ความผิดที่ไม่อาจลืมเลือน

สุรศรี

อากาศบ่ายวันนั้นร้อนระอุอุณหภูมิจากกระเบื้องมุงหลังคาดูจะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ผมนั่งเขียนหนังสือตามปกติ  มีลูกสาวคนเล็กขี่จักรยานคันโปรดวนอยู่รอบ ๆ โต๊ะ
              พ่อขา วาดต้นไม้ต้นนี้สิ เธออ้อนผมขณะเอามือไปลูกต้นกระบองแพชรในกระถางหน้าบ้าน  
                เอาต้นนี้อีกนะ  เธอชี้ไปที่ต้นโป๊ยเซียนที่ตั้งอยู่ติดกัน
               งั้นไปเอากระดาษมาสิลูก  เธอวิ่งเข้าไปในบ้านและกลับมาพร้อมกระดาษเอสี่แผ่นหนึ่ง
ผมวาดภาพต้นไม้คร่าว ๆ แล้วยื่นให้เธอ
               สวยไหมลูก  ชอบไหม
               กี้ไม่ชอบมันมีหนาม เธอตอบขณะดูรูปภาพในกระดาษ
          ผมเงยหน้าขึ้นเมื่อมีเด็กชายตัวเล็ก ๆ เดินเข้ามาประตูหน้าบ้าน และหยุดมองพวกเราด้วยสายตาแปลก ๆ  ก่อนจะนั่งลงข้าง ๆ ตะกร้าของเล่นที่ลูกสาวผมเล่นยังไม่ได้เก็บ
เขาหยิบโน่นจับนี่อย่างสนใจ เนื้อตัวมอมแมมดูท่าทางไม่ได้อาบน้ำมาหลายวัน
	ลูกสาวผมมองดูเขาไม่กระพริบตา  ไม่มีใครรู้ว่าเขาชื่ออะไร  มาจากไหน  ผมเดินไปหยิบข้าวโพดต้มฝักหนึ่งมายื่นให้เพราะดูท่าทางคงจะหิวด้วย   ดวงตากลมโตมองดูผมอย่างแปลกใจ   ผมว่าเขาคงขอบคุณด้วย เช่นกัน  แต่ไม่มีคำพูดเล็ดลอดออกจากปากของเขา
             สักครู่ลูกสาวผมวิ่งเข้าไปในบ้านและกลับมาพร้อมของเล่นชิ้นใหม่ ที่เพิ่งซื้อมาจากตลาดนัด  มีโทรศัพท์ของเล่น  รถรีโมท และตัวการ์ตูนเล็ก ๆ อีก 1  ถุง  ท่าทางคงอยากจะอวดของเล่นชิ้นใหม่กับเพื่อนแปลกหน้า  เธอเทตัวการ์ตูนออกจากถุง แต่เพื่อนใหม่กลับสนใจรถรีโมทมากกว่า
              มันวิ่งได้ไหม   เป็นประโยคแรกที่เขาพูดนับตั้งแต่เดินเข้าบ้านมา
                ได้     
                เธอตอบเพื่อนใหม่พลางหยิบรีโมทมากดสาธิต  รถยนต์ของเล่นวิ่งไปข้างข้างหลังอย่างว่องไว   เขาหยิบไปลองเล่นอย่างสนใจและไม่สนใจอะไรอีก
           กี้เล่นแล้วอย่าลืมเก็บ  แฟนผมส่งเสียงดังมาจากข้างในบ้านด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยพอใจนัก
                  ปล่อยหลานมาวิ่งเล่นได้ยังไง  เธอบ่นอุบอิบ
                   รูจักเขาเหรอ  ผมร้องถาม
                   หลานยายนวย  ที่พ่อมันจมน้ำตายเมื่อปีกลายไง  แม่หนีไปเอาผัวใหม่ทิ้งลูกไว้ตายายเลี้ยง  เธออธิบาย
                   เหรอ  
                   ยายนวยคนเก็บขยะขายบ้านอยู่ท้ายหมู่บ้านห่างบ้านเรือนผู้คนประมาณกิโลเมตรเศษ
                  ผมเขียนอะไรไม่ออก  คิดอะไรเรื่อยเปื่อยสายตาเด็กคนนั้นทำให้ผมนึกถึงเด็กนักเรียนหญิงคนหนึ่งขึ้นมาทันที  มันนานมาแล้วหละแต่ภาพสายคู่นั้นผมยังจำไม่เคยลืม
                  ครูขาขอตังค์กินขนมคะ   เธอเอ่ยปากขอเงินจากผมในคืนงานบุญประจำปีของหมู่บ้านในคืนวันหนึ่ง  ผมคิดว่าเธอคงรวบรวมความกล้าอยู่นานทีเดียวกว่าจะกล้าพูดชอบเงินกับครู    เพราะเด็กบ้านนอกนั้นความกล้าที่จะพูดกับครูต่างจากเด็กในเมืองบางครั้งถึงกับฉี่ราดกางเกงเพราะไม่กล้าขออนุญาตลาครูเข้าห้องน้ำก็มี
                    ผมไม่ตอบแต่เอามือล้วงกระเป๋าสตางค์และหาเศษเหรียญ แต่พอเงยหน้าขึ้นก็ไม่พบร่างของเธอแล้ว  ผมคอยอยู่นานแต่ก็ไม่เห็นเธอกลบมาเอาเงินเลย คิดในใจว่ารุ่งขึ้นเอาไปให้เธอที่โรงเรียนดีกว่า
                     เธอเป็นเด็กกำพร้าเพิ่งย้ายมาอยู่ได้ไม่นานอาศัยอยู่กับพี่ชายและพี่สาวมีฐานะยากจนไม่ค่อยมีเงินมากินขนมที่โรงเรียนเหมือนเพื่อนคนอื่น ๆ
                     หลังจากวันนั้นมาผมลืมเรื่องเงินอย่างสนิท มาคิดได้อีกทีเธอก็ย้ายโรงเรียนไปกับครอบครัวและไม่รู้ไปอยู่ไหนเสียแล้ว  ผมไม่มีโอกาสที่จะให้เงินค่าขนมของเธอ  เธอคงจะคิดว่าผมคงไม่ให้เธอเพราะผมไม่ได้ตอบอะไร  และไม่ได้พยักหน้าว่าจะให้แต่อย่างใด ถ้าเพียงแต่ผมตอบว่า คอยเดี๋ยวนะ  เอาเท่าไรหละ ผมคงไม่ได้มานั่งเสียใจจนถึงทุกวันนี้สายตาของเด็กชายคนแปลกหน้าคงไม่หลอกหลอนความรู้สึกของตนเองเช่นนี้   รู้สึกเจ็บใจตัวเองที่เป็นคนปากหนัก อมพะนำ ชอบปล่อยให้คนอื่นคิดเอาเองในหลาย ๆ เรื่อง ผมไม่อยากสบตากับสายตาเด็ก  ๆ ที่บริสุทธิ์อีกแล้ว  ผมจะทำอย่างไรดี บอกผมหน่อย
  ผมจะทำอย่างไรดี
                      
                                                       สุรศรี
                                                    1  พย. 52				
comments powered by Disqus
  • เสมอจุก

    2 พฤศจิกายน 2552 14:53 น. - comment id 109662

    เรื่องราวเกี่ยวกับเด็กๆนี่อ่านไม่รู้เบื่อนะครับ คงเป็นเพราะความอ่อนวัย ไร้เดียงสา หรือไม่ก็เป็นเพราะเราแก่เสียแล้ว
    ขอบคุณสำหรับเรื่องราวชวนอ่าน 
    สวัสดีครับ

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน