มิติรัก...ใต้เงาจันทรา ฉบับปรับปรุง ตอนแรก

ส.ธนาศิษฏ์

ท่ามกลางความเงียบสงัด  เรือลำหนึ่งจอดอยู่กลางน้ำ  ในขณะที่เรืออีกลำหนึ่งค่อย ๆ แล่นมาจากอีกฟากหนึ่ง  เสียงขลุ่ยแว่วดังมาแต่ไกล  ผู้ชายแต่งกายโบราณสมัยอยุธยา  นุ่งโจงสวมเสื้อเนื้อต่วนปักดิ้นทองน้อยใหญ่  นั่งผิวขลุ่ยบนเรือกลางคลองเลือก  สายตาของเขาละห้อยหาจ้องมองแต่แสงนวลบนท้องนภา  เสียงขลุ่ยยังคงกังวานท่ามกลางความมืด  และความสงบบนท้องน้ำ  ฤารักเราจักเป็นเพียงความฝัน  ไม่มีวันนั้นวันที่ใจเต็มดวง...  ชายคนนั้นนึก  พลันหลบสายตาจากแสงจันทร์  เขาเหลือบไปเห็นเรือลำน้อยเป็นเงาตะคุ่ม ๆ มาจากที่ไกล  สายลมยะเยือก  หมอกลงปกคลุมผืนน้ำ  เห็นเพียงแสงจันทรานวลผ่องบนนภาเงากระทบจับต้องผืนน้ำ  ครู่หนึ่งเสียงฟ้าร้องครืน ๆ ชวนขนลุก  เสียงสะอื้นให้ของหญิงสาวคนหนึ่งดังแว่วมาจากเรือลำนั้น  เขาหยุดผิวขลุ่ยทันที
	แม่หญิง!!! เขาเปรยขึ้นพร้อมสั่งบ่าวให้รีบพายเรือเข้าไปใกล้ ๆ  เป็นอะไรหรือแม่
	คุณหลวง!!! หล่อนแปลกใจเมื่อเห็นเขา  หล่อนร้องสะอื้นอื้ออึงดังก้องคุ้งน้ำ  คุณพี่ผิดคำสาบานเป็นเหตุให้มีอันเป็นไป  วันพรุ่งเสด็จรับสั่ง  วันพรุ่ง หล่อนพูดตะกุกตะกัก
	วันพรุ่งอะไร  พูดสิวันพรุ่งอะไร! เขาเอ่ยพร้อมกับให้กระโดดข้ามเรือไปหาหล่อน  เกิดอะไรขึ้น  คุณพระบดินทร์เป็นอะไร
	เสด็จฯรับสั่งประหารวันพรุ่งเพลาเที่ยงเจ้าค่ะ
	หา!!!! เขาตกใจเป็นอย่างมากที่ได้ยินคำของแม่หญิงน้ำผึ้งแก้วว่าเพื่อนรักจะถูกประหาร  มีเรื่องใดรึแม่  เหตุใดทรงรับสั่งประหารเขา
	เรื่องแม่หญิงทิมนั่นแหละค่ะ  จมื่นเสนาบริรักษ์ยกโทษให้  แต่ท่านเจ้าพระยาศรีหยุทธนาคุณพ่อของเขาไม่ยอมความ  ไปกราบบังคมทูล  เสด็จฯทรงกริ้วมากก็เลย... หล่อนพูดเสียงสั่นสะอึกสะอื้น
	แล้วแม่จะร้องไห้ไปใย  ในเมื่อแม่กับคุณหลวงก็หย่าขาดกันไปนมนานแล้ว เขาปลอบใจหล่อนพร้อมกับกอดเอาไว้แน่น
	แต่ถึงอย่างไรคุณพี่ก็เคยเป็นผัวน้อง  น้องจะใจจืดใจดำได้อย่างไรคะคุณหลวง
	เอาไว้เป็นธุระของพี่เอง เขาเอ่ยพร้อมคิดหาวิธีช่วยเหลือ
	รุ่งสาง  ณ  ลานประหาร  ผู้คนมากันเนืองแน่น  น้ำผึ้งแก้วประคองคุณทิมซึ่งท้องแก่มา  พร้อมกับคุณหลวงอุดมศักดิ์มนตรี  หล่อนสองคนกอดเขาแน่น  พี่ฝากดูแลแม่ทิมกับลูกในท้องด้วยนะ เขาเอ่ยพร้อมกับเหลือบมามองหน้าคุณหลวงอุดมศักดิ์มนตรี
	มึง! ไอ้เพื่อนทรยศ  กูไม่มีวันให้อภัยมึง เขาเอ่ยพร้อมกับดิ้นรนสุดตัวเพื่อจะออกจากพันธนาการที่ผูกตรึงไว้
	คุณพี่คะ  พี่ชายของอิฉันมิได้ทำอันใดที่ทำให้คุณพี่ต้องตายดอก  หากแต่เป็น... คุณทิมยังไม่ทันพูดจบ  ท่านเจ้าพระยาศรีหยุทธนาขึ้นนั่ง  เขามองพระอาทิตย์ที่ขึ้นตรงหัวนักโทษประหารและชี้บอกเพชฌฆาตให้กระทำการประหารทันที  เพชฌฆาตสองคนพาทั้งสามคนออกจากลานประหาร  เสียงปี่ดังขึ้น  เพชฌฆาตปิดตาคุณพระบดินทร์เดชาฤทธิไกร  จากนั้นเพชฌฆาตสามคนร่ายรำ  ดาบแรกลงที่คอของเขาแต่กลับไม่เป็นอะไร  เพชฌฆาตจึงนั่งลงกราบเขา
อโหสิกรรมเถอะ  หากท่านไม่ถอดของเราจะไม่สามารถทำภยันตรายท่านได้  และถ้าท่านไม่ถอดของเราคงต้องใช้กงกำกงเวียนสวนทวาร  เราไม่อยากทำเยี่ยงนั้นเพชฌฆาตพูดขึ้น  คุณพระบดินทร์ตั้งจิตอธิฐาน  เขาสวดพึมพำ  นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมา สัมพุทธัสสะ  นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมา สัมพุทธัสสะ  นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมา สัมพุทธัสสะ  อิปิภะวา ระสัมสัมโธ ชาระสัมโห ตะโลวิหะ ตะปุสะมะระสัต  เทมะสาพุทภะวา วาภะพุทสามะเท สัตระมะสะปุตะอิวิโล  คะโนสัมระชา โธสัมสัมระวาภะปิอิ ติโสคะอะหังมาพุท  วิชจะณะปัน สุโตกะทู นุตโลริทัมสาถิถาวะนุสนัง โธคะติ  ติคะโธนัง นุสวะถาถิ สาทัมริโล นุตทูกะโต สุปัณณะจะวิช  พุทมาหัง อะคะโสติ
กูอโหสิให้มึงเพราะกูรู้ว่ามึงทำตามพระกระแสรับสั่ง  แต่กูขอร้อง  กูขอเห็นหน้าไอ้เพื่อนทรยศจนดาบสุดท้ายที่กูจะสิ้นลม เขาเอ่ย  เพชฌฆาตจึงแก้ผ้าปิดตาออก  หันหน้าเขามาทางคุณหลวงอุดมศักดิ์มนตรี เพชฌฆาตร่ายรำอีกครั้ง  เจ้าพระยาธรรมรัตน์ควบม้ามาพร้อมไพร่พล  เขาถือธงพระราชทานอภัยโทษมา  ในขณะที่เพชฌฆาตเงื้อดาบนั้นฟาดฟันลงที่คอของเขา
กรี๊ด!!!! คุณทิมและน้ำผึ้งแก้วกรีดร้องขึ้น  คุณหลวงอุดมศักดิ์มนตรีประคองทั้งคู่ไว้
เดี๋ยวก่อน!!! เจ้าพระยาธรรมรัตน์ลงจากม้าโดยเร็ววิ่งฝ่าผู้คนมาที่ลานประหาร
คุณพ่อ!!! คุณหลวงอุดมศักดิ์มนตรีเอ่ย
ทรงพระราชทานอภัยโทษแล้ว เจ้าพระยาธรรมรัตน์ตะโกนขึ้น  เสียงบ่าวไพร่ร่ำไห้ก้มลงกราบแทบพื้น  เจ้าพระยาธรรมรัตน์หันไปมองบนลานประหาร  หัวของคุณพระบดินทร์เดชาฤทธิไกรกลิ้งลงบนใบตอง  ไม่!!!!  เขาร้องขึ้น  ท่านเจ้าพระยาศรีหยุทธนา  นี่ยังไม่ถึงเพลาประหาร  ใยประหารก่อนเวลา  กาลนี้กูจักทูลเสด็จฯให้ลงพระราชอาญาแก่ท่าน เจ้าพระยาธรรมรัตน์ลั่นวาจาเสียงเขียวพร้อมกับวิ่งไปประคองคุณทิมบุตรสาวทันที  พ่อหวังให้ลูกของเจ้ามีพ่อ  แต่พ่อทำไม่สำเร็จ  เจ้าพระยาธรรมรัตน์กอดลูกสาวแน่น  น้ำตาของเขาพรั่งพลูลงมา
.................................................
พ.ศ.2553  กรุงเทพมหานคร
นายตำรวจหนุ่มสะดุ้งสุดตัว  เสียงของคุณพระบดินทร์เดชาฤทธิไกรดังก้องหู  เหงื่อกาฬผุดขึ้นทั่วหน้า  ฝันร้ายอีกแล้วเหรอ...เขานึกพลันมองไปที่มุมห้องเขาเห็นเด็กผู้ชายคนหนึ่งยืนอยู่  เมื่อขยี้ตาเด็กหัวจุกคนนั้นก็หายไป  ...ตั้งแต่รับคำสั่งให้ไปประจำลพบุรีเราก็ฝันร้ายแบบนี้ทุกคืน ๆ ที่นั่นต้องมีอะไรสักอย่างที่เราต้องค้นหาแน่ ๆ  เขานึก
	เสียงรถที่สัญจรบนท้องถนนขวักไขว่วุ่นวาย  กลิ่นควันไอเสียฟุ้งไปทั่ว  ผู้คนวิ่งแย่งกันขึ้นรถเมล์อย่างขาดสติ  ไม่แบ่งปันที่นั่งให้กับใครถึงแม้ว่าภายในรถนั้นจะมีป้ายขึ้นหราว่า กรุณาเสียสละที่นั่งให้เด็ก  สตรีมีครรภ์  และคนชรา ก็ตาม...
โอย...จะได้ขึ้นมั๊ยเนี่ย  คนเยอะแบบนี้
ได้สิส้ม  ใจเย็น ๆ ก่อน  เดี๋ยวรถอีกคันก็มา 
ไม่ยงไม่เย็นมันแล้ว! ร้อนก็ร้อน ส้มฟาดหัวฟาดหางตีโพยตีพายยกใหญ่ บอกแล้วว่าอย่าซื้อรถมือสองก็ไม่เชื่อ  เป็นไงวันนี้จะไปทันประชุมมั๊ยย๊ะ! ส้มเอ่ย
นั่นไงรถมาแล้ว...
ไม่ต้องมาเฉเปลี่ยนเรื่องเลยนะแม่ตัวดี  เอาไว้เข้าประชุมเสร็จเธอเจ็บแน่ยัยผึ้ง
โธ่...ทำเป็นโกรธไปได้น่า  ใจเย็น ๆ นะเพื่อน  แป๊บเดียวเดี๋ยวก็ถึงแล้วละ
ส้มและผึ้งยืนโหนรถเมล์เป็นเวลา 2 ชั่วโมงเศษ ๆ จนกระทั่งถึงบริษัททัวร์ย่านสุขุมวิท  ทั้งสองคนรีบเข้าไปเซ็นชื่อและเข้าห้องประชุมทันที  ความเงียบสงบในห้องประชุมนั้นทำให้ทั้งสองคนสำรวมกิริยา  พยายามไม่ให้เสียงของรองเท้าคู่สวยกระทบพื้นปาเก้สีเบสให้เกิดเสียงดังรบกวนใคร  แต่ก็ไม่แคล้วสายตาอีกหลายคนที่จับจ้องว่าเธอทั้งคู่นั้นมาสาย  
นั่นไงแป้งกับต่ายน่ะ ส้มเอ่ยพร้อมกับรีบย่องเข้าไปนั่งใกล้ ๆ เพื่อนซี้ของเธอทันที ฉันมาสายเพราะแม่ผึ้งตัวแสบนี่แหละ  หนอย...บอกให้ฉันลองนั่งรถคันใหม่ขับมาบริษัท  ฉันนึกแล้วเชียวว่ารถมือสองมันต้องเป็นแบบนี้ ส้มเปรยขึ้นเบา ๆ ต่อหน้าแป้งและต่าย
เอาน่าส้มเราก็ไม่ได้สายซักหน่อยน่า  ยังมีคนสายกว่าเราอีกนะ ผึ้งเอ่ยขึ้นพร้อมกับใช้สายตาบอกส้มเป็นนัยให้มองคนที่กำลังเปิดประตูเข้ามา
ยัยนานี่นา... ส้มเอ่ยขึ้นพร้อมกับกวักมือให้หนูนาเข้ามานั่งใกล้ ๆ
การประชุมเรื่องโครงการพัฒนาและปรับปรุงการแบ่งเขตการเดินสายทัวร์นั้นดำเนินไปด้วยดี  เพื่อน ๆ หลายคนต้องทำงานกันเป็นทีม  แต่สำหรับส้มและผึ้งนั้นถูกโยกย้ายตำแหน่งให้ไปทำเอกสารประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวของบริษัท  ซึ่งไม่ใช่งานที่เธอทั้งคู่ถนัดเลยสักนิด
ช่วยไม่ได้นะ  เธอต้องทำ...มันเป็นคำสั่ง  เปลี่ยนแปลงไม่ได้ รัตน์เอ่ยขึ้นพร้อมกับยิ้มเยาะก่อนที่จะวางเอกสารให้กับเธอทั้งคู่
นังนี่มันน่าเนาะ...! แป้งกัดฟันพูดในขณะที่เพื่อน ๆ ช่วยกันรั้งแขนไว้เพราะกลัวว่าแป้งจะทำอย่างที่คิด...
เอาเถอะ  ถือว่าเรียนรู้งานใหม่ละกัน  แต่ถ้างานนี้มันจะบัล...ละก็  มันก็ช่วยไม่ได้ใช่ปะ? ส้มเอ่ยพร้อมกับเซ็นเอกสารรับทราบในคำสั่ง  ทำให้เพื่อน ๆ หัวเราะชอบใจ งานนี้แม่รัตน์อะไรเนี่ยเป็นหัวหน้าใช่มั๊ย ทุกคนพยักหน้า ก็ดี...อยากเอาหน้านัก  ฉันก็จะให้สมใจอยากไปเลย...คอยดูสิ  ส้มเอ่ยพร้อมกับหันมามองผึ้ง แต่เธอต้องร่วมมือกับฉันนะ  ไม่งั้นเราจะไม่ได้กลับมาทำงานที่เรารักเหมือนเดิม  เข้าใจใช่มั๊ย
จ้า... น้ำผึ้งรับคำ แล้วเธอมีแผนอะไรล่ะ ผึ้งเอ่ยขึ้นส้มชวนเธอไปคุยในที่ลับตาคนจนกระทั่งผึ้งเข้าใจว่าจะต้องทำอะไรบ้าง
เมื่อได้รับมอบหมายให้ทำงานชิ้นนี้ได้ไม่ถึงสัปดาห์  ทุกสิ่งทุกอย่างที่ทีมงานทำก็ล้วนแล้วแต่วุ่นวายไปหมด  ไหนจะเรื่องข้าวของวางไม่เป็นที่  เอกสารคำสั่งสูญหาย  ชิ้นงานออกมาไม่ได้เรื่อง  จึงทำให้ส้มและผึ้งถูกเพ่งเล็งเป็นพิเศษ  และในที่สุดคำสั่งสุดท้ายท่านประธานสั่งมาคือให้ทั้งคู่กลับไปเป็นไกด์เหมือนเดิม  แต่ต้องประจำสายรถในเขตภาคกลางตอนบนเท่านั้น
มันก็ดีกว่าเราทำงานที่ไม่ถนัดไม่ใช่เหรอ? ส้มเอ่ยขึ้น
หลังจากที่เพื่อน ๆ กระจัดกระจายกันแยกส่วนทำงานไปคนละทิศคนละทาง  ส้มและผึ้งยังคงจับคู่กันเหนียวแน่น  ทั้งคู่ต้องไปประจำอยู่ที่เขตลพบุรีทำให้ต้องขนข้าวขนของไปอยู่ที่นั่น
เมื่อไหร่เธอจะขายอีแก่คันนี้ซะทีนะ  ฉันนะสุดเซ็งจังเลย
เอาน่า  ก็ยังขับดีกว่าคันใหม่ของฉันไม่ใช่เหรอ ผึ้งเปรยขึ้น คันนี้น่ะถึงจะเก่าและโบราณแต่ประสิทธิภาพมันเริศ!ไม่ใช่เหรอ  ถังน้ำมันเอย  เครื่องยนต์เอยล้วนแล้วแต่เป็นเหล็กทั้งหมด
เสียอย่างเดียวมันไม่มีอะไหล่ ส้มแทรกขึ้นเบา ๆ พร้อมกับเบ้หน้า
เอาน่า  ก็ดีกว่าคันใหม่ของฉันไม่ใช่เหรอ ผึ้งเอ่ยย้ำ
จ้า...แม่เจ้าประคุณรุนช่อง  ชอบแต่ของเก่าของมือสอง ส้มเอ่ยประชดขึ้น
ออกจะคลาสสิกจะตายไป  วันไหนมีคนมายืมไปถ่ายหนังละก็...
คงจะมีใครเอาไปถ่ายหรอก...เชอะ! ถ้าหนังอย่างที่เธอว่านะฉันว่าคงไม่แคล้วยุคคุณพระ  คุณหลวงกระมังคะ  ส้มเอ่ยแทรกขึ้นพร้อมกับหัวเราะชอบใจ
อย่าว่าไปนี่มัน VOLKSWAGEN CLASSIC CAR KARMANN GHIA สีแดงคลาสสิกที่สุดในยุคปี 1972 เลยนะ เธอหัวเราะดังลั่น
ผึ้งขับรถมาจอดที่หน้าบ้านเรือนไทยหลังใหญ่บนถนนสายศรีอินทราทิตย์  เธอเหลือบไปเห็นป้ายที่หน้าบ้านประกาศขายหรือเช่าพร้อมมีเบอร์ติดต่อด้วย  ทำให้เธอรู้สึกชอบและอยากได้บ้านหลังนี้มาก ๆ
เงาดำทะมึนยืนจ้องมองพวกเธออยู่บนบ้านเรือนไทย  สายลมกระโชกแรง  ใบไม้ผลิใบปลิวว่อน  แซ่ก  แซ่ก  แซ่ก  เสียงนกร้องวิเวกวังเวง  ฟังดูอื้ออึงไปหมด  ท้องฟ้าเริ่มปิด  พลันมืดขึ้นมาชั่วพริบตา  สายลมเย็นยะเยือก  ละอองหมอกปกคลุมพื้นหญ้า  ประตูรั้วไม้สักลายเทพนมบานใหญ่ค่อย ๆ เปิดออก  ใบไม้จากภายในปลิวไหวออกมานอกประตูบานนั้นพร้อมกับหมอกไอจาง ๆ อันน่าสะพรึงกลัว  มาแล้วรึ...? เสียงใครคนนั้นเอ่ยพร้อมกับหัวเราะเบา ๆ 
ส้มเดินตามน้ำผึ้งลงมาจากรถ  เฮ้ย...อย่าบอกนะว่าเธอ  เสียงของเธอสั่นเครือ  น้ำผึ้งหยุดชะงัก
ใช่...ฉันชอบมากเลย  ดูขลังดี ผึ้งเอ่ยพร้อมกับกดเบอร์โทรศัพท์เพื่อเมมเบอร์ทันที
มันคงแพงน่าดูเลย  อย่างเราคงไม่มีปัญญาซื้อหรอก ส้มเอ่ยขึ้น  รีบไปกันเถอะเดี๋ยวไม่มีใครพาไปกินข้าวนะเฟ้ย!  คำพูดของส้มทำให้ผึ้งต้องละสายตา  ประตูบานใหญ่ค่อย ๆ ปิดช้า ๆ  ลมค่อย ๆ สงบลง  เธอรีบขับรถให้ถึงที่หมายโดยเร็ว
บ้านอะไรก็ไม่รู้น่ากลัวจริง ๆ  ไม่อยากจะคิดเล้ย!...ส้มนึก
......................................................................
และในค่ำคืนนั้นเอง  ภาพต่าง ๆ เริ่มชัดขึ้นในนิมิต...
เรือนไทยขุนนางหลังใหญ่ตั้งอยู่ริมทะเลสาบชุบศรตรงส่วนท้ายของกำแพงซึ่งมีทางระบายน้ำที่ไหลผ่านออกมาจากพระที่นั่งไกรสรสีหราช  เรือใหญ่น้อยจอดเทียบท่ามากมาย  ผู้คนสัญจรกันขวักไขว่  บ้างก็ค้าขายบ้างก็จับจ่ายใช้สอยกันตามประสา  เด็กน้อยนั่งเล่นอยู่ที่ท่าน้ำคนเดียวแต่งกายดูมีราศีสมกับที่เป็นลูกของเจ้าพระยาธรรมศักดิ์ราชนฤบาล  เจ้ากรมวัง
	เรือเก๋งคันหนึ่งจอดเทียบท่าน้ำหน้าบ้านของคุณท้าวเยาวลักษณ์  เด็กน้อยหันไปมองแล้วก็ลุกขึ้นเตรียมที่จะเดินหนีไปเล่นที่อื่น
	จะไปไหนเล่าเจ้า  มาหาพี่หน่อยเป็นไร
	เสียงของชายหนุ่มรูปงาม  รูปร่างสูงใหญ่ท่าทางทะมัดทะแมนเดินมาจูงแขนเด็กน้อย  แต่หล่อนสะบัดมือแล้วก็เดินนำหน้าไปยังเรือนของเจ้าคุณย่าซึ่งอยู่ไม่ห่างจากเรือนของคุณพ่อหล่อนไม่มากนัก
	เป็นกระไรไปเจ้าทุกทีพี่ก็จูงแขนเจ้าได้วันนี้เป็นอะไรไป
	มันไม่งามเจ้าค่ะอิฉันเดินเองได้
	แก่แดดนักนะเราคุณแม่ของพี่ก็มาด้วย
	เด็กน้อยหันไปไหว้คุณหญิงแล้วก็ไหว้ชายหนุ่ม  จากนั้นก็เดินขึ้นเรือนไปอย่างระมัดระวังกิริยา  หล่อนนั่งลงใกล้ ๆ เจ้าคุณย่าแล้วก็กระซิบกระซาบอะไรบางอย่างก่อนที่ชายหนุ่มและแม่ของเธอจะขึ้นเรือนมา
	เด็กน้อยคลานห่างออกไปจากนั้นก็ยกน้ำลอยดอกมะลิมายื่นให้ชายหนุ่มแล้วก็คลานห่างออกไปอีก  ผู้ใหญ่คุยกันจนออกรสเด็กน้อยนั่งพับเพียบทำหน้าเบ้เพราะไม่อยากจะนั่งอยู่ตรงนี้  หล่อนรู้สึกเบื่อมากที่ต้องมานั่งฟังผู้ใหญ่เขาคุยกัน
น้ำผึ้งแก้วเอ๊ยมานี่สิลูก
	เจ้าค่ะคุณย่า
	เสียงคุณย่าซึ่งเป็นคุณท้าวนางในตำหนักของสมเด็จฯ เรียกตัวหลานสาวให้คลานเข้าไปใกล้ ๆ เพื่อรับหมากพลูตรงหน้าระเบียงจากคุณหลวงบดินทร์นฤนาถทหารราชองครักษ์ซึ่งมีหน้าที่ติดตามรับใช้ใกล้ชิดสมเด็จฯ
	อุ๊บ๊ะ!!!!  ไอ้หลานสาวคนนี้ของคุณท้าวช่างงามเหลือเกิน คุณหญิงเอ่ยพร้อมกับหันมาถามหล่อน  เมื่อไรจะตัดจุกล่ะเจ้า
	นี่ลูกคุณหญิงท่านถามทำไมไม่ตอบเล่า คุณย่าทักท้วงน้ำผึ้งแก้วขึ้น  หล่อนจึงตอบด้วยน้ำเสียงอ่อย ๆ เพราะไม่อยากจะตอบเนื่องจากหล่อนไม่ค่อยชอบคุณหลวงกับแม่ของเธอเพราะทั้งคู่ชอบมาเยี่ยมเยียนบ่อย ๆ ซึ่งตามประสาเด็กแล้วก็ไม่อยากจะมาอยู่ตรงที่ผู้ใหญ่เขาคุยกันหรอกใคร ๆ ก็อยากจะไปวิ่งเล่นทั้งนั้น
	อีก 3 เดือนเจ้าค่ะ
	อืมโตไวจริงเจ้า  เห็นทีพี่คงพาเจ้าขี่คอเหมือนแต่ก่อนมิได้เสียแล้ว คุณหลวงบดินทร์ฯเอ่ยพร้อมกับอมยิ้มน้อย ๆ
	เมื่อก่อนก็ไม่เห็นจะได้ขี่เลย น้ำผึ้งแก้วบ่นอุบอิบจนคุณย่าค้อนหล่อนจึงค่อย ๆ คลานออกมาห่าง ๆ ผู้ใหญ่  และนำหมากพลูที่คุณหลวงบดินทร์นฤนาถนำมาฝากนั้นวางไว้ใกล้ ๆ เจ้าคุณย่า
	กระผมขออนุญาตพาน้องไปเที่ยวตลาดได้ไหมขอรับ
	เอาสินี่คงเบื่อแย่เลยเพราะวันนี้เจ้าพวกเพื่อนเล่นก็ตัดจุกกันหมดแล้ว  ไม่มีใครจะเล่นด้วย  ป้าก็ฝากน้องด้วยก็แล้วกันนะพ่อบดินทร์
	น้ำผึ้งแก้วได้ยินแล้วก็ดีใจถึงกับแสดงสีหน้าที่เบิกบานทันที  หล่อนคลานถอยหลังอย่างรวดเร็ว  หล่อนหันมามองคุณหลวงแล้วเอ่ยขึ้น รอก่อนนะเจ้าคะคุณหลวง
	คุณหลวงรอน้ำผึ้งแก้วอยู่ครู่หนึ่งเขาก็ต้องตกตะลึงที่เห็นหล่อนแต่งตัวราวกับสาวแรกรุ่น  หล่อนดูเป็นสาวเต็มวัยทั้ง ๆ ที่ยังไม่ได้ตัดจุด  ถึงแม้ว่าหล่อนยังคงสวมใส่โจงกระเบนและเสื้อถักคอกระเช้าก็ตามเถอะ  แต่ก็ดูหล่อนเป็นสาวเหลือเกิน
	กลิ่นดอกมะลิและกลิ่นอบร่ำที่มากับน้ำมันจันทร์ใส่ผมของหล่อนหอมกรุ่นไปหมด  หล่อนเดินมาจูงมือคุณหลวงแล้วก็ลงเรือไปด้วยกัน  คุณหลวงไม่ให้นายมิ่งบ่าวเชื้อสายบางขันหมากตามไปด้วย
	เดี๋ยวก็ให้จูงแขนเดี๋ยวก็ไม่ให้จูงแขน  หลายอารมณ์จริงเลยเจ้า
	ก็คนมันดีใจนี่เจ้าคะเบื่อจะตายอยู่กับเจ้าคุณย่าทั้งวัน  เพื่อนก็ไม่มีสักคน  ไม่รู้จะรีบตัดจุกไปถึงไหน  พอตัดจุกแล้วก็เข้าวังไปเป็นข้าสนองพระบาทท่านฯ  น่าเบื่อจะตายไป
	น้ำผึ้งแก้วตอบด้วยน้ำเสียงที่หดหู่  พร้อมกับแสดงท่าทางดีใจและเขินอายออกมาเป็นบางครั้งจนทำให้คุณหลวงที่นั่งพายเรืออยู่นั้นอมยิ้มอยู่บ่อย ๆ
	เจ้านี่ช่างพูดจังเลยนะ
	ไม่พูดก็ได้น้ำผึ้งแก้วนึก  ตลอดทางที่คุณหลวงพายเรือไปเขาได้ชี้ให้ดูนั่นดูนี่หลายอย่าง  แต่หล่อนไม่ปลิปากพูดเลยสักนิด
	อ้าวทำไมไม่พูดเล่าเจ้า
	ก็คุณหลวงว่าอิฉัน  หาว่าพูดมากไม่ใช่รึอิฉันก็เลยไม่พูดไงเจ้าคะ
	เหอะแก่แดดจริงนะเรา  รู้จักประชดประชันพี่
	คุณหลวงถึงกับหลุดขำขึ้นมาทันที  น้ำผึ้งแก้วก็เลยนั่งหันหน้าออกไปทางอื่นเพราะไม่อยากจะต่อล้อต่อเถียงกับคุณหลวงซึ่งชอบวางมาดขุนนางข่มขู่เด็ก
	อะไรอีกเล่าเจ้านี่ขี้งอนจริงเชียว
	คุณหลวงพายเรือไปอมยิ้มไป  แสงแดดที่แผดเผาอยู่ดี ๆ ฝนฟ้าก็ตกขึ้นมาโดยไม่ได้ตั้งตัว  คุณหลวงรีบพายเรือพาน้ำผึ้งแก้วเข้ามาหลบฝนที่เพิงหาปลาของชาวบ้านที่อยู่ละแวกนั้น
	หนาวไหมเจ้าเนื้อตัวเปียกหมดแล้ว
	หนาวสิเจ้าคะ  ถามได้ น้ำผึ้งแก้วยืนกอดอกเนื้อตัวสั่น  คุณหลวงไม่รู้จะทำอย่างไรดีก็เลยดึงผ้าคาดเอวออกมาแล้วบิดน้ำจนเกือบจะแห้งยื่นให้หล่อนทันที
	เปียก ๆ แบบนี้ให้มาทำไมเจ้าคะ
	เอาไปเช็ดตัวก่อนเถอะเจ้า  ดูสิยืนสั่นเป็นลูกหมาเลย
	น้ำผึ้งแก้วหยิบผ้าคาดเอวไปเช็ดตัวจนแห้ง  จากนั้นก็พยายามบิดผ้าแต่ก็ทำไม่สำเร็จคุณหลวงจึงบิดให้แล้วก็ส่งให้หล่อน  หล่อนจึงเอาผ้าคาดเอวนั้นไปเช็ดที่หน้าของคุณหลวงทันที
	คุณหลวงก็เปียกเหมือนกันนะเจ้าคะ
	คุณหลวงยิ้มแล้วก็นั่งลง  น้ำผึ้งแก้วจึงต้องนั่งลงบ้าง  ทั้งคู่รอจนฝนหยุดตกจากนั้นจึงกลับบ้าน  หล่อนจามตลอดทางคุณหลวงก็เช่นกัน  เมื่อมาถึงเรือนเจ้าคุณย่าหล่อนจึงขอตัวไปเปลี่ยนเสื้อผ้าและออกมานั่งกับเจ้าคุณย่าทันที
	พ่อบดินทร์ไม่เปลี่ยนเสื้อผ้าหรือเจ้า  เดี๋ยวป้าให้บ่าวจัดเสื้อผ้าให้
	คุณหลวงเดินตามแม่อิ่มบ่าวในบ้านไปเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องเก่าของเจ้าคุณพ่อ  น้ำผึ้งแก้วนั่งจามอยู่หลายครั้งเจ้าคุณย่าจึงให้บ่าวไปหยิบยาฝรั่งที่ได้มาจากคนติดตามของเชอวาเลียร์  เดอ  โชมองค์  ผู้ที่ถวายพระราชสารให้กับองค์สมเด็จฯ ที่กรุงศรี  ซึ่งเขาได้แวะผ่านมาที่ละโว้  เจ้าคุณย่าจึงได้ขอยาดี ๆ จากเขามาหลายอย่างจึงทำให้ที่เรือนของเจ้าคุณย่ามีแต่ยาวิเศษของฝรั่งเต็มไปหมด
	ไปเล่นน้ำฝนที่ไหนกันมาเจ้าคราวหน้าต้องให้นั่งเรือเก๋งไปแล้วมั้งจะได้ไม่เปียกมอมแมมเป็นลูกหมาตกน้ำมาแบบนี้อีก
	เจ้าคุณย่าพูดแล้วก็ยิ้ม ๆ จนกระทั่งคุณหลวงเดินออกมาจากห้อง  เขาเข้ามานั่งใกล้ ๆ กับน้ำผึ้งแก้วแล้วก็หยิบปิ่นปักผมออกมาส่งให้หล่อน
	นี่คงยังไม่สายไปดอกนะเจ้า  อีกแค่สามเดือนก็จะตัดจุก  นี่พี่ให้นะ
	น้ำผึ้งแก้วก้มลงกราบที่ตักของคุณหลวงจากนั้นก็ยื่นมือไปรับปิ่นปักผมทันที
	อย่างอนพี่อีกล่ะ คุณหลวงพูดเบา ๆ จากนั้นก็ลาเจ้าคุณย่ากลับไป
                                                         ..1
โปรดติดตามตอนต่อไปนะคะ
ขออนุญาตย้ายบ้านใหม่ค่ะ
(สุชาดา  โมรา  คนเดิม)				
comments powered by Disqus

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน