ถึงตอนนี้เด็กน้อยในอดีตจะโตเป็นสาวแล้ว แต่ทว่าโรคาก็ไมได้จางหายแต่แค่ไม่ออกอาการ... เด็กน้อยไม่เคยรู้ว่าโรคาที่เป็นอยู่ เป็นโรคประจำตัวหรือไม่.... เพราะวันไหนฤดูไหน เด็กน้อยไม่มีทางรู้เลย ว่าเจ้าโรคานั่นจะกำเริบ มันไม่ได้เป็นหนัก....จนต้องพ่นยา... เด็กน้อยรู้แค่ว่าอากาศเปลี่ยนเมื่อไหร่ ก็เมื่อนั้นมันจะมา...... เด็กน้อยจำความได้ก็เห็นแต่พี่สาว เอายาสมุนไพรมาทาตรงผดผื่นที่ ขึ้นตามตัว....แต่ไม่รูว่ามันคืออะไร รูแต่ว่ามันเปนผดผื่นที่น่ากลัว ผื่นเท่าฝ่ามือ... พาดตามไหล่ หน้าท้อง ข้อพับ...แล้วมันก็ไม่หายง่ายจรดวัน เมื่อ7-8ปีก่อนเด็กน้อยติดตามพ่อจ๋าแม่จ๋า ไปไร่ถั่วเหลือง..มันเป็นวันที่ถูกกำหนดเกี่ยวถั่ว เด็กน้อยยังเกี่ยวไม่เป็น พวกลุงป้าน้าอาก็ให้เด็กน้อยช่วยหอบ กองฃองถั่วที่มัดไว้เป็นกองๆเท่าที่เด็กน้อยจะทำได้ และมันก็เป็นสาเหตุนึงที่ทำให้เป็นผดผื่น และก็กลายเป็นภูมิแพ้จากที่เป็นแค่ลมพิษ ตามใบสั่งหมอ... พอช่วยหอบกองถั่วจนพวกลุงป้าเอาถั่วไปพัดถั่ว จากที่มันเป็นกองๆๆคัดเอาเป็นเม็ดใส่กระสอบ เอาขึ้นรถเพื่อเอาไปขาย หลังจากนั้นแม่จ๋าก็ฝากเด็กน้อยติดรถ น้าสาวกลับบ้าน...จากอ.เด่นชัยสู๋อ.สูงเม่น มอไซด์คันหย่อมก็พาสองสาวต่างวัย กลับบ้าน แต่ระหว่างทางก็เจอฝนตกกระหน่ำตลอดทาง ร่างน้อยก็สั่นมาตลอดทางเจอฝุ่นละอองของถั่ว กองแล้วกองเล่ามาเจอฝน ทำให้ร่างน้อย...เกิดผดตามตัวอยากจะเกาก็เกาไมได้ ยังต้องแบกถุงฟักทองมาอีก...เด็กน้อยรีบอาบน้ำ ก้อต้องตกใจเพราะเห็นผื่นตามตัวเท่าๆฝ่ามือ "มันคันจังเลยแม่จ๋า" เด็กน้อยโอดครวญ "มันไม่เป็นไรหรอกน่า น้องน้ำอย่าเกานะคะ" แม่จ๋าห้ามเสียงหลง แต่เด็กน้อยก็เกาแม่จ๋าเอาแป้งมาทา บังคับให้เด็กน้อยกินข้าว กับข้าวมื้อนั้นคือฟักทองน้อยกับน้ำพริกน้ำปู กับข้าวเหนียว เนื่องจากกลับมามืดค่ำ เลยได้แต่กับข้าวพอยาไส้ เด็กน้อยก็กินเพราะหิว แต่ทั้งคืนเด็กน้อยนอนไม่เต็มอิ่มเพราะคันคะเยอ ไปทั้งตัว...แต่น่าแปลก ผดผื่นมันก็ยังไม่หาย พอไปรร.สูงเม่นวิทยาคาร ครูและเพื่อนต่างตกใจ ที่เด็กน้อยตัวเต็มไปด้วยผื่นต่างแซวว่า "น้ำทำไมตัวปล่อยยุงกัดอ่า ดูแดงไปหมดเลย" เสียงเพื่อนๆพูดถึงเด็กน้อย "อ่าวศิชาทำไมตัวแดงยังงั้นละลูก ปะไปหาหมอที่อนามัยกัน เด๋วครูพาไป" ครูสกุณาพูดด้วยความเป็นห่วง เด็กน้อยก็ไม่ตอบเพราะอายเรื่งผื่น พอไปถึงสถานีอนามัยประจำอ.สูงเม่น เจ้าหน้าที่ก็ซักถามอาการ ถึงสาเหตุต่างๆนานา จนสรุปได้ว่า..เป็นลมพิษ เจ้าหน้าที่คงไม่คิดว่าเด็กน้อยจะแพ้น้ำปู *น้ำสีดำที่ถูฏการต้าการตำเนิ้อปูนาและเคี๊ยววว จนเป็นสีดำ ************************************** อันที่จริง ปูนามันไม่น่าจะแพ้ได้... เดิมทีเด็กน้อยชอบกินปูมาก แต่พอเกิดเหตุการณ์ เพื่อนบ้านไปเก็บปูนามาแต่พวกเขาไม่กิน เลยเอามาให้แม่จ๋า เย็นวันนั้นแม่ก็เอาปูนามาตำ ทำกับข้าวเย็น..แม่จ๋าเลาะเอาคีมปู ให้เด็กน้อยเพราะเด็กน้อยชอบกินเน้นๆๆตรงก้ามปู เด็กน้อยกินก้ามปูไปแค่สองอัน..ก็ขึ้นห้อง แม่จ๋ากับพ่อจ๋าไปงามศพได้สักพัก ก็เกิดอาการคัยหัวคันผม เด็กน้อยพยายามไม่เกาแต่ก็อดไมได้ จนทนไม่ไหวเด็กน้อยก็พยามติดต่อพ่อจ๋า แต่พ่อไมได้เอาโทสับไปด้วย เด็กน้อยจึงต้องไปขอเบอร์ลุงสนเพื่อคุยกับพ่อ พ่อรู้เลยรีบกลับมา... พอมาเจอลูกสาวตัวแดงก้อตกใจ พาไประ.สูงเม่น.... หมอพาเข้าห้องฉุกเฉิน เด็กน้อยหอบ ตัวแดงหมด ผื่นก็เต็มตัว หมอซักถามจึงระบุว่านอนรออาการนะ เพราะเด็กเกือบจะขาดอากาศหายใจ แล้วก็ปรากฏว่าแพ้ปูนา... แม่จ๋าเลยออกกฏเหล็กห้ามเด็กน้อยทานปู เพราะห้ามกินแมลงทุกชนิด.. เพราะมันอันตรายย.. ทุกวันนี้เด็กน้อยทานอะไรแม่จ๋าต้องดูก่อน ก่นที่จะไม่มีเด็กน้อยเคียงกาย ทุกวันนี้เด็กน้อยคิดว่าจะไม่เสียดทานแมลงรึไม่ก็ปูนา ไม่น่าเชื่อปูนาบ้านจะเกือบฆ่าเด็กคนนึง.... โรคาที่ไม่น่าจะเป็นก็ จบประการะฉะนี้
10 มกราคม 2553 10:14 น. - comment id 113109
น่าสงสารเด็กน้อยนะครับ อ่านแล้วชอบครับบ้านนอกดี เหอๆๆ
10 มกราคม 2553 20:35 น. - comment id 113118
10 มกราคม 2553 21:02 น. - comment id 113119
..1 พี่ป๋อง... สงสารเด็กน้อยรึป่าวละ... แม่ของเด็กน้อย กับพี่สาวคนสวย ขำมากมายตอนที่รู้ว่าแพ้นะ ปูนา อร่อยมากเลยโยเฉพาะตรงก้ามอ่า.. แต่พอหามไปรพ.อดเรยอ่าแง๊ๆๆ
10 มกราคม 2553 21:04 น. - comment id 113121
..2พี่ฉางน้อย อิอิมิผิดแย้วเย่ๆๆ
11 มกราคม 2553 07:37 น. - comment id 113128
ผมก็ชอบครับเอามาต้มยำนะสมัยเด็กๆ ไปเลี้ยงวัวให้ปู่พกมาม่าไปต้มกันได้ปูนาใส่ อร่อยยิ่งนักพี่ก็เป็นเด็กบ้านนอกอยู่กับท้องนา อยุธยา ก็สนุกดีครับ
11 มกราคม 2553 15:30 น. - comment id 113135
พี่ป๋องทำเดกน้อยอยากิงปูอ่า แต่กินไม่ได้แล้ว ว้าแย่จัง!!!