ลุ่มลึกอิสราวดี 29 ภายหลังจากค้นพบสิ่งที่ต้องการแล้ว ชายหนุ่มก็จูงลิงทั้งสองออกมาจากนอกบริเวณนั้น หมายออกเดินทางต่อไป แต่แล้วต้องชะงักด้วยคิดว่าหากจะปล่อยให้ปราสาทนี้อยู่ต่อไป เจ้าเฒ่าโฉดชั่วอาจจะหวนย้อนกลับมาอีกก็ได้ จึงหยิบกระบองนาคราชออกมาบริกรรม แล้วยกขึ้น พลันหัวพญานาคราชก็ปรากฏลำแสงพวยพุ่งออกมาไปยังปราสาททันที กลาย เป็นแสงไฟลุกโชติช่วงยามที่ชายหนุ่มวาดหัวกระบองไปทางใด ไฟก็ลุกเผาผลาญไปทาง นั้นจน ปราสาทกลายเป็นเถ้าถ่านกองฝอยหินไปหมดสิ้น ครั้นจัดการเรียบร้อยแล้วก็ ออกเดินทางต่อไปลัดเลาะเลียบชายลำธารจนกลายเป็นน้ำตกไปสู่เบื้องล่าง ครั้นจะทำ เหมือนก่อนก็ไม่ได้ด้วยไม่มีที่หยั่งเท้าเอาเสียเลย จำเป็นต้องปีนเขาที่อุดมไปด้วยพืชพันธุ์ ต่างๆ ทั้งหมดก็ปีนเขาส่วนเจ้าลิงทั้งสองมันล่วงหน้าไปก่อนด้วยความชำนาญในการปีนป่าย ส่วนเขานั้นถึงแม้จะเลียนแบบมันได้บ้าง แต่ฝ่ามือมันไม่เหมือนกับมันจึงเกิดลื่นไหลแต่ก็ สามารถทำได้บ้างแม้จะเพียงเล็กน้อยก็ยังรวดเร็วกว่าธรรมดาที่ไม่ได้ผ่านการฝึกเลียนแบบมัน ดังนั้นอีกไม่นานเขาก็บรรลุถึงยอดเขา ซึ่งเจ้าลิงมันไปรอคอยอยู่ก่อนแล้วเขามองไปอีกด้านหนึ่งเห็นเป็นท้องทุ่งกว้างใหญ่ ยาวเหยียดสุดสายตาแต่ก็ไม่ใช่ทุ่งโล่งปราศจากอะไร มีพืชเล็กๆขึ้นและต้นไม้ขนาดต้นสน ซึ่งผิดกับที่เขาผ่านมาในป่าลึกไม่ มันเป็นต้นสนป่าสลับกับต้นไม้ใหญ่แต่ไม่ใหญ่มากนัก กลับกลายเป็นอีกโลกๆหนึ่งทันทีเขาหันกลับไปมองด้านหลัง มันช่างแตกต่างกันสิ้นเชิง ทำให้เขาเกิดสงสัยว่าเหตุใดจึงเป็นเช่นนี้แค่เพียงผ่านภูเขาลูกนี้เท่านั้นอะไรๆก็เปลี่ยนไปหมด หรือว่าอาจจะเป็นทางไปสู่หนทางที่เขาก้าวล่วงเข้ามาก็อาจจะเป็นไปได้กระมัง แต่เขามิได้ หวังอะไรมากนัก การผจญภัยแทบจะเอาชีวิตไม่รอดนี้เป็นบทเรียนอันล้ำค่าของเขามากมาย ทำให้ร่างกายเขาแข็งแกร่งขึ้นและเรียนรู้อะไรซึ่งพิสดารในการต่อสู้ เขาคิดหากได้กลับไป สู่สถานที่ที่เขาก่อนเข้ามายังไม่รู้ว่าสิ่งเหล่านี้จะติดตามเขาไปอีกหรือเปล่าเขาแค่เพียงสงสัยเท่านั้น ทันใดนั้นเขาแลไปเห็นกลุ่มควันพวยพุ่งลู่ไปตามสายลมในระยะไกลเขาจ้องมองดู ควันเหล่านี้ มันมุ่งหน้ามาทางภูเขาที่เขายืนดูอยู่บนยอด เหตุนี้จึงทำให้เขารีบหาทางลงไปยังตีนเขาทันทีแต่ ไม่นานนักด้วยอาศัยต้นไม้ที่เรียงรายและก้อนหินเป็นทางลงไปไม่สูงชันแต่เป็นเนินค่อยๆเป็นขั้นๆ ลงไป ดังนั้นเขาจึงอาศัยสิ่งเหล่านี้ทะยานตัวค่อยๆผ่านไปตามต้นไม้ที่ทอดไปสู่เบื้องล่างได้ ในเวลาไม่นานนัก จึงเดินค้นหาลำธารซึ่งบัดนี้มันกลายเป็นลำธารสายใหญ่จวบมองเลยไปข้างหน้ากลายเป็นแม่น้ำ คั่นระหว่างทางสองฟากฝั่งและไหลคดเคี้ยวไปตามเขาต่างๆจนลับสายตา เมื่อเป็นเช่นนั้นเขาคิดว่า นี่คือต้นน้ำจากน้ำตกที่เขาผ่านมา และยืนคอยมองกลุ่มควันซึ่งเขาคิดว่าคงจะเป็นกลุ่มคนที่กำลังควบ ม้าเข้ามาทางนี้กระมัง แต่ความคิดเขาผิดคาดเมื่อแลเห็นชัดเจนว่าเป็นกลุ่มม้าป่าที่ต่างวิ่งคล้ายจะหนี อะไรมาสักอย่างหนึ่ง แต่สิ่งที่เขาสนใจที่สุดคือม้าตัวแรกที่มีรูปร่างช่างสวยงามยิ่งนักมันสูงใหญ่กว่า ม้าอื่นๆมันวิ่งได้รวดเร็วนำหน้าทิ้งพวกมันไว้เบื้องหลัง แต่มันได้หยุดรอพวกๆก่อนแล้วถึงจะวิ่งนำหน้าต่อไปเป็นเช่นนี้เป็นระยะๆ ทำให้เขานึกถึง การฝึกฝนการขี่ม้าในอดีตก่อนที่เขายังไม่มาสถานที่นี้เขาเป็นทหารม้ารักษาพระองค์มีหน้าที่ ควบคุมฝึกหัดม้าในพระราชพิธีต่างๆ แม้ยามอยู่ต่างประเทศเขาก็เคยแข่งขันม้าวิบากต่างๆ มาก็เคยได้รับรางวัลในการแข่งม้ายามศึกษายังต่างประเทศมาแล้ว มันมีลักษณะถูกต้องตามตำรา การดูม้าว่าเป็นม้าที่อุดมไปด้วยเกียรติยศโภคทรัพย์เป็นม้าศึกที่ใช้ในการสู้รบ วิ่งได้เร็วปานพายุ ในระยะไกลๆก็หาเหนื่อยเมื่อยล้าไม่ มันจะรักและซื่อสัตย์ต่อผู้ที่มันรักและเป็นเจ้าของมันด้วยชีวิต ถ้าหากใครได้เป็นเจ้าของถือได้ว่าเป็นคนที่ต้องมีวาสนาเสมือนได้ของวิเศษชนิดหนึ่งทีเดียว ดังนั้นชายหนุ่มคิดจะจับเจ้าม้าตัวนี้ไว้ หากมาดแม้นว่าเขามีวาสนาต่อมันก็คงจะสามารถจับมันได้ ด้วยมันเป็นม้าที่ดุร้ายมากพละกำลังวังชามากมายมหาศาลทีเดียว พอพวกมันวิ่งมาถึงเห็นเขาก็ชะงัก และมุ่งหน้าเลี่ยงไปยังซอกภูเขาซึ่งเขาเองก็พึ่งจะรู้ว่ามันมีซอกเขาอยู่ พอมันลับหายไปสักครู่หนึ่งก็ มีกลุ่มควันพุ่งตลบฟุ้งติดตามมาด้วยเหล่าชายฉกรรจ์จำนวนไม่ถึงสิบคนมุ่งมาทางนี้เหมือนกัน เขาจึง จูงเจ้าลิงน้อยหลบไปยังหลังก้อนหินใหญ่ด้วยไม่อยากจะพบกับพวกมัน พอมันมาถึงยังที่ไม่ห่างไกล จากเขามากนัก มันต่างหยุดม้าลงแล้วส่งเสียงเจรจา บัดนี้เขาฟังภาษามันออกแล้ว มันต่างพูดกันว่าไม่ รู้เจ้าม้าป่าเหล่านี้หายไปไหนกันหมด หาร่อยรอยไม่เจอเลย พวกมันเที่ยวค้นหากันแต่มันไม่ใกล้เข้ามาหาเขาด้วยคงคิดว่า กำบังที่เขาอาศัยอยู่นี้จะเป็นที่ หลบซ่อนของเหล่าฝูงม้าป่าได้นั่นเอง สักพักใหญ่ๆมันก็หันหลังขี่ม้ากลับไปทางเดิมจนลับหายไป เมื่อเห็นมันหายไปแล้ว เขาจึงนำเจ้าลิงทั้งสองออกจากที่ซ่อนแล้วมุ่งหน้าไปทางเหลี่ยมซอกเขาเพื่อ ไปหาเจ้าจ่าฝูงม้าป่าทันที หมายที่จะจับมันมาฝึกใช้งานต่อไป ครั้นลุล่วงผ่านไปได้ไม่นานก็เป็นลาน เล็กๆที่อุดมไปด้วยต้นหญ้าอ่อนไหว เขาแลเห็นมันกำลังเพลิดเพลินกับการหาอาหารใบหญ้ากินกันอยู่ ดังนั้นเขาจึงตบไหล่เจ้าลิงทั้งสองให้รออยู่ที่นี่ก่อน เขาค่อยๆย่องๆพร้อมกับนำเถาวัลย์มาทำบ่วงบาศเพื่อใช้จับเจ้าจ่าฝูงทันที ตอนนี้ประสบการณ์ เขามีมากแล้วจึงนำฝุ่นมาโรยในอากาศตรวจทิศทางลมก่อนเมื่อแน่ใจแล้วว่าอยู่ใต้ทิศทางลมก็ค่อยๆ ย่องไปหาเจ้าจ่าฝูงทันที ทันใดเสมือนมันจะรู้มันเงยหน้าจากการกำลังกินใบหญ้าอ่อน หูทั้งสองมันตั้งชันส่ายหน้าไปๆมาๆเขาหยุดกับทีก้มตัวหลบยังกลุ่มต้นหญ้า หลังต้นไม้ค่อนข้างใหญ่ทันที เมื่อมันสอดสายตาจนแน่แก่ใจแล้วก็ก้มหน้ากินอาหารต่อไป เมื่อเป็นเช่นนี้ เขาค่อยๆคลานไปหามันทันที จังหวะที่มันเงยหน้าขึ้นเขารีบขว้างบ่วงบาศที่สะบัดเป็น วงกลมๆแล้วขว้างไป บ่วงบาศดังกล่าวก็เข้าคล้องคอมันพอดีมันส่งเสียงร้องก้องพร้อมกับยกขาหน้าทั้งสองขึ้น เสียงมันร้องดังลั่นเหมือนเตือนให้พวกมันหลบหนีไป ทำให้พวกม้าป่าทั้งหลายพลันหยุดการ กินอาหารแล้วต่างรีบวิ่งเผ่นหนีออกไปจากที่นั้นทันที คงเหลือเจ้าจ่าฝูงเพียงตัวเดียว มันดึงร่างเขา ซึ่งตอนนี้เขามีพละกำลังมากมายนักยังถึงกับถลาไปข้างหน้าแต่ด้วยปฏิภาณไหวพริบเขา รีบผ่อนเถาวัลย์แล้วนำปลายไปพันกับต้นไม้ทันที เจ้าจ่าฝูงมันพยายามดึงเถาวัลย์เพื่อให้ขาดออกจากกัน พร้อมกับตะกรุยดินที่ปนด้วย หญ้ากระจุยกระจายไปแต่มันหาได้ทำให้เถาวัลย์นี้ขาดจากกันได้ มันยกขาหน้าทั้งสองร้องเสียง ดังกึกก้อง หากเขาเข้าไปตอนนี้ยากนักจะเข้าใกล้มันได้จึงรอเวลาสักพัก จนเห็นมันเหนื่อยอ่อน มากแล้วเวลาผ่านไปนานแสนนาน จนมันยืนสงบนิ่ง เมื่อเป็นเช่นนี้เขาจึงนึกถึงตำราที่บันทึกไว้ จึงยกมือขึ้นหยิบไปยังกอต้นหญ้าพลางยกขึ้นจรด หน้าผากแล้วบริกรรมพระเวทย์ทันที เขาเป่าไปยังกอหญ้าที่ถอนมาไว้ แล้วก็ร่ายพระเวทย์เป่าไป ยังร่างเจ้าจ่าฝูงม้าป่าทันที บัดดลเจ้าม้าป่าตัวนั้นก็มีอาการซึมเซาทันทีมันยืนนิ่ง เพียงแค่สะบัดหาง ของมันไล่พวกแมลงเท่านั้น เขาค่อยๆเดินเข้าไปหามันอย่างช้าๆ เมื่อไปใกล้ตัวมันก็ร่ายพระเวทย์ เป่าไปต้องร่างมันอีกสามคาบ ผลปรากฏว่ามันหายจากความดุร้ายทันทีแล้วหันหน้ามามองเขาด้วย สายตาที่บ่งบอกถึงความปราศจากความดุร้าย เมื่อเป็นเช่นนี้เขาก็นำต้นหญ้าที่ผ่านการปลุกเสกแล้ว ส่งให้มันกิน มันก็กินต้นหญ้าจากเงื้อมมือเขาทันทีหลังจากกินจนหมดสิ้นอาการพยศของมันก็หายไป เพื่อความแน่ใจเขาจึงเข้าไปลูบที่หัวมันสามครั้งพร้อมตบไปยังหัวของมันด้วยพระเวทย์ที่บันทึกไว้ มันยินยอมให้เขาลูบไล้ไปทั่วตัว พลางส่งเสียงร้องเบาๆจนแน่แก่ใจเช่นนี้เขาจึงค่อยๆไปปลดบ่วงบาศ ออกจากคอมันเพื่อทดลองดูว่ามันจะอยู่ในคำสั่งเขาอีกหรือไม่ เมื่อมันได้รับอิสระเช่นนี้มันก็โผนทะยาน วิ่งออกไปทันที ชายหนุ่มนึกว่าคราวนี้เห็นทีจะไม่สำเร็จสมปรารถนาเสียแล้วกระมังเขาจึงเดินไปม้วน เถาวัลย์ไปปลดยังต้นไม้แล้วนำมาคล้องไหล่ พร้อมทั้งเดินเพื่อไปหาเจ้าลิงทั้งสองเพื่อจะหาทางออกเดิน ทางต่อไป ทันใดนั้นเองเสียงควบของม้าดังขึ้นใกล้เข้ามาอีกเขาเบี่ยงร่างกายหลบพร้อมกับเจ้าลิงทั้งสองเข้าบัง ต้นไม้ทันที ปรากฏว่าเป็นเจ้าจ่าฝูงมันวิ่งกลับมาหาเขาแล้วมายื่นอยู่ตรงหน้าเขาพร้อมทั้งแลบลิ้นเลียไปตาม ใบหน้าเขา ชายหนุ่มดีใจมากว่าการครั้งนี้คงจะสมฤทธิ์ผลเป็นแน่นอนจึงค่อยลูบและจูบไปตรงหน้าฝากมัน ทันทีเพื่อบ่งบอกถึงความรักที่มีต่อมัน เจ้าจ่าฝูงม้าป่าร้องเบาๆแล้วก็เลียสูดกลิ่นของเขาไปพร้อมๆกันพลาง คลอเคลียกับร่างเขา มันหันไปมองเจ้าลิงทั้งสองแต่มันหาได้มีความดุร้ายแต่ประการใดไม่ แล้วก็หันมาหา ชายหนุ่มคลอเคลียเสมือนยินยอมสยบต่อเขาแล้ว ดังนั้นเขาจึงเอาเถาวัลย์มาทำเป็นห่วงร้อยรัดตามที่เคย ปฏิบัติแก่ม้าที่เขาเคยฝึกมา แล้วนำเอาหนังเสือมาพาดบนหลังเจ้าจ่าฝูงเพื่อใช้แทนอานสำหรับขับขี่ทันที เจ้าจ่าฝูงซึ่งมีรูปร่างใหญ่โตพู่มันออกสีขาว ลำตัวมันออกสีเทาๆแต่ปลายพวงหางมันกับเป็นสีขาว ส่วนเท้าทั้งสี่ตั้งแต่ข้อเข่าลงมาเป็นสีขาวทั้งสิ้น นับได้ว่าเป็นสีแปลกประหลาดผิดกับม้าทั่วๆไปซึ่งมักจะ มีลักษณะเช่นน้อยๆมากทีเดียว เมื่อเขาจัดการเรียบร้อยแล้วจึงทดลองฝึกมันดูโดยวิธีผิวปากเรียกมัน ปรากฏว่า มันก็วิ่งมาหาเขาหลังจากที่เขาได้จัดผูกหนังสัตว์และทำเชือกด้วยเถาวัลย์เรียบร้อยแล้ว มันได้วิ่งออกไปเสมือน จะรำคาญต่อสิ่งที่มันต้องรองรับ วิ่งหายไปสักพักเขาก็ผิวปากเรียกมันทันทีครั้นเจ้าจ่าฝูงม้าป่าได้ยินเสียงเรียกจาก ชายหนุ่มมันก็วิ่งเข้ามาหาเขาด้วยความเร็วแล้วมาคลอเคลีย นับได้ว่ามันเป็นสัตว์ที่ชาญฉลาดมาก ส่วนเจ้าลิงทั้งสองก็เข้าไปแสดงตัวสนิทสนมกับมัน เวลาผ่านไป นานพอควรทั้งสามก็สามารถเข้าใจกันได้ดี ชายหนุ่มมองท้องฟ้าเห็นพระอาทิตย์คล้อยต่ำลงมากแล้วแสดงว่าจวนจะค่ำจึงไม่คิดจะออกเดินทางต่อไป ยังทุ่งกว้างเบื้องหน้า สู้หาทางพักผ่อนที่นี่ก่อนสักคืนหนึ่งแล้วรุ่งขึ้นค่อยจะออกเดินทางไปสู่ยังโลกใหม่ ดังนั้นเขาจึงหาที่พักผ่อน ส่วนเจ้าจ่าฝูงนั้นเขาตั้งชื่อใหม่ให้มันทันทีว่า ” สีเทา” ด้วยร่างมันออกสีค่อนข้างจะเทา และทดลองเรียกชื่อมันแทนการผิวปาก ปรากฏว่ามันสามารถจำชื่อมันได้อย่างรวดเร็วไม่จำเป็นต้องผิวปากเรียก มันก็วิ่งมาหาเขาทันที เมื่อเหตุการณ์เป็นเช่นนี้เขาก็ปล่อยให้มันหากินตามสบาย ส่วนเขาและลิงได้ไปแอบพัก ยังเหลี่ยมเชิงเขาที่สามารถกำบังลมและฝนน้ำค้างได้ คืนนี้มันมืดสลัวมากด้วยปราศจากพระจันทร์คงมีแต่ ดวงดาวส่งแสงประกายระยิบระยับเท่านั้น จวบแม่นางพรายทั้งสองปรากฏร่างขึ้นมา นางพรายแสดงความยินดีต่อชายหนุ่มที่สามารถได้พาหนะคู่ใจที่ยากแก่การบังคับได้ และให้ชายหนุ่มพัก ผ่อนได้ พวกนางจะคอยเฝ้าระวังภัยให้เอง ชายหนุ่มก็บังเกิดความหยอกล้อต่อแม่นางทั้งสองว่า “อ้าว???...แล้วน้องพี่ไม่เข้ามานอนข้างพี่เช่นเคยอีกหรือ” “อ้าๆ???....เห็นจะไม่แล้วล่ะจ๊ะ” นางตอบด้วยความเอียงอาย “ทำไมล่ะน้องพี่.....อย่าคิดมากอะไรเลย พี่คิดว่าที่นี่คงจะไม่มีเหตุการณ์ร้ายอะไรหรอก อ้อๆๆขอขอบใจ น้องพี่มากนะจ๊ะที่ช่วยพี่ไว้จากหลุมนั้น” ชายหนุ่มกล่าว “ก็เป็นหน้าที่ของน้องอยู่แล้วนี่ค่ะ ที่ต้องช่วยเหลือท่านพี่เสมอๆจ๊ะ” หญิงสาวทั้งสองเอ่ยขึ้น “ หากไม่ได้น้องพี่ทั้งสองช่วย เห็นทีพี่คงจะจบสิ้นไปเสียแล้วล่ะ” ชายหนุ่มกล่าว “ คนมีบุญวาสนาเช่นพี่ท่าน ฟ้าดินย่อมคุ้มครองเสมอๆแหละจ้า” หญิงสาวกล่าว “คำๆนี้พี่ฟังดูมันแสยงหัวใจชอบกล ขอน้องพี่อย่างได้กล่าวเช่นนี้อีกเลยนะจ๊ะ” ชายหนุ่มเอ่ยขึ้น “ก็เป็นความจริงนี่จ๊ะท่านพี่ มิฉะนั้นท่านพี่ไม่สามารถอยู่มาถึงตอนนี้ได้หรอก” หญิงสาวคัดค้าน “เอาเถอะๆ....พี่เองไม่อยากได้ยินก็แล้วกันนะจ๊ะ” “จ๊ะๆ...หากท่านพี่มีความประสงค์เช่นนี้” “งั้นมานอนข้างๆพี่ได้แล้วจ๊ะ” ชายหนุ่มเย้าอีก ทำให้หญิงสาวทั้งสองขวยเขินเอียงอาย แต่ไม่อาจขัดใจชายหนุ่มได้ จึงได้เข้าไปแนบข้างทั้งสองชายหนุ่ม ทันที กลิ่นหอมกายสาวตลอดจนกลิ่นคล้ายบุปผาชาติโรยรินเข้าจมูกชายหนุ่ม จนเคลิบเคลิ้มไปทันทีแต่ก็ พยายามอดกลั้นสิ่งเร่าร้อนในกายไว้อย่างยากเย็น จนกระทั่งหลับไป ครั้นตะวันรุ่งเช้าย่างกรายเข้ามาเมื่อจัดการชำระล้างใบหน้าและทำความสะอาดเรือนร่างแล้วเขาก็เดินออกมา พร้อมกับเจ้าลิงทั้งสอง พลางร้องเรียกเจ้าสีเทาทันที เจ้าม้าแสนรู้มันรีบวิ่งมาหาชายหนุ่มแล้วเข้าคลอเคลีย ประจบเขา ชายหนุ่มพร้อมสัมภาระก็กระโดดขึ้นบนหลังมันทันทีพร้อมกับเข้าลิงทั้งสองที่เกาะกันอยู่ เบื้องหลัง เขาควบเจ้าสีเทาออกไปยังซอกไหล่เขาสู่ท้องทุ่งที่มองเห็นไกลลิบๆทันที.......... * แก้วประเสริฐ. *
24 กุมภาพันธ์ 2553 17:01 น. - comment id 115251
ดีจังได้เจอม้าคู่ใจแล้ว เหมือนช่วยเสริมบารมีเข้าไปอีกนะคะ ต่อไปเดินทางก็ไม่ต้องใช้เวลามากแล้ว
24 กุมภาพันธ์ 2553 18:06 น. - comment id 115252
คุณ โคลอน คุณฝนครับตอนนี้ออกจากป่าแล้วล่ะครับต่อ ไปคงเป็นสงครามแล้วล่ะอิอิ อุ๊ยๆว่าจะไม่บอกแต่ อดบอกไม่ได้ครับ อิอิ รักเสมอ แก้วประเสริฐ.
25 กุมภาพันธ์ 2553 12:09 น. - comment id 115263
ตอนนี้พระเอก..น่าจะมีความพร้อมหมดแล้วนะครับครู..วิชาอาคม...อาวุธ วิเศษต่างๆ.. รอติดตามตอนต่อไปครับ
25 กุมภาพันธ์ 2553 13:32 น. - comment id 115264
คุณ กิ่งโศก ศิษย์รักเรา นั่นซิต้องให้ได้อย่างนี้ซิ เดาความคิดอ่านครูได้ออก รักศิษย์เราเสมอ แก้วประเสริฐ.