ลุ่มลึกอิสราวดี 23

แก้วประเสริฐ


               ลุ่มลึกอิสราวดี  23
      “ โอ้ๆๆ....โอ้ๆ...ท่านมหาอุปราชใช่ไหมพระเจ้าค่ะ”
เสียงชายชรากล่าวพร้อมย่อร่างลงนั่งพับเพียบพนมมือทันที  ด้วยสีหน้าแสดงความดีใจ
       “ท่านผู้เฒ่ากล่าวอะไรหรือ?????....ท่านผู้เฒ่าจำผิดหรือเปล่า”
 ชายหนุ่มขมวดคิ้วถามด้วยความสงสัยในอากัปกิริยาของผู้ชราที่ เขาคิดว่า
คงจะเข้าใจผิดอะไรบางอย่าง  ทำให้นึกคิดถึงเหตุการณ์ที่ริมแม่น้ำอิรวดีขึ้นมาทันใด
     น่าจะมีการเข้าใจผิดแน่นอนด้วยเราไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับบุคคลพวกนี้เลยนี่นา ชายหนุ่มรำพึง
        ครั้นชายชราได้ยินคำกล่าวเช่นนี้ พลางเงยหน้าขึ้นพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง   แล้วกล่าวขึ้นว่า
     “ไม่ผิดหรอกพระพุทธเจ้าข้า   ข้าอยู่กับท่านมาตั้งแต่ท่านยังเล็กนักและเลี้ยงดูแลท่านมา 
พระเจ้าข้า”   ชายชราย้ำอีกครั้ง
       ทันใดนั้นชายหนุ่มได้ยินเสียงกระซิบของแม่นางพรายข้างหูว่า 
      “ไม่ผิดหรอกก่อนนั้นพี่    ท่านเคยดำรงมหาอุปราชมาก่อนจ๊ะ  แต่ทว่าท่านพี่???.....”
     “อะไรหรือแม่นาง  เราเองเกิดคนละยุคกับปัจจุบันนี้นะ  “ชายหนุ่มยิ่งกล่าวยิ่งงุนงงมากขึ้น
      “ถูกแล้วท่านพี่ก่อนนั้นท่านดำรงในตำแหน่งมหาอุปราชแห่งนครนี้มาก่อน  แม้นว่าปัจจุบัน
เหตุการณ์มันเปลี่ยนไปจ๊ะท่านพี่”   นางพรายทั้งสองกล่าวพร้อมๆกัน
        “เอาอะไรมาพูดจ๊ะแม่นาง   ในเมื่อเราก็รู้ตัวอยู่มิได้ฟั่นเฟือนไปนี่นา”
        “ท่านพี่ลองนึกซิ   เมื่อก่อนนั้นกับตอนนี้ทำไมถึงได้แตกต่างกันล่ะท่านพี่”   นางพรายย้ำอีก
         คราวนี้ชายหนุ่มนึกขึ้นได้   จริงซินะก่อนนั้นกับปัจจุบันนี้มันแตกต่างไปหมดอะไรๆก็ดูไม่
เหมือนอดีตที่เราเคยอยู่เลย   เอาล่ะไหนๆก็ไหนๆ” สุภาษิตว่าเข้าเมืองตาหลิ่วก็ต้องหลิ่วตาตาม”
หากเราจะอธิบายอย่างไร   ก็คงจะไม่มีใครยอมรับฟังเราหรอก   จึงได้เปลี่ยนท่าทีตามสภาพการ
นั้นๆ   จึงย่อร่างลงก้มพยุงร่างชายชราให้ลุกขึ้นยืนแล้วกล่าวขึ้น
        “ในเมื่อท่านผู้เฒ่าว่าเราเป็นท่านมหาอุปราช  ไหนๆลองเล่าให้เราฟังซิเราหลงๆลืมๆไปหมด
สิ้นแล้ว   ว่าตัวเราเคยเป็นอะไรมาก่อน”   ชายหนุ่มกล่าว
        “ได้พระเจ้าข้า   ขณะที่เราสองกำลังฝึกอาวุธกันอยู่ภายในอุทยานสวนกันอยู่นั้น  ภายหลัง
การฝึกเสร็จสิ้นลง    พระองค์ขณะที่เป็นวัยหนุ่มหมาดๆอยู่ชวนข้าเล่นซ่อนหากัน   ข้าฯเองไม่
อาจจะทัดทานแต่ประการใดไม่   แล้วพระองค์ก็ไปแอบซ่อน   ข้าฯเองค้นหาเท่าไหร่ไม่เจอจวบ
จน      พระบิดาของพระองค์เมื่อทราบเหตุด้วยทรงมีพระโอรสเพียงพระองค์เดียวกริ้วข้าฯยิ่งนัก
แต่ด้วยความภักดีที่ข้ามีต่อราชสำนักและเคยช่วยเหลือพระบิดาพระองค์มา   จึงงดเว้นโทษประหาร
แต่ได้มาสร้างปราสาทหลังนี้ขึ้นมากักขังห้ามข้าฯออกจากปราสาทนอกเขตกำแพงเสียจนกว่า
พระองค์จะเสด็จมาถึงจะอนุญาตให้ ข้าพระพุทธเจ้าพ้นผิดพระเจ้าข้า”   ชายชรากล่าวด้วยสีหน้า
รัดทดยิ่งนัก
          “อ้าวแล้วเหตุใดปราสาทหลังนี้ถึงได้ทรุดโทรมมากนักล่ะท่านผู้เฒ่า”  ชายหนุ่มกล่าว
          “เหตุดังนี้ด้วย   ภายหลังจากข้ามาถูกกักกันเสียหลายๆปี   ทางเมืองได้ถูกข้าศึกเข้าล้อมและ
เสียเมืองให้แก่นครที่มารุกราน    ครั้นข้าพุทธเจ้าจะออกไปช่วยหรือก็ติดโทษานุโทษด้วยอำนาจ
เวทย์มนต์ที่เสด็จพ่อของพระองค์ขีดกำกับไว้ด้วยพระเวทย์อันศักดิ์สิทธิ์
   แม้ว่าข้าจะมีวิชาอาคมมากมายก็จริงแต่สู้ฤทธิ์อำนาจของเสด็จพ่อพระองค์ไม่ได้
  อีกประการหนึ่งก่อนที่จะมาอยู่ที่นี้ได้ให้สัจจะแก่เสด็จพ่อพระองค์ไว้ว่า   
 ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นแก่เราก็ตามมิให้เราออกจากปราสาทได้จนกว่าพระโอรสเราจะคืนกลับนคร
    นั่นแหละถึงจะพ้นอำนาจของเรา   ข้าฯเองก็ให้สัจจะไว้ แต่ด้วยต่อมาข้าฯได้ฝึกฝนวิชาอาคมจน
สามารถพ้นจากอำนาจเวทย์มนต์ของเสด็จพ่อพระองค์   แต่ด้วยมีสัจจะวาจาไว้แล้วจึงต้องทนอยู่มา
นานนับนานพระเจ้าข้า”    ชายชรากล่าวด้วยสีหน้าหม่นหมองยิ่งนัก
         “ต่อมาได้รับทราบว่าเมืองเสด็จพ่อพระองค์ล่มสลายด้วย  เสด็จพ่อพระองค์ให้ประชาชนอพยพ
ไปหมดสิ้นแล้ว    ใช้อำนาจมนตราทำลายเมืองเสียสิ้นแล้วพระองค์ก็ปลงประชนม์ชีพภายในเมือง
นั้นนั่นเอง   มิให้ข้าศึกกับพวกก่อการร้ายสำเร็จตามที่มั่นมุ่งหมายไว้   
ที่ข้าทราบก็ด้วยมีทหารเอกได้มาแจ้งแก่ข้าฯพระพุทธเจ้าข้า”  
 ชายชรากล่าวด้วยหยาดน้ำตาไหลรินออกมาจากดวงตาอันแจ่มใส  แม้ว่าร่างกายจะเฒ่าชราก็ตามที
          ชายหนุ่มครั้นได้รับฟังแล้วให้รู้สึกสะท้านใจลึกๆไม่ทราบว่าเหตุใดจึงเป็นเช่นนี้  ไหนๆเมื่อ
ยอมรับต่อคำของชายชราแล้วก็เห็นทีจะต้องปล่อยเลยตามเลย
         “เอาล่ะท่านผู้เฒ่าลุกขึ้นเถอะในเมือเป็นเหตุการณ์เช่นนี้  หมายถึงว่าการเป็นมหาอุปราชได้สิ้น
สุดลงเสียแล้ว   ท่านเราก็เสมือนบุคคลธรรมดาแล้ว  อย่าได้ยึดถือขนบธรรมเนียมไปอีกเลยนะ  อ้อๆๆ
ท่านมีนามว่าอะไรล่ะ   คุยกันมานานยังไม่ทราบชื่อท่านเลย”        ชายหนุ่มถามชราชราทันที
          “ข้าพระพุทธเจ้ามีนามว่า  “มังมหาสุรเดชาธิบดี”  พระเจ้าข้า
            “ไหนๆว่าไม่ต้องถือขนบธรรมเนียมกันอีกแล้วให้เรียกชื่อเฉยๆนะ
คำ มหาอุปราชก็ยกเลิกไปก่อนจนกว่า    เราสองจะหาทางตั้งเมืองขึ้นมาใหม่นั่นแหละ
ถึงจะย้อนกลับขนบธรรมเนียมประเพณีอีกครั้ง
 ส่วนเรานั้น  เราเองก็จำชื่อไม่ได้ว่าชื่ออะไรไหนๆท่านลองกล่าวให้เราฟังซิ”
  ชายหนุ่มกล่าวมิได้บอกชื่อจริงในปัจจุบันให้ชายชราทราบ
          “ในเมื่อพระองค์อนุญาตเช่นนี้แล้ว   ข้าพระพุทธเจ้าก็น้อมรับคำบัญชาพระเจ้าข้า  
 อันนามของพระองค์มีชื่อว่า   มังสุรกานต์นรินทร์เดชา” พระเจ้าข้า
          “มังสุรกานต์นรินทร์เดชา”   อือๆๆชื่อนี้คลับคล้ายคลับคลาจริงๆนะ”
      ทำให้เขานึกถึงความฝันที่ยามก้าวล่วงเข้าแผ่นดินนี้   หญิงสาวในฝันมักเอ่ยนามนี้เสมอๆ
 แต่เขาไม่สนใจนึกว่าแค่เพียงความฝันเท่านั้น    ยามเมื่อชายชรากล่าวเช่นนี้ทำให้นึกขึ้นได้อีก
       “แต่ชื่อเรากับท่านดูออกจะคล้ายๆกันนะ”  ท่านผู้เฒ่า
      “ เหตุที่เป็นเช่นนี้ ด้วยเรากับเสด็จพ่อท่านเป็นเพื่อนร่วมเป็นร่วมตาย อีกอย่างหนึ่งเราก็ไม่
มีครอบครัวไม่มีทายาทสืบทอดสกุลเรา  พระองค์จึงให้ชื่อท่านคล้ายๆกับเราเพื่อจะได้สมานน้ำใจ
ไมตรีกันไว้  
         เมื่อท่านกล่าวเช่นนี้ทำให้ข้านึกบางอย่างได้แล้ว   สงสัยว่าเสด็จพ่อพระองค์คงจะทราบ
เหตุการณ์ล่วงหน้าได้   เกรงเราจะได้รับอันตรายถึงได้กระทำการเช่นนี้
ด้วยพระองค์รู้จิตใจเราดีว่าเป็นคนภักดีต่อเสด็จพ่อพระองค์และรักสัจจะวาจายิ่งกว่าชีวิตนั่นเอง”
   ชายชรายิ่งกล่าวน้ำตาก็รินหลั่งไหลมาอีกครั้งหนึ่ง พลางยกมือขึ้นปิดหน้าร้องไห้เสียงดังลั่น
        “ในเมื่อเหตุการณ์ผ่านไปเช่นนี้ท่านอย่างได้เสียใจไปอีกเลย   พวกเราต่างมาช่วยคิดอ่านกอบกู้
สร้างนครขึ้นใหม่ดีกว่าจะมาเสียอกเสียใจเช่นนี้นะท่านผู้เฒ่า   อ้อๆอย่าลืมนะว่าคำราชาศัพท์ต่อไป
นี้ห้ามกล่าวโดยเด็ดขาด  ให้กล่าวกับเราแบบชาวบ้านธรรมดาก็แล้วกันนะ”   ชายหนุ่มกล่าว
        ดังนั้นชายชราจึงหยุดความเสียใจพลางหันไปถามชายหนุ่มว่า
       “ขอล่วงเกินแล้ว  เหตุใดท่านจึงมาถึงที่นี่ได้ล่ะขอรับ”
       “เราเองก็ไม่รู้ท่านผู้เฒ่า  เพียงแต่ว่ากว่าจะมาถึงที่นี่ได้ก็ผ่านอุปสรรคนานานัปการไม่ถ้วน
  แต่จะด้วยเป็นบุญของเราจึงได้เดินทางระเหเร่ร่อนมากระมังท่านผู้เฒ่า”       ชายหนุ่มกล่าว
          ชายชราหันไปมองเจ้าขนทองและดาบตลอดจนเสื้อที่เขาสวมจึงกล่าวว่า
        ขอรับ????....แต่สงสัยว่าเหตุใดจึงมีเจ้าลิงขนทองที่ไม่ธรรมดา ดาบและเสื้อที่ทำด้วยขนนก
อันขนนกที่เป็นสิ่งหายากยิ่งนัก ด้วยเป็นขนของนกวายุภักดิ์ซึ่งมีฤทธิ์เดชมาก  มันชอบกินงูและ
สิ่งมีชีวิตเป็นอาหาร   ยากนักที่จะรอดพ้นจากจงอยปากและอุ้งเล็บมันได้  อนึ่งเจ้าลิงขาวของเรา
มันก็อยู่ยงคงกระพันชาตรีนัก  เหตุใดจึงพ่ายแพ้แก่เจ้าลิงของท่านได้ขอรับ”  ชายชราถามด้วย
ความสงสัย 
       “ ด้วยเจ้าลิงขาวนั้นไม่เคยเกรงกลัวเป็นจ่าฝูงของลิงทั้งหลายและไม่เคยพ่ายแพ้แก่ลิง
ใดๆมาก่อน    ถึงจะมีลิงที่ยกพวกมาต่อสู้กับมันก็ต้องล้มตายและหนีไปเกือบทุกๆครั้ง”
        “อ้อๆๆ....อันขนนกข้าฯเองได้ฆ่ามันมันมาเป็นจำนวนมาก  แต่ไม่อาจต่อต้านอาวุธข้าได้
เมื่อมันตายเกือบหมดหนีไปได้เพียงสองสามตัวเท่านั้น  ข้าฯเองเสื้อผ้าขาดหมดไม่มีเสื้อใส่จึง
ได้นำขนมันมาทำเป็นเสื้อใส่ชั่วคราวเท่านั้น   ส่วนเจ้าลิงขนทองนั้นข้าเองช่วยมันที่พวกมัน
ต่อสู้กับฝูงลิงขนสีดำมีจำนวนมากได้ล้มตายไป จนเหลือเพียงตัวเดียว    
ในขณะที่มันเป็นลูกลิงอยู่     ข้าจึงได้ช่วยเหลือมันแล้วจึงได้ฆ่าเจ้าพวกลิงขนดำเสียสิ้น
 แล้วเลี้ยงดูมันก็มาอยู่เป็นเพื่อนข้าเปรียบดังสหายรักก็ได้
ส่วนแม่นางพรายทั้งสองตอนนี้อาศัยยังฝักดาบและมีดน้อยข้าฯแล้วชายหนุ่มก็เล่าเรื่องทั้งหมด
ให้ชายชราฟังตั้งแต่ต้นจนจบ”
        ชายชรารับฟังแล้วก็ยังอดสงสัยมิได้ จึงกล่าวขึ้นว่า
     “เหตุใดเจ้าลิงขนทองของท่านจึงสามารถสร้างบาดแผลให้กับลิงขนขาวของข้าได้ล่ะด้วยมัน
อยู่ยงคงกระพันชาตรี   ยากจะหาอาวุธใดๆทำร้ายมันได้  นี่มันเป็นบาดแผลเหวอะหวะไปทั่ว”
       “ที่เป็นเช่นนี้  ด้วยเจ้าขนทองของข้ามันมีเขี้ยวพิเศษที่เป็นแก้วใสบริสุทธิ์  “  กล่าวพลางก็
เรียกเจ้าขนทองเข้ามา   แล้วแหกปากให้ชายชราดูเขี้ยวที่แหลมคมเป็นแก้ว ยามกระทบกับแสง
อาทิตย์ก็เป็นประกายแวววาวหลากสี
          ครั้นชายชราเห็นดังนั้นถึงกับอุทานออกมา    ความสงสัยหายไปสิ้นยามแลเห็นเขี้ยวแก้ว
ของเจ้าขนทอง
         “อ้อ...ด้วยเหตุดังนี้นี่เอง  มันเป็นเขี้ยววิเศษสามารถทำลายล้างอาถรรพ์ต่างๆได้ด้วยธรรมชาติ
มอบไว้ให้แก่มัน   ดีนะที่มันรักพระองค์  อุ๊ย???...ของท่านขอรับและเป็นลิงที่ซื่อสัตย์ต่อเจ้าของ
ยิ่งนักและฉลาดด้วยสามารถยอมตายแทนเจ้าของได้ขอรับ”        ชายชรากล่าว
          “ข้าฯขอเชิญท่านเข้าไปข้างในปราสาทหน่อย   ด้วยภายในข้าเองได้สะสมสิ่งต่างๆไว้อาจจะเป็น
ประโยชน์แก่ท่านในภายภาคหน้าได้ขอรับ”    ชายชราเชื้อเชิญพร้อมผายมือให้ชายหนุ่มเดินนำหน้า
        เมื่อเหตุการณ์ลงเอยด้วยดีต่างเข้าใจกันและกันแล้ว  ทั้งสามก็พากันเดินเข้าไปยังปราสาท  
ชายชราเรียกเจ้าลิงขนขาวเข้ามาและแสดงอาการให้มันรับรู้ว่า
เป็นพวกเดียวกัน   เจ้าลิงขนขาวหันมา
มองชายหนุ่มและเจ้าขนทอง   พลางเดินเข้าไปเกาะแขนชายหนุ่มทันที  
        เจ้าขนทองเห็นเช่นนั้นก็ส่งเสียงขู่คำรามแยกเขี้ยวทันที    ชายหนุ่มก็ส่งเสียงห้ามปราม
และส่งสัญญาณให้มันรับรู้ว่าเป็นพวกเดียวกัน   นั่นแหละเจ้าขนทองถึงหยุดการกระทำของมัน 
  ส่วนเจ้าลิงขนขาวก็หันมาทางเจ้าลิงขนทองพลางแสดงอาการอ่อนน้อม
ต่อเจ้าขนทอง
ตามวิสัยของลิงว่ายอมแพ้แก่เจ้าขนทองด้วยการประจบประแจงเขาคิด 
  
   ดังนั้นมันทั้งสองต่างก็เข้ากันได้และหยอกล้อตีลังกาเล่นด้วยกัน   พร้อมทั้งเจ้าขนขาวก็ส่งเสียงเรียก
พวกพ้องมันให้มารู้จักกับเจ้าขนทองทันที      บรรดาลิงทั้งหลายต่างก็เข้ามาทำความรู้จักกับเจ้าขนทอง
ในไม่ช้านัก   ลิงทั้งหมดก็เข้ากันได้และต่างหยอกเย้ากันตามประสามัน   แต่เจ้าขนทองก็ยังไม่ยอมผละ
จากชายหนุ่ม  จนกระทั่งชายหนุ่มส่งสัญญาณให้มันนั่นแหละ  มันถึงได้ไปเข้ากับพวกฝูงลิงทั้งหลาย
       เมื่อชายหนุ่มเห็นเช่นนี้แล้ว   ก็แจ้งให้ชายชราเดินนำหน้าเพื่อเข้าไปในปราสาททันที    ภายในนั้น
มีแสงสว่างชัดเจน   เนื่องจากประตูหน้าต่างทั้งหมดตรงกันลำแสงสามารถลอดช่องส่งมาถึง  ทำให้ภาย
ในสว่างไสว   ชายชราไปเปิดห้องต่างๆให้ชายหนุ่มมองดู   ที่ห้องหนึ่งปรากฏมีทรัพย์สินมากมายนัก
หากจะคิดสร้างเมืองย่อมเพียงพอแก่ค่าใช้จ่ายได้อย่างง่ายดาย           นับว่าชายชราคนนี้ชาญฉลาด
ยิ่งนักคาดการณ์ได้ถูกต้องต่อเหตุการณ์ต่างๆได้เป็นอย่างดี
อีกห้องหนึ่งกับสะสมอาวุธยุทโธปกรณ์มากมาย มีดาบ ธนูพร้อมลูก หอก ง้าว โล่อีกนาๆนับชนิด
วางเรียงรายเหมาะแก่การไขว่คว้า   อีกห้องหนึ่งเป็นที่พักผ่อนของชายชราเพื่อใช้ในการฝึกสมาธิ
       แต่ชายหนุ่มหาได้สนใจทรัพย์สินใดๆไม่และสิ่งอื่นๆ   ยังมีห้องว่างอีกสองห้องแต่เป็นที่โล่งเปล่า
ไม่มีสิ่งใดๆนอกจากเตียงเปล่าๆเท่านั้น   ซึ่งเตียงนั้นกลับทำด้วยหินทั้งสิ้น
         ครั้นชายหนุ่มตรวจเห็นเสร็จก็คิดจะล่วงหน้าเดินทาง    จึงหันไปกล่าวกับชายชราทันทีว่าจะต้อง
ออกเดินทางต่อไปแล้ว          ครั้นชายชราทราบดังนั้นก็จะขอร่วมเดินทางไปด้วยแต่ชายหนุ่มกล่าวว่า
        “ข้าฯเองเห็นว่าท่านอยู่ที่นี่ก่อนดีกว่า   หากต้องการจะให้ท่านช่วยเหลือจะให้คนมาส่งข่าวให้
ทราบภายหลัง”  ชายหนุ่มกล่าว
        “แต่ทว่าคนที่จะมาส่งข่าว  คงไม่อาจจะมาถึงที่นี้ได้หรอกด้วย  ข้างหน้านั้นยังมีภัยอันตรายมากนัก
ข้าฯคิดว่าให้ท่านนำเจ้าขนขาวไปด้วย   หากมีเหตุจำเป็นต้องใช้ข้าก็จะได้ใช้มันมาส่งข่าวด้วยมันชำนาญ
ถิ่นบริเวณเท่านี้อย่างดียิ่งและป้องกันตัวมันเองได้”   ชายชรากล่าว
         “อ้อๆๆ....เดี๋ยวท่านรอก่อนนะ”    พูดจบชายชราหายเข้าไปข้างในปราสาททันที   สักครูหนึ่งก็ออกมา
พร้อมด้วยสร้อยที่ห้อยด้วยวงกลมแต่ภายในเป็นรูปดาวห้าแฉกล้อมรอบด้วยเพชรพลอยสีต่างๆแลดูงามนัก
        “นี่คือดวงตราประจำแผ่นดินแห่งนครเสด็จพ่อของท่าน   หากแสดงต่อเมืองที่ยังให้ความเคารพแก่เสด็จ
พ่อท่านแล้ว   ย่อมจะศิโรราบและสามารถนำหน่วยทหารมาช่วยเหลือในการนี้ได้  ข้าฯคิดว่ามีแต่ท่านเท่านั้น
ที่เป็นโอรสองค์เดียวเหมาะแก่ของสิ่งนี้  ขอให้ท่านนำติดตัวไปด้วย  อ้อๆ...อีกอย่างนี่คือเสื้อไหมสีทองที่ใช้
สวมใส่สามารถป้องกันอาถรรพ์ใดๆและทำให้อาวุธมิอาจจะต้องกายได้ด้วยรังสีของมันจะปกคลุมร่างกาย
ท่านไว้    ขอให้ท่านจงสวมใส่ไว้ชั้นในด้วย”  ชายชรากล่าวพร้อมยื่นมอบส่งให้ชายหนุ่มทันที
         ชายหนุ่มรับมาแล้วเปลื้องเสื้อขนนกออกสวมใส่เสื้อคล้ายๆเสื้อกั๊กแล้วจึงนำเสื้อขนนกสวมอีกชั้นหนึ่ง
พลางเก็บสร้อยที่ห้อยด้วยดวงดาวนั้นสวมคอไว้แล้วสอดรูปวงกลมเข้าไปยังในชั้นในของเสื้อกั๊กอีกที
ครั้นเรียบร้อยแล้วจึง   กล่าวลาชายชราทันที  ชายชรากล่าวอวยพรพร้อมหันไปสั่งเจ้าลิงขนขาวให้ติดตาม
ชายหนุ่มไปด้วย   ลิงขนขาวเหมือนจะรู้เข้าไปกอดชายชราทันทีแล้วค่อยผละมายังชายหนุ่ม
กุมมือเจ้าขนทองเพื่อจะออกเดินทางติดตามชายหนุ่มต่อไป
         เมื่อเหตุการณ์เรียบร้อยแล้วชายหนุ่มก็ยิ้มแล้วยกมือโบกอำลาชายชรา  ออกเดินทางพร้อมกับลิงขนทองและขนขาวทันที...............
                   *  แก้วประเสริฐ.  *

n016.gif				
comments powered by Disqus
  • กิ่งโศก

    18 กุมภาพันธ์ 2553 15:04 น. - comment id 92453

    ติดตามต่อครับครูแก้ว  ..1.gif
  • กระต่ายใต้เงาจันทร์

    18 กุมภาพันธ์ 2553 16:16 น. - comment id 92455

    กระต่ายอยากมีเวทมนตร์อย่างในนิยายบ้างจังจะเสกให้ทุกคนมีแต่ความสุข11.gif
  • แขกประจำบ้านกลอน

    18 กุมภาพันธ์ 2553 22:20 น. - comment id 92471

    ฮั่นแน่....ติดตามอ่านมาตลอด
    ไม่คิดเลยว่า พะเอก 
    จะเป็นลูกชายเจ้าเมือง อิอิ
    ขอบคุณมากนะคะครูแก้ว
    36.gif36.gif36.gif29.gif
  • โคลอน

    19 กุมภาพันธ์ 2553 16:46 น. - comment id 92499

    46.gif46.gif46.gif
    
    ตีตั๋วอ่านค่ะ...อิอิ
  • แก้วประเสริฐ

    19 กุมภาพันธ์ 2553 17:41 น. - comment id 92502

    36.gif16.gif36.gif
    คุณ โคลอน
    
         คุณฝน อิอิ  ไม่ต้องถึงขนาดนั้นคนดูโหรง
    เหรงคงคิดว่าโม้มากไปไม่สนุกกระมังจ้า แต่ช่าง
    เถอะในเมื่อผมตั้งใจไว้แล้วต้องเขียนให้จบจึงไม่
    คำนึงสิ่งใดๆทั้งสิ้นจ๊ะ มากน้อยไม่สำคัญๆที่ตัวผม
    เองก็พลอยสนุกเพลิดเพลินไปด้วย  เขียนเสร็จ
    มานั่งอ่านดูก็ยังอดหัวร่อไม่ได้  นี่แหละหนาคน
    บ้าๆบอๆบ๊องส์เช่นผมดันเขียนมาได้อย่างไรก็งงเหมือน
    กันครับ  อิอิ รักเสมอ
    
            16.gifแก้วประเสริฐ.16.gif
  • แก้วประเสริฐ

    19 กุมภาพันธ์ 2553 10:58 น. - comment id 92655

    36.gif16.gif36.gif
    คุณ กิ่งโศก
    
         ครูเองสนุกกับงานเขียนนี่แหละพักผ่อน
    สมองไปด้วยจ๊ะ รักศิษย์เราเสมอ
    
            16.gifแก้วประเสริฐ.16.gif
  • แก้วประเสริฐ

    19 กุมภาพันธ์ 2553 11:01 น. - comment id 92656

    36.gif16.gif36.gif
    คุณ กระต่ายน้อย
    
          ลุงเองก็มั่วๆไปเรื่อยๆแต่เพื่อให้สนุกๆเพื่อ
    จะให้ลุงสนุกพักสมองด้วยจ๊ะ รักเสมอ
    
            16.gifแก้วประเสริฐ.16.gif
  • แก้วประเสริฐ

    19 กุมภาพันธ์ 2553 11:03 น. - comment id 92657

    36.gif16.gif36.gif
    คุณ  แขกประจำบ้านกลอน
    
          ผมเขียนให้เป็นไปตามเนื้อเรื่องผสมผสาน
    ไปเรื่อยครับ  ตามลักษณะของเรื่องที่นึกอะไรได้
    ก็เขียนไปครับ ด้วยผมไม่อยากให้เขาเดาเรื่อง
    ที่ผมเขียนได้ครับ และมักจะแหวกแนวเสมอๆ
    ขอบคุณรักเสมอ
               
            16.gifแก้วประเสริฐ.16.gif

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน