เพื่อนรัก รักเพื่อน(ตอนที่2...“Exteam” เรียกว่า เดทแรก...หรอ?)

ราตรีน้ำแข็ง

“Exteam” เรียกว่า เดทแรก...หรอ?
	
	ยังคงเกาะกระแสอยู่กับนายเอกขี้อายคนเดิมคะ พอดียุคช่วงนี้มันเป็นยุคของระบบอินเตอร์เน็ตอะไรๆก็ต้องใช้เจ้าอินเตอร์เน็ตไปหมดเลย แม้เกมส์เด็กเล่นเดี๋ยวนี้ยังต้องออนไลท์เลย (บางทีไม่ใช่แค่เด็กนะคะที่เล่น)
	หนึ่งวัฒนะธรรมที่มาคู่กับระบบนี้ก็คือ “Chat” หรือจะเรียกว่าเขียนจดหมายหากันผ่านระบบอินเตอร์เน็ตก็ได้คะ ยิ่งเดี๋ยวนี้มี Hi5 ด้วยแล้วยิ่งติดต่อสื่อสารมาได้มากยิ่งขึ้น แต่ทว่า...ผลที่ตามมาของความง่ายนั้นก็คือ “การโกหกครั้งมโหฬาร...เพื่อแค่จะได้ในสิ่งที่ตนเองต้องการต่อเพศตรงข้าม” หรือจะพูดกับเป็นภาษาพื้นๆเลยก็คือ หวังจะฟันนั่นเองคะ
	 เอกเขาเป็นคนที่นิยมชมชอบการเล่นเกมส์มาตั่งแต่เด็กๆ หรือจะเรียกว่าติดกันมางอมแงมเลยก็ได้ จากเกมส์เครื่องมาสู่เกมส์บนหน้าจอ เขายังคงตั้งหน้าตั้งเล่นอย่างจริงจัง จนมาจบที่เกมส์ออนไลท์นี่แหละคะ เพราะว่าเกมส์ประเภทนี้เล่นยังไงก็ไม่มีวันจบ
	เดิมทีจุดประสงค์ของมันก็คือการคบหาเพื่อนในเกมส์ที่เล่นอยู่ ณ ที่ต่างๆแต่ปัจจุบันมันไม่ใช่แบบนั้นแล้ว ต่างคนต่างเล่นนายเอกของเราก็เลยเซ็งไม่รู้จะเล่นต่อไปทำไมก็เลยหันมาศึกษาการใช้คอมฯแทน ไหนๆก็มีพื้นฐานจากการเล่นเกมส์มาแล้ว และดูท่าจะไปได้สวยเสียด้วย
	“จริงๆแล้วหมอนี่อยากจะหาแฟนในเกมส์ต่างหากละ...แต่เดี๋ยวนี้สาวๆเขาไม่เล่นเกมส์แบบนี้กันแล้ว มีแต่ผู้ชายปลอมตัวเป็นผู้หญิงเล่น นายเอกเราก็เลยหลอนกินไปเลย”
	
	พักนี้เขาไม่ค่อยได้เข้ามาที่บ้านฉันสกเท่าไรนักเห็นว่ามีงานเข้าเยอะเลยยุ่งมากเลย กลายเป็นฝ่ายฉันที่ไปเที่ยวบ้านของเขาบ่อยๆเพราะว่า โดยส่วนตัวแล้วฉันชอบไปเดินเล่นที่สวนสาธารณะที่มันเงียบๆสงบๆและก็ชอบให้อาหารปลาด้วย ซึ่งที่แถวบ้านของนายเอกที่อยู่ทางฝั่งนนทบุรีมีสวนสาธารณะเฉลิมพระเกียรติ์ เป็นสถานที่ที่สวยงามมากเลย
	ในวันที่ท้องฟ้าแจ่มใสแบบนี้ฉันจะขับรถมอเตอร์ไซด์ส่วนตัวไปที่นั้นเป็นประจำอย่างน้อยก็อาทิตย์ละครั้ง จนคนที่บ้านของนายเอกเริ่มสงสัยแล้วว่าฉันกับลูกชายของเขานี่เป็นอะไรกัน มั่นไปมาหาสู่กันบ่อยเสียเหลือเกิน เหอะๆ
	ครั้นเมื่อมาถึงสวนสาธารณะที่ว่านั้นแล้วฉันจอดรถที่หน้าทางเข้าก่อนจะเดินเท้าเข้าไปชมความงามและความร่มรื่นของต้นไม้ใบหญ้าและที่ด้านหลังสุดของที่นี่อยู่ติดแม่น้ำเจ้าพระยาด้วยเป็นที่ให้อาหารปลาชั้นยอดเลย (ปลาเยอะมากเสียด้วยคะ)
	เสียงโทรศัพท์มือถือของฉันดังขึ้นระหว่างที่ฉันกำลังเดินไปด้านหลังเพื่อให้อาหารปลา เมื่อหยิบขึ้นมาดูก็พบว่าเป็นเบอร์ของเอกโทรเข้ามา
	“โหล...มาถึงแล้ว เดี๋ยวค่อยเข้าไป” ฉันรู้ว่าหมอนี่โทรมาทำไม 
	“เออๆ หวานรีบเข้ามาด้วยแล้วกันมีเรื่องจะเล่าให้ฟัง”
	“เรื่องอะไรหรอ เล่าตอนนี้เลยก็ได้นะ” ฉันอยากรู้เหมือนกัน
	“ไม่สะดวกวะ...เดี๋ยวหวานเข้ามาแล้วค่อยเล่าจะดีกว่า” เอกยืนยันแบบเดิม
	“ก็ตามใจ แต่เดี๋ยวหวานให้อาหารปลาก่อนแล้วกันนะ”
	และฉันก็วางสายจากเพื่อนคนนี้ไป จากนั้นก็ไปให้อาหารปลาที่ริมตลิ่งของสวนแห่งนี้ ที่นี่มีปลาเยอะมากเลยคะในน้ำเหมือมีตัวอะไรดำๆขนาดใหญ่ยุบยับกันนัวเนียไปมาจนดูน่ากลัวเมื่อเราโยนขนมปังลงไปในน้ำ
	มีผู้คนมากมายมาพักผ่อนกันที่นี่ ถึงแม้จะเป็นช่วงสายๆของวันแต่ว่าที่นี้ไม่ได้ร้อนกว่าที่คิดเพราะ “โคตรร้อนเลยพระยาคะ” แต่ว่ามีลมพัดผ่านตลอดเวลาจึงรู้สึกเย็นสบาย แต่ฉันก็ต้องยืนหลบๆพี่แดดเอาไว้บ้างเดี๋ยวตัวดำ จะพาลขายไม่ออกล่ะยุ่งเลย
	ช่วงเที่ยวฉันต้องรีบขับรถเข้าไปหลบแดดที่บ้านของเอก แต่จริงแล้วจุดประสงค์หลักก็คือไปหาอะไรกินนั้นเอง เพราะว่าฝีมือการทำกับข้าวของหมอนี้ไม่ธรรมดา มีเมนูอะไรประหลาดๆมาโชว์ออฟเสมอรสชาติก็ไม่น่าเกียดด้วยนะ เสียอย่างเดียว...พี่แกใช้เวลาในการทำเป็นชั่วโมงเลย บางทีที่มันกินได้เพราะฉันรอจนหิวจัดล่ะมั้ง
	ครั้งนี้เหมือนว่าเอกระรูตัวแล้วเขาจึงเตรียมทำกับข้าวไว้รอตั้งแต่ตอนที่ฉันให้อาหารปลา จนเมื่อฉันไปถึงอาหารก็...ยังไม่เสร็จเหมือนเคยคะท่าน
	ฉันเดินเข้าไปทักทายพ่อและแม่ของเอกด้วยความอ่อนน้อม
	“สวัสดีคะคุณลุงคุณป้า”
	“เรียกพ่อแม่ได้แล้วม้าง หนูหวาน” พวกท่านแซวกลับมาด้วยความสนิท (ไปบ่อยจนสนิทกับพ่อแม่ของเอกเลยง่ะ)
	ที่นี่ต่างจากที่บ้านของฉันมากเลย ถึงจะเป็นบ้านไม้สองชั้นคล้ายๆกันมีพื้นที่เป็นธรรมชาติไม่แพ้กัน แค่ที่แตกต่างก็คือคนที่นี่เขาชอบดูรายการอะไรก็ไม่รู้ มวยอย่างงี้ ฉันไม่รู้เรื่องเลยดูไม่เป็นจริง (เกิดมาเป็นผู้หญิงนี่น่า) ทางออกที่ดีที่สุดก็คือออกไปที่ส่วนของห้องครัวและไปช่วยเอกทำกับขาวดีกว่า จะได้กินเร็วๆด้วยหิว
	เป็นหองไม้เล็กๆทรงสี้เหลี่ยมด้านในสุดเป็นเตาแก๊สซึ่งเอกกำลังทำอะไรบางอย่างที่น่ากลัวอยู่ที่นั้น ใกล้ๆมีโต๊ะไม้เล็กๆเอาไว้เก็บเครื่องปรุงต่างๆ
	“มีไรให้ช่วยรึเปล่าเอก” ฉันเอ่ยถาม
	“ไม่มีเลยหวาน...แต่ช่วยหยิบน้ำตาลให้หน่อยสิ” เอกกล่าวขึ้นพร้อมชี้นิ้วไปที่กระปุกน้ำตาลที่วางอยู่บนโต๊ะเล็กๆข้างครัว
	“นี่ขนาดว่าไม่มีอะไรนะ ยังใช่เลย”โวยวายนิดหน่อยพอเป็นพิธี ก่อนจะไปหยิบน้ำตาลให้หมอนั้น
	ช่วงที่เอกกำลังทำกับข้าวที่ดูไม่รู้ว่ามันคืออะไรในกระทะ (สีออกดำๆ น่ากลัวโคกๆเลยคะพี่น้อง) เขาเริ่มที่จะเล่าเรื่องที่ว่านั้นให้ฉันฟังอย่างช้าๆ
	...เมื่อสามวันก่อนเอกบเขาเข้าไปเล่น Hi5 และได้รู้จักเพื่อนสาวเด็กลูกครึ่งมาคนนึง ชื่อ “ปูน” เอกพยายาม พรีเซนส์ ยกยอว่าหล่อนเป็นคนน่ารักอายุก็พึ่งจะ23 แถมเด็กนอกด้วย...(มีอาการหื่นขึ้นมาเล็กน้อย) นี่เห็นว่าจะนัดไปเดทกันอยู่ในวันพรุ่งนี้
	“ก็เจ๋งสิเอก...กำลังจะมีแฟนเป็นตัวเป็นตนสักทีนะเพื่อน” ฉันแสดงความดีใจกับเพื่อน
	“ก็ยังไม่รู้เลยว่าจะยังไง เราว่าจะพาเธอไปเที่ยววัดแถวๆนี้ จะได้ไปทำบุญกันด้วย”
	“หรอ...ก็ดีนะ ชวนสาวไปทำบุญ ดูเป็นพ่อพระดีเหมือนกัน...แต่อย่าหลุดคราบโจรออกมาล่ะ 555+”
	“เหอะๆๆ ถ้าอย่างนี้เป็นโจร แล้วอย่างไอ้แซดเรียกว่าอะไรละ” แซดเป็นเพื่อนของเอกคะ เป็นหนุ่มนักรัก...ไม่สิ นักฟันมากกว่า หมอนั้นจีบสาวไปทั่ว ถึงหน้าจะชั่วๆแต่ว่าใจกล้ากว่านายเอกเยอะคะ
	โดยส่วยตัวแล้วฉันมักจะชอบไปเที่ยวสถานมีสวยงามหรือไม่ก็ไปเที่ยวตามสวนต้นไม้ในต่างจังหวัด ดังนั้นการที่เอกพาสาวไปเที่ยววัดเก่าๆย่านนนทบุรีนั้นก็เป็นเรื่องที่ดีเลยทีเดียว ฉันพยายามไม่โทรไปรบกวนเวลาส่วนตัวของเอกในวันถัดมาแต่ก็รุ่นอยู่เหมือนกันว่าผลออกมาจะเป็นเช่นไร แต่ทว่า...
	ในวันต่อมา...ตะวันยังไม่ทันจะลืมตาเลย เอกก็โทรมาตั้งแต่ไก่โห่...ฉันต้องแคะตัวเองออกมาจากเตียนนอนอย่างลำบากใน ร่างกายมันเหมือนนักขึ้นมาอีก50กิโล ลุกยังไงก็ลุกไม่ขึ้น สุดท้ายจึงได้แต่กลิ้งตัวเองไปที่อีกด้านนึงของเตียงและหยิบโทรศัพท์มือถือบนโต๊ะขึ้นมารับสายด้วยสภาพงัวเงีย
	“โหล....” ฉันกล่าวทักสั้นๆ
	“หวานหรอ...”
	“ขอใจนะที่โทรมาบอกว่าเราชื่ออะไร...”
	“เวร...ไม่ไช่เว๊ย มีเรื่องจะเล่าให้ฟัง” เอกทำเสียงตื่นเต้น แต่ฉันยังไม่ตื่นเลยจนเผลอคิดไปด้วยว่ากำลังฝันคุยกับเพื่อนอยู่
	เอกเล่าอย่างตื่นเต้นว่าเมื่อวานได้พาสาวซ้อนท้ายมอไซด์ตะเวนไปทั่วย่านบางกรวยเพื่อไปทำบุญที่วัดต่างๆ อาทิเช่นวัดชะลอ วัดเพลง บางวัดก็เหลือแต่ซากอย่างวัดยาง เอกก็พาไป...
	“แล้วผู้หญิงเขาว่าอะไรหรอ...” ฉันถาม
	“จะว่าอะไรละ เขาเป็นคนไม่ค่อยพูด เอกว่านะเด็กนอกมันต้องเจอพาไปเที่ยวแบบเอ็กทรีมแบบนี้แหละ เจ๋ง!” ดูนายเอกจะดีใจและภูมิใจมากเลย ฉันก็ดีใจที่จะได้เห็นไอ้เพื่อนคนนี้มีแฟนเป็นตัวเป็นตนไปสักที
	สามวันให้หลังฉันกำลังนั่งดูรายการโทรทัศน์ “นินทาดารา” อยู่ ไม่รู้เหมือนกันนะคะว่าจะไปรู้เรื่องของคนอื่นเขาทำไม ใครจะไปคบกับใครมันก็เรื่องของเค้า ยังไงก็คนเหมือนกัน แต่ที่ฉันชอบในรายการนี้ก็คือคนที่เขาภาคเสียงคะ พี่เขาพูดเก่งมากเลย มุกนี่แพรวพราวได้ฟังก็ขำดีคะ และเอกโทรเข้ามือถือมา ครั้งนี้เขาโทรมาตอนสายๆ (ครั้งที่แล้วโดนด่าคะท่าน)
	“โหล...” ฉันกล่าวทักสั้นๆเช่นเคย
	“หวาน...น้องปูนไม่รู้เค้าเป็นอะไรวะ ติดต่อไม่ได้เลย” น้ำเสียงของเอกดูเป็นกังวนมากเลย
	“ไม่เป็นอะไรม้าง...อาจจะอยู่ที่อับสัญญาณก็ได้ หรือไม่ก็อยู่กับแฟนเขาก็ได้นี่”
	“เป็นกำลังใจที่ดีมากเลยหวาน ได้ฟังแล้วอยากกระโดดถีบหวานจังเลยเนอะ”
	“แล้วลองโทรเข้าเบอร์บ้านหรือเบอร์อื่นดูบางยังละ เผื่อมือถือน้องเขาเสีย” ฉันแนะนำพลางหันไปเห็นแม่กำลังทาเล็บอยู่บนโซฝา ฉันเห็นท่านนั่งทามาประมาณสามรอบได้แล้ว ทาแล้วยังไม่ทันไรเลยท่านก็จะเดินไปทำโน้นทำนี่ จากนั้นก็จะมีเสียงอุทาน “ว๊าย” เหมือนเดินไปสะดุดอะไรบางอย่าง และก็กลับมานั่งทาใหม่อีกรอบ (มีความสุข)
	ฉันพยายามบอกให้เอกรอต่ออีกหน่อย เดี๋ยวน้องเขาก็ติดต่อมาเอง แต่ดูเหมือนเอกตอนนี้กำลังจะเริ่มงอนสาวเสียแล้ว ก็น่าจะงอนอยู่เหมือนกันแหละ...
	เวลาที่เราติดต่อใครสักคนไม่ได้เป็นเวลานานๆและเขาก็ไม่ติดต่อกลับมา มันจะทำให้เราเป็นห่วง พอห่วงมากๆก็เริ่มจะหงุดหงิดและก็จะเริ่มโกรธจากนั้นก็งอนตามระเบียบคะ ดังนั้นมั่นติดต่อหาคนของคุณในเวลาที่เหมาะสมบ้างนะคะ จะเป็นการดีไม่น้อยเลย
	“แล้วทำไมเอกไม่ลองไปหาน้องเขาดูที่บ้านละ” ฉันเสนอขึ้นอีก
	“อืมม์จริงสิ เดี๋ยวเอกไปหาน้องเขาดูก็ได้นี่หว่า ไม่แน่เดี๋ยวจะแวะบ้านของหวานก่อนด้วยนะ”
	“ห๊า...แวะหรอ บ้านน้องเขาอยู่ไหนเนี๊ยะถึงมาแวะบ้านหวานได้”
	“อยู่บางนา” 
คำตอบสั้นๆของเอกทำเอาหัวใจฉันแทบ “Y” ดีไม่ดีอาจจะลามไปถึง.”Z” แล้วก็ได้ คือฉันอยากจะบอกว่า ระหว่างบ้านของเอกกับบ้านของน้องปูนนั้น ตำแหน่งบ้านของหวานอยู่ตรงกลาง ถ้าถามว่าจากบ้านหวานไปหาเอกไกลมั้ย คำตอบก็คือ “ไกล” และคิดดูสิคะว่าจากบ้านเอกมาบ้านน้องปูน มันเท่ากับ โคตรไกลเลยคะพี่น้อง
“ไอ้บ้า...เดทแรกนายพาน้องเขาถ่อมาจากบางนาไปนนทบุรีนี่นะ ทำไมไม่พาอเมริกาเลยล่ะ” ฉันโวยวายเพราะอดไม่ได้จริงๆ
“ก็เดทแบบเอ็กทรีมไง”
“ทรีมบ้านแกสิเอก นายก็บอกเองไม่ใช่หรอว่าน้องเขาขี้ร้อน และนี้นายก็พาน้องเขานั่งสังเคราะห์แสงจากบางนาไปนนทบุรี และพานั่งกินลมจากนนกลับไปบางนาอีก มันไม่บ้าพลังไปหน่อยหรอเพื่อน”
“เอาเบอร์น้องเค้ามาสิ เดี๋ยวเราเช็คให้เอง” ฉันขอเบอร์น้องปูนมาเพื่อจะโทรไปหา แต่ไม่ใช่ว่าจะโทรไปคุยนะคะแค่โทรเช็คดูว่าน้องเขารับสายรึเปล่า ปรากฏว่าน้องเขารับสาย ฉันจึงบอกแค่ว่าโทรผิด จากนั้นฉันลองให้เอกโทรกลับไปหาน้องเขาใหม่อีกครั้งแต่น้องเขาไม่รับสายเลยแถมวางสายทิ้งอีกต่างหาก...
สรุปคะ...นายเอกของเรา แห้วอีกแล้วคะท่าน เดทแบบเอ็กทรีม...มิควรเอาเยี่ยงอย่างนะคะ (จากบางนาไปนนทบุรี ไม่น่าจะต่ำกว่า 50-60กิโลเมตร ยังไม่รวมขากลับด้วยนะคะ)
...มาว่าถึงเรื่องเดทกันดีกว่าคะ การออกเดทครั้งแรกนั้นสำคัญมากเลยนะคะสำหรับผู้หญิงอย่างฉัน เพราะมันไม่ใช่แค่การเที่ยวธรรมดาๆ แต่มันเป็นการดูอีกฝ่ายด้วยว่าเป็นอย่างไร เขาดีมั้ย ดูแลเราได้รึเปล่า หรือว่าจ้องแต่จะฉวยโอกาส
ด่านแรกของต้องพบเจอ “ไปที่ไหนดีละ” นี่เป็นคำถามที่สาวมักจะถามผู้ชายตอนเริ่มนะคะ ห้ามตอบว่า ”ไม่รู้” เด็ดขาดเลย ถึงแม้ว่าจะยังไม่ได้คิดว่าจะไปไหนก็ตาม สิ่งที่ควรทำก็คือถามหล่อนกลับไป “เธอชอบไปเที่ยวแบบไหนละ” และฝ่ายหญิงจะมีคำตาบตามประเพณีว่า “ก็ที่ไหนก็ได้” ให้รู้ในที่นี้เลยนะคะว่า...ไม่จริง คำว่า ”ที่ไหนก็ได้” ในที่นี้เหมือนมาจากภาษาอื่นที่แปลว่า “แล้วจะพาไปไหนละ” นั้นก็คือว่าให้ผู้ชายเสนอสถานทีไปหลายๆทีหลายๆแบบอย่างเช่น ไปกินนั้นกินี่ ดูหนัง สวนสาธารณะ อะไรประมาณนี่และเดี๋ยวผู้หญิงก็จะเผยสถานที่ที่อยากไปออกมาเองคะ
สถานที่การไปเดทนั้นมีมากมายคะแล้วแต่เราจะเลือก แต่ส่วนมากแล้วมักจะคิดกันไม่ค่อยออกว่าจะไปไหนกันดี ซึ่งถ้าไม่ใช่นายเอกแล้ว ก็คงไปตายรังกับห้างฯใกล้ๆบ้านของฝ่ายหญิง ซึ่งแน่นอนว่าเดทแรกแต่ละฝ่ายก็ต้องเว้นระยะห่างกันไว้คนละก้าว
	สิ่งที่สาวๆจะดูฝ่ายชายในช่วงนี้ก็คือ...การตัดสินใจในเรื่องต่างๆ ดังนั้นฝ่ายชายควรจะต้องมีการตัดสินใจที่เฉียบคมพอตัวเลยคะ แต่ก็ไม่ใช่ว่าให้เผด็จการนะคะ ถามผู้หญิงเขาด้วยก็ดีแต่สุดท้ายผู้ชายก็ควรจะต้องตัดสินใจ บางคนไม่กล้าตัดสินใจรอให้ผู้หญิงเป็นคนตัดสินใจแทน นั้นหมายถึงความเป็นผู้นำของของผู้ชายได้ 0 คะแนน	(แต่ก็ไม่ใช้กับสาวทุกคนนะคะ แต่ฟังไว้บ้างก็ดี)
	อยากจะชวนสาวไปทำบุญ...อันดีคะเห็นด้วยอย่างยิ่ง แต่ไม่ใช่ว่าพออ่านถึงตรงนี้ปุ๊บโทรไปชวนสาวของคุณปั๊บเลยนะคะ ดูด้วยว่าอีกฝ่ายเขานับถือศาสนาอะไร เกิดเป็นคนละประเภทละซวยเลยนะคะท่าน...ดูให้ดีๆละ
	คำถามที่ใช้เช็คความสุขของอีกฝ่ายที่ดีก็คือ “เป็นไงบ้างครับสนุกมั้ย...เหนื่อยรึเปล่า” ถ้าอีกฝ่ายตอบด้วยสีหน้าปกติหรือหน้านิ่งๆ มีโอกาสเป็นแบบนายเอกสูงพอสมควร แต่ถ้ามีสีหน้ายิ้มแย้มถึงน้ำเสียงจะดูเหนื่อยๆแต่ก็มีความประทับใจแฝงมาด้วยนะคะ
	และก็อย่าเอาแต่สนุกตัวคนเดียวนะคะ แหมไม่ใช่พวกพาไปแต่สถานที่ที่ตัวเองชอบอย่างเดียวเลย อีกฝ่ายอยากไปที่อื่นตัวก็ไม่สนใจ...ระวังให้ดี ยอมเสียสละบ้างก็ได้ เหมือนการไปดูภาพยนตร์เลยคะ สาวอยากดูหนังรัก อีตาผู้ชายอยากดูหนังบู้ ถ้าเป็นผู้ชายควรจะหลอกถามนิดก่อน “เรื่องนี้น่าสนุกนะครับ” ถ้าสาวเห็นด้วยก็ดูเรื่องนั้นแต่ถ้าสาวเสนอขึ้นมาอีกเรื่อง “เรื่องนี้ก็โรแมนติกดีนะคะ” เตรียมตัวโรแมนฯได้เลยคุณ
	เคยมีเหตุการณ์นะคะที่ว่าอยากดูหนังคนละแนว สาวอยากดูหนังรักอีตาผู้ชายก็จะต้องดูหนังบู้ให้ได้ด้วยเหตุผลที่ว่า “ก็กูอยากดูอ่า...” (เสียเงินแล้วก็อยากดูหนังที่ชอบ) สุดท้ายก็พาสาวเข้าไปดูหนัง...ฟันกันเลือดสาดเต็มจอพระยาคะ ออกมาเลิกกันเลย เหอะๆ
	สิ้นสุดการเดทแล้วควรจะมีคำหวานก่อนกลับด้วยก็ดีนะคะ อย่างเช่น “วันนี้ขอบคุณมากนะ สนุกมากเลย” ตามด้วยการทิ้งทวนด้วยคำพูดที่เป็นห่วงเป็นใย อย่างเช่น กลับบ้านดีๆนะ เดี๋ยวโทรหานะ ขับรถดีๆนะ อะไรประมาณนี้
	สำหรับนายเอกหรอ...ขอบใจนะที่พาไปผจญภัย...อย่าได้เจอกันอีกเลย
	ปล. “แรกๆก็อย่างนี้ทุกรายแหละ” จำคำของหวานให้ดีๆนะคะ				
comments powered by Disqus

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน