ในบทกวี

หมอกจาง

เวลาที่คิดถึงบทกวี ผมคิดถึงอะไร?
มานั่งตรงดูแล้ว ทุกครั้งที่พูดถึงบทกวี คิดถึงบทกวี ผมมักจะนึกถึงบทกวีเล่มแรกในชีวิตเสมอ
ไม่ใช่ว่าบทกวีที่ได้อ่านเล่มแรกในชีวิต หากแต่เป็นเล่มแรก ที่ทำให้รู้สึประทับใจในบทกวีอย่างลึกซึ้ง
หนังสือเล่มนั้นคือ "คำหยาด" ของ อาจารย์ เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์
เป็นหนังสือบทกวีเล่มแรกที่อ่านอย่างตื่นตาตื่นใจ อ่านอย่างซาบซึ้งในตัวอักษร และหวนท่องทวนไปมาซ้ำๆในหลายๆบทที่ชอบ
และเป็นหนังสือเล่มที่ทำให้ต้องเสาะหาหนังสือกวีเล่มต่อๆไปมาอ่าน เพื่อที่จะพบว่าไม่มีหนังสือเล่มไหนที่เขียนเหมือนเข้าไปอยู่ในใจ เข้าไปอยู่ในความรู้สึกได้เหมือนคำหยาด
ไม่ใช่ว่าหนังสือเหล่านั้นเขียนไม่ดี เพียงแต่รู้สึกว่ามันไม่ตรงกับความรู้สึกที่ตัวรู้สึก เหมือนเมื่อได้อ่านคำหยาด
จนกระทั่งเหน็ดเหนื่อยพอสมควรกับการเสาะหา ก็เลยมาคิดว่า แล้วทำไเราไม่เขียนกลอน เขียนบทกวีเองเสียเลยล่ะ?
แน่นอนว่า มันอาจจะกะโดกกะเดก ไม่ได้ดีได้งามเหมือนอย่างใครเขา แต่เราก็ย่อมรู้สึกถึงความรู้สึกของตัวเองชัดเจนที่สุดไม่ใช่หรือ ว่าเป็นแบบไหน อย่างไร
ถึงมันจะไม่ดี ไม่ทำให้ใครชอบใครรัก แต่สิ่งที่เขียนออกมา มันก็น่าจะตรงใจเราที่สุด ตราบเท่าที่เราซื่อตรงต่อความรู้สึกของตนเองในยามลงปากกาเขียน
และนั่นคือจุดเริ่มต้นของการเขียนกลอนและบทกวีของผมจนมาถึงทุกวันนี้
......................................................
ทำไมคนเศร้าถึงชอบฟังเพลงเศร้า ?
บางคนบอกว่าการที่คนเศร้านั้น ถ้ายิ่งมัวจ่อมจมอยู่กับเพลงเศร้า ก็คงมีแต่ดิ่งลึกลงไปทุกที ทำไมไม่ฟังเพลงที่มันมีความสุข ที่มันสนุกสนาน เผื่อว่าชีวิตจะได้ร่าเริงขึ้น
ผมไม่เห็นด้วย
สำหรับผมแล้วเพลงเศร้าคือสิ่งจำเป็นสำหรับคนเศร้า เพราะคนเศร้าไม่ได้ต้องการการปลอบประโลม ไม่ต้องการรอยยิ้ม ไม่ตองการแสงตะวันที่สดใสใดๆ
ที่คนเศร้าต้องการคือความเข้าใจ ใครสักคนที่สามารถเข้าใจได้ในความเศร้าของเขา ใครที่มีหัวอกเดียวกัน เคยปวดร้าวมาแบบเดียวกัน
ทุกครั้งที่เพลงเศร้านั้นดัง มันกำลังบอกคนเศร้าว่า คุณไม่ได้ปวดร้าวอยู่อย่างเดียวดาย
บทกวีก็ทำหน้าที่อย่างเดียวกัน
.......................................................
ผมใช้บทกวีเหล่านั้นเป็นเพื่อนกับตัวเอง 
ตรวจสอบความรู้สึกของตน เขียนมันออกมาอย่างซื่อตรง แม้มันอาจไม่ได้ไพเราะเพราะพริ้ง แต่มันก็เสมือนหนึ่งเครื่องปลอบประโลม
บางครั้งเหมือนเอามีดกรีดซ้ำลงไปบนแผลที่คั่งหนอง เจ็บปวดจนน้ำตาหยด แต่แผลก็เหมือนพอทุเลาลงไปบ้าง
ส่วนน้ำตานั้น เอามาปั้นเป็นดอกน้ำตาเล็กๆสักดอก ก็พอประโลมใจ
......................................................
"แม้คิดถึงเพียงใดใจจะขาด ก็ไม่อาจไปตามความคิดถึง
ห้ามมาหาแต่อย่าห้ามความคะนึง จะดื้อดึงโดยถ้อยร้อยรำพัน"
เป็นบทหนึ่งในคำหยาดที่ผมจำจนขึ้นใจ สะทกสะท้อนกับตัวเองทุกครั้ง ยามที่มีเหตุการณ์สักเหตุการณ์ชักพาให้กลอนบทนี้วาบขึ้นมาในหัว
"ไม่คิดสอยมัวคอยดอกไม้ร่วง คงชวดดวงบุปชาดสะอาดหอม" เนื้อเพลง สาส์นรัก หากแต่ผมอ่านและจำไว้เป็นเหมือนกลอน บ่นกับตัวเองดังๆในอกแล้วถอนใจ ยามที่ตัวเองไม่ได้ดั่งใจตัวเอง มองดูความรักเหมือนรอเหมือนคอยดอกไม้ให้ร่วง
และก็มีบ่อยครั้งที่จะคิดถึงกลอนบางบทที่ตนเองเขียนเอง ไม่ใช่ว่ามันดีมันงามกว่าคนอื่นแต่อย่างใด แต่เพราะมันตรงใจเราทุกคำเหมือนดังที่เกริ่นไว้ในตอนแรก
"ยิ่งทบทวนหวนนึกยิ่งลึกซึ้ง ยิ่งคิด ยิ่งคิดถึงจนร้าวราน"
บางทีคนเรา ต้องรอจนกระทั่งบางเรื่องบางราวนั้นได้ผ่านไปแล้ว เราถึงจะได้รู้ว่า ที่ผ่านๆมานั้นเราโง่เพียงใด อะไรบ้างที่เรามองข้ามและละเลย
แต่ความปรารถนาที่จะย้อนเวลากลับไปแก้ไขอะไร ก็ยังคงเป็นแค่ฝันอันเลื่อนลอยของมนุษย์ทุกผู้อยู่เช่นเดิม
........................................................
อารมณ์ความรู้สึกของคนเรา ละเอียดและซับซ้อน
คนเศร้าใช่ว่าจะเศร้าเหมือนกัน ในรายละเอียดของความรู้สึกนั้น ผมเชื่อว่าความเศร้าแต่ละแบบก็จะมีรายละเอียดของมันต่างกันไป แม้จะเพียงน้อยนิดก็ตามที
ความสุขก็เฉกเช่นเดียวกัน มันก็มีแง่มุมของมันที่ต่างกันไป
ดีใจเสมอ ยามที่พบเจอบทเพลงหรือบทกวีของใครสักคนที่อธิบายความรู้สึกของเราที่กำลังเป็นอยู่ได้ตรงใจ
และดีใจเฉกเดียวกัน หากมีใครพบว่าสิ่งที่ผมเขียนออกไปตรงกับใจกับความรู้สึกของเขา
เพราะนั่นแปลว่า เราต่างไม่ได้จมจ่อมอยู่กับความรู้สึกนั้นเพียงลำพัง
ยังมีใครสักคนในโลกใบนี้ที่เข้าอกเข้าใจเรา มีความสุขแบบเดียวกัน มีความเศร้าแบบเดียวกัน มองเห็นโลกเป็นสีเดียวกับที่เรามองเห็น
เป็นเสมือนเพื่อน-แม้ว่าอาจจะไม่เคยเห็นหน้าค่าตากันเลยก็ตามที
นั่นอาจจะเป็นหน้าที่หน้าที่หนึ่งของบทเพลง
และนั่น-อาจจะเป็นหน้าที่หน้าที่หนึ่งของบทกวี
......................................................				
comments powered by Disqus
  • โคลอน

    23 ธันวาคม 2553 22:30 น. - comment id 120737

    11.gif11.gif11.gif
    
    อ่านความคิดเห็นของคุณแล้วก็ครุ่นคิด
    
    มุมมองของคนอื่นบางทีก็สะท้อนจุดยืนที่เรามีได้เหมือนกันน๊าเนี่ย
    
    เพราะโคลอนจะไม่ชอบอยู่กับอารมณ์ของตัวเอง ณ ปัจจุบันขณะ
    
    หรือว่าเราต้องเรียนรู้ที่จะอยู่กับอารมณ์ที่มี
    
    แต่คิดว่าไม่เข้มแข็งพอที่อยู่อย่างนั้นอ่ะค่ะ เลยเลือกที่จะทำสิ่งตรงข้ามกับอารมณ์และความรู้สึกเสมอ
    
    
    ส่วนใหญ่ก็ได้ผลน๊า 21.gif21.gif21.gif
    
    นึกถึงเพลง "ตัดสินใจ" ของ บอย โกสิยพงศ์ ที่ป๊อด โมเดิร์น ด๊อกร้องไว้อ่ะค่ะ....
    
    29.gif29.gif29.gif
  • เทียนหยด

    23 ธันวาคม 2553 23:02 น. - comment id 120738

    46.gif46.gif46.gif
  • จอบอ

    24 ธันวาคม 2553 10:02 น. - comment id 120746

    มาอ่านความในบทกวี
    
    ดีใจแทนคุณแทนคุณแทนไท 46.gif
    
    ว่าแต่ หมอกจางกับคุณแทนฯ ไม่ได้เป็นอะไรกันใช่ปะ45.gif65.gif20.gif
    
    ไปหละ มาป่วนพอเป็นพิธี71.gif
    
    
    Merry Christmac & Happy New Yea
  • ฉางน้อย

    24 ธันวาคม 2553 11:50 น. - comment id 120749

    วิ่งตาม3คนข้างบนมาซึมซาบคะ11.gif
  • จอบอ

    24 ธันวาคม 2553 14:05 น. - comment id 120750

    ใจ..หนึ่งใจ จะต้องการ..อะไร
    ให้มันมาก..มาย ให้มัน..วุ่น..วาย
    เพียงเธอนั้น ใส่ใจกัน...เบาเบา
    พอให้สอง..เรา ได้ทำอะไรมากมายในตอนนี้
    
    บางเวลาไม่เป็นไร ถ้าเธออยู่ไกล
    บางเวลาฉันเข้าใจ ถ้าลืมกันไป
    บางเวลาไม่เป็นใจ ก็ไม่ต้องเสียดาย
    ปล่อยมันไปก่อนนะ
    
    คิดถึงฉันสักครั้งเมื่อไม่ได้คิดถึงใคร
    ทำตัวตามสบายถ้าเจอกันในความฝัน
    มีเวลาดี ๆ ก็บอกให้ฉันได้ฟัง
    ไม่มากเกินไป กว่านั้น
    ค่อย ๆ รักกันเบา เบา
    
    เธอ..กับฉัน ยังต้องเดิน..ทางไกล
    คงไม่สาย..ไป ให้เวลากับใจได้เรียนรู้
    
    บางเวลาไม่เป็นไร ถ้าเธออยู่ไกล
    บางเวลาฉันเข้าใจ ถ้าลืมกันไป
    บางเวลาไม่เป็นใจ ก็ไม่ต้องเสียดาย
    ปล่อยมันไปก่อนนะ
    
    คิดถึงฉันสักครั้งเมื่อไม่ได้คิดถึงใคร
    ทำตัวตามสบายถ้าเจอกันในความฝัน
    มีเวลาดี ๆ ก็บอกให้ฉันได้ฟัง
    ไม่มากเกินไป กว่านั้น
    ค่อย ๆ รักกันเบา เบา
    
    บางเวลาไม่เป็นไร ถ้าเธออยู่ไกล
    บางเวลาฉันเข้าใจ ถ้าลืมกันไป
    บางเวลาไม่เป็นใจ ก็ไม่ต้องเสียดาย
    ปล่อยมันไปก่อนนะ
    
    คิดถึงฉันสักครั้งเมื่อไม่ได้คิดถึงใคร
    ทำตัวตามสบายถ้าเจอกันในความฝัน
    มีเวลาดี ๆ ก็บอกให้ฉันได้ฟัง
    ไม่มากเกินไป กว่านั้น
    ค่อย ๆ รักกันเบา เบา
    
    คิดถึงฉันสักครั้งเมื่อไม่ได้คิดถึงใคร
    ทำตัวตามสบายถ้าเจอกันในความฝัน
    มีเวลาดี ๆ ก็บอกให้ฉันได้ฟัง
    ขอเธอแค่เพียงเท่านั้น
    ค่อย ๆ รักกันเบา เบา
    
    ฮือ ฮือ ค่อย ๆ รักกันเบา เบา
    
    .. .. .. .. .. .. .. .. .. .. .. ..
    
    เพลง เบาเบา - ซิงกูลาร์
    
    เอามาฝาก11.gif
  • ผู้หญิงช่างฝัน

    24 ธันวาคม 2553 17:23 น. - comment id 120751

    มีหลายครั้งที่เมื่อเราคะนึงนึกถึงเรื่องใด 
    มักมีคำถามตามมาเสมอว่าจะมีใครคิดเหมือนกันกับเราบ้างไหม
    และงานคุณแทนก็ทำให้นึกยินดีนัก...  เพราะคำตอบที่ได้คือไม่ต่างกัน... 36.gif
    
    ตอบงานคุณแทนแล้ว เลยแวะมาต่องานคุณ  อารมณ์มันต่อเนื่องน่ะ 11.gif
  • แทนคุณแทนไท

    24 ธันวาคม 2553 23:44 น. - comment id 120754

    เหมือนอ่านความรู้สึกตัวเอง
  • เฌอมาลย์

    25 ธันวาคม 2553 10:07 น. - comment id 120759

    มาลอกคำตอบทุกคำตอบน่ะ1.gif
  • แมงกุ๊ดจี่

    25 ธันวาคม 2553 12:32 น. - comment id 120763

    ทำไมคนเศร้าถึงชอบฟังเพลงเศร้า ?
    
    บางคนบอกว่าการที่คนเศร้านั้น ถ้ายิ่งมัวจ่อมจมอยู่กับเพลงเศร้า ก็คงมีแต่ดิ่งลึกลงไปทุกที ทำไมไม่ฟังเพลงที่มันมีความสุข ที่มันสนุกสนาน เผื่อว่าชีวิตจะได้ร่าเริงขึ้น
    
    ผมไม่เห็นด้วย
    
    สำหรับผมแล้วเพลงเศร้าคือสิ่งจำเป็นสำหรับคนเศร้า เพราะคนเศร้าไม่ได้ต้องการการปลอบประโลม ไม่ต้องการรอยยิ้ม ไม่ตองการแสงตะวันที่สดใสใดๆ
    
    ที่คนเศร้าต้องการคือความเข้าใจ ใครสักคนที่สามารถเข้าใจได้ในความเศร้าของเขา ใครที่มีหัวอกเดียวกัน เคยปวดร้าวมาแบบเดียวกัน
    
    ทุกครั้งที่เพลงเศร้านั้นดัง มันกำลังบอกคนเศร้าว่า คุณไม่ได้ปวดร้าวอยู่อย่างเดียวดาย
    
    บทกวีก็ทำหน้าที่อย่างเดียวกัน
    
    
    
    บทกวี...เมื่ออ่านอิ่มเอมหัวใจ
    บทกวี...เมื่อเขียนโปร่งหัวใจเหลือเกิน
    
    ขอบคุณ...
    เพราะเป็นคนหนึ่งที่ติดอารมณ์เศร้า   
    แต่ไม่ใช่ไม่มีความสุข  คนเศร้าใช่จะจมดิ่งห้วงแห่งความเศร้า....

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน