ลุ่มลึกอิสราวดี 21 ร่างเสือร้ายไต่ลำต้นไม้ใกล้เข้ามาทุกขณะ เมื่อก้อนหินสีแดงที่ขว้างไปกระทบร่างมัน พลันร่วงหล่นทันทีหาได้ทำอันตรายแก่มันไม่ มันส่งเสียงคำรามกึกก้องลั่นยามค่ำคืนทำ ให้เหล่าบรรดาสิงสาราสัตว์ต่างๆแตกตื่น กระเจิงไปจนหมดสิ้น ร่างมันก็คืนคลานเข้ามา ชายหนุ่มปลดคันธนูพร้อมทั้งโกร่งคันธนูกับลูกศรที่ส่งประการแวววาว แล้วพลัน ปล่อยหมายยังดวงตาอันใหญ่โตของเจ้าเสือร้าย ลูกธนูไปสองดอกพุ่งออกพร้อมๆกัน พลันประกายตาวูบลง แต่กลับลืมตาขึ้นมาอีกลูกธนูได้ร่วงหล่นไปยังโคนต้นไม้ หาได้ ทำอันตรายใดๆแก่มันได้ ด้วยอาวุธของเขาทั้งสองนั้นผ่านการชุบธาตุกายสิทธิ์มาและเป็นเลือดของงูยักษ์ ที่ยากจะหาสิ่งใดต่อต้านมันได้ แต่คราวนี้ไม่อาจทำร้ายเสือร้ายตัวนี้เลย ชายหนุ่มรำพึงคิด เห็นว่ามันคงจะไม่ใช่สัตว์ร้ายธรรมดาไปเสียแล้ว หรือเป็นดั่งแม่นางพรายกล่าวไว้ไม่ผิด คราวนี้ชายหนุ่มชักใจไม่ดี ส่วนเจ้าขนทองนั้นเหมือนมันจะรู้ได้รีบไต่ขึ้นไปบนยอดไม้ ทันที ร่างของแม่นางพรายก็ขึ้นไปนั่งยังกิ่งไม้ด้วยมองดูชายหนุ่มด้วยความเป็นห่วงใย คงเหลือเพียงแต่ชายหนุ่มคนเดียวที่คาคบไม้ ชายหนุ่มพลางดึงดาบที่อยู่เบื้องหลัง ออกมา แล้วยกดาบขึ้นจรดหน้าผากพลางร่ายพระเวทย์ทันที พอดีกับเจ้าเสือร้ายที่ร่าง มันคงกระพันนัก ก็ไต่ขึ้นมาได้ค่อนตัว แต่เนื่องจากคาคบไม้ไม่อาจจะให้มันเข้ามาได้ ทั้งหมดจึงเพียงขึ้นมาได้เพียงครึ่งเดียว ท่อนร่างมันใช้เล็บเกาะต้นไม้ไว้แน่น ส่วนท่อนบน มันกางเล็บข้างหนึ่งตะปบไปยังร่างของชายหนุ่ม ที่ร่างพิงหลังกิ่งไม้ใหญ่พร้อมทั้งแยก เขี้ยวอันใหญ่โตมือข้างเดียวไขว่คว้าตลอดเวลา คมเล็บมันเฉียดร่างชายหนุ่มซึ่งเอนหลบไปๆมาๆเท่าที่สามารถทำได้ ดังนั้นชายหนุ่มจึงใช้ดาบที่ได้ร่ายพระเวทย์กำกับไว้แล้วฟาดไปยังมือเสือร้ายที่ หมายทำร้ายเขา คราวนี้ได้ผลมือด้านที่ตะปบขาดจากกันหล่นไปยังโคนต้นไม้ เลือด พุ่งสาดดังสายน้ำพุ พุ่งเข้าใส่ร่างชายหนุ่มแดงฉานไปทั่ว มันส่งเสียงร้องโหยหวน เมื่อชายหนุ่มเห็นคมดาบได้ผล ก็พุ่งร่างที่ปราศจากมือไขว่คว้าเข้าแทงไปยังร่างของ เสือร้ายที่อยู่บนคาคบเพียงครึ่งเดียว ดาบได้ทะลุออกด้านหลังพร้อมเลือดที่หลั่งไหล ออกมามากมาย ร่างของเสือร้ายคำรามลั่นแล้วหงายหลังตกลงไปยังโคนต้นไม้ทันที เมื่อเป็นเช่นนี้ชายหนุ่มไม่รอช้ารีบไต่เถาวัลย์ลงมายังพื้นดินเพื่อหมายที่จะกำจัดมัน ด้วยโอกาสเป็นของเขา แต่เสือร้ายทั้งๆที่เหลือมือมันข้างเดียวพลันใช้สามขากระโจน ใส่ร่างเขาด้วยความดุร้ายเจ็บปวด แต่ร่างมันกับลอยกลางอากาศแล้วหล่นมาอีกเมื่อเห็นว่า ไม่อาจจะทำอันตรายแก่ชายหนุ่มได้ มันได้รีบหันร่างวิ่งกระโผลกกระเผลก หนีหายไปยังป่าทึบทันที พร้อมทิ้งรอยเลือดหยดไหลเป็นทางไป ตามใบหญ้าหากแต่ อากาศที่มืดมิด ทำให้เขาไม่สามารถติดตามร่างเสือร้ายได้จึงจำเป็นต้องค้นหาจนพบ เก็บลูกธนูและก้อนหินสีแดงไว้พร้อมทั้งไต่ร่างที่ยังเปื้อนเลือดขึ้นไปยังต้นไม้อีกครั้งหนึ่ง เขาคิดว่าหากเป็นพรุ่งนี้ก็จะติดตามไปฆ่ามัน หากปล่อยไว้เสือที่ลำบากจะเป็นอันตราย แก่ผู้ที่ผ่านมาต่อไป ดังนั้นจึงรีบทำความสะอาดโดยนำใบไม้ที่เขาเอื้อมมาได้มาเช็ดรอยเลือด ที่กำลังจะแห้งเป็นวุ้นๆ ส่วนเจ้าขนทองเมื่อเห็นเจ้าเสือร้ายหนีไปแล้วก็ไต่ลงมาแล้วนำใบไม้ มาช่วยชายหนุ่มเช็ดรอยเลือดด้วย นางพรายทั้งสองก็ลงมาช่วยเหลือด้วย พลางกล่าวว่า “น้องไม่อาจจะเข้าใกล้มันได้เลยท่านพี่ ด้วยมันไม่ใช่สัตว์ธรรมดาแต่เป็นการแปลงกาย ของผู้มีวิทยาคมอันแก่กล้า รังสีมันแผ่กระจายไปทั่วจนน้องทั้งสองไม่อาจจะเข้าใกล้มันได้จ๊ะ” “นั่นซิท่านพี่ หากไม่กำจัดมันก็จะเป็นเภทภัยอันใหญ่หลวงต่อไปนะ” นางพรายเขียวตอบ “เจ้าน้องประกายทองก็เหมือนพวกน้องนี่แหละ เขี้ยวแก้วมันไม่อาจจะทานฤทธิ์เดชของ เสือร้ายแปลงนี้ได้ด้วย มันอยากจะเข้าช่วยแต่ด้วยรังสีมันรุนแรงมาก ไม่อาจจะเข้าใกล้ได้จ๊ะ” นางพรายแดงกล่าวเช่นกัน “แต่มันก็แพ้แก่ดาบนี้นะจ๊ะ” ชายหนุ่มกล่าวบ้าง “อันดาบนี้ถูกปลุกเสกและทำจากธาตุอาถรรพ์นานัปการสามารถปราบภูตผีปีศาจตลอดวิทยาคม และร่างที่คงกระพันชาตรีได้ด้วย แล้วยิ่งท่านพี่ปลุกเสกซ้ำขึ้นอีกยิ่งทำให้มีฤทธิ์อานุภาพยิ่งกว่าเดิมจ๊ะ” “อ้อๆ????.....งั้นหรือ ถึงว่าซิพี่เพียงแค่ฟาดไปครั้งเดียวมือมันก็ขาดกระเด็นตกไปยังโคนไม้ไว้ พรุ่งนี้เราค่อยไปดูก็แล้วกันนะ พี่เองก็ใจเสียเหมือนกันที่เห็นลูกธนูและหินแดงไม่สามารถทำอันตราย มันได้ หากดาบนี้ไม่สามารถทำอันตรายใดๆแก่มันได้พี่เองก็คงจะต้องจบสิ้นลงในคราวนี้แล้วนะ” “แต่น้องคิดว่าคนที่มีบุญบารมีอย่างพี่นั้น จะต้องมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์คอยคุ้มครองเสมอๆจ๊ะ” “น้องเชื่ออย่างงั้นหรือ” ชายหนุ่มตอบพลางหน้าคิ้วขมวดทันที “จ้าท่านพี่ น้องเชื่ออย่างนี้เสมอมา หากไม่เช่นนั้นน้องคงจะไม่มาคอยรับใช้ท่านพี่หรอก” นางพรายทั้งสองกล่าว “เอาล่ะน้องทั้งสอง พี่เพลียเหลือเกินขอพักผ่อนก่อนนะ เดี๋ยวพรุ่งนี้เราไปพิสูจน์มือเจ้าเสือร้าย อีกครั้งว่ามันจะแปรเปลี่ยนเป็นอะไรไป” ชายหนุ่มกล่าว “จ้ะพี่....น้องจะคอยระมัดระวังให้หากมีอะไรไม่ชอบมาพากลก็จะรีบปลุกท่านพี่จ๊ะ” ชายหนุ่มหันไปลูบหัวเจ้าขนทองด้วยความเอ็นดูแล้วดึงร่างมันให้นอน แต่มันไม่ยอมกลับลุกนั่ง เสมือนมันยังตื่นเต้นต่อเหตุการณ์นี้อยู่อีก ส่วนด้านชายหนุ่มเมื่อเอนกายนอนลงก็ผล๊อยหลับไปทันที จวบจนวันใหม่ย่างกรายเข้ามา แสงอาทิตย์อ่อนๆก็สว่างไสวขึ้นค่อยๆสูงตามลำดับ ความร้อน กรายเข้ามา ชายหนุ่มจัดการชำระล้างใบหน้าและฟันแล้ว ส่วนเลือดคงปล่อยให้แห้งกรังหากไป พบลำธารก็จะนำมาซักชำระล้างร่างกายอีกที เมื่อจัดการกับสัมภาระครบแล้วก็ชวนเจ้าขนทองไต่ ลงจากต้นไม้ใหญ่ทันที ครั้นลงมายังโคนต้นแล้วเที่ยวค้นหาซากมือของเสือร้ายไม่พบกลับไปพบ ท่อนแขนของมนุษย์แทน ชายหนุ่มเบิกตาโพลงทันทีนึกถึงคำพูดของแม่นางพรายทันที ว่าเสือร้ายตัวนี้หาใช่สัตว์ใดไม่เป็นเสือแปลง เห็นจะจริงด้วยสิ่งที่เขาเห็นเป็นท่อนแขนของ มนุษย์ชัดๆ เขานำกิ่งไม้ไปเขี่ยท่อนแขนนั้นขาดระหว่างข้อแขนขึ้นไป จึงหันไปมองยังรอบๆ บริเวณเห็นเป็นรอยแห้งกรังของเลือดที่จับตามใบหญ้าเป็นทางยาวเข้าไปยังป่าดงดิบ ดังนั้นเขาจึง จูงมือเจ้าขนทองสะกดรอยตามรอยเลือดซึ่งไหล บ้างเป็นกองใหญ่เขาคิดว่ามันคงจะหยุดเลียแผล หรืออาจจะใช้วิทยาคมห้ามเลือดแต่ไม่สามารถห้ามเลือดได้ ด้วยยังมีรอยหยดไปตามทางที่สูงบ้าง ต่ำบ้าง พอพ้นแนวป่าไม้เขาทอดสายตามองไป เห็นเป็นวัดร้างวัดหนึ่งซึ่งเป็นรอยหักพังมิได้รับการ เหลียวแลเลย โบสถ์ทำด้วยไม้หาใช่อิฐปูนไม่ มีศาลาที่พุแทบพังและกุฎีสองหลังใกล้กับกับศาลานั้น แต่รอยเลือดนั้นหายไปยังกุฎีหลังหนึ่ง เห็นเณรกำลังเก็บกวาดใบไม้แห้งอยู่ ชายหนุ่มจึงเดินเข้า ไปนมัสการเณรซึ่งรูปร่างสูงใหญ่หาใช่เด็กเล็กๆไม่ เมื่อเณรเห็นร่างชายหนุ่มก็ต๊กใจทิ้งไม้กวาดทันที แต่ปากท่านยังกล่าวคำ “เจริญพรเถอะโยม” เณรกล่าวขึ้น “อ้าวแล้วเดินทางมาถึงที่นี้ได้อย่างไรกันล่ะ ในป่านี้เต็มไปด้วยสัตว์ร้ายต่างๆนะ อาจารย์อาตมา กับตัวอาตมาเองอยู่แค่สองคนเท่านั้น แต่อาจารย์ท่านเก่งสัตว์ร้ายไม่สามารถเข้ามาในบริเวณเหล่านี้ได้” เณรบรรยายให้ชายหนุ่มฟัง “ถ้าอย่างนั้นพวกท่านฉันท์อะไรเป็นอาหารล่ะ” “อ้อๆ...อาตมาก็ฉันท์ผลไม้แทนอาหารจ๊ะพ่อหนุ่ม” เณรกล่าว “ตัวกระผมตามรอยเลือดมาเห็นหายไปยังกุฎีนั้นจ๊ะพ่อเณร” ชายหนุ่มกล่าวขึ้น คราวนี้เณรน้อยสะอึกอ้ำๆอึ้งๆทันที ชายหนุ่มชี้มือไปยังกุฎีที่เห็นข้างหน้านั้น เดี๋ยวจะเข้าไปมนัสการท่านเสียหน่อย “อย่าเลยอาจารย์ท่านกำลังพักผ่อน” เสียงเณรตอบสั่นๆ “ไม่เป็นไรหรอกพ่อเณร ไหนๆมาถึงแล้วก็ไหว้พระเสียบ้างเพื่อเป็นสิริมงคล” ชายหนุ่มกล่าวขึ้น แต่ก็ให้สงสัยอากัปกิริยาของเณรนั้นทันทีหรือว่าเขาคิด อึอึ... จะเป็นไปได้หรือ แต่รอยเลือดมันฟ้องนี่นา ดังนั้นชายหนุ่มยกมือไหว้ลาแล้วมุ่งหน้าไปยังกุฎีที่เห็นทันที เณรเห็นดังนั้นก็เข้ามา ขว้างหน้าไว้ คราวนี้เขาไม่สนใจแล้วผลักมือของเณรออกพร้อมตัวให้ห่างไป แล้วรีบก้าว เดินไปทันที เณรจะเข้าขวางอีกแต่ถูกเจ้าขนทองแยกเขี้ยวคำรามหันมาใส่ทางเณร ทำให้ เณรน้อยชะงักทันทีไม่กล้าก้าวเข้าทัดทานแต่อย่างไร ครั้นชายหนุ่มมาถึงบริเวณกระท่อมที่ปลูกเป็นกุฎีนั้นเห็นรอยเลือดกองเบ้อเริ่มก็แน่ใจ ทันทีว่าพระในนั้นหาใช่พระธรรมดาไม่ คงจะสามารถแปลงกายได้แต่หากเป็นเช่นนั้นคง จะแก้กล้าอาคมเป็นยิ่งนักและเมื่อสามารถฆ่าสัตว์ได้ก็หาใช่พระไม่แล้ว ด้วยผิดศีลอย่าง มหรรณ์ขาดจากความเป็นพระไปแล้ว เขาคิดเช่นนั้นด้วยทราบมาว่าหาก ผู้ใดร่ำเรียนมามากและผิดครูเมื่อใด ยิ่งเมื่อเรียนวิชาอาคมมากๆเข้าคง จะคุมตัวเองไม่ได้ หากสามารถแปลงกายได้ จะคืนกลับสู่ความเป็นคนแล้วต้องคอยตะวัน ส่องแสงก่อนถึงจะกลับคืนร่างเดิมได้ แล้วชายหนุ่มก็ก้าวข้ามประตูเข้าไปในกุฎี แต่เขาระมัดระวังตัว พลันก็แลเห็นพระรูปหนึ่งนั่งคลุมร่างด้วยจีวรแต่แขนหายไปข้าง หนึ่ง หันหน้ามามองเขาด้วยความไม่พอใจด้วยสายตาดุร้ายนัก “พลางตวาดว่า...มึงเข้ามาทำไมหรือยังไม่พอใจอีกหรือที่ทำกับกูเช่นนี้” พระอลัชชี กล่าวขึ้น พร้อมทั้งปลดผ้าจีวรออกแต่ อนิจจาร่างท่อนร่างของพระอลัชชีรูปนั้นท่อนล่างยังเป็นเสืออยู่ อาจจะเป็นไปได้ว่าดาบอาคมของเขา ทำให้วิชาของพระรูปนั้นเสื่อมได้ถึงไม่สามารถคืน กลับสู่ร่างมนุษย์ดังเดิม คืนได้แค่บางส่วนเท่านั้น ร่างนั้นพลันยืนลุกขึ้นทันใด ไม่เพียงเท่านั้นร่างนั้นได้กระโจนเข้าใส่ร่างชายหนุ่มทันที จนร่างเขา ต้องหงายหลังด้วยแรงผลักกระแทกอย่างรุนแรงเพราะร่างที่พุ่งมาแรงพละกำลังมาก ต่างกอดรัดฟัดเหวี่ยงปล้ำกันพักหนึ่ง ชายหนุ่มก็หลุดสะบัดร่างได้ถอยออกมา พร้อมกับ ชายหนุ่มชักดาบออกทันทีพร้อมตวัดดาบฟันไปยังร่างที่เป็นคนครึ่งเสือร้ายนั้น เสียงร้องดังลั่นมือข้างเดียวที่ยังเป็นเสือเล็บได้ตะกรุยตะกายมายังร่างเขาที่ปราศจากเสื้อผ้า ทำให้เกิดรอยแดงขึ้นทันที ไส้ของเสือร้ายในร่างพระก็ทะลักออกกระจุยกระจายไปทั่วบริเวณกุฎี บ้างขาดวิ่นส่งกลิ่นคาวเลือดฟุ้งไปทั่ว เสียงร้องอย่างโหยหวนเรียกเณรลูกศิษย์มันทันทีแล้วร่างมัน ก็ล้มฟาดกับพื้นกุฎีสิ้นใจตายทันที เสียงร้องของเจ้าเสือร้ายในร่างอลัชชีดังนั้น ปรากฏร่างเสือร่างน้อยได้พุ่งเข้ามา เมื่อเสียงเรียกของอาจารย์มันร่ำร้อง ยามเห็นร่างอาจารย์มันนอนสิ้นชีพลง มันหันรีหันขวางแล้วก็กระโจนใส่ร่างชายหนุ่ม ร่างที่ไม่ทันระมัดระวังและไม่คิดว่า จะมีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นถึงกลับหงายหลังดาบกระเด็นหลุดจากมือ เจ้าเสือร้ายในร่างเณรก็คร่อมบนร่างเขาพร้อมแยกเขี้ยวเข้าเพื่อขบกัด เจ้าขนทองเห็นเช่นนั้น ก็พุ่งร่างไปยังบนหลังเสือฝังเขี้ยวแก้วมันกัดกระชาก ทำให้เสือร้ายนั้นหันขวับมายังร่างเจ้าขนทอง ทันทีพร้อมส่งเสียงร้องคำราม แต่ร่างมันยังคร่อมร่างชายหนุ่มอยู่ เมื่อได้จังหวะเช่นนี้เขาไม่รอให้โอกาสทองผ่านไปจึงชักมีดน้อยที่เหน็บไว้ข้างเอวแทงไปยังหน้าท้อง เสือน้อยทันที พร้อมทั้งคว้านไปทั่วบริเวณท้องน้อยมัน ไส้ได้ทะลักออกมาร่างเขาเต็มไปด้วยเลือดและลำไส้ เจ้าเสือน้อยก็ล้มฟุบทับบนร่างร่างหนุ่มทันที เจ้าขนทองเห็นเช่นนั้นก็กระโจนออกพร้อมดึงหางเสือที่สิ้นชีพ แล้วดึงร่างมันออกมาด้วยพละกำลังมหาศาล จนพ้นลำตัวของชายหนุ่ม ชายหนุ่มก็ลุกขึ้นและมองไปยังร่างเสือน้อยและเสือใหญ่ เมื่อทั้งสองสิ้นชีพไปแล้วอาคมก็เสื่อม ร่างค่อยๆกลายเป็นร่างของพระและเณร เขามองดูด้วยความเวทนานัก พลางคิดว่านี่แหละหนาการร่ำเรียน อาคมมากๆเข้าถึงแม้จะสามารถแปลงกายหากผิดครูย่อมจะเข้าสู่ตัวและไม่สามารถควบคุมวิชาอาคมได้ คงจะ ร่ำเรียนวิชาเสือสมิงเป็นแน่แท้ เขาจึงจูงมือเจ้าขนทองออกมานอกกุฎีนั้นทันทีพร้อมทั้งจุดไฟโดยนำหญ้าที่ แห้งและกิ่งไม้ที่ร่วงหล่นมาสุมที่กุฏซึ่งหลังคาทำด้วยใบหญ้าอยู่แล้วเป็นเชื้อเพลิงทันที ไฟก็ลุกไหม้กุฎีสอง หลัง เขายืนดูห่างๆจนแน่แก่ใจว่ามอดไหม้หมดสิ้น ส่วนศาลาและโบสถ์ไม้นั้นเขาคงปล่อยไว้ตามเดิมไม่กล้าทำลาย พลางจูงมือเดินเข้าไปยังโบสถ์กราบพระปูนองค์ไม่ใหญ่นักขอขมาต่อสิ่งที่ได้ล่วงเกินแล้ว ก็แผ่อุทิศส่วนกุศลที่เขาพึงมีให้แก่ พระและเณรด้วย เพื่ออย่าได้จองเวรกันและกันเมื่อเรียบร้อย แล้วก็ออกจากสถานที่นี้ หาทางลัดเลาะเพื่อให้พ้นภูเขาลูกนี้ต่อไป เสียงน้ำไหลได้ยินมาอย่างชัดเจนจึงต่าง ได้มุ่งตรงไปยังเสียงที่ได้ยิน เห็นเป็นแอ่งน้ำกว้างใหญ่ที่มีลำธารไหลมายังแอ่งน้ำและไหลลงไปยังเบื้องล่าง เขาจึงได้จัดการวางสัมภาระไว้แล้ว เปลื้องกางเกงออกพร้อมลงไปอาบน้ำชำระ ล้างเลือดที่แห้งกรังของเสือร้ายที่เปื้อนไป ทั่วตัวออกจนน้ำที่ไหลแดงฉานไปทั่ว ค่อยๆไหลรินหายไปทั้งสองได้อาบน้ำและหยอกล้อกันภายใน แอ่งน้ำใหญ่อย่างสำราญใจ............ * แก้วประเสริฐ. *
16 กุมภาพันธ์ 2553 21:51 น. - comment id 79480
....... อ่าน....ยิ้ม........ทักทายก่อนนอนค่ะลุงแก้วฯ
17 กุมภาพันธ์ 2553 10:09 น. - comment id 79888
17 กุมภาพันธ์ 2553 11:18 น. - comment id 79890
คุณ แขกประจำบ้านกลอน ผมแต่งไปเรื่อยๆแหละครับเพื่อตัวเองให้ เพลิดเพลินไปวันหนึ่งเท่านั้น ขอบคุณที่คอยติด ตามเสมอมาครับ ขอบคุณรักเสมอ แก้วประเสริฐ.
17 กุมภาพันธ์ 2553 11:20 น. - comment id 79891
คุณ ฉางน้อย หลานรักลุงมาเยี่ยมเยียนขอบใจจ๊ะรักเสมอ แก้วประเสริฐ.
17 กุมภาพันธ์ 2553 11:22 น. - comment id 79892
คุณ กระต่ายน้อยฯ ขอบใจจ้าหลานรัก นี่ยังไม่ได้แต่งเรื่องต่อ เลยมาตอบกระทู้ด้วยพึ่งตื่นนอนจ๊ะ รักเสมอ แก้วประเสริฐ.
16 กุมภาพันธ์ 2553 15:30 น. - comment id 79930
รวดเร็วจังเลยครับครู
18 กุมภาพันธ์ 2553 12:45 น. - comment id 92578
คุณ โคลอน คุณฝนครับ เรื่องจะเริ่มเข้มข้นไปเรื่อยๆ นะครับ พยายามอ่านติดตามนิยายเรื่องนี้นะครับ ด้วยเจตนาผมจะให้สนุกเพลิดเพลิน จนผมไม่ เล่นกลอนไว้ชั่วคราวครับ เร่งเขียนเรื่องนี้ไว้ เพื่อจะให้จบคิดว่ายาวๆมากครับ รักเสมอ แก้วประเสริฐ.
18 กุมภาพันธ์ 2553 10:45 น. - comment id 92817
ตอนนี้สยองมากเลยค่ะ กึ๋ยๆ
16 กุมภาพันธ์ 2553 21:33 น. - comment id 99811
เสือในร่างพระ กับ เณรน้อย ตื่นเต้นทุกตอนเลยนะคะ ขอบคุณครูแก้วมากนะคะ
16 กุมภาพันธ์ 2553 15:38 น. - comment id 104715
คุณ กิ่งโศก เรื่องงานเขียนนี้มันจะอยู่ในสมองครูหาก คิดจะเขียนนะ เคล็ดลับคือต้องปล่อยใจให้ว่างๆไว้ อย่าได้มีอะไรมาปะปน ปัญญาก็จะเกิดขึ้นสร้างใน สิ่งที่ต้องการ ส่วนหลักการณ์นั้นก็มีในฉันทลักษณ์ ที่มอบไว้ให้แล้วล่ะนะ ทดลองดูก็ได้นะอาจจะเขียน ได้ดีกว่าครูเสียอีก ด้วยเธอยังหนุ่มแน่นอยู่ รักศิษย์เราเสมอ แก้วประเสริฐ.