4.5 พันล้านคนจะเสียชีวิตภายในปี 2012...
คีตากะ
ประชากรมากกว่า 4.5 พันล้านคนจะเสียชีวิตจากสาเหตุที่เกี่ยวข้องกับภาวะโลกร้อนปี ค.ศ. 2012
สมมติฐานไฮเดรตชี้ให้เห็นสัญญาณเตือนภัยการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของสภาพภูมิอากาศ
รวบรวมโดย จอห์น สโตก
เมื่อเร็วๆนี้ทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์ที่เรียกว่า สมมติฐานไฮเดรต(hydrate hypothesis) กล่าวว่าวัฏจักรของภาวะโลกร้อนในประวัติศาสตร์ได้เป็นสาเหตุของการเกิดวงจรสะท้อนกลับ บริเวณที่มีการละลายของชั้นดินเยือกแข็ง(permafrost) ที่กักเก็บน้ำแข็งแห้งมีเทน(methane clathrates) เอาไว้ (รู้จักกันในชื่อ ไฮเดรต)กระตุ้นให้ภาวะโลกร้อนรุนแรงยิ่งขึ้น นำไปสู่การเพิ่มการละลายของน้ำแข็งแห้งและการเติบโตของแบคทีเรีย
กล่าวง่ายๆ เช่น ทางด้านตะวันตกของไซบีเรีย น้ำแข็งแห้งมีเทนปริมาณ 400 พันล้านตันในชั้นดินเยือกแข็งจะละลายอย่างช้าๆ และปลดปล่อยก๊าซมีเทนซึ่งยิ่งเร่งการละลายให้มากยิ่งขึ้น ผลกระทบจากการที่ก๊าซทีเทนปริมาณสองเท่าของพันล้านตันถูกแพร่ขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศในแต่ละปีจะก่อให้เกิดหายนะ
สมมติฐานไฮเดรต (ถ้าถูกต้อง) เป็นผลให้เกิดหายนะที่ควบคุมไม่ได้ของภาวะโลกร้อนเป็นไปอย่างรวดเร็ว จริงๆแล้ว คุณควรจดจำโอกาศอันสำคัญนี้ เมื่อคุณเรียนรู้เกี่ยวกับวงจรสะท้อนกลับนี้ มันเป็นความอยู่รอดจากจุดวิกฤตในชีวิตคุณ
อีกอย่างหนึ่ง สมมติฐานไฮเดรต เป็นทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา และกำลังเป็นที่ถถเถียงของเหล่านักวิทยาศาสตร์ด้านภาวะโลกร้อน ผมแนะนำให้คุณค้นหาใน Google
เดี๋ยวนี้ นักวิทยาศาสตร์ส่วนใหญ่ยอมรับว่ากิจกรรมของมนุษย์เป็นสาเหตุของภาวะโลกร้อน ช่วงกลางศตวรรษที่จะถึงเป็นเวลาที่เรากำลังจะผ่านจุดปลายสุดและหมดหนทางที่จะหยุดภาวะโลกร้อนที่ควบคุมไม่ได้
มีมีเทนที่ถูกกักเก็บภายใต้ชั้นดินเยือกแข็งเป็นปริมาณมหาศาล และในโครงสร้างคล้ายน้ำแข็งใต้มหาสมุทรที่เรียกว่า คลาเทรท ในชั้นดินเยือกแข็งของอาร์กติกประมาณว่ามีมีเทนปริมาณ 400 พันล้านตัน
มีเทนเป็นก๊าซเรือนกระจกที่มีความรุนแรงมากกว่าคาร์บอนไดออกไซด์ถึง 20 เท่า และชั้นบรรยากาศปัจจุบันประกอบด้วยก๊าซมีเทน 3.5 พันล้านตัน
อุณหภูมิสูงสุดเพิ่มขึ้นจากภาวะโลกร้อนกำลังเกิดขึ้นบริเวณอาร์กติก ซึ่งเป็นบริเวณที่เต็มไปด้วยโครงสร้างน้ำแข็งที่ไม่เสถียร แบบจำลองจากศูนย์วิจัยบรรยากาศนานชาติ (NCAR) แสดงให้เห็นว่าครึ่งหนึ่งของชั้นดินเยือกแข็งจะถูกปลดปล่อยภายใน ค.ศ. 2050 และอีกมากกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ ใน ค.ศ.2100
การทับถมของถ่านหินเลน(เกิดจากต้นไม้ในหนองที่ทับถมกัน) อาจจะเทียบได้กับแหล่งกำเนิดมีเทนจากชั้นดินเยือกแข็งที่กำลังละลาย เมื่อถ่านหินเลนที่ถูกแช่แข็งนับพันปีละลาย มันยังคงประกอบด้วยประชากรของแบคทีเรียที่ยังมีชีวิต ซึ่งจะเริ่มเปลี่ยนถ่านหินเลนให้เป็นมีเทนและคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2)
ทางด้านตะวันตกของไซบีเรีย กำลังร้อนขึ้นอย่างรวดเร็วกว่าที่ใดๆในโลก จากประสบการณ์มันเพิ่มสูงขึ้นถึง 3 องศาเซลเซียสในรอบ 40 ปีที่ผ่านมา ถ่านหินเลนทางทิศตะวันตกของไซบีเรียกักเก็บมีเทนเอาไว้ประมาณ 70 พันล้านตัน ระดับของก๊าซมีเทนในชั้นบรรยากาศที่ไซบีเรียตอนนี้มีความเข้มข้น 25 เท่าสูงกว่าทั่วโลก
อีกอย่างหนึ่ง อุณหภูมิที่ร้อนขึ้น และฤดูกาลที่ยาวนานขึ้นเป็นผลให้การทำงานของจุลินทรีย์เพิ่มขึ้นอย่างน่าตกใจในพื้นดินบริเวณรอบโลก เหตุการณ์นี้เป็นไปตามลำดับขั้น กระบวนการซึ่งแหล่งเก็บคาร์บอนยาวนานปริมาณมากในดินกำลังถูกปลดปล่อยสู่บรรยากาศในขณะนี้
การปลดปล่อยมีเทนจากการละลายของโครงสร้างน้ำแข็งในมหาสมุทร เป็นสาเหตุความรุนแรงที่กระทบต่อสิ่งแวดล้อมเมื่อครั้งในอดีต มีเทนจากโครงสร้างน้ำแข็งในมหาสมุทรคาดว่ามีปริมาณ 10,000 พันล้านตันหรือ 10 ล้านล้านตัน
55 ล้านปีก่อน ภาวะโลกร้อนเป็นปฏิกิริยาลูกโซ่ (มีความเป็นไปได้ว่าเริ่มจากการระเบิดของภูเขาไฟ) ทำให้โครงสร้างน้ำแข็งในมหาสมุทรละลาย มันทำให้สิ่งต่างๆเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและเป็นเหตุการณ์ภาวะโลกร้อนร้ายแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ทางธรณีวิทยา
มนุษย์ดูเหมือนจะสามารถแพร่คาร์บอนไดออกไซด์ในปริมาณที่เทียบเท่ากับการระเบิดของภูเขาไฟซึ่งเป็นการเริ่มต้นปฏิกิริยาแบบลูกโซ่นี้ จากการสำรวจทางธรณีวิทยาของสหรัฐอเมริกาพบกว่าการเผาไหม้เชื้อเพลิงฟอสซิลปลดปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ปริมาณถึง 150 เท่าจากคาร์บอนไดออกไซด์ที่แพร่โดยภูเขาไฟ
มีเทนในบรรยากาศไม่คงตัวอยู่ได้นาน ซึ่งจะคงอยู่ประมาณ 10 ปี ก่อนที่จะถูกออกซิไดซ์ (รวมตัวกับออกซิเจน) กลายเป็นคาร์บอนไดออกไซด์ (ก๊าซเรือนกระจกที่อยู่ได้ 100-1,000 ปี) มีเทนที่ถูกออกซิไดซ์กลายเป็นคาร์บอนไดออกไซด์ มีส่วนอย่างมากทำให้โลกร้อนเท่ากับมีเทนเข้มข้นที่คงอยู่เพียงชั่วขณะ
สรุปได้ว่า กิจกรรมของมนุษย์ กำลังเป็นสาเหตุของการทำให้โลกร้อนขึ้น แบคทีเรียเปลี่ยนคาร์บอนในดินไปเป็นก๊าซเรือนกระจก และก๊าซเรือนกระจกปริมาณมหาศาลถูกกักไว้ในโครงสร้างน้ำแข็งที่ไม่เสถียร ขณะที่โลกร้อนขึ้นอย่างต่อเนื่อง โครงสร้างน้ำแข็งใต้ชั้นดินเยือกแข็งคงตัว(permafrost) จะถูกปลดปล่อย ถ่านหินเลนและการทำงานของจุลินทรีย์ในดินจะเพิ่มขึ้นอย่างน่าตกใจ และ ในท้ายที่สุด โครงสร้างน้ำแข็งขนาดใหญ่ในมหาสมุทรจะละลาย ปฏิกิริยาแบบลูกโซ่ของภาวะโลกร้อนนี้เคยเกิดขึ้นแล้วเมื่อในอดีต
ความเข้มข้นของคาร์บอนไดออกไซด์ในชั้นบรรยากาศเพิ่มขึ้นจากการสะสมมากกว่าในปีที่ผ่านมา มันเป็นเวลาสามปีติดต่อกันซึ่งเพิ่มขึ้นอย่างฉับพลัน นักวิทยาศาสตร์ยังไม่มีคำอธิบายว่าทำไมการเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วถึงเกิดขึ้น แต่กลัวว่าแนวโน้มนี้จะเป็นสัญญาณแรกของการเกิดภาวะโลกร้อนที่ไม่สามารถควบคุมได้
ภาวะโลกร้อนที่ไม่สามารถควบคุมได้ จะทำให้พื้นที่ทางการเกษตรได้รับความเสียหายจากความร้อนอย่างแท้จริงจนกลายเป็นฝุ่นธุลีไปทั่วโลกใน ค.ศ. 2012 ก่อให้เกิดการขาดแคลนอาหาร สถานการณ์ที่สับสน โรคภัยไข้เจ็บ และสงครามในระดับโลกโดยกองกำลังทางทหารประกอบด้วย สหรัฐอเมริกา รัสซีย และจีน จะต่อสู้เพื่อควบคุมแหล่งทรัพยากรที่ยังเหลืออยู่ของโลก
ประชากรมากกว่า 4.5 พันล้านคนจะเสียชีวิตจากสาเหตุที่เกี่ยวข้องกับภาวะโลกร้อนใน ปีค.ศ. 2012 ขณะที่ดาวเคราะห์โลกเร่งจากการขับเคลื่อนของความละโมบเข้าสู่หายนะขั้นรุนแรงอันน่ากลัว