ลุ่มลึกอิสราวดี 32
แก้วประเสริฐ
ลุ่มลึกอิสราวดี 32
“หามิได้ท่านผู้เฒ่า ข้าเองเพียงแต่ไม่อาจจะนิ่งดูดายได้ ดังสุภาษิตยุคข้าเองกล่าวไว้ว่า
“หากอยู่บ้านใคร อย่านิ่งดูดาย ปั้นวัวปั้นควายให้ลูกเขาเล่น” ซึ่งเป็นความหมายในเมื่อ
ข้าเองก็มาอาศัยพวกท่านอยู่จึงคิดใคร่จะทำประโยชน์เล็กๆน้อยๆให้พวกท่านเท่านั้นเอง”
“ นี่ขนาดช่วยพวกข้าเล็กน้อยๆนะหรือ แต่ข้าถึงแม้ว่าจะเป็นแม่ทัพใหญ่ก็หาได้คิด
คำนึงถึงว่า การกระทำของท่านนี้จะแม้นดูๆง่ายดายนัก แต่ผลลัพธ์มันช่างมหาศาลยิ่งนัก
ข้าเองทดลองให้คนของข้า ทดลองเข้าไปในค่ายกลของท่านแล้ว ผลออกมาว่าพวกนั้นไม่
สามารถจะออกมาได้ มันเต็มไปด้วยเมฆหมอกควันไฟร้อนระอุยิ่งนัก จนข้าเองที่ได้รับ
การถ่ายทอดจากท่านมา จึงต้องออกไปรับมันออกมาถึงจะออกมาได้
หากแม้นว่าเพียงดูแค่ผิวเผินแล้วก็เหมือนสภาพปกติธรรมดา หากหลงพลัดเข้าไป
ยากจะแลเห็นตัวเองได้นับได้ว่าเป็นค่ายกลที่แปลกประหลาดมาก ส่วนค่ายกลอื่นๆนั้น
ข้าเองยังไม่ได้ทดสอบนี่เพียงค่ายกลเดียวเท่านั้นข้าเองก็แทบจะเอาตัวไม่รอดนะท่าน”
ชายชรากล่าวด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสยิ่งนัก” ชายชราซึ่งอดีตเป็นแม่ทัพใหญ่กล่าว
“มาๆขอให้ท่านไปร่วมประชุมกับนายหญิงเราเถอะเพื่อวางแผนต่อไป”
ครั้นชายชรากล่าวแล้วก็จูงมือชายหนุ่มเดินเข้าไปข้างใน ซึ้งประกอบด้วยโต๊ะยาวด้านหลัง
มีหนังสือต่างๆวางเรียงกันไว้ บนหัวโต๊ะนั่งด้วยเจ้าหญิงแห่งอิสราวดีนั่งคอยอยู่ก่อนแล้ว
ส่วนอีกด้านหนึ่งมีโต๊ะเพียบพร้อมด้วยอาหารผลไม้ต่างๆตั้งคอยอยู่ก่อนแล้ว
ครั้นทั้งสามเข้าไปนั่งสนทนาเพื่อวางแผนการในการดำเนินการกู้แผ่นดินต่อไป มีอยู่
ตอนหนึ่งที่ชายหนุ่มกล่าวกับชายชราขึ้นว่า
“ในเมื่อท่านนายกองทำหน้าที่พ่อค้าสอดแทรกซึมในเมืองอยู่นั้น ท่านจะให้เขาหาของ
แก่ข้าได้หรือไม่ก็ไม่รู้ ด้วยของเหล่านี้จะมีอยู่ในแคว้นเมืองจีนโน่นแหละท่าน”
“ขอให้พ่อหนุ่มบอกมาเถิดว่าต้องการสิ่งใด เราก็จะพยายามให้เขาหามาให้ท่านอาจจะ
ต้องใช้เวลานานเพราะอยู่ที่แคว้นจีนโน่นแนะหรือเป็นในเมืองหลวงของเขาหรือเปล่าล่ะ”
“ของที่ข้าต้องการนี้อยู่ติดกับแว่นแคว้นของเราคือ รัฐฉางอานแห่งแคว้นจีนไม่ถึงเมืองหลวง
หรอกท่านผู้เฒ่า” ชายหนุ่มกล่าวขึ้น
“ถ้าอย่างนั้นก็คงไม่เป็นปัญหาหรอก ไหนๆท่านบอกมาซิว่าต้องการสิ่งใดบ้าง”
“อ้อที่ข้าต้องการมีแค่สามสี่อย่างเท่านั้นเองแหละท่านผู้เฒ่า คือมี ดินประสิว กำมะถัน
และเศษเหล็กส่วนเศษเหล็กสร้างเป็นรูปกลมๆก็คงไม่ต้องไปหาที่อื่นก็ได้ในแคว้นเรา
คงอาจจะมี เพียงแค่สองอย่างเท่านั้นเอามามากเท่าจะมากได้ ให้แยกกันมานะท่านผู้เฒ่า”
เหตุที่ชายหนุ่มกล่าวเช่นนี้ด้วยนึกถึงสมัยตอนเด็กๆเขาชอบทำพลุเล่นโดยนำส่วนประกอบ
มาทำเองคือพวกดินดำนั่นเอง มานึกได้ว่าหากนำมาใช้ในด้านการทหารด้วยก็จะยิ่งประกอบให้
กองทัพน้อยๆนี้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น เขานึกถึงงานบ้องไฟที่มหาสารคามขึ้นมาได้อย่างกะทันหัน
“ได้ซิพ่อหนุ่มเราจะให้ทหารรีบไปจัดการแจ้งแก่นายกองเพื่อจัดหาสิ่งที่ต้องการเหล่านี้ให้”
“อ้อๆ...อีกประการหนึ่งข้าอยากได้ต้นพริกที่แห้งๆมาจำนวนมาก ซึ่งข้าเห็นพวกเราปลูกไว้
มากมายแล้ว มาตากแดดให้แห้งแล้วนำมาเผาให้เป็นถ่านแล้วบดให้ละเอียดเก็บให้แก่ข้าเป็นจำนวน
มากๆไว้ด้วยนะท่านผู้เฒ่า” ชายหนุ่มกล่าว
“อ้อเรื่องนี้ไม่เป็นปัญหาหรอกพ่อหนุ่มข้าจะให้เขารีบปลูกพริกไว้ให้มากมายแล้วนำต้นมา คง
จะทันกับของสองสิ่งที่ท่านต้องการ ส่วนเศษเหล็กนั้นทางเราก็มีช่างตีดาบและหล่อหลอมอาวุธอยู่
แล้วทางด้านหลังเขานี่เอง กำลังเร่งจัดทำอาวุธต่างๆอยู่” ชายชรากล่าว
“หากเป็นเช่นนั้นขอให้ข้าได้ไปดูการทำงานของเขาด้วยได้ไหมล่ะท่านผู้เฒ่า”
“ได้ซิพ่อหนุ่ม เดี๋ยวเราเสร็จจากการวางแผนแล้วทานอาหารกันแล้วข้าจะนำท่านไปดูการทำงาน
ของพวกช่างที่กำลังประกอบอาวุธต่างๆไว้นะ”
ชายหนุ่มยิ้มแล้วทั้งสามก็จัดการวางแผนการโดยคิดว่าหากได้ฝึกทหารจนเชี่ยวชาญ พร้อมกับ
สร้างกองทัพม้าขึ้นมาได้แล้วก็จะนำกำลังเข้ายึดเมืองเล็กๆที่อยู่ใกล้เมืองอิสราวดีไว้เป็นกำลัง
แล้วค่อยทยอยขจายตีเมืองต่างๆโอบล้อมเมืองไว้
แต่ต้องคอยเจ้าสีเทาจะนำบริวารมันมาได้หรือไม่ก่อน หากฝึกม้าป่าเหล่านี้ได้
จากคนของที่นี่ที่ชำนาญเรื่องนี้อยู่แล้ว ก็นับได้ว่าเป็นกองกำลังที่มีประสิทธิภาพประกอบกับด้วยตัวเขาเอง
จะใช้เวทย์มนต์ช่วยเหลืออีกทางหนึ่งด้วยเพื่อสร้างขวัญกำลังใจให้แก่เหล่าทหารทั้งหลาย ชายหนุ่มอธิบายแผน
การต่างๆให้แก่ชายชราและหญิงสาวฟัง พร้อมกับแจ้งว่าที่ท่านเห็นหาได้ทราบไม่ว่าเขาเองมีนางพรายสองนาง
เคียงข้างอยู่ด้วย ทำให้หญิงสาวที่กำลังก้มอ่านแผนที่ต่างๆอยู่ถึงกับเงยหน้าขึ้นทันที ด้วยนางเองนั้นเป็นคู่หมั้น
ของท่านอุปราชซึ่งนางเชื่อว่าคือชายหนุ่มคนนี้นี่เอง ความอิจฉาริษยาย่อมเกิดขึ้นกับผู้หญิงไม่มากก็น้อยจึงถาม
ขึ้นว่า
“ท่านผู้กล้าหาญท่านกล่าวว่ามีนางพรายอยู่ด้วยใยฤา”
“ใช่แล้วแม่นาง ที่ข้าต้องกล่าวเช่นนี้ด้วยจะทำให้ท่านทั้งสองเกิดความสงสัยหากนางปรากฏกายขึ้น ด้วยเขา
เป็นทั้งพี่น้องที่ข้ารักดุจร่วมเป็นร่วมตายกันมาในป่าใหญ่นั่นเอง” ชายหนุ่มกล่าว
แล้วก็เล่าถึงเหตุได้นางพรายทั้งสองให้แก่คนทั้งสองฟัง ทำให้นางซึ่งเป็นถึงกษัตริย์
ค่อยคลายใจได้ใคร่อยากจะเห็นนางพรายทั้งสองทันที จึงถามไปว่า
“ท่านผู้กล้าหาญ หากข้าน้อยอยากจะพบกับแม่นางจะทำอย่างไรหรือท่าน”
“อ้อ ไม่ยากหรอกแม่นาง เพียงพระอาทิตย์ตกดินไปแล้ว หากข้าจะให้แม่นางทั้งสองปรากฏกายก็ย่อมจะได้
เห็นหรอกจ้า ที่นางพรายเมื่อปรากฏกายนั้นนางไม่ต้องการให้พวกท่านเห็น ดังนั้นท่านจึงมิอาจจะเห็น
พวกแม่นางได้ งั้นคืนนี้ท่านทั้งสองมาในห้องพักข้าเถิดก็จะเห็นนางทั้งสองที่พวกท่านไม่เห็นนั้นด้วย
ข้าเองกำชับไว้เท่านั้น” ชายหนุ่มกล่าว
“ตกลงหลังค่ำแล้วพวกข้าทั้งสองจะไปพบแม่นางเพื่อได้รู้จักกันไว้นะท่าน” แม่นางกษัตริย์กล่าว
“หาเป็นใดไม่หรอกแม่นาง ตกลงตามนี้ก็แล้วกัน แต่ขอให้ข้าได้ออกไปตรวจดูการทำงานของพวกช่างก่อน
เถอะนะ” แล้วชายหนุ่มก็ขอตัวแก่แม่นางเจ้าหลังจากปรึกษากันเสร็จ แม่นางชวนให้ทานอาหารก่อนแต่เขา
บอกว่าหากตรวจการทำงานเสร็จก็จะมาร่วมรับทานอาหารพร้อมกันและให้แม่นางพรายมาร่วมด้วย
ทำนางกษัตริย์ยินดียิ่งนัก ว่าแม่นางพรายที่ชายกล่าวไว้จะมีความสวยงามมากน้อยเพียงใด
หลังจากนั้นชายหนุ่มและอดีตแม่ทัพใหญ่ก็ออกเดินทางลัดเลาะไปตามเขาเบื้องหลังที่พัก ก็เห็นโรงงาน
หล่อหลอมเหล็กทำอาวุธต่างๆ ชายหนุ่มหยิบขึ้นมาตรวจสภาพดูแล้วลองใช้ฟันไปยังกองท่อนเหล็กที่เรียงรายไว้
ดาบเหล่านั้นเกิดประกายไฟแต่ไม่สามารถทำให้ท่อนเหล็กเหล่านั้นขาดจากกันได้ จึงได้เอ่ยขึ้นว่า
“ท่านผู้เฒ่าดาบและอาวุธเหล่านี้ถึงแม้ว่าจะทำได้ดีก็ตามแต่หากไปเจอดาบที่แข็งแกร่งกว่าย่อมจะถูกทำลายได้
โดยง่าย จะเป็นอันตรายแก่ทหารของเราเอง เอาอย่างนี้ดีกว่าข้าจะทดลองให้ช่างหลอมดาบขึ้นเดี๋ยวนี้สักเล่ม
ก่อนโดยช้าจะคอยควบคุมด้วยตัวเองนะ”
“ได้ซิพ่อหนุ่ม” พลางหันไปสั่งยังหัวหน้าหมวดช่างที่คอยยืนฟังต้อนรับอยู่ พลางหันไปสั่งให้รีบจัดทำการ
หลอมเหล็กใหม่เดี๋ยวนี้ ชายดังกล่าวก็รีบไปสั่งยังลูกน้องให้รีบดำเนินการโดยด่วน ในขณะที่ช่างกำลังหลอม
เหล็กกล้าอยู่นั่น ชายหนุ่มล้วงไปในย่ามของเขาแล้วนำก้อนหินสีแดงซึ่งบัดนี้กลายเป็นแก้วใสๆสีแดงขึ้นมาก้อน
หนึ่งแล้ว เดินเข้าไปยังเบ้าหลอมเหล็กที่กำลังละลายอยู่พลางโยนก้อนหินแก้วสีแดงใสลงไปในเบ้าหลอมทันที
พลันปรากฏประกายหลากสีขึ้นจากปากเบ้าหลอมทันใด ทำความประหลาดใจแก่ชายชราและหัวหน้าช่างยิ่งนัก
เมื่อเสร็จแล้วก็นำมาเทยังแบบพิมพ์ครั้นได้ทีแล้วช่างก็เริ่มตีดาบ โดยชายหัวหน้าช่างเป็นคนลงมือเอง
เขาตีไปชุบน้ำไปครั้นตีจนได้ที่แล้ว จึงนำไปลับดาบให้คมพร้อมนำมาชุบในน้ำ เขาคิดว่าคงจะเป็นน้ำยาด้วยไม่
เหมือนน้ำทั่วๆไป ครั้นเย็นลงจึงนำมาส่งมอบให้แก่ชายชรา ชายชราก็นำมาส่งให้ชายหนุ่ม
ชายหนุ่มจึงกล่าวแก่ชายชราว่า
“ท่านผู้เฒ่าโปรดทดลองดาบเล่มนี้ด้วยตนเองเถอะ แล้วนำไปทดลองกับกองท่อนเหล็ก
ที่ข้าเองกระทำเมื่อสักครู่นี้เถิด”
เมื่อชายชราฟังเช่นนั้นแล้วก็เดินถือดาบที่สร้างเสร็จใหม่ๆมาเดินไปทางด้านกองเหล็ก
แล้วยกดาบขึ้นฟันไปทันทีผลปรากฏว่าท่อนเหล็กทั้งหลายที่เรียงกองไว้
ขาดสะบั้นไปเกือบหมดสิ้น ทำให้ชายชราถึงกับอุทานออกมาตลึงต่อดาบเล่มนี้ทันที
เมื่อเป็นเช่นนี้ก็หันมากล่าวกับชายหนุ่มว่า
“โอ้ๆ...พ่อหนุ่มมันช่างพิสดารจริงๆนะแล้วสิ่งที่พ่อหนุ่มใส่ลงไปในเบ้าหลอมเป็นก้อนแก้วสีแดงนั้นคือ
อะไรหรือจึงทำให้ดาบเหล่านี้คมกล้ายิ่งนักสามารถตัดเหล็กกล้าขาดกระจุยได้ล่ะ”
ชายหนุ่มหัวร่อเบาๆแล้วเล่าเรื่องความเป็นมาเกี่ยวกับก้อนแก้วสีแดงใสๆ ซึ่งเขาก็พึงสังเกตเห็นว่าก้อนหิน
เลือดของพญางูนี้บัดนี้กลายเป็นก้อนแก้วใสๆสีแดงไปแล้ว ให้แก่ชายชราฟัง ทำให้ชายชราถึงกับอุทานขึ้น
อีกครา พร้อมขอชายหนุ่มพิจารณาดูอีกครั้งหนึ่ง เขาจึงล้วงหยิบมาให้ชายชราดูมันเป็นแก้วสีแดงสวยสดใส
มากๆ แล้วจึงส่งคืนให้ถามว่า
“แล้วพ่อหนุ่มพกมามากมายนักไม่หนักหรือ”
“ท่านผู้เฒ่าก็ดูแล้วนี่นาว่าก้อนแก้วนี้เบายิ่งนัก ข้าเอามาย่ามหนึ่ง เดี๋ยวจะแบ่งให้นายช่างใช้ในการทำ
อาวุธต่างๆไว้ให้แก่เหล่าทหารทั้งหลาย ให้ท่านเรียกนายช่างมาข้าจะอธิบายให้เขาฟัง”
เมื่อชายชราได้รับฟังเช่นนั้น ก็หันไปเรียกนายช่างที่ยังยืนอ้าปากค้างอยู่เมื่อเห็นการทดลองดาบที่เขาเอง
ทำขึ้น แทบไม่เชื่อสายตามว่ามันจะมีอานุภาพมากมายเช่นนี้ เมื่อเขาเข้ามาแล้วชายหนุ่มก็กล่าวกับนายช่างทันที
“นี่แน๊ะ...นายช่างข้าจะมอบสิ่งของให้ท่านไว้ใช้ในการหล่อเหล็กแต่ให้เอาอาวุธที่ทำไว้แล้วนำมาหลอมใหม่
ด้วยพร้อมทำก้อนเหล็กกลมๆจำนวนมากไว้ เมื่อใส่เหล็กในเบ้าต่างๆแต่ละเบ้าใช้ทำอาวุธต่างๆ
ให้ท่านนำก้อนแก้วนี้ใส่ไปในเบ้าล่ะหนึ่งเม็ดด้วยนะ ส่วนเหลือจากเทเหล็กแล้วให้เหลือไว้ไม่ต้องหมด
ให้ใส่เหล็กเติมไปเรื่อยๆจนครบ แล้วถึงจะมาทำเป็นอาวุธด้วยล่ะ หากหมดประกายแสงก็ให้เติมก้อนแก้วนี้ลงไป”
“ขอรับท่านพ่อหนุ่ม” นายช่างซึ่งมีอายุค่อนข้างจะชราน้อมกายกล่าว
แล้วชายหนุ่มก็ล้วงในย่ามหยิบก้อนแก้วสีแดงออกมาจำนวนหนึ่งมอบให้แก่นายช่างไว้กำชับว่าเริ่มทำโดย
ให้สักเกตุว่าหากเบ้าใดที่มีแสงประกายเกิดขึ้นคือเบ้าที่ใส่ก้อนแก้วลงไปแล้วถือว่าใช่ได้แล้วจึงนำมาทำอาวุธต่างๆ
ได้ เราจะกลับแล้วล่ะอย่าลืมคำเตือนของเราเสียล่ะ
ว่าแล้วชายหนุ่มก็ชวนชายชรากลับยังที่พัก ส่วนชายชรานั้นก็ไม่ลืมที่จะนำดาบเล่มที่ทดลองนี้ติดตัวไปด้วย
เพราะเชื่อมั่นในคมดาบนี้ยิ่งนักซึ่งดีกว่าดาบประจำตัวเสียอีกเห็นทีคงจะใช้เป็นอาวุธคู่กายกระมัง
ชายหนุ่มคิด แล้วพลางเดินสนทนากันไปเรื่องราวต่างๆนานาเกี่ยวกับการสร้างทหารให้มีความแข็งแกร่ง
จนถึงที่พัก แล้วพลันพบเจ้าพบเจ้าหญิงที่ยืนคอยอยู่หน้าประตูถ้ำอยู่ก่อนแล้วทั้งสามก็เดินเข้าไปข้างใน
ชายชราเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดให้แก่เจ้าหญิงฟังทุกประการ ทำให้หญิงสาวถึงกับตาโตและขอดูดาบพลาง
ทดลองกับหินย้อยที่ส่งประกายงดงามทันที ผลหินย้อยได้ขาดหล่นตกลงมาทันที หล่อนจึงหันไปกล่าวขึ้นว่า
หากมีดาบเช่นนี้สักเล่มหรือมีดเล็กก็จะดี ชายชราจึงกล่าวว่าหากต้องการเช่นนี้
จะสั่งให้ไปจัดการสร้างมีดเล็กให้แก่หล่อนด้วยตอนนี้กำลังสร้างกันอยู่ทั้งอาวุธยุทโธปกรณ์ต่างๆไว้
คงจะมีการสร้างไว้แล้วด้วยชายหนุ่มได้มอบของสิ่งหนึ่งให้แล้วล่ะ หญิงสาวครั้นทราบ
รายละเอียดก็ขอชายหนุ่มดูแก้วสีแดงใสๆ ชายหนุ่มก็ล้วงหยิบมาให้ก้อนหนึ่ง นางนำมาพิจารณาดูแล้วเอ่ย
ปากขอต่อชายหนุ่มทันที ชายหนุ่มยิ้มพร้อมทั้งเลือกในยามที่มีลักษณะสวยงดงามที่สุดส่งให้แก่หญิงสาวทันที
หญิงสาวก็มอบก้อนเดิมคืนให้รับของใหม่มาพร้อมทั้งซุกไปไว้ในอกเสื้อชั้นใน พลางถามว่า
“ท่านผู้กล้าหาญทำไมถึงพกมามากมายนักล่ะ”
“อ้อๆแม่นางข้าพเจ้าใช้เป็นอาวุธของข้าเองแหละในการขว้างปาไปยังศัตรูเองแหละแม่นาง” ชายหนุ่มตอบ
“แหม...น่าเสียดายนักนะด้วยมีความสวยงามเช่นนี้” หญิงสาวกล่าวขึ้น
“ก่อนนั้นมันแค่ก้อนหินสีแดงธรรมดาเท่านั้นหรอกแม่นาง แต่บัดนี้เหตุใดจึงกลายเป็นหินสีแดงสดใสข้าเอง
ก็ไม่อาจจะทราบได้ พึ่งจะรู้ก็ตอนที่นำให้ช่างใส่ลงไปในเบ้าหลอมเหล็กนั่นแหละ” ชายหนุ่มกล่าวขึ้น
“นอกจากเป็นอาวุธท่านแล้วจะมีประโยชน์อะไรหรือไม่ล่ะท่านผู้กล้าหาญ” หญิงสาวถามหินสวยงามนี้
“ จากที่ข้าเองรู้จากท่านผู้เฒ่ากล่าว่าสามารถป้องกันสิ่งร้ายๆได้ด้วยนะแม่นาง” ชายหนุ่มกล่าว
พร้อมทั้งล้วงในยามหยิบมาอีกก้อนหนึ่งส่งมอบให้ชายชราแม่ทัพใหญ่ทันที กล่าวบอกให้เก็บเอาไว้อาจจะเป็น
ประโยชน์ในกาลเบื้องหน้าก็เป็นไปได้
ทันใดนั้นเสียงกึกก้องแว่วเข้ามาพร้อมร้องเอะอะของเหล่าทหารทั้งหลาย ทำให้ทั้งหมดสงสัยจึงรีบออกไป
จากถ้ำมองทันที ทหารคนหนึ่งเข้ามารายงานว่ามีฝูงม้าป่าจำนวนมากมายนักกำลังมุ่งมาทางหุบเขานี้ เมื่อเป็น
เช่นนั้นชายชราทราบดีว่าเป็นอะไร จึงสั่งบอกให้ทหารนั้นรีบไปแจ้งแก่บรรดาทหารทั้งหลายที่เฝ้าปากทางปล่อย
ให้ฝูงมาทั้งหลายผ่านเข้ามาอย่าทำอันตรายโดยเด็ดขาด
บัดดลยังมิทันทีทหารจะออกไปก็ปรากกฎร่างเจ้าสีเทานำฝูงม้ามาจำนวนมากมายนัก เจ้าสีเทาวิ่งเข้ามาพร้อม
ยกขามันขึ้นร้องก้องแล้วเข้าคลอเคลียชายหนุ่มทันที ที่ได้ห่างหายกันไปหลายวันชายหนุ่มก็ลูบไล้จูบไปบนหน้า
มัน พร้อมกับมองไปด้านหลังเห็นฝูงม้านั้นมากกว่าบริวารเจ้าสีเทามากนัก ก็ให้สงสัยแต่ด้วยปฏิภาณเขาจึงพอจะ
เดาได้ว่าเจ้าสีเทามันคงจะไปชักชวนบรรดาฝูงม้าป่าทั้งหลายให้มาร่วมกับมัน ด้วยการเข้าต่อสู้กับจ่าฝูงจนได้รับ
ชัยชนะแก่ฝูงม้าทั้งหลายแล้วนำมันมาที่นี่ ดังนั้นจึงได้มีจำนวนมาป่ามากมายนัก
ชายชราอดีตแม่ทัพใหญ่ก็หันไปสั่งการให้ทหารช่วยกันสร้างที่พักให้แก่เหล่าม้าป่าแล้วเรียกผู้ฝึกม้ามาพร้อม
กับสั่งให้ค่อยๆฝึกม้าทั้งหลายให้คุ้นและใช้ในการศึกต่อไป ทหารเหล่านั้นก็รับคำแล้วไปจัดการหาอาหารน้ำให้
แก่เหล่าม้าทั้งหลาย ซึ่งบัดนี้เจ้าสีเทาส่งเสียงร้องกู่ก้องขึ้นทำให้บรรดาฝูงม้าป่าที่แตกตื่นจะเข้าทำร้ายทหารที่จะ
เข้าไปหยุดชะงักทันที และยินยอมให้ทหารเหล่านี้เข้าไปจับต้องตัวมันได้มันคงได้รับการกำชับของเจ้าสีเทา
นั่นเอง ดังนั้นจึงไม่ยากนักเมื่อเหล่าทหารสร้างคอกที่พักให้แก่ม้าทั้งหลายนับหลายๆหลังเพราะมีจำนวน
ประมาณเกือบกว่าสามร้อยตัวได้เข้าอาศัยยังคอกแต่โดยดีและลงมือกินอาหารน้ำที่ทหารนำไปมอบให้................
* แก้วประเสริฐ. *