ว่างๆ
สะพั่งสะท้านไมภพ
ผมคว้าลูกกลมๆพลาสติกสีเขียวขนาดเขื่องหิ้วมาสองลูก วางมันลงบนรางของผม
และเชื่อมั่นว่าด้วยหมายเลข ๑๑ บนลูกของมันจะทำให้ผมทำสไตรค์ได้ทุกครั้ง
นึกอย่างนี้ทุกครั้ง
นึกอย่างนี้ประจำ
น้องครับเบียร์สดเหยือกหนึ่ง
ผมหันไปสั่งพนักงานบริกร ประจำโรงโบว์ลิง
ผมซื้อถุงเท้ามาใส่ยี่สิบ
ผมฝากรองเท้าของผมแลกกับรองเท้าโบว์ลิงเบอร์เจ็ด
นัยว่าเป็นการค้ำประกัน
แต่ทว่าคราวที่แล้ว
โยนไปโยนมาเมาเบียร์
กลับไปถึงบ้านถึงรู้ว่ามีรองเท้าโบว์ลิ่งใส่กลับไปบ้าน
คราวนี้ก็หวังว่าจะไม่เอารองเท้าโบว์ลิ่งกลับไปบ้านอีก
สายตาทุกคู่มองดูลีลาของผม
ลีลาเสือแก่
นุ่มนวล แรงน้อย ไม่รุนแรงโครมคราม หรือ ออกเสต็ป แบบวัยรุ่นเลนส์ข้างๆ
ทั้งสาวและหนุ่ม
ผมนึกในใจ
เมื่อก่อนก็เงี้ยๆเหมือนกันแหละ
กลับเข้ามาสู่ท่าทางของมาดขรึมต่อไป
ส่วนหนึ่งเนื่องจากแอลกอฮอลล์ทีเสพเข้าไปเริ่มแพร่ความซาบซ่านเข้าสู่สายโลหิต
ยิ่งโยนก็ยิ่งเอียงเข้าข้างทาง
จนที่สุดหมดฤทธิ์
แลกรองเท้าคืนเรียบร้อยก็ออกมาเดินเล่นต่อ
แต่ว่าเหล้าเบียร์แก้วแรกย่อมเป็นตัวจุดชนวนเรื่องราวตามมา
เพียงแต่ว่า
เมื่อได้ออกกำลังและเหงื่อออก
มันก็ทำให้ไม่เมาเท่าไหร่
ผมดูนาฬิกาข้อมือ
โป๊ะ
ได้เวลากลับบ้านแล้ว
ในวันนี้
ว่าง และได้ทำในสิ่งที่อยากทำแล้ว
ไม่ว่าสิ่งนั้นจะมีสาระหรือไม่
ได้เล่นโบว์ลิง แล้ว
ได้พ่นควันแล้ว
ได้ลิ้มรสชาติน้ำและฟองเบียร์แล้ว
กลับบ้านดีกว่า
ถึงบ้านเมียมองหน้า และทำจมูกฟุตฟิต
ผมมั่นใจมาก
ก่อนเข้ามาก็ดมแล้วไม่มีกลิ่นใดๆทั้งสิ้น
ทำท่าคล้ายไม่มีเรื่องราวใด
และก็ไม่มีเรื่องราวใด
ตกตอนดึกสงัด
ผมใช้นิ้วสะกิดเมียรัก
เมียผมรู้สึกตัวแล้ว
เมียผมพลิกตัวนอนหันไปทางโน้น
ในยามค่ำคืน ดึกสงัดเงียบและเหงาเปล่าเปลี่ยว
ผมเริ่มสำนึกแล้วว่า
สิ่งที่ทำลงไปเมื่อกลางวัน
ย่อมจะมีผลในยามค่ำคืน
แม้ในระดับจอมยุทธจะไม่ยอมพูดกันตรงๆ
แต่เมื่อเป็นแบบนี้ก็ใช้ได้แล้ว
ผมจะจำได้เสมอ
เว้นไว้แต่ว่า
เมื่อได้ลิ้มของมึนเมาทั้งปวงไปแล้วหนึ่งแก้ว