เพียงติ๊ดเดียว
สะพั่งสะท้านไมภพ
ผมหลงทางไปในความแปลกแยกทางความคิดเห็นที่หลงละเมอเพ้อพกไปว่าอาจมีหลักการหรือทฆษฏีที่เราไม่รู้
แต่ทว่าเมื่อทนทำไป
ทุกสิ่งทุกอย่างที่ทนทำไป จนกระทั่งได้คิด มันทำให้เกิดมุมมองใหม่ๆ
หนนี้ก็เช่นเดียวกัน
แม้หน้าที่การงานจะแสนกระจอกงอกง่อย
แม้หน้าตาท่าทางบ่งบอกถึงความเป็นผู้มีบารมีสูง
แต่ทว่างานการที่ทำก็กระจอกปอกกล้วยกว่าที่คนไหนอื่นๆจะคาดคิด
แต่ทว่าในท่ามกลางความกระจอกนั้น ย่อมต้องมีสักหนึ่งสิ่งที่จะต้องทบทวน
ผมได้เข้าประชุมในที่สูงสุด ผู้เข้าร่วมประชุมมีชื่อเสียงในทางที่เลิศสติปัญญาที่สุด
เมื่อหันกลับมามองตนเองแล้วก็พบว่ามีข้อไม่ถึงกับบกพร่องแต่จะต้องเรียนรู้เพิ่มเติม และสนใจบางเรื่องให้มากว่าเดิม
มันบังเกิดเป็นความสุข
มันเป็นการใช้ชีวิตให้ได้อย่างมีความสุข และมีองค์ประกอบมีงานด้วย
มันทำให้คิดต่อได้ว่าความรู้ที่ต้องการเพิ่มอีกคืออะไร
การอ่านจะต้องเสียเวลามากมาย แต่การฟังเขาพูดคนที่เก่งๆพูดเนี่ยสามารถย่นย่อระยะเวลาได้มากมาย
สิ่งที่ไม่ยากที่จะรู้ในยามอยู่ท่ามกลางคนหลายๆฝ่าย
ความต้องการของเขาคืออะไร
เมื่อนึกก็รู้ได้อย่างไม่ยาก
เมื่อรู้แล้วก็ยิ้ม
เวลาอยู่บ้านก็พูดเจื้อยแจ้ว แต่เวลาอยู่ในการประชุมแล้วเงียบเป็นเป่าสาก
อ๋อ ไม่ใช่เพราะว่า วิปลาส แต่เป็นเพราะ อยากฟังเขาพูดกันมากกว่า
และนั่งมองดูวิสัยทัสน์ คำว่าวิสัยทัศน์เนี่ยแปลว่าพูดแล้วจะต้องทำได้จริงๆ หากพูดแล้วทำไม่ได้หรือไม่มีร่องรอยว่าจะทำได้เลยเนี่ยเรียกว่า เพ้อเจ้อ
เพียงนิดเดียวเท่านั้นที่ทำให้คนเราออกนอกแนวทาง
แม้วที่บาดเจ็บไปหาหมอ แล้วพร่ำบ่นกับหมอว่า ช่างโชคดีแท้ ที่อ่านภาษาไทยเป็น พอเห็นป้ายบอกโค้งว่าโค้งอันตราย เขาจึงขับไปอย่างซื่อๆ มิงั้นคงตายไปแล้ว
เมื่อถึงเวลารับผล กลับดีใจจนลืมตัว หรือ เสียใจจนเกินไป
แต่เวลาทำเหตุต่างๆกลับไม่ได้ยั้งคิด
เหตุเล็กๆหลายๆครั้งก็กลับกลายเป็นผลจากเหตุเล็กๆที่มีขนาดใหญ่ได้
ขอบพระคุณที่ติดตามผลงานครับ