เชื่อว่าคนเราทุกคนย่อมต้องมีเรื่องราวมากมาย ที่ผ่านเข้ามาในชีวิต...และในเรืองราวเหล่านั้นย่อมต้องมีสักเรื่องที่สร้าง ความประทับใจให้กับตัวเราอย่างแน่นอน..... . เมื่อตอนที่ข้าพเจ้ายังเด็ก..ก็เที่ยวเล่นไปตามประสา..และค่อนข้างจะเป็น ลิงทะโมนพอสมควร..ข้าพเจ้ายังจำเหตุการณ์หลายๆอย่างได้ดี... และนี่ก็เป็นอีกหนึ่งเหตุการณ์ที่ทำให้ข้าพเจ้าประทับใจมาจนถึงทุกวันนี้.. สมัยก่อนครอบครัวของข้าพเจ้าอยู่แถวๆสวนลุม และแม่ของข้าพเจ้าก็ทำ ขนมขาย..ซึ่งมี ข้าวต้มมัดและขนมเทียน..พอทำเสร็จส่วนหนึ่งแม่จะขาย อยู่แถวๆบ้าน..และแบ่งอีกส่วนหนึ่งให้ข้าพเจ้าและพี่สาวไปเดินขายตาม ซอยต่างๆที่อยู่ใกล้ๆกัน...ในตอนนั้นข้าพเจ้าก็รู้สึกสนุกสนานไปตามประสา แม่บอกว่าเวลาเดินขาย...ให้ส่งเสียงเรียกลูกค้าด้วย..เราต่างก็ไม่ปฏิเสธ.. เดินไปร้องไป..ลองนึกซีค่ะ เสียงเด็กผู้หญิงสองคนประชันกัน..สนุกมาก อ่อ.. เกือบลืม แม่จะนำขนมใส่กระจาดให้เราสองคนพี่น้องกระเดียดไป.. คือพี่สาวข้าพเจ้ากระเดียด ส่วนข้าพเจ้าเป็นคนถือตะกร้าที่เก็บถุงกระดาษ เพื่อเอาไว้ใส่ขนมให้ลูกค้า...ในตอนนั้นถุงพลาสติกยังไม่มีเหมือนปัจจุบัน... และถุงกระดาษที่เราใช้พวกเราพี่น้องก็ทำกันเอง..โดยที่แม่เป็นคนสอน ให้ทำกระดาษที่ใช้ก็คือ หนังสือพิมพ์นั่นหละโดยที่เราไม่ต้องลงทุนซึ้อด้วย เพราะมันเป็นหนังสือพิมพ์ที่พ่อมักจะถือติดกลับมาที่บ้านทุกวัน...คือพ่อทำ งานอยู่ที่หนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งสมัยนั้นชื่อ หนังสือพิมพ์ "พิมพ์ไทย" ซึ่งพวก เราก็จะคอยเก็บสะสมเอาไว้จนมีปริมาณที่มากพอ ก็จะนำมาพับถุงกระดาษกัน ถุงส่วนหนึ่งเราก็จะนำไปขายที่ตลาดด้วย..และส่วนที่เหลือก็จะเก็บไว้ใส่ขนม ที่แม่ทำขาย...เท่ากะว่ามีรายได้สองทาง..เพราะที่บ้านต้องช่วยกันเนื่องจาก พ่อแม่มี ลูกเยอะอะค่ะ...และทุกคนก็อยู่ในวัยเรียนกันทั้งนั้น.... ย้อนกลับมาถึงตอนที่ข้าพเจ้ากระเดียดขนมไปขายกับพี่สาวต่อดีกว่าค่ะคือเวลา ที่เราพี่น้องไปขายกันเนี่ยจะเป็นเวลาตอนเย็น เรากลับมาจากโรงเรียนแล้ว และเสร็จภาระกิจในบ้านเรียบร้อย ...เราสองคนจะเดินไปตามบ้านที่เขาค่อน ข้างจะมีฐานะคือตอนนั้นเราเห็นบ้านใครหลังใหญ่ๆ มีรั้วสูงๆ เราก็คิดว่าเขา เหล่านั้นต้องมีฐานะร่ำรวยแน่ๆ...และส่วนมากเขาก็จะไม่ค่อยปฏิเสธเราหรอก ถ้าเราไปเรียกให้เขาช่วยซื้อ คิดว่าเขาคงสงสารเราสองคนเพราะเห็นเป็นเด็ก ผู้หญิงด้วยและอีกอย่างเขาอาจติดใจในรสชาดของขนม..เพราะแม่ทำอร่อยมากๆ ที่สำคัญเราขายไม่แพง...(ไม่ได้โม้น๊ะเนี่ย) อิอิ และจะมีสถานที่หนึ่งที่ข้าพเจ้าจำได้ไม่เคยลืมก็คือ สถานที่นี้เป็นสถานที่สำหรับ อาบ อบ นวด และเขาก็จะไม่อนุญาตให้เอาของเข้าไปขาย...แต่เราสองคนพี่น้อง ก็ทำเป็นไม่สนใจค่ะ...มีวิธีที่เราสองจะเข้าไปได้..ก็คือด้านข้างของรั้วมันจะมีช่อง สูงพอที่เราจะมุดเข้าไปได้...โดยที่พี่สาวของข้าพเจ้าคอยดูต้นทาง ส่วนข้าพเจ้า เป็นคนมุดเข้าไป....จริงๆที่เราเข้าไปก็เพราะว่าบรรดาพนักงานอาบอบนวด ในนั้นเขาเป็นคนให้เราเข้าไปเพราะเขาก็ชอบกินขนมของเรา..และเขาก็จะมี ที่ให้เราสำหรับแอบขายโดยเป็นที่รู้กันระหว่างเขากับเราค่ะ... ขนมที่แม่ให้เราขายส่วนมากจะขายหมดทุกวัน....โดยเราสองคนจะกลับ ถึงบ้านประมาณ1-2 ทุ่มแต่สมัยนั้นไม่มีอะไรน่ากลัวเราสามารถเดินใน ซอยต่างๆได้โดนที่ไม่เคยเกิดอันตรายใดๆเพราะส่วนมากทุกๆคนจะรู้จัก และคุ้นเคยกันดีกับเราสองคนพี่น้อง และในความรู้สึกของข้าพเจ้าใน ขณะนั้นมันมีความสุขและความสนุกปะปนกันไปส่วนความทุกข์นั้นไม่ต้อง พูดถึงเราไม่เคยเก็บเอามาคิด เพราะด้วยวัยของเรานั้นยังเด็กอยู่มาก พี่สาว 10 ขวบ ส่วนข้าพเจ้า 8 ขวบก็สนุกสนานไปตามประสาและที่เราพี่น้อง รู้สึกภูมิใจมากๆก็คือได้ช่วยแบ่งเบาภาระให้กับพ่อแม่....เงินที่ได้จากการ ขายของแม่ก็จะเก็บไว้เป็นค่าเล่าเรียนให้พวกเรา... จริงๆแล้วข้าพเจ้ามีความทรงจำในวัยเด็กมากมายที่ประทับใจ แต่สำหรับเรื่อง ขายขนมเนี่ย ประทับใจมากที่สุด..เป็นความทรงจำที่มีค่ามากๆ มันทำให้ข้าพเจ้า รู้จักรับผิดชอบตั้งแต่ยังเด็ก..และปลูกฝังมาจนถึงทุกวันนี้... ขอบคุณพ่อกับแม่ มากๆค่ะ..ที่ทำให้ลูกเดิบโตมาได้ด้วยความเพียรพยายามและอดทน..ที่สำคัญ เป็นพลเมืองเต็มขั้นอยู่ในโลกใบนี้.... มาค่ะมาเล่าสู่กันฟังดีกว่า...ว่ามีเหตุการณ์ใดบ้างที่สร้างความประทับใจ ให้กับเราจนกลายเป็นความทรงจำที่ไม่เคยลืม....
13 มกราคม 2553 12:37 น. - comment id 113155
เรื่องประทับใจมีเยอะแยะเลยค่ะ เลือกไม่ถูกอ่า ประทับใจไปหมด
13 มกราคม 2553 14:07 น. - comment id 113156
มีเรื่องเล่าเยอะค่ะประทับใจก็แยะอีก แต่ เล่ามะค่อยเป็น ชอบอ่านเรื่องของ คนอื่นมากกว่า ประมาณว่า ผู้หญิงอยากรู้ อิอิ
13 มกราคม 2553 16:35 น. - comment id 113168
อ่านแล้วก็ประทับใจไปด้วย พี่เอง ตอนวัยเด็ก พี่ๆก็ทำขนมทองม้วน ขนมต้ม ถั่วแปบ ให้ไปขายในวันหยุด เพราะเห็นว่า เราเอาแต่เล่น ซนไปวันๆ ไม่มีสมาธิในการเรียน เลยฝึกให้รับผิดชอบ กับสิ่งที่พี่ๆมอบให้ วันแรกไปขาย งงค่ะ เราจะเริ่มจากใครก่อน ไม่เคยเป้นแม่ค้า เอาล่ะ หาเพื่อนสนิทก่อนเลย ไปบ้านเพื่อน ทั้งๆที่เพื่อนเขาก็ขายขนมอยู่ แต่คนละแบบกับที่พี่เอาไปขาย "นี่เธอ.. พี่ให้เราเอาขนมมาขาย ช่วยซื้อหน่อยสิ จะได้กลับไปเล่นเร็วๆ" เพื่อนถามว่าเท่าไหร่ "กันเอง ถุงละห้าบาท" เพื่อนบอก"อะไรว้า บ้านเราขายถุงละสามบาทเอง" "เอาน่า เพื่อนๆกันอย่าต่อเลย ถือว่าประเดิม แล้วกันถุงแรก จ่ายมาๆๆ" พอขายจนหมดกลับบ้าน นั่งนับเงิน วันแรกได้ ห้าสิบกว่าบาท พี่รับเงินและยื่นมาให้เรา ยี่สิบบาท เอาไปหยอดกระปุก สมัยก่อน ถือว่าเยอะค่ะ ดีใจมากๆ อาทิตย์ต่อมา บอกให้พี่ทำให้อีก แต่ครานี้ พี่สาวบอกว่า หากจะขาย ต้องหัดทำเองด้วย ชิ้นแรกคือทองม้วน ลงมือทำ ม้วนทิ้ง อิ เพราะมันไม่ม้วน แถมไหม้ดำปี๋เลย เอาล่ะ โม้พอหอมปาก หอมคอแระ ไปทำงานต่อก่อน ฟิ้วว
13 มกราคม 2553 16:51 น. - comment id 113169
ชีวิตตอนเป็นนักเรียน ประถม และมัธยมเป็นชีวิตที่ประทับใจมากที่สุดค่ะ จะว่าไปแล้ว เราก็อยู่ไม่ไกลกันเท่าไหร่นะคะน้องเทียนหยด พี่สาวเรียนอนุบาลถึงป.4 ที่ชลบุรี พอ ป.5 พ่อแม่พาย้ายเข้ามาในกรุงเทพ เช่าบ้านอยู่แถวทุ่งมหาเมฆ ปากซอยมีร้านขายกาแฟคนจีน พ่อแม่ได้ขอเช่าหน้าร้าน ขายอาหารอีสานบ้านเฮา ขายดีมาก พี่สาวได้เข้าโรงเรียนประถมเอกชน แถวนั้น ชื่อโรงเรียนสันติสุข เรียนจนจบป.7 ก็ไปต่อที่โรงเรียนสายน้ำผึ้งจนจบม .ปลายเพื่อนกลุ่มเดียวกัน สนิทมากทั้งชายหญิง พากันเดิน วิ่งเล่นแถวนั้น ไปไหนไปด้วยกัน ในวันหยุด เดินลูกเดียว พากันไปเที่ยววัดไตรมิตร เดินต่อไปถึงสวนลุมฯ ซอยเดิมชื่อซอยคอกม้า แต่เปลี่ยนสภาพกลายเป็นตึกแถวไปหมดแล้ว เจ้าของบ้านที่เราเคยเช่า ก็ยังอยู่ที่เดิม ทุกวันนี้ก็ยังติดต่อกันอยู่ กลับไปที่ไร ก็จะไปแวะเยี่ยม บางทีก็ค้างคืน เอาของไปฝาก รักกันเหมือนญาติจริงๆเลยค่ะ พี่สาวเป็นเด็กเสริฟอาหาร มาตั้งแต่เด็ก ล้างชามช่วยพ่อแม่ ได้กินอาหารแซ่บๆทุกวัน ชีวิตที่มีความสุข ประทับใจมากจริงๆค่ะ พ่อแม่สอนให้อดทน ขยันทำมาหากิน อย่าดูถูกงานที่เราทำอยู่ เพราะงานคือผู้มีพระคุณ ให้ข้าวน้ำ ให้เรายังชีพได้ ทุกวันนี้ทำงานต่างแดน รายได้อาจดูมากเมื่อเทียบเป็นเงินไทย แต่ไม่สำคัญ เท่าประสบการณ์ชีวิต ที่สอนให้เรารู้จัก ค้ำว่า น้ำใจ และ อย่าลืมผู้ที่มีพระคุณทุกคนในชีวิต ตั้งแต่ บ้านเกิดเมืองนอน พ่อแม่ ครูบาอาจารย์ ญาติพี่น้อง เพื่อนฝูงทุกคน ก็พยายามทำให้ดีที่สุดตามกำลังที่มีอยู่ค่ะ อยากทำบุญให้มากๆก่อนตาย อยากให้ความรักทุกคน ไม่โกรธเกลียดใคร ใจเราร่มเย็น ก็สุขใจแล้วค่ะ
13 มกราคม 2553 17:53 น. - comment id 113170
........เจ้ว่างเหรอเจ้ วันนี้น่ะ พี่อ้อยๆๆๆ มาบ่นไรแต่หัววันเชียวนิ .....เอ เรื่องราวความประทับใจมีเยอะค่ะ เจ้กำหนดหัวข้อแม่น้ำเชียว อิอิ หัวข้อแม่น้ำ เก๊าะคือ หัวข้อกว้างอ่ะ 55555 เอาเป็นว่าประทับใจที่สุดเหรอ จำไม่ได้อ่ะ ประทับใจหมดแระ ......กินข้าวผัดป่ะเจ้ นั่งกินข้าวด้วยเล่นด้วยเนี่ยะ .....หิววววววววว
13 มกราคม 2553 17:54 น. - comment id 113171
5.....มาต่อท้าย ปล. ของเม้นท์ที่ 5 ว่า.... ปล. ..... ภาพสวยมากๆ โมยหน่อยได้ป่าวอ่ะเจ้ ... ห้ามหวงๆ ห้ามงกๆ ไม่ดีๆๆๆ
13 มกราคม 2553 22:49 น. - comment id 113209
อ่านแล้ว ประทับใจคับ
14 มกราคม 2553 11:51 น. - comment id 113216
ชอบงานเขียนของคุณเทียนหยดมาก ๆ เลยค่ะ ชอบการใช้คำใช้ภาษาด้วย อย่างคำว่า"รสชาด" เนี่ย..หายากในที่อื่นนะคะ ส่วนคำว่า"อนุญาติ" คิดว่าคุณเทียนหยดต้องลืมแน่เลย.. ส่วนความทรงจำวัยเด็กของหนูคงเป็นตอนที่ไปวัดกับตาค่ะ ไปทุกเสาร์-อาทิตย์ เพราะไม่ต้องไปเรียน ขากลับจากวัดบางทีเราสองคน(หนูกับตา) จะพากันนั่งสามล้อกลับ แล้วก็เอาบุญมาฝาก คนที่ไม่ได้ไปวัดค่ะ ทุกวันนี้ตาไม่อยู่แล้วค่ะ แต่ไม่เคยลืมวันเหล่านั้นเลยค่ะ
14 มกราคม 2553 14:53 น. - comment id 113217
วัยเด็กก็ต้องมีเรื่องราวมากมายให้จดจำ บางเรื่องไม่อยากจำแต่ก็จำได้อย่างเล่นขายของเธอเป็นแม่ฉันเป็นพ่อสร้างบ้านเอาผ้าขาวม้าทำเป็นฝาแล้วก็เล่นเป็น..อิอิ ตามประสาเด็กว่าแต่ว่า แจมกลอนไว้ในคนึงครวญได้อ่านไม๊
14 มกราคม 2553 15:51 น. - comment id 113220
.......เข้ามาแอบขำคุณฤกษ์ได้ป่ะคะ .... ใครเป็นพ่อ ใครเป็นแม่ไม่รุ้ล่ะ หนูขอเป็นลูกล่ะกัน อ๊ากกกกกกกส์ 555
14 มกราคม 2553 20:22 น. - comment id 113224
อืม เรียกว่าความประทับใจ และที่น่ายกย่องมากคือการรู้จักแบ่งเบาภาระทางครอบครัว แวะมาเยี่ยมจ้า ศิษย์น้อง มาช้าหน่อยนะ ฝั่งกะนี้ เรื่องสั้น กับกระทู้ นานๆ ทีถึงจะแวบมา
14 มกราคม 2553 23:01 น. - comment id 113225
ก้าว..ที่กล้า ถือว่าเข้ามาร่วมรำลึกถึงแล้วกันเนาะ... ยังไงเสียความประทับใจก็ยังอยู่ในใจ เราตลอดเวลาว่ามั๊ย... ................................................................ คุณพิม มิเป็นไรเจ้าค่ะ...ส่วนที่ว่าเล่ามะค่อยเป็นเนี่ย เห็นจะต้องขอค้าน...อ้อยยังจำเรื่องทัวร์เกาหลี ของคุณพิมได้น๊า...ถล่มตัวซะไม่มี..น่าตีจริงๆ ................................................................. ย่าแบม แบบนี้เขาเรียกกันว่าไฟท์บังคับน๊ะเนี่ย... เพื่อนเจ๊ก็น่ารักเนาะ..ขนาดแพงกว่าก็ยัง ยอมซื้อ..อิอิ และนี่ก็คืออีกหนึ่งความทรงจำที่แสนจะอบอุ่น มากมายไม่ว่าจะเป็นระหว่างพี่น้องและระหว่าง เพื่อน..ว่ามั๊ยค่ะ.... ................................................................... พี่อนงค์ นั่นนะซิพี่...เราอยู่ไม่ไกลกันจริงๆเพราะแถวๆ ทุ่งมหาเฆมเนี่ยอ้อยก็ไปอยู่บ่อยๆ..บ้านเพื่อน ก็อยู่แถวนั้นด้วยค่ะ.. ส่วนซอยคอกม้าที่ว่า..อ้อยเรียกว่าซอยโปโล บ้านอ้อยจะเลยซอยโปโลเข้าไปหน่อยเดียวเองค่ะ..งั้นเรามาร่วมย้อนวันวานของคนที่ เคยอยู่ใกล้กันดีกว่าเนาะพี่เนาะ... เห็นด้วยค่ะ ที่ว่า ใจเราร่มเย็น ก็สุขใจแล้ว... ............................................................. 5-6 ฉางวา จะว่าว่างก็ไม่เชิง..แต่กะลังมึน เลยหลบมา อยู่ในนี้สักพัก..แหะๆ นี่ๆ..เขาไม่เรียกว่าหัวข้อกว้างหรอกย่ะ... ที่ถูกต้องว่า เจ๊เปิดกว้าง สำหรับเรื่องที่จะเล่า ต่างหากเฟ้ยยย..... ย่ะ..คุงขโมยที่ร๊ากกกก..มารยาทดีเจงๆ ............................................................. คุณวิทย์ ขอบคุณมากค่ะที่แวะเข้าอ่าน ............................................................. คุณคมดาบนารี มันเป็นความทรงจำที่ไม่เคยลืมอ่ะคะ..เลย อยากย้อนวันวานซะหน่อย.. พี่ว่าทุกความทรงจำของคนเรามันมีค่าทาง จิตใจมากมายน้องเห็นด้วยมั๊ย... ส่วนคำว่า อนุญาติ... ต้องขอบคุณมาก นะคะที่ช่วยติงมา..เพราะพี่ลืมไปจริงๆ ............................................................ คุณฤกษ์ เหอๆ..เป็นความทรงจำที่ทั้งน่าจด และก็น่า จำจริงๆเนาะๆ ส่วนเรื่องกลอนที่แจมไว้ ต้องขอพระอภัยมณี ด้วยจริงๆ อ้อยไม่ได้ย้อนไปดู ................................................... คห 10 ขอขำสักกะติ๊ดก่อง... ผ่านโลดดดดดดดด ................................................... ปู่กิ่งเจ้าคับ มิเป็นไรค่า...มาช้าดีกว่าไม่มาเนาะๆๆๆ
15 มกราคม 2553 19:13 น. - comment id 113234
16 มกราคม 2553 14:18 น. - comment id 113250
อ่านแล้วดีจัง แม่ผมก็เป็นแม่ค้า แม่เคยขายของหลายอย่าง เท่าที่จำได้ มีทั้งขายผ้าถุง จูงกระเบน ขายหมูปิ้ง น้ำแข็งใส ขนมหวาน ผมเคยพับถุง กรอกลูกอม ด้วยล่ะ ตอนแม่ขายขนม ผมมีหน้าที่ ขูดมะพร้าว ทุกๆ เย็น ไว้โรยหน้าขนม แม่สอนให้ขยัน ประหยัดและอดทน เป็นสิ่งที่ติดตัวมาจนถึงทุกวันนี้ แม้ความขยันจะลดไปไม่น้อย ในตอนนี้ ขอบคุณเรื่องราวที่เล่าสู่กันฟังครับ
16 มกราคม 2553 23:04 น. - comment id 113255
เค้ากะเคยพับถุงกระดาษจากหนังสือพิมพ์ ใช้แป้งเปียกเป็นกาวด้วยหล่ะ
17 มกราคม 2553 21:31 น. - comment id 113271
ฉางนุ้ย ไม่ต้องมาฉีกยิ้ม..รู้ตัวชิมิ..สัญญาอะไร ไว้กะเจ๊...ใครลืมสัญญาขอให้มัง.จู๊ดๆๆๆๆ .............................................................. พี่นักสืบ ดีจังค่ะ..ทุกสิ่งทุกอย่างที่พ่อแม่ ปลูกฝังเราตั้งแต่วัยเด็ก..มักจะ มีผลต่อเราในวัยผู้ใหญ่เสมอๆ และคงจะยั่งยืนไปจนชีวิตเรา จะหาไม่..ถึงความขยันจะลดน้อย ลงไป..แต่ก็ไม่ถึงกะหมดมิใช่หรือ ท่านพี่...อิอิ อย่าออกตัวเยี่ยงน้านนน ขอบคุณเช่นกันค่ะ ...................................................... สหายยา นี่ๆแล้วอุปกรณ์ที่ใช้สำหรับทาแป้งเปียกน่ะ ตัวใช้เหมือนเค้าป่ะ... แบบว่าเค้าใช้แปรงสีฟันเก่าๆง่ะ..เพราะว่า มันเจ๋งที่สุดแระ...อิอิ
18 มกราคม 2553 01:59 น. - comment id 113284
....เค้าพับจรวดกระดาษ ไม่เห็นต้องใช้แป้งเปียกอ่ะ แฮ่..แฮ่...
18 มกราคม 2553 19:33 น. - comment id 113324
ฝนพับนกกระดาษ อิอิ ไม่ต้องใช้แป้งเปี่ยกอีกเช่นกัน ฮ่าๆ....มารายงานตัวเน้อคุณเพิ่ล คิดถึงๆ หิวแล้นอ่ะไปหม่ำๆก่อง ไข่ไม่ตกถึงท้องมาหลายเพลา เห็นทีต้องจกทีเผลอ
18 มกราคม 2553 19:35 น. - comment id 113325
แถ่น แทน แทน แทน แถ่น แท๊น แถ่นแทน
18 มกราคม 2553 19:36 น. - comment id 113326
20 ชุบ ไปล่ะ อิอิ