเอื้อมมือหยิบกระเป๋าเอกสารเอาซองนำมาใส่
ยังกระเป๋าเอกสารของตน ทันทีแล้วก็หันไปดูเอกสารต่อไป
  เอกสารนั้นเป็นสำนวนของ พตต.อำนวยฝ่ายสืบสวนและสอบสวน
เสนอมายังตน  อ่านแล้วเห็นว่าสำนวนมันอ่อนมากอยู่แล้ว
 จึงได้แก้ไขเพิ่มเติมให้อ่อนลงไปอีกเพื่อที่ท่านรองผู้กำกับพิจจารณา
จะได้ไม่ต้องสงสัย พร้อมกับทำรายงานเสนอแนะเพื่อให้มีการ
ประกันตัวกำนันไปเพื่อจะได้ขยายผลในการจับกุมหัวหน้าใหญ่ต่อไป 
 ซึ่งสารวัตรวิเชียรรู้อยู่แก่ใจแล้วว่าเป็นใคร
 เพียงเพื่อที่จะฉาบหน้าไว้เท่านั้นเอง
   ครั้นตรวจสอบทำรายงานแล้วก็เรียกจ่าหน้าห้องเข้ามา ยื่นหนังสือเอกสาร
ทั้งหมดที่ปิดผนึกตีตราว่า “ลับที่สุด”  บนซองยื่นมอบให้จ่านำไปให้ฝ่าย
ธุรการเพื่อเสนอต่อไปยังท่านรองผู้กำกับทันที
   เมื่อธุรการนำหนังสือที่สารวัตรวิเชียรและสารวัตรอำนวยทำไว้มาส่งให้
ท่านรองผู้กำกับแล้ว  ท่านก็เปิดออกอ่านเห็นสำนวนนั้นช่างอ่อนมากก็บังเกิด
ความสงสัยอีกทั้งยังขออนุญาติให้มีการประกันตัวได้ก็ยิ่งสงสัยไปอีกแต่ท่าน
ไม่พูดอะไรเลย  พลางหันไปทาง รตต.วิชิตที่นั่งอยู่ภายในห้องให้มาหาทันที
   “คุณวิชิต มาหาผมหน่อยนะจะมีเรื่องขอร้องหน่อย”
เมื่อ รตต.วิชิตที่กำลังก้มหน้าก้มตาเขียนเอกสารของท่านรองผู้กำกับอยู่เงยหน้า
แล้วขานรับทันที
   “ครับผ๊ม”  แล้วร่างรตต.วิชิตก็เดินเข้าไปหาท่านรองผู้กำกับทันที
   “นั่งลงก่อนซิคุณวิชิต”
   “ครับผ๊ม???....”
   ที่จริงแล้วรตต.วิชิตนี้เป็นคนของพล.ตต.วีระโชติผู้กำกับการนี้อยู่ 
ได้ส่งตัวแอบแฝงมาตรวจสอบการทำงานของตำรวจทั้งหมดในโรงพักนี้
 โดยการสนันสนุนจากสารวัตรชัชวาลย์และผู้กองจรัสและผู้กองจำลอง
   “ท่านมีเรื่องอะไรจะใช้ผมหรือครับ”
   “ผมอยากจะให้คุณช่วยตรวจสอบสำนวนนี้หน่อยเดี๋ยวนี้เลยนะ
 ด้วยผมสงสัยในบางสิ่งบางอย่างรู้สึกว่า
จะไม่ชอบมาพากล คุณก็จบนิติศาสตร์ด้านนี้โดยเฉพาะจาก
มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์มาแล้วนี่  ไหนๆลองตรวจสำนวนหน่อยนะ”
   “ครับท่าน” 
   แล้วหมวดวิชิตก็นำเอาสารมานั่งเปิดอ่านบนโต๊ะของท่านรองผู้กำกับทันที
  เมื่ออ่านไปหน้าตาเขาเปลี่ยนแปลงไปตลอดเวลา
 แต่ท่านรองผู้กำกับที่นั่งมองเฝ้าพิจารณาอยู่เห็นก็รู้พลางอมยิ้มไปด้วย  
 เมื่อหมวดวิชิตอ่านจบก็ยื่นเอกสารทั้งหมดให้ท่านรองผู้กำกับทันที
   “เป็นอย่างไรบ้างหมวด  ใช้ได้ไหมล่ะพอที่จะส่งอัยการสั่งฟ้องได้หรือไม่ล่ะ???...”
   “ในความรู้ที่ผมเรียนมานะครับเป็นสำนวนขัดแย้งกันในตัวครับท่าน 
ถ้าหากส่งไปให้อัยการก็จะต้องถูกตีกลับมาทำใหม่อีกครั้งครับท่าน
 อีกประการหนึ่งการจะให้ประกันตัวนั้นผมคิดว่ายังไม่เหมาะสม
ในระยะนี้หรอกครับ
 อาจจะเป็นที่เพ่งเล็งของทางกรุงเทพฯก็เป็นไปได้สูงครับท่าน” 
    หมวดวิชิตรายงานตามความเป็นจริง
   “อืมมม??....คุณมีความคิดเช่นเดียวกับผมเลยถึงแม้ว่าเรื่องนิติศาสตร์
ผมจะไม่เคยผ่านการศึกษาจากรั้วนี้มาก่อนก็ตามทีแต่ประสบการณ์
ในการเป็นตำรวจทั้งฝ่ายปราบปรามและสืบสวนมาแล้ว
เห็นว่าทำไมสารวัตรวิเชียรและสารวัตรอำนวยถึงได้ทำเรื่องเช่นนี้ได้นะ
น่าสงสัยจริงๆเสียด้วยหรือว่า???...”
   แล้วท่านก็ไม่กล่าวต่อไป  พลางหันส่งเสียงเรียกหน้าห้องทันที
   “จ่าๆๆๆอยู่หรือเปล่า???...เข้ามาหาผมหน่อยซิ”
   “อยู่ครับท่าน”
แล้วร่างจ่าซึ่งพึ่งจะได้รับการแต่งตั้งโยกย้ายมาก็เปิดประตู
เดินเข้ามาหาท่านรองทันที    เมื่อถึงแล้วก็ทำความเคารพวันทยาหัตถ์
   “ท่านต้องการอะไรหรือครับ”
   “อ้อๆๆ....ผมอยากจะให้คุณไปตามสารวัตรชัชวาลย์
กับผู้กองจรัสและจำลองมาพบผมด่วนด้วยนะ ไปเดี๋ยวนี้เลย”
   “ครับผ๊ม”
   แล้วร่างจ่าคนใหม่ก็รีบเดินออกจากห้องไปทันที
   ชั่วเวลาไม่นานนัก ร่างตำรวจทั้งสามก็เข้ามาในห้อง
ของท่านรองผู้กำกับ ต่างทำความเคารพท่านรอง พลางเอ่ยปากจะกล่าว
   แต่ท่านรองผู้กำกับโบกมือไม่ให้ต้องพูดอะไร  แล้วกล่าวขึ้นว่า
   “เชิญคุณทั้งสามนั่งได้นะผมมีเรื่องจะปรึกษา  อ้อๆๆๆหมวด
ไม่ต้องไปหรอกนั่งอยู่ช่วยกันคิดกันหน่อยนะ”  
     “ครับผ๊ม”
   ร่างหมวดจะลุกขึ้นหลีกทางให้แก่สารวัตรและผู้กอง 
 สารวัตรกับผู้กองหันมายิ้มให้หมวดทันทีด้วยต่างรู้ใจซึ่งกันและกัน
  หมวดวิชิตก็ไปหาเก้าอี้โดยบอกให้จ่าชื่นนำเก้าอี้มาเสริมทันที
   ครั้นทุกๆคนนั่งแล้วท่านรองผู้กำกับก็ยื่นเอกสารให้ทั้งสาม
อ่านดูก่อน รอฟังคำอธิบาย   ทั้งสามอ่านไปต่างก็คิ้วขมวดไป
ตามๆกันทันที  เสร็จแล้วพลางเงยหน้าไปทางท่านรอง
   “เป็นอย่างไรบ้างล่ะสารวัตรผู้กอง หากไม่ได้อ่านเอกสารนี้
ผมก็ยังไม่สงสัยอะไรอีกด้วยเราสี่คนนี้รู้อะไรๆอยู่ก่อนแล้ว
 ผมคิดไม่ถึงจริงๆนะว่าจะเป็นไปได้”
ท่านรองเอ่ยให้สารวัตรผู้กองฟัง
   “ท่านครับ...ที่จริงนั้นผมสามคนพอจะรู้เรื่องสารวัตร
ทั้งสองอยู่เหมือนกันครับแต่ไม่อยากจะไปก้าวก่ายเท่าไหร่
 ด้วยผมทั้งสามพึ่งมาใหม่ครับ”
   “นั่นซิ???...ตอนแรกผมก็ไว้วางใจเหมือนกันนะ 
แต่มาระยะหลังนี้คนของผมก็กระซิบบอกมาแต่ผมก็ยัง
ไม่ปักใจเชื่อนักด้วยหลักฐานไม่มี  พึ่งจะมาแสดงเจตจำนงค์
ก็คราวนี้แหละ  ความสงสัยที่มีอยู่แล้วก็เลยปักใจเชื่อมั่นยิ่งขึ้น”
   ท่านรองผู้กำกับกล่าว
   “ นี่ดีนะที่ผมรู้ด้วยอีกไม่กี่เดือนผมก็จะปลดเกษียณไปแล้วสารวัตร
วิเชียรซึ่งเป็นผู้ช่วยก็จะได้เลื่อนมาแทนผมแล้วอะไรจะเกิดขึ้นอีกล่ะ
 หากท่านผู้กำกับเข้ามาปฏิบัติหน้าที่จะคิดว่าผมบกพร่องต่อหน้าที่
ไปก็ได้เชียวนา
    จึงได้เรียกคุณทั้งสามมาช่วยปรึกษาขอคำแนะนำด้วย 
เพราะงานนี้คุณทั้งสามเป็นฝ่ายเข้าทำการจับกุม
โดยข้ามหน้าข้ามตาเขาไปด้วย  แต่เรื่องนั้นไม่เป็นปัญหาหรอก
     อันที่จริงจะว่าพวกคุณก็ไม่ได้หรอกเพราะเป็นด้วยเหตุ
บังเอิญมากกว่านะ”
   “ครับมันเป็นสิ่งบังเอิญจริงๆครับ  ในระหว่างการค้นหาหลักฐานนั้น
 หากตำรวจไม่ค้นพบห้องใต้ดินเสียก่อนก็คงจะไม่ทราบด้วยค้นยาก
ด้วยบ้านมันพังสุมทับกันไปหมด
  แต่ตำรวจที่มาใหม่เห็นผิดสังเกตุอะไรบางอย่างตามวิสัยตำรวจซึ่งมันไม่
น่าจะเกิดขึ้นในเรื่องนี้ รุนแรงจนบ้านทั้งหลังพังลงมาได้ต้องมีสาเหตุแน่นอน
ด้วยตำรวจพวกนี้ผ่านการอบรมมาอย่างเชี่ยวชาญก่อนจะมาประจำยังที่นี่ครับ
ทั้งหมดจึงได้แหวกกองไม้ดูจากการสงสัยที่ได้อบรมมาจึงพบ”
สารวัตรชัชวาลย์ชี้แจง
   “แล้วคุณจะให้ผมทำอย่างไรซิบอกมาได้เลยนะ”
ท่านรองเอ่ยขึ้น
   สารวัตรหันไปทางหมวดวิชิตทันทีด้วยอะไรๆก็รู้กันอยู่แล้ว
อีกทางหนึ่งจะได้ส่งเสริมเขาด้วย
   “ว่าไงคุณวิชิต คุณมีความเห็นประการใดหรือไม่ล่ะ???...”
   หมวดวิชิตสะดุ้งแล้วพลันนึกขึ้นได้ ในใจก็ขอบใจสารวัตร
ชัชวาลย์ทันทีด้วยเปิดหนทางให้แก่เขาไว้แล้ว
   “ครับท่านสารวัตรในความคิดเห็นของผมนะ 
ว่าควรจะส่งเรื่องกลับคืนไปให้ทางสารวัตรวิเชียรและสารวัตรอำนวย
ตรวจสอบแก้ไขอีกทีหนึ่งก็จะเหมาะครับท่าน”
  “อืมม???....เหมือนใจผมเลยล่ะวิชิต  เรื่องแบบนี้ไม่ธรรมดานะ”
   “เป็นความคิดที่ดีมากหมวด   เอาล่ะผมจะส่งเรื่องคืนกลับไป
คุณเขียนรายงานมาให้ผมลงนามไว้ก็แล้วกันและ
ให้ถือเป็นเรื่องเร่งด่วนที่สุดด้วย”
   “ครับท่าน  ผมจะรีบรวบรวมเอกสารทั้งหมดแล้วทำรายงาน
ส่งให้ท่านลงนามใส่ไปในซองให้สารวัตรทั้งสองต่อไปครับท่าน”
   “เอาล่ะเป็นอันตกลงตามนี้นะ  ผมเองก็เห็นชอบด้วย 
 อ้อๆอีกอย่างหนึ่งให้คุณชัชวาลย์
คุณจรัสและคุณจำลอง ลอบส่งคนที่ไว้วางใจได้ให้ประกบตัวสารวัตร
ทั้งสองด้วยนะทั้งที่ทำงานและที่บ้าน ที่อื่นด้วยอย่าให้คลาดสายตา
และอย่าให้รู้ตัวด้วยเสียล่ะ???....”
   “อ้าๆๆๆ!!!!....แล้วหากเขาจับได้ล่ะครับจะว่าอย่างไรครับท่าน”
สารวัตรชัชวางย์เอ่ยถามเพื่อหาสิ่งคุ้มครองตนเอง
   “เรื่องนี้ไม่ต้องห่วงหรอกผมวางแผนไว้แล้วล่ะ  
หมวดทำหนังสือเกี่ยวกับเรื่องของสารวัตรทั้งสองแล้วมาให้ผมเซ็นต์
ลงนามไว้ส่งมอบให้แก่สารวัตรและผู้กองด้วยนะ ไปทำได้เลยล่ะ”
   “ครับผม” 
หมวดวิชิตกล่าวพลางหันไปยิ้มกับสารวัตรผู้กอง 
 แล้วรีบไปนั่งที่โต๊ะเขียนรายงานการสั่งงานของท่านรองผู้กำกับทันที 
นำเอกสารสามฉบับพร้อมด้วยซองสีน้ำตาลราชการมาด้วย
 พลางยื่นให้ท่านรองผู้กำกับอ่าน  เห็นท่านพยักหน้าแล้วหยิบปากกาบนโต๊ะ
มาลงนามพร้อมกับประทับตราประจำตำแหน่งไว้ทันที
  พร้อมยื่นส่งมอบให้แก่นายตำรวจทั้งสามเก็บไว้เป็นหลักฐานอ้างอิงต่อไป
   “ผมมีเรื่องแค่นี้แหละ งั้นเชิญทั้งสามกลับไปทำงาต่อได้แล้ว
 อ้อๆๆอย่าลืมแจ้งให้ผมรู้ด้วยนา”
   “ท่านไม่ต้องกังวลหรอกครับ  ผมใช้คนของผม
ซึ่งมาประจำการใหม่ๆไม่ให้คนเก่าๆได้รู้หรอกครับท่าน”
   “นั่นซิตอนนี้ผมเองก็ชักจะไม่แน่ใจตำรวจเก่าเข้ามาอีกแล้วล่ะ
 ย้ายไปหน่วยหนึ่งไหงดันเกิดหน่วยที่สองตามมาอีกก็ไม่รู้ 
หรือว่ามันจะเก็บหางมันไว้ก็ไม่อาจจะรู้ได้”
ท่านรองผู้กำกับเปรยๆขึ้น พลางลูบคางเบาๆๆ
   “ถ้างั้นเชิญได้แล้วล่ะ กลางวันนี้เจอกันที่เดิมนะ”
   “ครับท่าน”
   แล้วสารวัตรผู้กองก็ทำความเคารพหันไปยิ้มกับหมวดวิชิต
 แล้วก้าวเดินออกจากห้องไปโดยปิดประตู แล้วเดินไปที่โต๊ะของจ่าชื่น
พลางยกมือขึ้นตบไหล่เบาๆ กระซิบว่า ระวังตัวหน่อยนะจ่า
จ่าชื่นที่อยู่ในท่าวันทยาหัตถ์เอ่ยรับคำทันที
  ร่างของนายตำรวจก็แยกย้ายกันเข้าห้องไปทำงานต่อทันที 
 ทั้งหมดนี้หามีผู้ใดรู้เห็นแต่ประการใดไม่..............
                *  แก้วประเสริฐ.  *

qp011.gifCartoon_Animation_08.gifflowers_170.gif692823n68ya60jv9.gif				
comments powered by Disqus
  • คิดถึงเสมอ

    9 มกราคม 2554 15:32 น. - comment id 121209

    เย้..เจ็ดสิบตอนแล้ว 41.gif41.gif41.gif
    พี่ชายเขียนไวยังกะปากกาติดไอพ่น
    แต่เอ..มีไรซ่อนอยู่ในความไวอ๊ะป่าวคะ
    คิดถึงและห่วงใยเสมอ  36.gif36.gif29.gif
  • แก้วประเสริฐ

    9 มกราคม 2554 20:22 น. - comment id 121211

    36.gif16.gif36.gif
    คุณ คิดถึงเสมอ
    
          น้องสาวที่รัก  พี่ไม่มีอะไรหรอกจ๋านอก
    จากความสนุกเพลิดเพลินแก้ความเหงาใจ
    เท่านั้นเองแหละ  อ้อ นี่พี่เอา เรื่องท่องแดน
    สวรรค์ กับ นรกภูมิมาลงไว้ เพื่อให้คนที่จะ
    คิดในสิ่งอกุึศลและกุศลกรรมได้พึงสังวรณ์
    ไว้เอง  เพื่อจะได้ยับยั้งในสิ่งที่จะกระทำลง
    ไปเท่านั้นเอง  เรื่องทั้งหมดนี้พี่รับรองว่าเป็น
    เรื่องจริงๆที่ผู้รู้ทั้งผู้ที่ตายไปแล้วฟื้นมาด้วย
    ยังไม่ถึงวาระอายุขัย พี่จะไม่กล่าวมากนัก
    จะยาว  หาไปหาอ่านในเรื่อง " กฏแห่ง
    กรรม" ก็จะทราบเองแหละจ้า นี่ยังไม่ได้
    เอ่ยถึงชั้นพรหมนะเพราะชั้นพรหมยังแบ่ง
    แยกอีกเป็นชั้นๆเช่นเดียวกันจ้า เอาเฉพาะชั้นที่อยู่ในกามคุณห้าและหกเท่านั้น
    เองด้วยเป็นโลกียะธรรมจ้า รักน้อง
    สาวพี่มากเสมอจ้า
    
               16.gifแก้วประเสริฐ.16.gif

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน