อทิสมานกาย ๔๓

แก้วประเสริฐ

76.gif
                              อทิสมานกาย  ๔๓
      เมื่อเจ้าแสงสีทำงานตามคำสั่งนายแล้ว  ก็รีบเดินทางกลับเพื่อจะรายงานผล
ครั้นย่างก้าวเข้ามาห้องนายมัน  ก็ต้องตกใจด้วยแลไปเห็นหุ่นต่างๆที่เขาทำขึ้น
นั้นบัดนี้มันต่างวิ่งเล่นกันไปๆมาๆในห้องกันอย่างสนุกสนาน  ยิ่งปลาดใจมาก
ไปกว่านั้นอีก 
      บรรดาร่างของหุ่นนั้นเปลี่ยนแปลงไปทํ้งรูปร่างหน้าตาช่างสวยงามยิ่งนัก
 ด้วยใบหน้าร่างกายนั้น บรรดาหุ่นทั้งหลายนั้น ถูกทาสีฝุ่นต่างกันหลากหลาย
ล้วนสีสรรต่างๆกัน มีทั้งผู้ชาย ผู้หญิงและเด็กหนุ่มเด็กสาว จำนวนมากมายนัก
     ประมาณมากกว่าสามสิบหรืออาจจะเกินกว่านั้นอาจจะร่วมร้อยตนเห็นจะได้
ซึ่งกำลังแอบเล่นซ่อนหาตัวกันอยู่  บ้างก็กำลังฝึกการต่อสู้กันอยู่มากหลายสิบคู่
     ครั้นเมื่อแลเห็นเจ้าแสงสีต่างหยุดการละเล่นต่างๆพากันหันหน้ามามองเขา
และต่างพากันยกมือไหว้ ทั้งหมดทันที   ที่เหลือต่างก็ออกจากที่หลบซ่อนออกมา
ด้วย แต่ทุกตัวนั้นหาได้ส่งเสียงดังรบกวนในห้องแต่ประการใดไม่
     พวกมันต่างพากันมานั่งพับเพียบพนมมือขึ้นไหว้  อีกมุมหนึ่งของห้องเป็น
ระเบียบเรียบร้อยกันทุกๆตัว   หุ่นนั้นตัวเล็กไม่ใหญ่มากจึงพอเพียงแก่พวกมัน   
    ส่วนเจ้าสินชัยนั้นกำลังนั่งสมาธิอยู่ทางด้านหลังนายมัน  พร้อมๆด้วย
แม่นางอัปสรทั้งสอง  มันพลันอ้าปากค้างด้วยสิ่งที่แลเห็นนั้นเปลี่ยนสภาพไป
จากที่มันและเจ้าสินชัยปั้นดินมากับมือนับเป็นร้อยๆตัว  
    แต่บัดนี้เหลือประมาณร่วมร้อยได้  ส่วนดินที่เหลือนั้นล้วนแล้วแต่ผสมสิ่งต่างๆ
ปั้นเป็นก้อนกลมๆใหญ่วางที่ถาดอยู่กับพื้นหน้าโต๊ะหมู่บูชา  ร่างมันชะงักยืนอยู่
ปากประตูทันที  พลางก้าวเข้าประตู่แล้วหันไปปิดประตูไว้ให้สนิทเรียบร้อย
    มันนั่งลงพร้อมก้มลงกราบพระพุทธรูป   พลางหันหน้าไปทางเหล่าหุ่นทั้งหลาย
   แล้วส่งกระแสจิตถามบรรดาหุ่นทั้งหลายนั้น  ก็ทราบว่าเป็นพวกที่เจ้าสินชัยนำ
มาจากพวกอาจารย์เจี๊ยะเปิ้งเกือบทั้งหมด และยังมีพวกที่อยู่ในป่าช้าโคกอีแร้งอีก
    มันยังจำได้ว่าที่เจ้าสินชัยนำมานั้นแค่ประมาณสามสิบกว่าตนเท่านั้น  บัดนี้หุ่น
นั้นมีประมาณเกือบร้อยตน   พวกหุ่นทั้งหลายก็แจ้งทางกระแสจิตให้มันทราบว่า
       ชายหนุ่มซึ่งเดี๋ยวนี้เป็นนายมันได้แปรสภาพพวกมันขึ้นใหม่พร้อมสร้างโครง
ร่างด้วยยันต์ต่างๆที่เขียนบนผ้ายันต์ประกอบเข้าส่วนที่แข็งๆนั้นใช้ไม้ต่างๆกัน
สร้างพวกมันจากต้นตะเคียนทองของแม่นางรัตนาวดีเทพอัปสร
     แล้วนำมาสร้างขึ้นเป็นส่วนต่างมัน     พร้อมจัดสร้างอาวุธต่างๆ เช่น หอก ดาบ
 มีดไม้ทั้งหลายพร้อมด้วยศัตราวุธ พร้อมเกราะไว้ให้พวกมันทุกๆตัว  ไว้ใช้ป้องกัน
ตัวด้วยบรรดาอาวุธต่างๆได้ลงอักขระและยันต์ไว้ให้ร่างกายมันสามารถคงทนต่อ
วิชาอาคมทั้งหมดตลอดจนอยู่ยงคงกระพันชาตรีอีกด้วย  สามารถกระทำการใดๆ    
พร้อมปลุกเสกอาคมต่างๆไว้ให้พวกมันเรียบร้อยแล้ว
  ยังสามารถปราบบรรดาพวกผีต่างที่ดื้อรั้นกับพวกที่นายสั่งให้ทำได้อีกต่างๆนานา
 เวลาใช้งานแล้วร่างของพวกมันตลอดจนอาวุธต่างจะสามารถแสดงเป็นอะไรก็ได้
ด้วยแหละ และยังบอกว่าท่านคือหัวหน้าที่จะมาคอยควบคุมพวกมันอีกทีหนึ่ง
  
      ส่วนการปั้นนั้นนายมันและแม่นางอัปสรทั้งสองได้ช่วยกันสร้างมันขึ้นมาใหม่
  เดี๋ยวนี้ไม่ต้องไปอาศัยอยู่ที่บ้านใต้ต้นไม้และป่าช้ากันแล้ว  ด้วยนายไปขออนุญาต
พวกอาสาสมัครจากท่านนายป่าช้ามา    และให้พวกมันทั้งหมดได้มาพักอยู่ในห้องนี้
ของนายมันทั้งหมดนี่แหละ   พร้อมยังแจ้งว่าหัวหน้ามันคือท่านและหัวหน้าสินชัย 
 ที่จะคอยสั่งให้มันทำงานทั้งสิ้น ตลอดจนอาหารการกินแม่นางชบาจัดให้แก่มันด้วย
    ครั้นเจ้าแสงสีทราบจากหุ่นทางกระแสจิตดังนั้น  พลางยิ้ม  แล้วกล่าวแก่บรรดาหุ่นว่า
.....อย่าเล่นมากนักให้พยายามฝึกอาวุธต่างๆให้เชี่ยชาญชำนาญมือเสียด้วย 
    หุ่นบางตัวกล่าวว่าก่อนจะมาเป็นพวกนายนั้น  มันก่อนตายล้วนแล้วแต่เชี่ยวชาญ
ด้านอาวุธต่างๆแม้กระทั่งปืนผาหน้าไม้ต่างๆ กันมาแล้วล่ะไม่ต้องห่วงหรอกหัวหน้า 
     ตอนนี้ผู้ใดชำนาญสิ่งใดก็มาอบรมแนะนำให้รู้กันไว้ทั้งหมด และใช้เวลาการฝึก
ฝนนี้ในป่า หน้าบ้านของนาย  ตลอดจนอบรมธรรมต่างๆทั้งสมาธิและวิชาอาคมอื่นๆ
 
      พร้อมยังแบ่งหน้าที่ไว้ให้ด้วย  หุ่นที่เอ่ยขึ้นนั้นคือผู้ฝึกสอนบรรดาอาวุธต่างๆ
ให้แก่หุ่นอื่นๆทั้งหลาย  นับได้มีจำนวนนับสิบๆตนเห็นจะได้  ก็ดีใจยิ่งนักที่จะได้
พวกไว้ทำงานร่วมกับมันทั้งสอง  จึงส่งยิ้มให้แก่บรรดาหุ่นทั้งหลาย
     พลันเจ้าแสงสีก็นึกขึ้นได้ว่านายมันคือใครกัน ทำไมจะคัดเลือกใช้ได้อย่างดีไม่ได้
งานจึงไม่เคยผิดพลาดเลยสักครั้งเดียว  เมื่อบรรดาพวกนี้อยู่กับนายมันก็ต้องได้รับ
ความเมตตาปราณีเช่นเดียวกับมันและเจ้าสินชัยเหมือนกัน
   แม้แต่ตัวมันและเจ้าสินชัยตลอดจนหุ่นทั้งหลาย จึงได้รับมอบวิชาการต่างๆทั้งสิ้น
บรรดาผู้ฝึกหุ่นทั้งหลาย  พวกมันกล่าวว่าทั้งยังได้รับการอบรมสิ่งต่างๆจากนายเสียอีก
    ซ้ำยังได้ร่ำเรียนวิชาอาคมต่างๆจากนาย  ส่วนใหญ่นั้นก่อนตายเคยมีครูบาอาจารย์
ร่ำเรียนวิทยาคมาบ้าง  ก็สามารถฝึกได้รวดเร็ว ซึ่งส่วนใหญ่มักจะเป็นพวกครูฝึกหุ่นนี้
 พร้อมทั้งนายยังสอนวิธีนั่งสมาธิให้อีกด้วย ประกอบกับแนวทางธรรมะทำให้
พวกมันได้รับรู้ในสิ่งที่ดีๆทั้งทางธรรมและทางโลกโดยพวกมันไม่เคยคิดมาก่อนเลย  
    ครั้นตายลงก็สายไปเสียแล้วซ้ำยังถูกพวกอาคมเก่งกล้ามาควบคุมมันให้ทำงาน
ในสิ่งที่อาจารย์นั้นใช้ในทางที่ผิดๆมันขัดขืนไม่ได้  ด้วยเกรงกลัวในวิชาอาคมมาก
   ทั้งๆที่ใจมันไม่ปราถนาที่จะกระทำเลย  ถึงแม้ว่ามันจะเคยผิดมาตอนเป็นมนุษย์
พอมันมาเป็นผีก็ถึงรู้สำนึก  และถูกอาคมควบคุมไว้ก็ไม่อาจจะกลับตัวได้
ดีที่หัวหน้าสินชัยเกลี้ยกล่อมแนะนำพวกมันมา   ฉะนั้นหัวหน้าและนายทั้งสามนี้
จึงมีบุญคุณแก่พวกมันมากนักซ้ำนายมันยังเป็นคนดีมีศีลธรรม  อมรมสั่งสอนมัน
ในทางที่ดีๆเพื่อต่อไปอาจจะได้ช่วยคนได้อีกด้วย  ตลอดจนการสร้างผลบุญกุศลอีก
     เจ้าแสงชัยได้รับฟังก็ตักเตือนพวกมันว่า ขอจงเอาใจใส่คอยช่วยเหลือสร้างในสิ่ง
ที่ดีๆทดแทนคุณนายก็แล้วกัน   พวกมันพลันกล่าวต่อว่า
     นี่ถือว่าพวกมันยังมีบุญบ้าง  เมื่อได้นายใหม่ที่แสนดีและแนะแนวทางที่ดีไว้ให้
แก่พวกมัน   มิฉะนั้นมันคงจะสร้างเวรกรรมขึ้นอีกมากมายนัก ได้มาสร้างผลบุญ
ช่วยเหลือคนอีกจำนวนมาก  แล้วพร้อมกันยกมือขึ้นไหว้ไปทางพระและนายมัน
กล่าวคำ สาธุ  พร้อมกันทั้งหมดทันที
      ครั้นเจ้าแสงสีได้รับรายงานดังนั้นก็หายสงสัยอะไรอีกแล้วที่หุ่นเหล่านี้เก่งอย่างไร
ทำให้มันทั้งรักเคารพนายมันมากยิ่งขึ้น     เชื่อว่าพวกนี้คงจะได้รับการถ่ายทอดวิชา  
แต่ทว่าข้อนี้มันยังสงสัยอยู่ว่าทำไมพวกหุ่นเหล่าสำเร็จรวดเร็วมากนัก ด้วยตัวมัน
ลืมไปว่าเมื่อก่อนนั้นก็เป็นเช่นพวกหุ่นทั้งหลายเหล่านี้
     เมื่อมารับการอบรมทำไมถึงไปได้อย่างรวดเร็วยิ่งนัก ซึ่งตอนนี้มันสามารถ
จะกระทำการใดๆก็ได้เวลาหรือก็ไม่นานเสียเลย
      มันไปทำงานให้นายมาก็ใช้เวลาไม่มากเพียงแค่วันหนึ่งเท่านั้น 
การเเดินทางก็รวดเร็ว  ตามใจปราถนาของมันไม่มีใครอาจขัดขวางมันได้
  เมื่อทำงานเสร็จก็รีบกลับมาแต่ในระยะทางที่กลับมานั้นมันได้แอบไป
    สังเกตุทางบ้านกำนันด้วยว่าจะมีเหตุการณ์อะไรเปลี่ยนแปลงอีกหรือไม่
      ดังนั้นจึงทำให้กลับมาล่าช้าจนมืดค่ำก็มาแลเห็นเจ้าพวกหุ่นเหล่านี้
 หรือว่าอาจจะเป็นแม่นางอัปสรจะเนรมิตช่วยอีกแรงหนึ่งกระมัง 
      งานสร้างหุ่นเหล่านี้ถึงได้เสร็จเรียบร้อยและร่วมกันปลุกเสกหุ่นทั้งหมด
ไว้อีกด้วยพร้อมทั้งยังถ่ายทอดวิชาต่างเพิ่มเติมให้อีกเป็นแน่
     เมื่อคิดได้ดังนี้มันจึงหันไปกราบเบื้องหลังนายมันและแม่อัปสรทันที 
 พร้อมๆก็เข้านั่งสมาธิฝึกฝนทบทวนวิชาอาคมต่างๆแล้วก็เจริญสมาธิที่ร่ำเรียนมา
จนมันเชี่ยวชาญร่วมทั้งกสิณทั้งหมดด้วยจิตมันก็เริ่มรวมตัวสงบนิ่งเป็นหนึ่งเดียว
      ในที่จุดๆหนึ่งทันที  ก็เกิดกระแสพลังงานเพิ่มขึ้นให้แก่มันอีกมากมายนัก
 ครั้นเมื่อมันจะออกจากสมาธิมาอยู่ในขั้นอุปาจาระสมาธิก็ทราบทันทีว่า
 นายมันและแม่นางอัปสรพร้อมด้วยเจ้าสินชัยออกจากสมาธิก่อนแล้ว 
 มันจึงได้แผ่กุศลที่ทำไว้นี้ให้แก่เจ้าเวรนายกรรมทั้งบรรดา
สรรพสัตว์น้อยใหญ่ก่อนทันทีตามคำสั่งสอนของนายไว้  พลันก็ลืมตาขึ้น
    ก็แลเห็นชายหนุ่มและแม่นางอัปสรรวมทั้งเจ้าสินชัยต่างยิ้มรอคอยมันอยู่
  ดังนั้นมันจึงรีบรายงานผลงานให้แก่นายมันทราบเหตุการณ์ทั้งหมดทันที 
 ตลอดจนแฝงกายดูการกระทำของท่านรองผู้กำกับและสารวัตรตรวจดูโรงพัก
และทั้งผู้กองทั้งสองให้นายมันฟังทั้งหมด  เสริมด้วยไปดูทางบ้านกำนัน
ทั้งสามอีกด้วยว่าพวกมันต่างทำบุญเลี้ยงพระกันยกใหญ่  ทำบุญเลี้ยงพระที่บ้าน
     ด้วยพวกผีของอาจารย์เสิ่งปางนั้นและอาจารย์เจียะเปิ้งที่ต่างอาละวาดกันนั้น
     ถึงแม้จะคลายอารมณ์ค่อยเบาบางลง  แต่พวกมันยังไม่มีที่อยู่อาศัยเป็น
หลักแหล่งบางตัวได้แอบแฝงยังชายคาบ้าง ต้นไม้บ้าง ในที่ต่างๆภายในบริเวณ
บ้านทั้งสามอยู่  ถึงแม้จะได้กุศลที่ทางกำนันแผ่ไปให้ก็ตามที่  
     แต่จิตของกำนันทั้งสามนั้นไม่บริสุทธิ์นักที่บรรดาผีร้ายที่ดื้อรั้นดุร้ายเหล่านี้
เพียงพอที่จะทำให้มันทั้งหมดรับได้เต็มที่ไปเกิดใหม่  ด้วยสันดานพวกมันนั้น
ล้วนแล้วแต่อำมหิตเอาแต่ใจตนเองเป็นใหญ่  ต่างแตกแบ่งแยกกันเป็นฝ่ายๆกัน
      ส่วนผลบุญกุศลที่ทำนั้นต่างได้รับผลบุญน้อยบ้าง มากบ้างเพราะนิสัยสันดาน
ที่ได้รับใช้อาจารย์ที่ไม่ดีของพวกมันเอง  จึงยังไม่สามารถกลับใจได้และได้ไปเกิด
ใหม่ในภพภูมิที่ดีๆ  หากพวกมันหิวโหยบ้างก็เข้าสิงสู่คนในบ้านทั้งหลายเหล่านั้น
แล้วแย่งหาอาหารกินกันเอง  ตอนนี้ทางบ้านพวกของกำนันทั้งสามกำลังปวดหัว
กันอยู่ด้วยหาคนมาปราบพวกมันไม่ได้ในแถบบริเวณนี้สักอาจารย์เดียว
   บรรดาอาจารย์ที่มาปราบพวกมันก็ต่างตกตายไปหมดสิ้น ที่ทราบด้วยมันบังคับ
ผีเหล่านี้ได้เค้นถามความจริงจากมัน  และมันยังขอร้องให้นำพวกมันมาด้วย
แต่ผมเองไม่กล้านำมาด้วยทราบนิสัยสันดานมันดี  
    ดังนั้นพวกกำนันจึงใช้ให้ลูกน้องมันเที่ยวเสาะแสวงหาอาจารย์เก่งๆอยู่ครับนาย
     ครั้นชายหนุ่มได้รับฟังจากเจ้าแสงสีแล้ว  ก็บอกว่าเรื่องหุ่นเหล่านี้
ข้าได้ให้พวกเจ้าทั้งสองเป็นหัวหน้าคอยควบคุมดูแล  เป็นลูกน้องของพวกเจ้าทั้งสิ้น
โดยแยกออกเป็นสองฝ่ายให้เจ้าสินชัยฝ่ายหนึ่งและของเจ้าอีกฝ่ายหนึ่งคอยควบคุมไว้
   ด้วยพลังงานที่ข้าสอนตลอดสมาธิวิชาอาคมต่างๆนั้นคงจะไม่เป็นปัญหาอะไร
ที่จะควบคุมได้  ดีนะที่ได้แม่นางอัปสรทั้งสองช่วยด้วย งานนี้จึงสำเร็จเร็วไวยิ่งนัก
 และบางตนยังเรียนรู้วิชาต่างๆได้อย่างรวดเร็วอีกด้วย
    แล้วชายหนุ่มเมื่อรับฟังรายงานจากเจ้าแสงสีแล้ว  ก็หันหน้าไปทางหุ่นทั้งหลาย
พลางสั่งบรรดาหุ่นทั้งหมดว่า 
.....  เอาล่ะพวกเจ้าทั้งหมดเล่นกันมานานแล้ว  ตอนนี้รีบไปกราบไหว้พระด้วยใจบริสุทธิ์
สวดมนต์สรรเสริญพระคุณพระรัตนตรัย  ครั้นตนใดเสร็จก่อนก็ให้รีบเข้านั่งสมาธิได้เลย
ก่อนจะเข้าสู่สมาธินั้น ให้ทบทวนวิชาต่างที่ข้าและแม่นางอัปสรบอกแก่พวกเจ้าไว้นั้นด้วย
       จนกว่าพระอาทิตย์จะขึ้นถึงจะออกจากสมาธิให้แผ่ส่วนบุญกุศลในการทำสมาธินี้
แก่บรรดาเจ้าเวรนายกรรม ที่พวกเจ้าได้เคยกระทำไว้นั้นเสียก่อนด้วย อย่าลืมเสียล่ะ
แล้วค่อยไปพักผ่อนยังถาดที่ข้าจัดไว้ให้
        เวลาพักผ่อนก็ให้เป็นไปยังที่ข้ากำหนดไว้ของตนเองก็ให้เป็นระเบียบวินัยด้วย  
 หากไม่เชื่อกันและไม่ทำตามที่ข้าสั่งไว้ข้าก็จะทำลายร่างเจ้าเสียให้หมดทั้งถอดถอนวิชา
ต่างๆให้หมดสิ้นพร้อมกับขับไล่เจ้ากลับออกไปจากหมู่คณะ  บัดนี้หัวหน้าเจ้ามาครบ
กันแล้ว   ต้องเชื่อฟังคำสั่งของเขาอย่าได้ขัดขืนแต่อย่างไรให้กระทำแต่ความดีเป็นที่ตั้ง
อีกไม่ช้าไม่นาน  พวกเจ้าครั้นถึงเวลาหมดอายุขัยก็จะได้ไปสู่ทางสุคติภพต่อไป
     บรรดาหุ่นทั้งหมดยกเว้นเจ้าแสงสีและเจ้าสินชัย   ก็พากันก้มลงกราบนายมันซึ่งเป็น
ทั้งนายและอาจารย์ของมันด้วย   พากันเดินมาอย่างเป็นระเบียบครั้นถึงร่างของชายหนุ่ม
แม่นางอัปสรและเจ้าแสงสีสินชัย พากันน้อมตัวก้มลง 
       เดินผ่านตรงไปยังโต๊ะหมู่บูชาอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยพร้อมกันทั้งหมด
พลางคุกเข่าลงนั่งกราบพระแล้ว ทุกๆตัวต่างพากันเจริญสรรเสริญคุณพระรัตนตรัยทันที
อย่างพร้อมเพียงกัน    พร้อมทั้งนั่งลงขัดสมาธิทำอย่างที่นายมันสั่งทันที
      ทำความชื่นอกชื่นใจแก่เจ้าแสงสีและเจ้าสินชัยยิ่งนัก  ที่เห็นบรรดาลูกน้องของมันนั้น
มีระเบียบวินัย  พลางนึกในใจทั้งสองว่าสมแล้วที่เป็นทั้งหัวหน้าคนและพวกผีทั้งหลาย
รวมทั้งตัวของมันอีกด้วย  ที่ได้ดีก็เพราะนายคนนี้นี่เองทั้งด้านช่วยเหลือคนและบุญกุศล
      เมื่อบรรดาหุ่นทั้งหลายกำลังเจริญสมาธิกันนั้น  ทั้งหมดก็ออกมาเดินไปยังนอกห้อง
แล้วพากันปรึกษาเรื่องงานที่ชายหนุ่มจะต้องกระทำ  ชายหนุ่มพร้อมวางแผนการณ์ต่างๆ
แจ้งให้แก่เจ้าแสงสีสินชัย ว่าจะทำอย่างไรบ้าง  ส่วนแม่นางอัปสรทั้งสองต่างมองหน้ากัน
ด้วยแม่นางรับรู้ว่า  หนุ่มรูปงามนี้ถึงแม้จะมีอายุเลยสี่สิบไปแล้วแต่ยังมีรูปร่างคล้ายคนที่
มีอายุแค่เพียงสามสิบอ่อนๆเท่านั้นเอง 
    นี่ซิสาวชบาซึ่งพวกนางต่างชุบชีวิตขึ้นมาใหม่  บัดนี้กลับมาลุ่มหลงชายหนุ่มขึ้นอีกแล้ว
ทั้งสองต่างซุบซิบกัน โดยแยกห่างออกจากกลุ่มชายหนุ่มพร้อมทั้งหัวร่อกัน หยอกเย้ากัน
และกัน   หาได้มีกิริยาหึงหวงแต่อย่างใดไม่   ยิ่งแม่นางอ้อยสุดาวัลย์ก็เคยเป็นสัมภเวสี
มาก่อนย่อมรู้ดีด้วยอำนาจฌานสมาธิที่ชายหนุ่มสอนให้ก็ยังเคยหลงรักชายหนุ่มมาก่อน
    ไหนเลยแม่นางชบาจะไม่หลงรักหนุ่มรูปงามคนนี้เช่นเดียวกับหล่อนที่พึ่งแตกเนื้อสาว
แต่ต่างก็พากันเป็นห่วงชายหนุ่มขึ้นว่าในอนาคตนั้นจะทำอย่างไร  จะช่วยเหลือได้อย่างใด
ด้วยฟ้าดินกำหนดขีดเส้นชะตาของเขาไว้เรียบร้อยแล้ว   ซึ่งนางทั้งสองพอจะทราบเพียง
เลาๆจากเทวะเบื้องบน  เคยเอ่ยบางสิ่งบางอย่างเกี่ยวกับชะตาชีวิตชายหนุ่มคนนี้ให้ฟัง
      ดังนั้นจึงต่างพากันเหลือบสายตาไปมองเขาอย่างเป็นห่วงเป็นใย   เมื่อทั้งสามปรึกษา
หารือกันเรียบร้อยแล้ว  ก็จะถึงเวลาพักผ่อนกันซึ่งสาวชบาจัดการให้เป็นที่เรียบร้อยไว้แล้ว
แม่นางรัตนาวดีจึงเอ่ยขึ้นว่า....
.....  เมื่อหมดเวลาเรื่องงานแล้วพี่และแสงสีสินชัยควรจะไปพักผ่อนได้แล้ว  ส่วนน้องอัปสร
อ้อยวิลาวัลย์และน้องก็จะได้ไปพักผ่อนบ้าง  อย่าหักโหมอะไรนัก  ทำอะไรก็ควรห่วงสุขภาพ
ตนเองเสียบ้าง  หากสุขภาพไม่พอเพียงแล้วสติปัญญาย่อมจะผ่อนคลายลงเสียนะ
       ครั้นชายหนุ่มได้รับฟังเช่นนั้น ก็เอ่ยกับแม่นางทั้งสองว่า...
......   พี่ยังไม่ได้คุยกับน้องแสนสวยทั้งสองเลย  จะให้ไปพักผ่อนก่อนเสียแล้ว 
 พลางหันไปทางเจ้าแสงสีสินชัยกล่าวขึ้น
.....   พวกเจ้าไปได้แล้ว  เดี๋ยวข้าจะคุยกับแม่นางทั้งสองก่อน
   เจ้าแสงสีและสินชัยครั้นได้ยินต่างอมยิ้มกันแล้วพากัน ลุกขึ้นเดินหายเข้าไปยังห้อง
ของชายหนุ่มทันที
         เมื่อทั้งสองลับตาไปแล้ว  ชายหนุ่มก็หันมาทางแม่นางอัปสรทั้งสองเอ่ยขึ้นว่า
......   พี่ยิ่งมองแม่น้องนางแล้วให้รู้สึกปั่นป่วนข้างในเสียจนแทบจะออกมานอกอกได้
 ยิ่งมองก็ช่างงดงามยิ่งขึ้นทุกทีๆ   ยิ่งมองก็ยิ่งทำความสั่นสะเทือนต่อความงามของแม่เจ้า
  ไม่รู้ว่าจะเป็นบุญอันใดแกล้งยั่วเย้าหรือใยจึงทำให้หัวใจของพี่   
    ต่างพากันร่ำร้องเรียกหาคิดถึงแต่แม่เจ้านางทั้งสองเสียร่ำไปในยามว่างๆเช่นนี้
อยู่เสมอๆ ปานประหนึ่งหัวใจแทบจะขาด  สร้างความหวั่นไหวจนใจสั่นไปหมด
แล้วล่ะน้องพี่   คิดว่าชาตินี้เกิดมาทั้งทีได้คบหาสมาคมกับแม่นางทั้งสองแล้ว
ใจยิ่งรู้สึกอิ่มเอิบเบิกบานมากขึ้นทุกๆที  ยามใดมิได้พบแม่นางแล้วไซร้
      แต่เหตุไฉนใจของข้าก็รู้สึกช่างโหยหวนหาแม่นางเจ้าทั้งสองมากมายเสียยิ่งนัก 
 ครั้นยิ่งพิศก็ยิ่งงดงามประหนึ่งดวงจันทร์ที่ส่องแสงประกายเจิดจ้าแสงสีหรือก็นวลใย
อย่างนี้แล้วไหนเลยเล่าจะมาให้พี่นี้ใยจะห่างเหินแม่นางทั้งสองไปได้เสียแล้วหรือ
 
    หากมาดแม้นวันใดแม่นางหลบหนีไป  หัวใจของพี่นี้เห็นทีคงจะต้องคร่ำครวญร่ำไห้
จนอกแตกตายกระมัง???...คงจะมิมีวันกินวันนอน เสียแล้วเป็นแน่แท้เชียวแล้วล่ะ
แม่นางสุดสวยทั้งสอง  จริงๆนะหาใช่พี่เองจะล่วงเกินสิ่งใดก็หาไม่ล้วนแล้วแต่กล่าวออก
มาจากห้วงแห่งหัวใจของพี่อย่างแท้จริงเชียวล่ะ.......
      เมื่อแม่นางอัปสรทั้งสองรับฟังชายหนุ่มกล่าวเช่นนั้น  ต่างพากันปิดปากหัวร่อ เอ่ยขึ้นว่า
.....  อันคารมคมคายที่บาดยิ่งกว่าโดนมีดคมกรีดของชายนี้เหตุใดช่างหวานยิ่งนัก
 หากแม้นหญิงอื่นใดได้รับฟังก็ต้องต่างพากันสะเทิ้นเขินเอียงอายหลงใหลไปสิ้น 
 แม้แต่พวกน้องเองครั้นได้รับฟังแล้วอดรู้สึกใคร่สะเทินเอียงอาย  เคาะเขินในวาจาที่กล่าวนี้
มิเสียได้แล้วล่ะ  จริงไหมแม่น้องอ้อยวิลาวัลย์???.....
..... อันคำพี่นางกล่าวไว้ช่างสมเหตุผลนัก  อย่างนี้นี่เองที่คำโบราณเขามักกล่าวกันเสมอๆว่า
อันคารมของชายอย่าพึงหมายเชื่อได้ง่ายนัก  ปากหนึ่งใจหรืออาจะเปลี่ยนแปลงเป็นอื่นไป
ได้อย่างรวดเร็วปานประหนึ่งสายลมที่พัดผ่านต้องกายแล้วก็เจือจางหายไปทำความชุ่มชื้นให้
ก็เพียงแค่บางครั้งบางคราวเท่านั้น   แล้วต้องคร่ำครวญโหยหาคำนึงอยู่มิเว้นวาย ครั้นเมื่อ....
    หากมาดแม้นได้พึงพานพบหญิงคนใดเล่าที่งดงามกว่าย่อมแปรเปลี่ยนเจือจางลงเป็นอื่น
 อย่างเช่นพวกเราจริงไหมเจ้าพี่นางรัตนาวดี  หรืออาจจะเสแสร้งให้พวกเราได้ใหลหลง
ในคำมธุรสวาจาก็อาจจะเป็นไปได้นะพี่นาง  แม่นางอัปสรอ้อยวิลาวัลย์กล่าวเสร็จ
ก็หัวร่อเบาๆ   เมื่อมองหน้าชายหนุ่มเห็นสีหน้าแย้มยิ้มกึ่งจะสะเทือนใจก็ให้รู้สึกสงสารยิ่ง
      ครั้นพลางหันไปมองหน้าพี่นางรัตนาวดีก็รู้สึกว่าจะออกผิดปกติวิสัยไปมากยิ่งเชียว
อีกครั้นจะเอ่ยไปมากกว่านี้หรือ??.. ก็ให้รู้สึกสะเทิ้นใจอาจจะทำให้กระทบกระเทือนแก่ห้วง
จิตใจชายหนุ่ม  แม้นกระทั่งตนเองหรือก็ยังลุ่มหลงในความงามและความดีของชายที่นางเอง
ยังใฝ่ปองรองรับแม้จะเป็นรองพระพี่นางรัตนาวดีก็ตามทีเถิด ยิ่งคิดก็ยิ่งสะเทิ่นเขินขวยในใจ
.....ใช่แล้วน้องนางอ้อยวิลาวัลย์ เอ่ยขึ้นเช่นนี้นับประสาพวกเราใยเล่า   พวกเราหรือจะพอมี
น้ำหนักเชื่อถือใดได้   ต่อคำวาจาของชายที่ยามพบคนที่คิดว่างดงามนักมักจะปากกล่าวดังนี้ 
 ฉะนั้นพวกเราได้ยินแล้วก็เสแสร้งคิดว่าแค่เพียงเสียงแห่งสายลมผ่านมาผ่านกระทบใบหูเรา
ไปข้างหนึ่งแล้วก็เลือนแลลับหายไปอีกข้างหนึ่งมิดีหรือแม่น้องนางอ้อยวิลาวัลย์...........
                    *  แก้วประเสริฐ.  *

Cartoon_Animation_08.gif692823n68ya60jv9.gif				
comments powered by Disqus
  • ทางแสงดาว

    9 ธันวาคม 2553 18:54 น. - comment id 120485

    สวัสดีคุณชายค่ะ...
  • แจ้นเอง

    9 ธันวาคม 2553 22:28 น. - comment id 120488

    36.gif
    
    ตามมาอ่านเรื่องต่อค่ะ
    เรียนหนักเลยหายไปหลายวัน
    
    ยังน่าติดตามเหมือนเดิมค่ะ
    
    31.gif
  • แก้วประเสริฐ

    10 ธันวาคม 2553 09:26 น. - comment id 120492

    36.gif16.gif36.gif
    คุณ ทางแสงดาว
    
           ไม่พบกันมานานเชียวนะคุณหญิง หวังว่า
    คงอยู่อย่างสบายๆนะ ผมเองเบื่อทางโน้นก็
    หันมาเล่นทางนี้ เพื่อฝึกสมองเท่านั้นเอง
    มิได้คิดหวังอะไรมากนักหรอกคุณหญิง แต่
    ที่ไม่เบื่อคือ คิดถึงรักเสมอ
    
                16.gifแก้วประเสริฐ.16.gif
  • แก้วประเสริฐ

    10 ธันวาคม 2553 09:34 น. - comment id 120493

    36.gif16.gif36.gif
    คุณ แจ้นเอง
    
          เรื่องการเรียนสำคัญมากนักนะเพราะใช่
    ว่าจะเป็นอาชีพเราเท่านั้น ยังทำให้สติปัญญา
    เพิ่มมากขึ้นพร้อมกับประสบการณ์ชีวิตเรา
    ทำให้เราได้มีสติไตร่ตรองสิ่งไหนดีสิ่งไหนไม่
    ดี  ที่ไม่มีใครจะแย่งจากเราไปหรอกเชื่อผม
    เถอะ การศึกษาเล่าเรียนนั้นอุปมาดั่งมีดหาก
    เราไม่ลับสนิมก็จะขึ้นขาดความคม หาก
    เราหมั่นลับมีดคือสมองเรานี่แหละต้อง
    หมั่นฝึกลับอยู่เสมอ  ถึงแม้ว่าเราจะมีอายุ
    มากขึ้นก็ตาม  แต่สมองเราถูกลับอยู่เสมอๆ
    แม้ว่าอายุจะมากปานใด แต่สติปัญญา
    ความรอบรู้ด้วยการศึกษานั้นจะไม่ยอม
    แก่ไปกั้บสังขารเราหรอก ทนตอนนี้ไป
    ก่อนเมื่อเราแก่กล้าขึ้นก็ทำอะไรๆก็ง่าย
    ขึ้นจ้า  รักแจ้นเสมอๆ
    
              16.gifแก้วประเสริฐ.16.gif

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน