หอมห่อหมกกุดจี่เบ้าแม่เฒ่าตู้ ละไมฝน เล่าสู่ฟัง แดดแรงร้อนระอุอ้าว แผดเผาแผ่นดินอีสานแล้งระแหง ดุจเส้นแส้โบยตีแม่เฒ่าตู้ผู้ยากไร้ กำหมัดกัดฟันสู้ชีวิตมาแต่หอยกาบเท่าฝ่าตีน เมื่อตอนอายุย่างเยาวเรศรุ่นจนเจริญศรี อีนางตู้น้อยก็ตำข้าวเป่าไฟโชน นวดเฟ้นบีบเอ็นแข็งเอ็นอ่อนนวยได้ อีนางตู้น้อยสืบสานมรดกทรหดผ่านเงื้อมเงายากเข็ญรำเค็ญทุกข์ ทะเลแดดเคี่ยวกรำให้แข็งแกร่ง งานหนักเอางานเบาสู้ นอกจากนั้นยังมีความเชี่ยวชาญในการหาของกินที่หายากสารพัดสารพันอย่าง... การเสาะแสวงหาอาหารรสชาติเอมโอชะ เป็นทักษะทอดตรงจากเถือกเถาเหล่ากอมาหลายชั่วอายุคน สิ่งที่กินได้หายหิว แม้นว่าอยู่สูงบนยอดไม้ปลายฟ้าก็ไม่สูงเกินเอื้อมคว้าถึง หลายชนิดซ่อนเร้นอำยวนอยู่ในรู ลวงพรางสายตาอยู่ใต้ดินแล้งลึกเพียงไหน ก็ยากจะรอดพ้นแม่เฒ่าตู้ผู้สันทัดชีวิตได้ วัฒนธรรมการบริโภคของคนอีสานรุ่มรวยไปด้วยภูมิปัญญาพื้นถิ่น มวลแมลงหลากขารสชาติอร่อยหลายชนิด มีคุณค่าทางโภชนาการสูง ราวกับว่าพวกแมลงไต่เดินเหินบินมาชดเชยสภาพภูมิประเทศอันแห้งแล้ง แมลงกินูน อาศัยอยู่ตามรากไม้ และเล็มใบมะขามอ่อนหนึ่งฝน สุมไฟใต้ต้นมะขาม แมลงกินูนก็จะร่วงกราวลงมานอนบนเสื่อกกที่ปูรองให้เก็บไปคั่ว ทอด ป่นได้เอร็ดอร่อยลิ้น แมลงกระชอน รูปร่างคล้ายจิ้งหรีด หนวดสั้น อาศัยตามพื้นดินชื้นแฉะใกล้แหล่งน้ำ แม่เฒ่าตู้ชอบจับมาทำเมนูเด็ด แกงอ่อมใส่ผักลืมผัว แมลงทับ ปีกแข็งวาวสีปีกแมลงทับ นำมาเสียบไม้ปิ้งโรยเกลือ หรือคั่วคลุกพริกไทย หอมไกลจากบ้านใต้ถึงบ้านเหนือ กินได้หายหิวหากไม่เสียดายปีกสวย แม่เป้ง (นางพญามดแดง) เกิดมาเพื่อผสมพันธุ์และวางไข่หวานลิ้น นำมาคั่วไฟอ่อนๆ แก้มเหล้าขาว กินง่ายถ่ายคล่องนัก ทุกวันนี้แมลงต่างเริ่มหายไปจากธรรมชาติ พวกเล่นแมงหัวใส จึงจับแมงสะดิ้ง (จิ้งหรีดที่ตั้งท้องก่อนวัยอันควร) มาเลี้ยง ขายดิบขายสุกรายได้เป็นกอบเป็นกำ แมงสะดิ้งที่ไข่เต็มท้อง จะคั่วก็ได้จะแกงก็ดี เวลาแกงหน่อไม้รวก ใส่ข้าวเบือเหนียวๆ หนืดๆ อย่าลืมโรยแมงสะดิ้งลงลอยเล่นน้ำใบย่านางเขียวขื่นซดคล่องคอ ฯ ล ฯ แมลงกุดจี่ตัวผู้เขาโง้งคล้ายด้วงยักษ์ชอบบินเล่นไฟ แต่แมลงกุดจี่ตัวเมียค่อนข้างอาภัพอาศัยหากินอยู่ตามกองขี้วัว ขี้ควาย ควรแช่น้ำให้สิ่งสกปรกละลายคลายเครื่องสิ่งสกปรกสัก 2- 3 คืน ค่อยนำมาประกอบอาหาร มีข้อยกเว้น แมลงกุดจี่ที่อาศัยหากินตามกองอุจจาระมนุษย์ แม่เฒ่าตู้ไม่นิยมเก็บมารับประทาน กุดจี่ไม่มีมันสมองเหมือนมนุษย์ แต่รู้จักรักษาเผ่าพันธุ์ด้วยการฝังตัวอ่อนไว้ในขี้ควาย มันบรรจงปั้นเป็นก้อนกลมๆ ขนาดเท่ากำปั้น เร้นเลี้ยงลูกอำยวนไว้ในรังใต้รูลึก ในตำนานของชาวไอยคุปต์ มนุษย์สุดประเสริฐนับถือแมลงกุดจี่ประดุจเทพเจ้า อารยชนชาติอียิปต์โบราณเรียนรู้การทำมัมมี่จากเบ้ากุดจี่ อันรสชาติหวานมันของกุดจี่เบ้าตัวอ่อนอวบอ้วน เป็นอาหารระดับขึ้นเหลาของชาวอีสาน แม่เฒ่าตู้บ้านโคกสะอาดหวนถวิลหามากินทุกปี... ฤดูเมฆฉ่ำสีชอุ่มชุ่มฟ้า น้ำมากหลากไหลท่วมนาหนอง กบเขียดรื่นเริงร้องหาคู่ แต่กุดจี่ตัวดำหน้าต่ำกลับจำศีลภาวนา อันเป็นที่มาของสำนวนอีสาน มิดอีหลี ปานกุดจี่ฟังธรรม เทียบเคียงความหมายว่าเงียบเป็นเป่าสาก เมฆฝนจางนางจรจากนาหลังฤดูกาลเก็บเกี่ยว กุดจี่ก็ตบะแตกร่านหาคู่ผสมพันธุ์ อีนางตู้น้อยเมื่อปฐมวัยฝาหอยกาบเท่าฝ่าตีน เคยเดินตามหลังแม่แบกเสียมก้อมคอนตะกร้า ท่ามกลางแสงแดดร้อนระยำ ส่องแสงแผดเผาซากตอซังข้าว ใบหญ้าเกรียมแห้ง แต่ดวงตาเด็กน้อยกลับแจ่มกระจ่าง เสาะส่ายหาขี้ควายกองใหญ่ ซึ่งเป็นขี้ควายพ่อพันธุ์ที่สมบูรณ์ที่สุด ที่กุดจี่เจาะจงเลือกอยู่อาศัย ข้างกองขี้ควายกองใหญ่ มักปรากฏขุยดินกลบรูกุดจี่เบ้าอยู่อย่างเงียบงัน ถึงแม้กุดจี่ใช้กลยุทธ์ ลับ ลวง พราง เพียงใด ก็หารอดพ้นสายตาแหลมคมของอีนางตู้น้อยไม่ เด็กหญิงกองก้นกองกอยขุดดินแห้งระแหงตั้งแต่ฝาหอยกาบเท่าฝ่าตีน อีนางน้อยช่วยแม่ขุดรูหาเบ้ากุดจี่จนน้ำเหงื่อไหลย้อย กว่าจะได้เบ้ากุดจี่สักเบ้า รังบางรูลึกเลี้ยวเกือบหนึ่งช่วงแขนผู้ใหญ่ อีแม่...ข้อยขุดได้อีกเบ้าแล้ว เสียงแจ่มใสร้องตะโกนอย่างดีใจ ปานว่าขุดพบทองคำใต้กองขี้ควาย มือน้อยๆ คว้าขี้ควายก้อนกลมเท่ากำปั้นขึ้นมาชูอวดแม่ อีนางตู้น้อยกองก้นกองกอยขุดหากุดจี่เบ้าตั้งแต่ฝาหอยกาบเท่าฝ่าตีน จนฝ่าตีนกางเป็นใบตาล ก็ไม่เคยนึกเบื่อหน่ายเมื่อยล้าสักครา รสชาติหวานมันอันโอชะของตัวอ่อนกุดจี่เบ้ายั่วน้ำลายปลายลิ้นมิแห้งเหือด กุดจี่เบ้าฤดูหนาวตัวเล็กไม่น่ากิน เหมือนกุดจี่เบ้าฤดูแล้ง ช่วงนั้นตัวอ่อนจะโตเขื่องเต็มเบ้า เต็มปากเต็มคำ หวานมันเป็นที่สุด ก่อนนำกุดจี่เบ้าไปรับประทาน ควรกะเทาะเบ้าขี้ควาย ล้างน้ำสะอาดก่อนผึงลมให้สะเด็ดน้ำ แล้วจึงนำไปปรุงอาหารตามใจชอบ นักกินแมง มีเคล็ดลับการปรุงรสกุดจี่เบ้าให้หวานลิ้น ด้วยการลวกน้ำเดือดปุๆ ประมาณครึ่งนาที ตักขึ้นมาแช่น้ำปลา น้ำมะนาวที่เก็บจากต้นสดๆ สาโทชนชมชอบพร่าตัวอ่อนกุดจี่เบ้า เน้นเปรี้ยวน้ำมะนาวจากต้นเท่านั้น อย่าลืมโรยกระเทียมกลีบซอยแว่นบางๆ พริกขี้หนู แต่งหน้าด้วยใบสะระแหน่ วางเคียงผักแพว เมนูเด็ดแม่เฒ่าตู้ ผู้ห่อหมกตัวอ่อนกุดจี่เบ้าอร่อยที่สุดในหมู่บ้านโคกสะอาด เตรียมเครื่องปรุงกันเลย หอมแดง ตะไคร่หั่นฝอยบางๆเบาหวิว พริกขี้หนูเขียวละอ่อน ใบแมงลักเก็บจากริมรั้ว ใบมะกรูด ไข่ไก่ 1- 2 ฟอง วิธีห่อหมกง่ายกว่าปอกกล้วยดิบป้อนเด็กทารก เพียงแค่ตีไข่ใส่เครื่องปรุง น้ำปลา ห่อใบตองกล้วย ย่างไฟถ่านไม้แดง อุณหภูมิอ่อนโยนถึงร้อนปานกลาง พอกลิ่นหอมกำจายจากหัวบ้านถึงท้ายบ้าน ก็ยกลงจากเตา นั่งล้อมวงปั้นข้าวเหนียวกินได้หายหิว ปัจจุบัน ณ กาล... ทุ่งนาในยุคเทคโนโลยีสมัยใหม่ ห่วงโช่อาหารธรรมชาติถูกทำลายลง น้ำนาไม่มีปลาขี้คราดให้เด็กๆ แย่งกันเก็บ เสียงควายเหล็กดังกระหึ่มรบกวนกบเขียด ตกใจไร้อารมณ์ผสมพันธุ์ กุ้งหอยปลาปูป่วยไข้ตายเพราะพิษภัยสารเคมี ชาวนาในยุคทุนนิยม ขายควายเข้าโรงฆ่าสัตว์ ซื้อควายเหล็กมาไถนา หลายหนุ่มถูกหางควายเหล็กฟาดซี่โครงช้ำเลือดตาย หลายเฒ่าป่วยตายเพราะสู้แรงกระเทือนซางของควายเหล็กไม่ไหว พ่อเฒ่าโต้นซื้อควายเหล็กมาไถนาไม่ถึงปี ผ่ายผอมเป็นซี่โครงเดินได้ เย็นหนึ่งแกนั่งบ่นกับผีตาแฮกที่หัวนาว่า ปู่ตาแฮกเอ้ย...ควายเหล็กผีเปรตตัวนี้ มันกินอย่างเดียว บ่ขี้จักเทื่อ ไม่มีเสียงตอบจากผีตาแฮก แม่เฒ่าตู้ผู้เสาะหากุดจี่เบ้ามาแต่ฝาหอยกาบเท่าฝาตีน เติบใหญ่จนฝ่าตีนกางเป็นใบตาล ก็ไม่เคยสิ้นไร้ไม้ตอกเพียงนี้ นอกจากหากินกุดจี่เบ้ายากเย็นแสนเข็ญแล้ว แกยังไม่ขมขื่นใจเท่าควายเหล็กไถนาได้กลืนกินกำลังวังชาพ่อเฒ่าตู้หดหาย หมดเรี่ยวแรงทำการบ้านตอนกลางคืน กลางดึกคืนหนึ่ง แม่เฒ่าตู้พลิกกายก่ายกอดคนนอนข้างกาย มือเผลอลูบคลำเบ้ากุดจี่สองเบ้าของเฒ่าโต้น นวดเฟ้นเอ็นอ่อนจนอ่อนใจ ถึงกับละเมอครางอย่างหมดอาลัยตายอยากในความหลับว่า บักเฒ่าเอ้ย...ถ้ามึงยังบ่เอาควายเหล็กไปทิ้ง กูสิเป็นฝ่ายทิ้งมึงไปหาผัวใหม่แน่ๆ เลย ............................................
5 กันยายน 2552 07:15 น. - comment id 107913
ขอบคุณครับอ่านสนุก เพลินดีจนจบไม่รู้ตัว อยากลองกินแมงขี้ควายนั่นสักที แต่ไม่รู้ไปหาที่ไหน เยี่ยมครับชอบ ชอบ
5 กันยายน 2552 08:52 น. - comment id 107915
อ่านแล้วคิดถึง แมงกุ๊ดจี่อ่ะ อายุเยาวเรศรุ่นเจริญศรีนี่ ประมาณไหนอ่ะคะ
5 กันยายน 2552 10:00 น. - comment id 107917
สวัสดีครับ คุณ ปฐวี ที่แวะมาอ่านสำราญคดีคัน ของละไมฝน ถามว่า กุดจี่หากินได้ที่ไหน ไปที่ตลาดไท รังสิตครับ รับรองว่าอร่อยๆ ขอบคุณครับ
5 กันยายน 2552 10:02 น. - comment id 107918
สวัสดี คุณเฌอมาลย์ ที่แวะมาอ่านสำราญคดีคันๆ ของละไมฝน อายุเยาวเรศรุ่นเจริญศรี ในเรื่องนี้ประมาณ 16-17 ครับ ขอบคุณครับ
5 กันยายน 2552 12:50 น. - comment id 107922
อ่านสนุกมากครับ ดื่มด่ำในชีวิตชาวอิสาน ผมก็อยากลองชิมกุดจี่เบ้าเหมือนกัน หน้าตามันเป็นยังไงครับ ใครมีรูปถ่ายลงมาเผื่อแผ่บ้างนะครับ อีกภาพที่อยากจะเห็นคือหอยกาบ มันใหญ่ขนาดฝ่าตีนเลยหรือครับ แล้วที่ใหญ่กว่านั้นมีไหมครับ ใครมีภาพเผื่อแผ่กันดูด้วยนะ ขอบคุณล่วงหน้าจ้า
5 กันยายน 2552 17:09 น. - comment id 107925
6 กันยายน 2552 13:34 น. - comment id 107929
ตอบข้อสงสัยคนบนเกาะ หอยกาบเป็นหอยน้ำจืด ฝังตัวอยู่ใต้ดินโคลนปนทราย โผล่กาบขึ้นมาเพียงเล็กน้อย เพื่อหายใจ รับประทานได้ เนื้อเหนียว คนอีสานสมัยก่อนนิยมเอากาบมาทำเป็นช้อนซดแกงครับ รูปพรรณคล้ายหอยแมงภู่ แต่ตัวใหญ่กว่า ใหญ่กว่าฝ่าเท้าเด็กทารกก็มีมาก ส่วนแมลงกุดจี่ คล้ายๆ ตัวกว่างครับ แต่เล็กกว่า ทุกวันนี้หากินยาก เพราะไม่มีมูลควายให้อยู่อาศัย ใกล้จะสูญพันธุ์แล้ว ต่อไปอาจจะเป็นมีนักเล่นแมง เลี้ยงกุดจี่ขายนะครับ ขอบคุณที่แวะมาอ่านงานผมครับ ละไมฝน
6 กันยายน 2552 14:51 น. - comment id 107930
อ่านแล้วเพลินดี แถมมีภาพให้ร่วมจินตนาการ (กำลังฝึกทำห่อหมกปลาสากอยู่ค่ะ รสชาติยังไม่กลมกล่อมเลย )