อทิสมานกาย ๒๙ พอตอนหัวค่ำ สาวชบาและเจ้าจุกก็เข้ามาหาชายหนุ่มทันที เมื่อเดินเข้ามาเพื่อทำตามคำสั่งนั้นพวกหล่อนแปลกใจที่เห็น ภายในห้อง มีหญิงสาวที่สดสวยงดงามมากสองนางและยังมีชายหนุ่มรูปงามอีกสองคน กำลังนั่งสนทนากันอยู่ ดังนั้นทั้งสองก็ชะงักร่างทันที ชายหนุ่มแลเห็นเข้าก็กวักมือเรียกให้มานั่งลงข้างๆแล้วก็แนะนำว่า นี่แม่นางอัปสรรัตนาวดี ที่นั่งเคียงข้างแม่นางนั้น คือนางอัปสรอ้อยสุดาวัลย์ หรือสาวอ้อยนั้นเอง พอเป็นนางอัปสรชื่อได้ ถูกเปลี่ยนไปเป็นสุดาวัลย์แต่แม่นางขอร้องผู้เป็นใหญ่ว่าขอเพิ่มคำว่าอ้อย จะได้หรือไม่ ทางผู้ใหญ่เบื้องบนหัวร่อก็อนุโลม ดังนั้นหล่อนจึงมีชื่อว่า อ้อยสุดาวัลย์ ส่วนนั่งตรงกันข้ามนางอัปสรทั้งสอง คือด้านขวามือชื่อแสงสี ส่วนทางซ้ายมือชื่อสินชัย ซึ่งทั้งหมดรู้จักกันหมดแล้วเพียงแต่ชื่อเท่านั้น เพียงแต่ไม่เคยได้สนทนากันเลย พลันแม่นางอัปสรรัตนาวดีก็กล่าวขึ้นว่า นี่หรือที่จะทำให้คืนชีพ???..... ชายหนุ่มก็บอกว่า ทั้งสองนี่แหละอีกสองอาทิตย์หน้านี้ ที่จะถึงแล้วล่ะ ตอนนี้พี่จะให้มาฝึกสมาธิเพิ่มพลังงานไว้ขอให้ทั้งหมดช่วยเหลือพี่ด้วยนะ แม่นางอ้อยสุดาวัลย์ เจ้าแสงสีและเจ้าสินชัยต่างกล่าวว่าไม่เป็นปัญหาหรอก ดูลักษณะแล้วเห็นว่าเหมาะสมยิ่งจ้า แล้วพลางหันไปทางชายหนุ่มพลางหัวร่อขึ้นเบาๆ อ้าวจะมาหัวร่อพี่อะไรเล่าๆ พวกเธอก็รู้ว่าพี่ต่อไปจะเป็นอย่างไรนี่นา???.... ชายหนุ่มเอ่ยกล่าว....... ไม่มีอะไรหรอกพี่ ที่หัวร่อนั้นด้วยหญิงคนนี้งามนักเห็นว่า เห็นทีจะเกิดการแก่งแย่งกันนะซินะ???... เรื่องข้อนั้นไม่เป็นปัญหาหรอกพี่จัดการได้จ้า ชายหนุ่มตอบ แก่แม่นางทันที แต่เรื่องของน้องทั้งสองตกลงกันได้แล้วหรือยังล่ะจ๊ะ???.... พลางย้อนถาม แม่นางทั้งสองก็พลันขวยเขินกล่าวเสียงเบาๆว่า พวกเราตกลงกันได้แล้วจ้าพี่.... แล้วบอกพี่ได้ไหมล่ะจ๊ะ???......ชายหนุ่มถามขึ้น ไว้พี่จะรู้เองแหละจ้า.....พวกนางอัปสรตอบขึ้นพร้อมๆกัน ชายหนุ่มก็รู้ทันใด พลางหัวร่อเบาๆว่า มาเถอะเรามาเริ่มการถ่ายทอดวิชาการต่างๆ ให้แก่ ชบาและเจ้าแกละกันดีกว่า เรื่องภายหน้าค่อยว่ากันนะน้อง จ๊ะพี่.....หญิงสาวทั้งสองตอบแก่ชายหนุ่ม ส่วนเจ้าแสงสีเจ้าสินชัยต่างจ้องสาวชบา ดังนั้นชายหนุ่มก็เรียก สาวชบาและเจ้าแกละมาอธิบายวิธีการฝึกสมาธิกำหนดลมหายใจ คือลมหายใจเข้าออกว่าจะทำอย่างไรบ้างและจะไปวางลมไว้ที่แห่งใด จนสาวชบาและเจ้าแกละเข้าใจ แม่นางอัปสรทั้งสองก็กล่าวว่าคงไม่นานหรอกจ๊ะพี่... ชายหนุ่มกล่าวว่าให้ทำสมาธิก่อนแล้วจะสอนวิชาอาคมให้ด้วยการเรียนอาคมต้องใช้ สมาธิมากๆเสียด้วยซิ หากไม่ได้สมาธิจิตใจไม่เข้มแข็งพอแล้วถึงมีวิชาอาคมก็ทำอะไรไม่ได้ ตอนนี้จะให้แม่นางทั้งสองและเจ้าแสงสีและสินชัยคอยควบคุมการทำสมาธิให้ก็แล้วกันนะ ส่วนฉันเองก็จะคอยควบคุมห่างๆไว้และจะคอยแนะนำให้ด้วย เรียนกับแม่นางอัปสรก่อน แหละดีด้วยเป็นเทพ ส่วนเจ้าแสงสีและสินชัยนั้นฉันเองก็คิดจะทำให้คืนชีพเหมือนกัน แต่ ตอนนี้ต้องอาศัยใช้งานไปก่อนจนกว่าจะทำสำเร็จงานที่ตั้งใจไว้จ๊ะ ชายหนุ่มตอบ ครั้นสาวชบาและเจ้าแกละก็ทำตามที่ชายหนุ่มแนะนำวิธีการทำสมาธิรายละเอียดต่างๆ ส่วนแม่นางอัปสรทั้งสองและเจ้าหุ่นพยนต์นั้นก็คอยเฝ้ามอง และเตือนอยู่เสมอๆ มิให้เอาจิตส่งไปออกจากนอกร่างตน จวบจนสาวชบาและเจ้าแกละนั่งฝึกอย่างสงบ ไม่กระสับกระส่ายดั่งตอนแรก ก็ค่อยเบาใจ ส่วนชายหนุ่มก็นั่งเฝ้ามองการกระทำของครูผู้ฝึกทั้งสี่อยู่ แล้วเขาก็เข้าสมาธิไปด้วย เพื่อติดตามจิตของชบาและเจ้าแกละ ก็ทราบด้วยกระแสจิตคอยติดตามกระแสจิต ของสาวชบาและเจ้าแกละอยู่เสมอคอยเตือนมิให้ออกนอกลู่นอกทางเสียตามนิมิตเกิด ผู้ที่ฝึกสมาธินั้นเมื่อจิตรวมตัวกันแล้วก็มักจะเกิดนิมิตต่างๆขึ้นหลายๆรูปแบบ ด้วยเป็นเพียงแค่อุปาทานจะคอยมารบกวน แต่บางคนก็เกิดบางคนก็ไม่เกิดด้วย การฝึกฝนสะสมมาจากปางก่อนไว้ จิตมันจะย่อมรับรู้เองว่าอะไรคืออะไรกัน อันที่จริงหาใช่ของที่แท้จริงใดๆไม่ ก็เข้าไปในจิตแจ้งเหตุให้สาวชบาและเจ้าแกละ รู้อย่าไปสนใจว่านั่นเป็นสิ่งไม่ใช่เรื่องจริงเกิดจากจิตใต้สำนึกของตนเอง ที่สร้างสะสมไว้เท่านั้น หรือมีสิ่งที่คอยจะรบกวนมิให้เกิดสมาธิได้ แม้จะได้ยินเสียงอะไร ที่ดังมาจากข้างนอกก็ตาม อย่าไปสนใจทั้งสิ้น ให้ปล่อยวางเสียอย่าไปสนใจให้กำหนดใจเพียงแค่ลมหายใจเราเท่านั้นวางไว้ที่อยู่ของมัน หากมันเกิดขึ้นให้ถือว่าเป็นแค่อุปาทานอย่าไปยึดติดกับมันจะทำให้สมาธิเสียไป เขาบอกสาวชบากับเจ้าแกละทางจิต จนทั้งสองต่างรู้แล้วทำตามจิต ที่เขาสั่งต่างก็วางเฉยต่ออุปาทาน ไม่ช้าอุปาทานเหล่านี้ก็หายไปหมดสิ้นแม้แต่เสียงต่างๆ แม้มันจะสับเปลี่ยนวนเวียนกันอย่างไร บ้างเห็นสวรรค์ บ้างเห็นผี บ้างก็ เห็นเป็นญาติพี่น้องที่ตายไปแล้วทนทุกข์ทรมานล้วนแล้วต่างๆนาๆประการทั้งสิ้น พวกหล่อนก็ไม่สนใจจนจิตเริ่มเข้าสู่ขั้นสมาธิรวมตัวกันขึ้นได้แล้ว ชายหนุ่มก็แนะนำว่านี่จิตนั้นอยู่ขั้นไหนแล้ว เหตุที่นางสาวชบา และเจ้าแกละเป็นผี ซึ่งต่างก็มีอิทธิฤทธิ์ในตัวอยู่แล้วแต่พลังงานยังไม่มากพอ เท่านั้น เมื่อได้รับการแนะนำพลังของจิตก็เริ่มกล้าแข็งขึ้นตามลำดับๆ และแล้วชายหนุ่มหันไปมองรอบตัวก็เห็นจิตของทั้งสี่ก็คอยควบคุมดูแลอยู่ด้วย จึงถอนตัวออกจากสมาธิ แล้วเขาก็ปล่อยให้ทั้งสี่ช่วยดำเนินการต่อไป แล้วก้าวออกจากห้องไปพักผ่อนนั่งยังชานเรือนใกล้ๆกับบันไดบ้านพลาง ใช้ความคิดในเรื่องการทำงานของเขาเกี่ยวกับประชาชนทางด้านแถบนี้ ที่ยังมีการทำผิดกฏหมายอยู่อีกมากนักจึงคิดว่าจะวางแผนดำเนินการ ต่อไปอย่างไรดีที่จะปราบปรามให้สิ้นซากต่อไป...... ด้วยเขารู้จากสายสืบและเจ้าแสงสีสินชัยที่ให้ไปคอยติดตามอยู่เห็นว่า จะต้องดำเนินการไปพร้อมๆกัน มิฉะนั้นงานก็จะติดขัดกันเอง จึงจำเป็นต้องกระทำอย่างใดอย่างหนึ่งเสียแล้ว ปล่อยช้าไม่ได้ผู้ใหญ่จะว่าเอา เมื่อเขาคิดได้เช่นนี้แล้ว ก็เดินเข้าไปในห้องยังเห็นสาวชบากับเจ้าแกละ กำลังเพลิดเพลินกับการนั่งสมาธิอยู่ จึงเดินไปยังเป๋ล้วงหยิบกระดาษและปากกาเดินออกจากนอกห้องมายังตะเกียง อาศัยแสงสว่าง เขียนร่างหนังสือขึ้นคิดว่าจะให้เจ้าทั้งสอง เดินทางเข้ากรุงเทพอีกครั้งเพื่อยื่นให้แก่ผู้บังคับบัญชาชั้นสูงสุดทันที เมื่อเขาร่างหนังสือเสร็จก็นำเข้าซองปิดผนึกพร้อมทั้งลงลายเซ็นต์รหัสโค๊ต คาบเกี่ยวกับรอยต่อของซองไว้ทันทีเพื่อคอยรอโอกาสต่อไป...... พลางส่งกระแสจิตเรียกเจ้าแสงสีและเจ้าสินชัยให้ออกมาพบ เขา เพื่อจะใช้งาน ก็เห็นร่างของเจ้าสินชัยและเจ้าแสงสีเดินออกมานอกห้อง เขากวักมือเรียกแล้วยื่นหนังสือให้พลางกล่าวว่า....... เอ็งรีบเดินทางไปเดี๋ยวนี้เลยนะเดินทางเข้ากรุงเทพ ด้วยฌานของเอ็ง ก็จะรู้ว่าอยู่ที่ไหนแล้ว และก็ไม่มีใครสามารถหยุดยั้งเอ็งได้อีกด้วย ดูตามจ่าหน้าก็แล้วกันว่าให้แก่ใครๆ ให้ไปส่งให้ถึงมือเขาแต่อย่าให้ใครเห็นนะ โดยแฝงกายไปอย่าให้ใครเห็น แล้วเอ็งจงไปในรูปร่างของข้า ที่เอ็งเคยทำมานั้น แต่ไม่ต้องกล่าวอะไรมากนัก หากท่านสอบถามมา ถึงจะตอบ ก็รายงานซึ่งเอ็งก็รู้อยู่แล้วว่าควรจะทำอย่างไรบ้าง..... ครั้นแล้วเจ้าแสงสีและสินชัยต่างเพ่งไปยังซองจดหมายก็รู้เหตุทั้งหมด ดังนั้นจึงกล่าวว่า.....นายไม่ต้องห่วงอะไรหรอกพวกข้าจะไปเดี๋ยวนี้เลยล่ะ ว่าแล้วร่างของมันก็ค่อยๆจางๆหายลับไป เมื่อชายหนุ่มให้หุ่นทั้งสองไปทำงานให้แก่เขาเรียบร้อยแล้ว จึงหยิบบุหรี่ ออกมานั่งสูบเพื่อรอเวลา ที่แม่นางอัปสรทั้งสองคอยดูแลสาวชบาและ เจ้าแกละอยู่ เขามองเข้าไปข้างในห้องก็ทราบด้วยอำนาจจิตทันทีว่า บัดนี้ สาวชบาและเจ้าแกละนั้นเข้าถึงฌานขั้นเอกัตตคัตตะแล้ว จิตยังรวมตัว กันที่นั่น ด้วยจิตนิ่งสงบมากกำลังเกิดปัญญาด้วยอำนาจของจิตทั้งสองอยู่ ต่างสอบถามความรู้ซึ่งกันและกัน อันนี้เนื่องมาจากจิตถามเจตสิก แล้วทาง เจตสิกก็ตอบจิตอยู่ ต่างทบทวนกันและกัน เพื่อย่างก้าวขึ้นไปสู่ฌานขั้นสูง ต่อไป ก็ทราบว่านางเทพอัปสรทั้งสองก็เรียกให้สาวชบาและเจ้าแกละกลับ คืนมาสู่ปกติทันที และกำลังสอนวิชาต่างๆให้แก่สาวชบาและเจ้าแกละพร้อม กับอบรมศีลธรรมจรรยาบรรณต่างๆอยู่ จึงไม่เข้าไปรบกวนนางอัปสรทั้งสอง ครั้นได้เวลาสมควรอันเหมาะสมแล้ว เขาก็เดินเข้าห้องไปพร้อมกับยิ้มไปด้วย พลางกล่าวว่าคืนนี้พอแค่นี้ก่อนนะ สาวชบาและเจ้าแกละจะพักในห้องนี้ก็ได้ หรือว่าจะกลับไปห้องแม่ก็ได้นะ สาวชบาและเจ้าแกละตอบว่า ขออยู่ในห้องนี้เถอะแม่เข็มนั้นกำลังพักผ่อน อยู่และ ก็กำลังสนใจเรื่องวิชาอาคมที่พี่อัปสรทั้งสองสอนอยู่ จึงอยากจะใคร่ สนทนากันอีกต่อไป ส่วนพี่จะไปพักผ่อนก็ได้นะ แล้วหันไปยกมือไหว้นาง อัปสรทั้งสองทันที พลางกล่าวขอบคุณและขอความกรุณาแนะนำให้อีกด้วย เวลากลางคืนนั้นหนูไม่ค่อยได้พักผ่อนกันหรอกจ้าพี่......ทั้งสองตอบ ถ้าอย่างนั้นตามสบายเลยนะ พี่จะขอพักผ่อนหน่อยด้วยเป็นมนุษย์ย่อมจะ ต้องพักผ่อนหลับนอน ทั้งสี่คุยกันต่อไปเถอะนะพี่ไปพักก่อนก่อนล่ะ... พลางมองไปยังมุ้งที่นางอัปสรจัดไว้ให้เรียบร้อย เขาเข้าไปกราบพระพุทธ กล่าวบูชาพระรัตนตรัยเสร็จ ก็เปิดมุ้งเข้าไปนอนทันที ปล่อยให้ทั้งสี่สนทนากัน คงจะเป็นการสอนวิชาอาคมต่างๆให้แก่สาวชบาและเจ้าแกละก่อนจะคืนชีพ.... ในระหว่างที่การฝึกสมาธิและสอนวิชากับสาวชบาและเจ้าแกละอยู่นั้นและ ชายหนุ่มเข้าไปหลับนอนแล้ว สาวแม่อัปสรทั้งสองก็เริ่มสาธยายแก่สาวชบาและเจ้าแกละซึ่งกำลังได้รับ การอบรมสั่งสอนในเรื่องการบ้านการเรือนตลอดจนวิชาการต่างๆ ทั้งทางด้านอาคมในการใช้ป้องกันตัวเองยามมีภัยจะได้ช่วยเหลือตนเอง ทั้งยังสามารถสร้างหุ่นพยนต์มาใช้งานให้อีกด้วย ตลอดจนแฝงร่างเพื่อคืนชีพต่อไป ส่วนทางหมู่บ้านบางกระดี่ นั้น เหล่าพวกกำนันแถบนั้นกำลังนั่งประชุมกันอยู่ มีกำนันมั่นแห่งบ้านบางกระดี่ กำนันหวนหมู่บ้านบางโค กำนันใช้หมู่บ้านโคกยายหอย กำนันแช่มหมู่บ้านเนินสูง และกำนันก้วนหมู่บ้านบึงห้วย ต่างวิพากษ์วิจารณ์กันถึง เรื่องโรงพักต่างๆที่เคยรับเงินของพวกเขาและจ่าตลอดจนนายตำรวจบางนายนั้น ได้ถูกย้ายไปอย่างกระทันหัน สงสัยว่าจะต้องมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นอีกแน่นอน ด้านกำนันมั่นกล่าวว่า ให้กำนันบ้านบึงห้วยระวังตัวไว้ด้วย เสี่ยหว่างจะขนไม้มา จากพม่าลาว คราวก่อนขึ้นทางเหนือนั้น แต่ถูกจับกุมเข้มงวดขึ้นเลยแอบล่องมาขึ้น ทางบ้านบึงห้วยเพราะอยู่ใกล้ริมแม่น้ำโขง แล้วกำนันก้วนจะทำอย่างไรหรือ ด้วย ตอนนี้อยู่ในระหว่างอันตรายเสียด้วย ทางกำนันก้วนกล่าวตอบสงสัยว่าจะขอให้ทางเสี่ยหว่างระงับการขนย้ายด้วยคน ทางบ้านผมก็ไม่ค่อยจะมีคนด้วยหมู่บ้านมีแค่ร้อยกว่าหลังคาเรือนส่วนใหญ่เป็นคนแก่ๆ เกือบทั้งนั้น ส่วนคนหนุ่มบ้างก็ร่วมบ้างก็ไม่ร่วมจึงมีคนไม่มากนัก อาศัยได้คนของกำนัน มั่นและกำนันพวกเราเท่านั้นเองแหละ และระยะนี้ก็อยู่ในระหว่างการเปลี่ยนแปลงอยู่ หากดำเนินการเห็นว่าจะเสียที ได้ข่าวว่าพวกตำรวจที่จะมานั้นถูกคัดเลือกมาโดยเฉพาะ และเป็นคนมีฝีมือทั้งสิ้น และเข้ารายงานตัวกันแล้วตามโรงพักต่างๆทั้งหน้าโรงพักและ บรรดาตำรวจที่ถูกย้ายไป ส่วนโรงพักในเมืองก็เพิ่มขึ้นอีกมากกว่าเก่าเสียอีก ส่วนด้านกำนันแช่มก็แจ้งว่าทางบ้านข้าก็เหมือนกันแหละคนยังน้อยกว่ากำนันก้วนเสียอีก เสี่ยเม้งก็มาติดต่อผ่านกำนันแล้วไม่ใช่หรือว่าจะให้รับของอีกงวดหนึ่งแต่ข้าว่าอย่าพึ่งดีกว่านะ ใช่แล้วแต่ข้าเองก็บอกว่าอย่าพึ่งทำเลยระยะนี้ ก่อนนี้ก็เสียคนไปตั้งเยอะแยะถูกจับกุมไป ยังไม่รู้ว่าเป็นอย่างไร ทางตำรวจทางโน้นแจ้งว่าไม่รู้เหมือนกันว่าหายไปไหนหมดไม่ได้ ร่องรอยอะไรเลยล่ะ กำนันมั่นตอบ นั่นซิคนของข้างานที่แล้วก็ตายหมดจะเหลือถูกจับกุมไว้หรือไม่ก็ไม่รู้นะกำนันบางโคตอบ ของข้าก็เหมือนกันกำนันหมู่บ้านโคกยายหอยก็ตอบคนข้าก็เหลือมาแค่สองคนเท่านั้น ไอ้ช้วน มันบอกว่าพวกที่เข้าจับกุมล้วนแต่ปืนทันสมัยทั้งนั้นแหละยิงแต่ละครั้งเป็นร้อยๆนัดเลยล่ะ งั้นพวกเราควรจะหยุดการทำงานสักระยะหนึ่งก่อนมิดีหรือ กำนันมั่นคอยเพียงให้ทุเลากว่านี้ ข้าก็คิดเหมือนเอ็งแหละว๊ะ....แต่ไม่รู้ว่าเสี่ยเม้งกับเสี่ยหว่างมันจะว่าอย่างไร???... ส่วนเสี่ยเม้ง นั้นพอจะพูดรู้เรื่อง แต่รายเสี่ยหว่างซิของมันมาแล้ว แล้วจะหาคนไปช่วยกันอย่างไร ไอ้พวกยา นั้นก็พอทำเนาขนง่าย ส่วนไม้ซิมันใหญ่ไม่ใช่เล่นนี่นา กำนันมั่นรำพึงให้พวกๆฟัง ถ้างั้นกำนันมั่นก็ไปบอกเสี่ยหว่างซิว่า หากจะทำงานก็ให้พวกเสี่ยหว่างส่งคนมาทำเองก็แล้วกัน ส่วนพวกของข้าจะคอยนำทางให้ คนก็ไม่ค่อยจะมีอีกด้วย กำนันก้วนกล่าวขึ้น เออๆๆๆข้าเองก็ไม่ค่อยไว้ใจเหมือนกันคนของข้าก็ตาย ไอ้แม้นลูกข้าและพวกมันก็เหลือรอดไม่ กี่คนเองแหละ ตอนนี้ก็กำลังเจ็บยังไม่หายเลยว๊ะ ล้วนแล้วแต่ถูกกันมากๆเสียด้วย ส่วนขาลูกชายข้าเองก็ยังเข้าเฝือกอยู่เลย ไว้วันพรุ่งนี้เห็นจะต้องเดินทางเข้าเมืองเสียแล้ว ต้องไปเจรจากับเสี่ยเม้งกับเสี่ยหว่างเสียแล้วล่ะว๊ะ.....กำนันมั่นตอบ ถ้าเป็นอย่างนั้นได้ก็ดี ขอให้กำนันรีบๆหน่อยนะแล้วให้คนมาแจ้งให้พวกข้าด้วยก็แล้วกัน เหล่า พวกกำนันทั้งหลายกล่าว...................... * แก้วประเสริฐ. *
28 พฤศจิกายน 2553 10:51 น. - comment id 120235
พระเอก ดูจะครบเครื่องเลยครับครู.. มีเสน่ห์ มีคาถาอาคม ..ดูท่าจะเจ้าชูด้วยนะผมว่า 55
28 พฤศจิกายน 2553 11:09 น. - comment id 120237
ว้า...ตอนจบอยากให้แฮปปี้เอ็นดิ้งนะคะ อิอิ
28 พฤศจิกายน 2553 13:21 น. - comment id 120249
คุณ กิ่งโศก ศิษย์รัก หรือว่าครูเองเป็นคนไม่เจ้าชู้ นัก แค่ชอบเย้าแหย่ผู้หญิงเสมอๆแหละ ด้วยนิสัยจริงๆไม่หรอก เรียกว่าจัดอยู่ใน ประเภอเจ้าชู้ไก่แจ้แหละ ตีไม่เป็น ทั้งๆที่ โอกาสอำนวย จนต้องถูกว่ากล่าวภายหลัง ได้ยินมาก็แยะนะ ครูมีนิสัยแปลกอย่างหนึ่ง คือ ต้องรับผิืดชอบหากกระทำไมแล้วเสมอ จึงไม่กล้ากลัวบาปกรรมจะมาสนองลูก หลานนะ แล้วอ่านไปเถอะจะรู้เองแหละจ้า รักศิษย์เรามากเสมอ แก้วประเสริฐ.
28 พฤศจิกายน 2553 13:22 น. - comment id 120250
คุณ แจ้นเอง ครับเพื่อคุณผมจะพยายามให้แฮปปี้แอน ดิ้งนะครับ รักเสมอจ้า แก้วประเสริฐ.
19 กุมภาพันธ์ 2554 22:25 น. - comment id 122413
หยิบปากกา มาเขียนลงกระดาษ... ข้อความว่า....รักษาสุขภาพทั้งใจกายนะครับ นี่คือคำสั่ง คริๆๆๆ