อทิสมานกาย ๔๘
แก้วประเสริฐ
อทิสมานกาย ๔๘
กำนันเริ่ม กำนันหวน และกำนันใช้ ต่างแยกย้ายกันหนีไปคนละทางนั้น
ต่างได้รับความบาดเจ็บไปกันตามกัน แต่ทว่ากำนันเริ่มจะมากขึ้นกว่าใครๆ
ด้วยโดนกลางหลัง
แต่ก็พยายามกระเสือกกระสนหนีด้วยอาศัยเป็นคนในพื้นที่ จึงทราบหนทาง
การลัดเลาะไปตามแนวป่าผ่านโขดหิน ที่ใต้ภูเขา นั้นมีถ้ำๆหนึ่ง พยายามคลาน
เพื่อจะเข้าไปหลบซ่อนกายก่อน เมื่อเข้าไปในถ้ำแล้ว ยังไม่ได้พักเหนื่อยในใจ
ต่างด่าขร่ม
“ ไอ้ห่า!!!!....มันรู้วางกำลังได้อย่างไรว๊ะ????....ในเมื่อตรวจสอบดูก่อนจะ
ลงมือแล้วเชียวนา???....” มันบ่นพรึมพร่ำกับตัวเองแล้วคลานเข้าไปในถ้ำทันที
ถ้ำนั้นภายในจากเล็กๆพอเข้าไปข้างในจะกว้างขวางและยังมีหลีบหินสลับ
ซับซ้อนมากมาย ทั้งยังมีหยดน้ำที่กลายเป็นแท่งหินย้อยลงมาอีก
คิดว่าเป็นที่หลบซ่อนได้อย่างดี ในการหลบซ่อนตัวกำนันนั้นรู้แถบบริเวณนี้
ทั้งหมด เพราะอาชีพด้านนี้ต้องรู้แหล่งหลบซ่อน ทั้งบางครั้งยังเป็นที่เก็บ
ของผิดกฏหมายหลบสายตาเจ้าหน้าที่ได้ดีอีกด้วย ส่วนใหญ่เป็นกลางวันมาหลาย
ครั้งแล้ว ดังนั้นกำนันจึงไม่หวาดเกรงใดๆ เพียงแต่ตอนนี้เป็นกลางคืนเท่านั้น
แต่แล้วมันก็สะดุ้งสุดตัว เมื่อแลเห็นร่างอสุรกายหลายตนยืนค้ำหัวมันอยู่ร่าง
มันช่างน่าเกลียดน่ากลัวอะไรเช่นนี้ กำนันนึกพลาง หัวมันจรดถ้ำแต่ดวงตามัน
ซิเบ้อเริ่มเชียว ข้างหนึ่งห้อยลงมายังแก้มมัน ยิ่งตอนมันยิ้มรับ ช่างแสยะแสยง
ซ้ำมีกลิ่นเน่าๆโชยเข้าจมูกอีกด้วย มันน่าสพึงกลัวอะไรเช่นนี้จึงอ้าปากค้าง.......
พลันมันได้ยินเสียงของอสุรกายร้องถาม ทันทีว่า....
“ อ้าวๆๆๆ...จะหนีไปไหนหรือ กำนัน จำข้าได้ไหมที่เคยให้ลูกน้องมาทำร้าย
ครอบครัวข้าจนตายหมดสิ้น แล้วยังจับพวกข้าทรมานจนจะตาย แต่กำนันทำไม
ถึงโหดร้ายกับพวกข้านัก ทั้งๆที่พวกข้าก็ไม่ได้ไปทำอะไรกำนันเลย แล้วยังเผา
พวกข้าทั้งๆเป็น กำนันจะทำอะไรข้าไม่สนใจหรอกเพียงเห็นกำนันเท่านั้นเอง
ขณะที่ข้าและเมียหาของป่าอยู่มิได้คิดที่จะทำตัวให้เดือดร้อนแก่กำนันและพวก
อย่างใดไม่ ทั้งๆที่เห็นพวกกำนันทำในสิ่งผิดกฏหมาย ข้าและเมียเห็นก็ไม่เคย
ไปกล่าวให้ใครฟัง ถือว่าต่างคนต่างทำมาหากินกัน ข้าและเมียทำมาหากิน เลี้ยงชีพ
ด้วยการหาของป่ามาขายประทังชีวิต เลี้ยงลูกเต้าเท่าที่จะทำได้ไปวันๆหนึ่งเท่านั้น
ถ้าหากกำนันทำกับข้าและเมียไม่ยุ่งเกี่ยวกับลูกของข้า อาจจะให้อภัยกำนันได้
คิดว่าเคยสร้างเวรต่อกันและกันมา แต่นี่ลูกข้าไม่รับรู้อะไรทั้งสิ้นก็ต้องมาตาย
อย่างทุกข์ทรมานยิ่งนัก กำนันสร้างเวรกรรมไว้มากจริงๆยากจะให้อภัยกันได้
แต่กำนันใจร้ายมากๆไม่สอบถามอะไรข้าหรือเชื่อข้าเลย ทั้งๆเป็นคนบ้านเดียวกัน
ข้าบอกแล้วว่าจะไม่บอกแก่ใครเพราะเกรงกลัวกำนันที่จะเอาเรื่อง แต่กำนันไม่ยอม
บัดนี้ถึงวาระที่กำนันสร้างกรรมไว้จะชดใช้แล้ว ข้ารอเวลานี้มานานเหลือเกิน
โน่นๆๆๆ....เมียข้าก็รอกำนันชดใช้เวรกรรมที่กำนันทำกับเขาด้วยเหมือนกันกับข้า
แรงอาฆาตข้าและเมียลูกข้า จึงไม่ยอมไปผุดไปเกิดทั้งๆที่บุญข้าสร้างไว้ก็มีมาก”
อสุรกายเอ่ยขึ้น พลางชี้มือไปหน้าปากถ้ำให้กำนันดูว่า บัดนี้มีใครอยู่บ้าง
กำนันเมื่อรับฟังอสุรกายกล่าวเช่นนั้นก็พลันนึกถึงเรื่องราวนั้นขึ้นมาได้ยิ่ง
ที่ในความเห็นแก่ตัวมันมากยิ่งขึ้น ความหวาดกลัวยิ่งจับจิตใจมันจนตัวสั่นๆ
ถึงแม้เขาจะมีปืนอาวุธร้ายแรงก็จริงอยู่ กำนันรู้ว่าหากมาใช้กับพวกผีไม่ได้ผล
แต่ความสพรึงกลัวทำให้กำนันสั่นสะท้านไปทั้งร่าง พยายามกระเสือกระสน
ดิ้นรนทั้งๆที่ได้รับบาดแผลบาดเจ็บมาก เลือดด้านหลังยังยิ่งซึมผ่านมาลงใน
กางเกงที่กำนันใช้สวมอยู่ ด้วยความอยากรู้มีอะไรจึงได้หันไปแลตามมือมันชี้
มองตามมืออันน่าเกลียดน่ากลัวที่ชี้ไปยังปากถ้ำ ซึ่งตอนเข้ามาไม่พบสิ่งใดๆเลย
แต่บัดนี้ ยังมีร่างอสุรกายทั้งลูกๆมันยืนคร่อมร่างมันไว้อีกด้วย
ที่เห็นนั้นปรากฏร่างของสาวชาวป่าแห่งหมู่บ้านมันเอง ยืนเท้าสะเอวจ้องมองอยู่
กิริยาท่าทางโกรธแค้นมาก ดวงหน้าที่เละเทะส่งกลิ่นเหม็นเน่าตลบอบอวลไปทั่ว
ทำให้กำนันต้องกอดปืนแทนเพื่อจะเรียกร้องความอบอุ่น
ทั้งหัวใจมันแสนจะเย็นยะเยือกจนกระทั่งร่างมันสะท้านหนาวสั่น
เพื่อทำจิตใจมันเรียกร้องใจคร่ำครวญให้ได้ความเข้มแข็งขึ้นบ้าง
แต่เสียงนั้นช่างเยือกเย็นโหยหวนบาดลึกเข้าไปในจินใจกำนันนัก
ปากกำนันเริ่มก็ร้องขอความเห็นใจจากเหล่าอสุรกายเสียงแผ่วเบามากว่า
“ ยกโทษให้แก่ข้าเถิดๆ ข้ากลัวแล้วต่อไปจะกลับตัวเป็นคนดีไม่ทำอีกแล้ว”
อสุรกายภายในทำ ก็พลันกล่าวขึ้นอีกว่า
“ แล้วทีข้ากลับเมียข้า ตลอดลูกๆข้าก็เคยร้องร้องขอความช่วยเหลือจากกำนัน
เช่นเดียวกัน แต่ๆๆทำไมกำนันไม่เห็นใจพวกข้าที่เป็นคนจนหาเช้ากินค่ำเสียบ้าง
จวบจนวิญญาณข้ามิอาจจะไปผุดไปเกิดได้ จนเกิดแรงอาฆาตแก่กำนัน ทำไมๆ
ตอนนี้ครั้นมาถึงแก่ตัวกำนันนั้น จึงมาขอร้องความเห็นใจแก่พวกข้า ตอนนั้นทำไม
ไม่คิดเสียบ้างล่ะ???... กำนันก็รวยแสนจะรวยแต่เป็นถึงกำนันไม่เห็นอกเห็นลูกบ้าน
บ้างเลย กับใช้อำนาจพวกพ้องมากมาย เที่ยวข่มขู่ชาวบ้าน ให้กลัวตกอยู่ในอำนาจ
แม่แต่ข้าและครอบครัวเอง พยายามหลีกเลี่ยงมาเที่ยวหาของป่าเพื่อจะไม่ยุ่งเกี่ยวข้อง
กับกำนันและพวกเลย เก็บเล็กผสมน้อยไว้ทำบุญบ้างกินบ้าง ข้ายอมรับชะตากรรม
ชีวิตของตนเอง บัดนี้มาถึงคราวชะตาจะสิ้นฆาต กลับมาร้องขอความยุติธรรมแก่
พวกข้า สมควรแล้วหรือที่จะได้รับการอภัยเช่นนี้ “
เสียงหน้าถ้ำร้องดัง หวี๊ดๆๆๆ....ล่องลอยมา กำนันหันไปทางหน้าถ้ำ
ทันทีแล้วต้องผงะ เมื่อแลเห็นร่างผู้หญิงผอมๆสูงๆ ผมยาวเป็นฟูฝอยกระเซิง
สยายยาวลงมาด้านหลังแทบจะถึงบั่นเอว ส่วนผมด้านหน้าถูกแหวกออก
เห็นเฉพาะหน้าเท่านั้น ฟันซีโตๆเกๆไปๆมาๆซึ่เท่าจอบฟันดินของแต่ละซี่
กำลังเอ่ยถามเหมือนกันว่า....
“เอาชีวิตข้าคืนมา ๆๆๆ....ช่างโหดร้ายจริงๆ ไม่ทำเฉพาะผัวข้าและข้าแล้ว
ยังให้คนไปยิงลูกสาวลูกชาย ฆ่าเขาอย่างเหี้ยมโหดตายทั้งเป็นทั้งๆที่ยังไม่ตาย
กับถูกไฟเผาเสียไหม้เกรียมทุกข์ทรมานยิ่งขึ้นกว่ากำนันเสียอีก โน่นแน๊ะกำนัน
พลางร่างของปีศาจร่างผู้หญิงก็ชี้ไปข้างกายมัน กำนันคงจะจำได้ว่าพวกข้า
คือใครเป็นใคร นั่นลูกข้าทั้งสามล้วนแล้วแต่ตัวไหม้บ้างไม่ไหม้บ้าง ข้าแม้จะ
เป็นวิญญาณแต่ก็คอยคุ้มครองลูกข้าแต่ก็ยังช่วยอะไรไม่ได้ ตัวกำนันยืนสั่งการ
ดูซิๆๆว่าลูกชายและลูกหญิงข้าเป็นอย่างไรบ้าง ข้าและผัวข้าพร้อมกับ
ลูกๆข้าคอยวันนี้มานานแล้ว ไม่คิดเลยว่าจะได้แก้แค้น เมื่อเวรกรรมของกำนัน
สร้างไว้มากๆ จึงเปิดโอกาสให้แก่ครอบครัวข้า”
ข้างๆปีศาจหญิงตนนี้มี่ร่างเด็กชายสองคนเด็กหญิงหนึ่งคน ต่างหัวร่อดีใจกัน
แต่ใบหน้าซิมันมีน้ำเหลืองไหลเยิ้มข้างหนึ่ง อีกข้างหนึ่งเป็นรอยไหม้ไฟเกรียม
เสียงแหลมเล็กๆดังลอดออกจากปากเด็กทั้งสองกล่าวกับกำนันพร้อมชี้ไปที่
ใบหน้าของมันให้กำนันดู พลางร้องด้วยเสียงคร่ำครวญโหยหวนว่า......
“ กำนันใจร้ายๆๆๆกำนันใจร้ายจริงๆ พวกข้าไม่อโหสิกรรมให้แก่กำนัน
หรอกไม่ต้องคิดมาแผ่กุศลให้พ่อแม่ข้าและน้องๆเลย กุศลกำนันก็ไม่มีอะไร
อยู่แล้ว หากสร้างทำบุญไปก็ด้วยต้องการเอาหน้ามิได้มีศรัทธา อย่างแท้จริง
ทำบุญหวังเพื่อเอาหน้าเท่านั้นพอลับหลังก็ด่าพวกชีและพระสงฆ์อีกด้วย
ว่าดีแต่ขอเขากิน ต่อหน้าอย่างลับหลังอีกอย่างหนึ่ง ยกของประเคนก็หันหน้าไป
ให้พวกถ่ายรูป เพื่อเอาอวดพวกหมู่บ้านเราว่า ข้าเป็นคนใจบุญสุนทานเท่านั้น
ดังนั้นกุศลกำนันจึงไม่มี ถึงมีก็นิดๆหน่อยๆคงเป็นบุญเก่าๆ ของกำนันเอง
ซึ่งตอนนี้ไม่เหลือพอที่จะช่วยกำนันได้แล้วล่ะ ที่พอเพียงขัดขวางพวกข้าไว้ได้
จึงจะต้องชดใช้กรรมหนักที่กำนันสร้างไว้หรอก ไม่มีใครจะมาช่วยอีกแล้วล่ะ
มาเถอะกำนันมาอยู่แทนที่ข้าก็แล้วกัน เมื่อกำนันตายไปแล้ว แผ่นดินคงจะ
สูงขึ้นอีกมากมาย ท่านเจ้าป่าเจ้าเขาท่านก็อนุญาตแก่พวกข้าแล้ว และบริวารท่าน
ก็จะไม่มากีดกั้นขัดขวางพวกข้า เพื่อจะให้พวกข้าจะได้ไปผุดไปเกิดเสียที
ถือว่าอโหสิกรรมแก่พวกข้าไว้ก่อนก็แล้วกันที่ทำกับพวกข้าไว้มากมายนัก
ก่อนตายข้าแสนทุกข์ทรมานถูกเผาทั้งเป็น ดวงวิญญาณข้ามิอาจจะไปไหนได้
มาซิมาๆแทนพวกข้าไว้ด้วย ”
ลูกชายคนโตของอสุรกายเอ่ยพลางยื่นมือยาวอันน่าสพึงกลัวยื่นมาพร้อม
ส่งเสียงหัวร่อ แสดงความดีอกดีใจ แต่มือของพวกมันก็ยื่นยาวมาพร้อม
กับพ่อแม่และน้องๆมันแล้วคว้าคอกำนัน บีบลงไป บ้างดึงคอกำนันให้ยาวๆ
บ้างลากขากำนัน บ้างดึงแขนขากำนัน ด้วยความเจ็บปวดแผลที่โดนยิงอยู่แล้ว
ยังมาได้รับการฉีกแขนขา ฉีกขาจนกระดูกมันลั่นถึงแม้จะไม่หลุดก็ตามที
และยังซ้ำมารับการทรมานจากพวกปีศาจเหล่านี้ ทำให้ดวงตากำนันเหลือกโพลง
เมื่อโดนมือทั้งสี่ของผีผัวเมียลูกต่างขย้ำลงบนคอหอยมัน กำนันรู้สึกว่า
ลมหายใจของมันขัดข้องค่อยๆจางหายไปทุกๆที
ครั้นจะร้องขอความช่วยเหลือ ก็ร้องไม่ออก ดวงตากำนันเริ่มโปนออก
จากเบ้าตาทันทีพร้อมมีเลือดๆๆไหลออกเปอะเปื้อนเสื้อผ้าใส่ผสมกับเลือด
ที่ถูกยิงกำลังจะแห้งเกรอะอยู่ผสมผสานกันออกมาเป็นทาง
เสียงหัวร่อของปีศาจทั้งห้าร้องโหยหวนระงมไปทั่วๆบริเวณ เมื่อยิ่งแลใบหน้า
เห็นร่างของกำนันเริ่มลมหายใจอ่อนลงๆทุกขณะ จนร่างกายกำนันแน่นิ่งไป
ไม่ไหวติง คอกำนันเริ่มหมุนไปรอบๆตามตามแรงมือของ
บรรดาผีผัวเมียและลูกๆของอสุรกาย จึงพากันปล่อยมือมันทั้งหมดออกมามอง
เหล่าวิญญาณอาฆาตครั้นเห็นวิญญาณของกำนันออกมาจากร่างเดิม
มานั่งก้มหน้ายกฝ่ามือปิดหน้ามันเท่านั้น
ก็พากันต่างส่งเสียงหัวร่อ ต่างพากันกอดกันกลม ฝ่ายปีศาจพ่อ
ก็พลันกล่าวเตือนขึ้นแก่พวกแม่ลูกทั้งหลายว่า
“ นี่แม่และลูกๆทั้งสาม ให้พยายามนึกถึงบุญกุศลที่เราสร้างไว้ร่วมกัน
ให้โดยเร็วนะ ผลบุญกุศลจะทำให้พวกเราได้ไปสู่ทางสุคติกัน
ตามแต่เวรกรรมของเรา
ซึ่งกำลังจะส่ง พวกเราให้ได้ไปผุดไปเกิดเสียที อาจจะไม่ได้เจอกันอีกแล้ว
ด้วยต่างวาระกรรมกันของแต่ล่ะคน พ่อขอลาก่อนลาพวกเจ้าไปก่อน เจ้าๆก็
เหมือนกัน ต่างไปต่างที่ต่างทางกัน ในเมื่อแรงอาฆาตพวกเราได้จบสิ้นไป
กำนันมันตายแล้วอโหสิกรรมแก่มันด้วยเถอะน๊ะ ด้วยมันจะมาแทนที่เรา”
“ จ๊ะพี่...จ๊ะ...พ่อ....” เสียขานรับจากปีศาจทั้งห้าที่พากันกอดกันกลม
บ้างหลั่งน้ำตาร้องไห้คร่ำครวญ จนปีศาจพ่อต้องห้ามอีก บอกว่า
“พวกเจ้าอย่าทำเช่นนั้นให้นึกถึงพระที่เราใส่บาตรสร้างโบสถ์ไว้ให้มากๆนะ
มิฉนั้นจะทำให้พวกเราไปผุดไปเกิดไม่ได้ต้องวนเวียนในที่นี้ต่อไปอีก”
ปีศาจผู้พ่อกล่าวกับเมียและลูก เตือนให้นึกถึงแต่พระกรรมดีไว้ ตั้งจิตให้
บริสุทธฺด้วย หากเราอโหสิกรรมให้เขาแล้ว จิตใจเราก็จะปลอดโปร่งเอง ”
“จ้าๆๆๆ....พ่อฉันและพวกหนูจะจำและทำตามจ้าๆ”.....
แล้วทั้งหมดก็พากันมองไปยังร่างกำนันที่นอนตายตาเหลือกถลนออกมา
จากนอกเบ้า แล้วยกมือพนมกันทั้งห้าขึ้นอโหสิกรรมแก่ดวงวิญญาณของ
กำนัน ที่กำลังนั่งจับเจ่าเหม่อตามองร่างเดิมของมัน ไม่สนใจอะไรๆทั้งสิ้น
ร่างผู้พ่อก็ค่อยๆจางหายไปจากส่วนล่างจนหมด แล้วร่างผู้เป็นแม่และลูกๆ
ก็เริ่มจางหายไปทีละน้อยๆจนหมดสิ้น คงทิ้งร่างที่ไร้วิญญาณนอนในถ้ำ
แต่เดียวดาย ส่วนวิญญาณของกำนันนั้นก็ล่องลอยไปๆมาๆอยู่ในบริเวณนี้
แทนครอบครัวที่มันทำร้าย ด้วยใจที่อำมหิตยังฝังลึกอยู่ภายใน....
พลางมานึกเสียใจแต่ก็สายไปเสียแล้ว ยิ่งเห็นร่างพวกอสุรกายทั้งหลายต่าง
พากันไปผุดไปเกิด เหลือวิญญาณมันกับร่างเดิมของมัน กำนันก็ใจหายวาบ
คงเหลือมันที่ต้องเฝ้าถ้ำนี้แต่เดียวเดียวดาย
พลางวิญญาณมันก็ให้อโหสิกรรม อย่าจองเวรกันและกัน ทำให้มันจิตใจดีขึ้น
ด้วยผลบุญกุศลมันไม่เคยกระทำไว้ จึงต้องเร่รอนวนเวียนภายในถ้ำนี้ไป
ยังไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ถึงจะหมดเวรตามอายุไขมัน จะได้ไปจากที่นี้ชดใช้หนี้เวร
ของมันที่กระทำไว้ในโลกมนุษย์นี้ ไม่รู้ว่าจะใช้เวลาอีกนานสักเท่าไหร่จะได้
เกิดมาเป็นมนุษย์ได้อีกเมื่อไหร่???.....
ความมืดก็เข้ามาแทนที่ซึ่งตอนนั้นมีแสงสลัวๆพอเห็นกันได้ แสงสะท้อน
จากแม่น้ำที่ยังพอจะกระจายมาจาก แสงตะเกียงเจ้าพายุ ที่ลอดช่องพุ่มไม้เข้ามา
บัดนี้กลับคืนสู่สภาพเดิม ความเงียบก็เข้ามาปกคลุม คงได้ยินแต่เสียงจักจั่นเรไร
และสัตว์หากินกลางคืนเท่านั้นที่บินวนไปเวียนมา โฉบฉวัดไปในป่านั้นตามปกติ
ด้วยมันคงจะหาอาหารกันกินประทังชีวิตมันตามประสาสัตว์หากินหากินกลางคืน
ส่วนกำนันใช้นั้นเล่าที่โดนยิงยังที่บริเวณสะโพก และแขนมันหนีบปืนพลาง
กระโผลกกระเผลก ทั้งๆที่ความปวดแทรกซึมเข้ามามาก แต่ความกลัวตำรวจมี
มากกว่า มันจึงพยายามดิ้นรนแบบคนหนีตาย ท้องที่แถบนี้มันไม่รู้หนทางใดๆ
จึงเดาต้องการให้ไปไกลแสงไฟเจ้าพายุให้ไกลที่สุด
พลางก้มตัวหลบหลีกหาทางหนี กระเซาะกระเซิงมาทางแถบด้านภูเขาแยกจาก
พวกมันมาเพียงคนเดียวแต่ ด้วยความมืดปกคลุมไปทั่ว ไม่เห็นทาง ได้แต่เพียงแหวก
พุ่มไม้ต่างๆ มันคิดว่าหนีห่างไกลมามากแล้วแต่ที่จริง ยังคงวนเวียนอยู่ในบริเวณ
แถวๆนั้นเอง
ร่างมันต้องทิ้งกายลงกับพื้นทันที เมื่อเห็นเงาไหววูบๆวาบๆไปมา อันเกิดจากพุ่มไม้
ต่างๆโดนลม กำนันใช้นึกว่าพวกตำรวจติดตามมันเข้ามา ครั้นแลเห็นพุ่มไม้ที่ไหวๆ
พลางประทับปืนขึ้นแล้วยิง เสียงปืนดังสนั่นลั่นป่าไปหมด ทำให้พวกนกหากินกลางคืน
ตกอกตกใจพากันบินหนีกันว่อนไปทั่ว
เสียงพรื่บๆพรับๆ ดังไปทั่ว เสียงปืนนี้นี่เองทำให้บรรดาตำรวจและหุ่นได้ยินเสียงปืน
ต่างกระจายกำลังออกค้นหาทันที ครั้นแลเห็นประกายแสงไฟที่แลบออกมาจากปาก
กระบอกปืน เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ยิงใส่กระสุนไปยังเป้าที่แลเห็นประกายไฟทันใด
ร่างของกำนันใช้ที่นอนราบกับพื้นรีบลุกขึ้นวิ่งไปยังโคนต้นไม้ใหญ่หมายหลบกระสุน
พร้อมทั้งยิงใส่ไปยังพวกหุ่นและตำรวจ ฝ่ายตำรวจเห็นเงาตะคุ่มๆกำลังวิ่งไปยังต้นไม้
จึงปล่อยกระสุนออกไปอีกชุดหนึ่ง ร่างกำนันใช้ทะลึ่งพรวดตามแรงกระสุนปืน ร่าง
ของมันเต้นเร่าๆไปตามแรงของกระสุน ที่ยิงใส่ร่างกายของมันพรุนไปด้วยกระสุนปืน
แล้วก็ล้มฟุบสิ้นใจตายไปทันที........
* แก้วประเสริฐ. *