- เยือนบ้านสวน - - ฟังเสียงคลื่นครวญริมเล - - เตร็ดเตร่บนเขาคิชฌกูฏ - เช้าตรู่ของวันเสาร์ .. ข้าพเจ้ามีนัดกับเพื่อนที่อยู่ถนนร่มเกล้า เรามีแผนการเดินทางไปเมืองจันท์ ในเป้สีขาว มีชุดลำลองเตรียมพร้อมผจญภัย 2 ชุด พร้อมแปรงสีฟัน+ยาสีฟัน ให้ตายเหอะ .. ข้าพเจ้าลืมใส่ใจตัวเองจนกระทั่ง หวี .. ก็ไม่ได้พกไป ข้าพเจ้าไปยืนอยู่หน้าบ้านเพื่อนตอนหกโมงครึ่ง เพื่อนใจร้าย ไม่เลี้ยงข้าว .. ปล่อยให้ข้าพเจ้าไส้กิ่วท้องร้องกร๊วก ๆ อยู่เป็นนาน กระทั่งข้าพเจ้าลากจักรยานของเพื่อนปั่นไปหาบางอย่างมาประทังชีวิต ก็ยังดี ที่ละแวกนั้นยังพอมีร้านก๋วยเตี๋ยว ไม่งั้นคงได้แทะเบาะอานจักรยานกิน ........................................... ยังจะต้องรอเพื่อนอีกคน ผู้ซึ่งรับหน้าที่เป็นสารถีขับเคลื่อน กระทั่งฤกษ์เหมาะประมาณสิบโมง จึงได้จรลีไปทางเส้นทางมอเตอร์เวย์ การเดินทางก็ไม่มีอะไรมาก .. อ้อ !! ข้าพเจ้า อ๊วกแตก หนนึง .. พิสูจน์หลักฐานแล้ว เป็นเฟรนฟรายท์ร้าน KFC แถมตอนที่อ๊วกแตก เพื่อนก็ยังไม่มีกะใจจะมาเหลียวแลอีกต่างหาก .. เฮ้อ ! แต่วันเสาร์ ก็ช่างเป็นวันที่ไม่มีแดด มันจะดีอะไรเช่นนั้นกันหนอ ไม่มีแดด แล้วจะมีฝนหรือเปล่านะ ข้าพเจ้านั่งเหงื่อตกคิดไปตลอดทาง จนถึงจุดนัดที่โลตัสเมืองจันท์จนได้ เพื่อนของข้าพเจ้านัดพี่ชายไว้ที่นั่น เพื่อที่จะพาไปบ้านสวน ส่วนข้าพเจ้า ไหน ๆ ก็ ไหน ๆ มาทั้งที ก็ต้องคารวะเจ้าที่เจ้าทางเสียก่อน แน่นอน .. ลุงราม ลิขิต นั่นไง ลุงราม มาถึงโลตัสก่อนข้าพเจ้า มาพร้อมกับความโปร่งใสโล่งเลี่ยน ลุงรามเล่าว่า เป็นอะไรก็ไม่รู้ ผมร่วง ก็เลยโกนหัวเหม่งไปซะเลย ข้าพเจ้าชักไม่แน่ใจว่า ลุงรามแอบซ่อนจีวรซุกไว้ที่ไหนหรือเปล่า ฮา .. ........................................... ที่บ้านสวน .. ข้าพเจ้าเดินตามพี่ชายของเพื่อนต้อย ๆ (ไม่ได้แปลว่าชื่อต้อย นะ) เดินไปก็ลากตะกร้าพล๊าสติกใบใหญ่ตามไปด้วย แหงนคอสอยมะม่วงจนเมื่อย พี่ชายของเพื่อนก็ใจดีชะมัด สอยโน่น สอยนี่มาให้กิน จนย่อยแทบไม่ทัน มะพร้าวก็มีอยู่หลายต้น เล่นสอยเลือกทลายละหนึ่งลูกมาให้ชิม โห .. นักชิมมีอยู่สามคน มะพร้าวตั้ง 5 ลูก มะม่วงอีกต่างหาก เพื่อนสนใจต้นสาเก ซึ่งข้าพเจ้าก็ไม่เข้าใจว่า จะหลงใหลอะไรกันนัก ส่วนไอ้พุ่ม ๆ ที่มองดูคล้ายหญ้าใบใหญ่ ๆ ข้าพเจ้าก็เพิ่งจะรู้ว่า มันคือต้นตะไคร้ โธ่ .. มันเป็นพุ่ม ๆ น่ะ ยังคิดในใจเลยว่า ไหง๋.. มีแต่ต้นหญ้าวะเนี่ย อื่น ๆ ข้าพเจ้าไม่ค่อยจะสนใจสักเท่าไหร่ ด้วยความที่ซื่อบื้อเรื่องพฤกษาศาสตร์ ทว่า .. มะละกอ ข้าพเจ้ารู้จัก นะ .. ........................................... บ้านสวนหลังนี้ มีเนื้อที่ 7 ไร่ ข้าพเจ้าเดินชมมาจนทั่ว สภาพบ้านก็เข้าขั้นดีทีเดียว สองชั้น ห้องน้ำหรู ห้องนอนเจ๋ง ห้องพระก็มี ในครัวยังคงมีตู้กับข้าว และที่ไม่ควรจะอยู่ในครัวก็มี คือ .. โกศ โกศ ของเจ้าของบ้านเดิม ซึ่งรีบร้อนขายและเมื่อทำการซื้อขายเสร็จแล้วก็รีบไป ข้าวของเครื่องใช้ต่าง ๆ จึงดูเหมือนว่า ยังคงอยู่ครบถ้วน ข้าพเจ้ารู้สึกไม่ดี ที่เห็นโกศ กระทั่งรูปภาพของผู้ชายคนหนึ่งซึ่งน่าจะเป็นเจ้าของกระดูกในโกศ ข้าพเจ้าก็ยิ่งรู้สึกไม่ดีไปกันใหญ่ เท่าที่สอบถาม ดูเหมือนว่าเจ้าของบ้าน(เดิม) ไม่สนใจไยดีที่จะนำติดไปด้วย พี่ชายของเพื่อนเล่าว่า พยายามหลายครั้งหลายหนแล้วในการแจ้งให้มาขนย้ายไป เหมือนพูดกับกำแพง ไม่อะไรตอบสนองเลย น่าเศร้าเสียจริง ........................................... ทำเลบ้านสวนอยู่ไม่ไกลจากทะเล พอจะเดินได้ พี่ชายของเพื่อนพาทัวร์ ซีกขวาก่อนคือฟากอ่าวหลาว และก็ซีกซ้ายคือแหลมสิงห์ บรรยากาศดีทีเดียว ผู้คนไม่พลุกพล่านนัก เพื่อนคนหนึ่งบอกว่าติดใจที่นี่ซะแล้ว ........................................... ที่แหลมสิงห์ .. เด็กผู้หญิงสามสี่คนกำลังเล่นชิงช้า ส่งเสียงเจี๊ยวจ๊าวกันสนุกสนาน หนุ่มสาวคู่หนึ่งเดินจูงมือเอาเท้าแตะฟองคลื่นเล่น ฝรั่งพุงพลุ้ยเดินลุยลงทะเลไปแล้ว พร้อมกับส่งเสียงเรียกเพื่อน ๆ ให้ลงเล่นน้ำ วัยรุ่นกลุ่มหนึ่งกำลังดีดกีตาร์ร้องเพลงอย่างครึกครื้น ข้าพเจ้าเดินเล่นอยู่พักหนึ่ง ก็กลับเข้าบ้านสวน มีงานใหญ่รอให้ข้าพเจ้าทำอยู่ ซึ่งข้าพเจ้ารู้สึกสนุกสนานกับงานนั้นมาก แหม ! น่าจะรู้นะ ข้าพเจ้าชอบมะม่วง งานนี้พลาดได้ไง สอยมะม่วงน่ะสิ ........................................... สี่ทุ่ม .. หลังจากเติมพลังเต็มที่ก่อนขึ้นเขาคิชฌกูฏ ข้าพเจ้าก็นั่งไปหลับไป จนถึงปลายทาง น่าจะห้าทุ่มกระมัง แต่ .. ต้องรอเพื่อนอีกกลุ่ม ซึ่งกำลังเดินทางมาจากกรุงเทพ ก็ดี .. นอนต่อ จนกระทั่งเพื่อนที่มาสมทบเดินทางมาถึง อ.แกลง ข้าพเจ้าเดินตามเพื่อนอีกสองคนอย่างเงื่องหงอยง่วง .. เข้าแถวซื้อบัตรเพื่อที่จะขึ้นรถขึ้นเขา แถวย๊าววววววววววววยาววววววววววว ยืนรอจนกระทั่งรับฟังผลบอลว่า ลิเวอร์พูลเขย่าจนโลงผีแตก 4 :1 แต่ตอนนั้น ข้าพเจ้าฟังไม่ค่อยได้ศัพท์เท่าไหร่ ดันเข้าใจว่า ลิเวอร์พูลแพ้ ได้แค่ 1 ประตู คิดเอาเองละกันว่า สติสตังค์ของข้าพเจ้าเหลือซะแค่ไหน ........................................... น่าจะใช้เวลาในการยืนแถวเพื่อรอซื้อบัตรขึ้นรถนานกว่า 1 ชั่วโมง การจัดระเบียบในการจำหน่ายบัตรยังไม่ค่อยดีนัก ผู้คนแออัดเบียดเสียดเหมือนอยู่ระหว่างปากขวด คนแซงก็แซงกันไป คนที่เข้าแถวก็เข้าแถวไป ข้าพเจ้าไม่ได้เป็นคนเข้าแถว แต่ก็เตร่อยู่แถวนั้น ประมาณว่ากลัวเพื่อนหาย บ่นนะ .. ไม่ใช่ว่า ไม่บ่น มาวัดกันทั้งที กระทั่งการให้ความยุติธรรมสำหรับคนอื่นยังไม่มี แล้วจะมาเอาบุญอะไรกันได้อย่างไร ........................................... ตีสี่ .. เพิ่งจะกระเด้งตัวจากที่นั่งรอเรียกเบอร์บัตรขึ้นรถอยู่นานสองนาน ทิวทัศน์เป็นยังไง ไม่รู้หรอก มืดซะขนาดนั้น รู้แต่ว่า เหมือนกันนั่งรถแรลลี่ กระแทก กระเด้ง กระโดดดึ๋ง ยังดีนะที่เมื่อสองปีก่อน เคยผ่านด่านอมก๋อยมาแล้ว ถึงแม้ว่าที่เขาคิชฌกูฏที่เขาเล่าลือกันว่าโหดแสนโหด ข้าพเจ้ายังมองว่า .. เด๊ะ เด๊ะ แต่ในระหว่างทางข้าพเจ้าก็ยังเห็นคนเดินเท้าขึ้นเขา โอ .. เยี่ยมมาก นอกจากมีความอดทนสูงแล้ว ยังกล้าเสี่ยงอีกต่างหาก ก็จะอะไรเสียอีกเล่า บรรดารถที่แล่นขึ้น-ลง ต่างก็เหยียบคันเร่งกันสุด ๆ ........................................... ลงรถช่วงแรก ก็เล่นเอาเดินเซเหมือนกัน เพื่อนของข้าพเจ้าเซถลาลงพื้น พร้อมกับเลือดซิป ๆ ที่หัวเข่า ข้าพเจ้าใช้เวลาไม่นานนัก ก็ถือโอกาสเข้าแถวไปซื้อตั๋วรถขั้นที่ 2 ก่อน ให้ตายเหอะโรบิ้น ให้ดับดิ้นเหอะแบทแมน ช่วงที่ 2 นี้ ชันมาก ข้าพเจ้ามองเส้นทางจากไฟหน้ารถแล้วให้ใจหายวูบ บทจะโค้ง ก็แทบไม่เหลือมุมให้วาดโค้งเอาเสียเลย มิน่าเล่า รถที่ขึ้นลง ถึงได้สลับสับหว่างเข้าเลนซ้ายบ้าง เลนขวาบ้าง นี่ถ้าไม่ชินทางจริง ๆ มีหวัง .. ได้เข้าเฝ้าท่านเทพก่อนวัยอันควร ........................................... การเดินทางเกือบถึงจุดหมายแล้ว ผู้คนมากมายเสียจริง ข้าพเจ้าไม่มีอารมณ์จะดึงกล้องถ่ายรูปออกมาเก็บบรรยากาศ เส้นทางที่ต้องเดินขึ้นเขาด้วยเท้า บันไดแต่ละขึ้น อัดแน่นด้วยมนุษย์ อันที่จริง ข้าพเจ้าไม่ใช่คนที่อึด เดินขึ้นเขา ขึ้นบันไดเก่ง แต่ในคราวนี้ ข้าพเจ้าไม่ได้เมื่อยซะเลย เป็นเพราะเดินได้แบบกระดึ๊บ ๆ กว่าจะขยับเขยื้อนที ไอ้ที่จะเมื่อย มันก็หายเมื่อยแล้ว พร้อมที่จะเดินได้ต่อ ยิ่งตอนที่ผ่านช่วงแคบ ๆ คนที่อยู่ด้านในออกไม่ได้ คนที่อยากเข้าไปให้ถึงรอยพระพุทธบาทก็เข้าไม่ได้ เห็นแล้ว ปวดกะบานวุ๊ย ยืนไปยืนมา ฟ้าเริ่มสาง พอมองเห็นทิวทัศน์รำไร ข้าพเจ้าง่วง พอยืนอยู่นาน ณ ตำแหน่งเดิม ก็เลยยิ่งง่วง ถึงแม้ว่าอากาศจะค่อนข้างเย็น จนขนแขนตั้งเด่มาหลายชั่วโมงแล้ว หนังเนื้อบนแขนของข้าพเจ้า ดูไปดูมา ชักเหมือนหนังไก่เข้าไปทุกที ข้าพเจ้าก็ยัง ง่วง ... อยู่ดี นั่นแหล่ะ ........................................... ในที่สุด ข้าพเจ้าก็ถูกฝูงชน ชนกระเด็นจนพลัดหลงจากเพื่อนจนได้ เหลือหน่อเดียวกระเทียมลีบ เดินเตร็ดเตร่ มองไปทางไหน ก็เจอแต่คนที่ไม่รู้จัก ข้าพเจ้าใช้ช่วงเวลาที่รอ เข้าไปกินอาหารเช้าที่ทางวัดจัดจำหน่าย ก็อร่อยดีนะ .. อย่างน้อย ถือเคล็ด อิ่มไว้ก่อน ........................................... บางช่วงที่สัญญาณมือถือใช้งานได้ ข้าพเจ้าก็นัดแนะกับเพื่อน อืม เออ .. จะไปรอตรงนั้นนะ ตรงนี้นะ .. แล้วข้าพเจ้าก็สบายอกสบายใจ ดูนั่นดูนี่ ไปตามเรื่อง ขนาดที่ว่า ไปนั่งตรงข้ามกับขอทาน แล้วจับเวลาว่า ครึ่งชั่วโมงมานี้ ประมาณการรายรับของขอทานสักเท่าไหร่ โอวววว แม่เจ้าโว๊ย แค่ครึ่งชั่วโมงเท่านั้น ข้าพเจ้าเห็นขอทานคนนั้น เก็บแบงค์ร้อยใส่ย่ามไปประมาณ 3 ครั้ง ส่วนแบงค์ยี่สิบ ก็เห็นล้วงเก็บ ล้วงเก็บ น่าจะ 30 ใบ ข้าพเจ้าคิดว่า ตัวข้าพเจ้าเองนี้ ช่างน่าไม่อายเล้ย อุตส่าห์ไปนั่งจ้องเอาจ้องเอา นับเงินของเขาอีกแน่ะ ........................................... ไม่บอกไม่รู้ .. ไม่มีใครโทรมา ก็ไมรู้อีกนั่นแหล่ะ ปรากฏว่า เพื่อนทุกคนลงด้านล่างพื้นดินกันหมดแล้ว คงเหลือแต่ข้าพเจ้า ที่ยืนกินมะขาม พร้อมกับดูเจ้าหมีบุญรอดเล่น ฮา .. ไม่รู้นี่หว่า นี่ก็คิดว่า ไม่ช้าแล้วเชียว คิดว่า ยังไงซะ ต้องเห็นเพื่อนตอนลงเขามาขึ้นรถ ที่ไหนได้ เขาลงทางลัดกัน มันก็เลยทำให้ข้าพเจ้าพลัดหลงลำพัง ........................................... ง่วง .. เหมือนเดิม ทันที ที่ขึ้นรถ ข้าพเจ้าไม่ปล่อยให้โอกาสลอยนวล หลับสิ .. ไม่ได้มีหน้าที่ขับรถนี่นา นอนโลดดดดดดดดดดดดดดดด
บรรยากาศในสวน มีคนแอบถ่ายบั้นท้ายของข้าพเจ้า ส่วนสองภาพบน .. ข้าพเจ้าเคยคิดว่า มันคือขนุน แต่ตอนนี้ รู้แล้ว .. สาเก ... ถูกต้องคร๊าบบบบบบบบบบ
ด้านบนซ้าย เป็นรูปพระโพธิสัตว์กวนอิม นี่ขึ้นรถไปทอดหนึ่งแล้ว ส่วนอีกสามภาพที่เหลือ เป็นบรรยากาศของภาคพื้นดิน พุทธบริษัท .. พุทธบริษัท .. พุทธบริษัท ..
เห็นคนมาก ๆ แล้วมึน ไม่รู้จะเก็บบรรยากาศมาฝากได้อย่างไรดี กลม ๆ ด้านซ้ายบน อยู่ไม่ไกลจากพระโพธิสัตว์กวนอิม ข้าพเจ้าเห็นบางคนใช้ไม้ตี เสียงก็เป็นฆ้องโมงงงงงง และข้าพเจ้าก็เห็นบางคนใช้มือถูปาด ๆ จนเกิดเสียงได้ด้วยแฮะ
ตามรายทาง ก็มีการโปรยดอกไม้ บ้างก็วางธูปใต้ต้นไม้ใหญ่ ศักดิ์สิทธิ์ไปหมด ขวาล่าง เห็นคนนั่งเสลี่ยงไหม นั่นแหล่ะ ใช้ทางด่วนพิเศษเชียวนะ จะมีคนเปิดทางให้คนหามคานเดินสะดวก มีบางคนพูดว่า หลบ..เครื่องบินมาโว๊ย ข้าพเจ้านึกขำในคำเปรียบเทียบที่ได้ยิน
บรรยากาศริมเล บรรดาสาวน้อยสนุกสนานกับชิงช้า สารถีนั่งหย่อนใจ เหนื่อยก็ไม่เหนื่อย เมื่อยก็ไม่เมื่อย ง่วงก็ไม่ง่วง
17 มีนาคม 2552 19:38 น. - comment id 104324
ก่อนหน้านี้ไม่นาน ก็มีเพื่อนที่บ้านกลอนท่านหนึ่งไปเขานี้มาเหมือนกันค่ะคุณอัลฯ เขากลับมาเล่าให้แบมฟัง ทำให้อยากไปมาก แต่เพื่อนบอกว่า จะขึ้นได้ปีละครั้ง ต้องรอปีหน้าเลยเหรอคะ อยากไปขอพรบ้างจังเลยค่ะ
17 มีนาคม 2552 19:50 น. - comment id 104325
ภาพสวยมากค่ะ
17 มีนาคม 2552 20:07 น. - comment id 104329
คุณแก้วประภัสสร .. อัลมิตราเองก็ได้ยินคำบอกเล่ามาจากเพื่อน ๆ ซึ่งก็พอดีกับหัวหน้างานบอกว่า ถ้าอยากไปให้รีบไป เพราะจะมีการเปลี่ยนแปลง อันนี้ข่าววงใน เชื่อถือได้แค่ไหนไม่รู้นะคะ ถ้าคุณอยากไป ต้องรีบแล้วนะ ต้องตั้งมั่นแล้วไป ค่ะ คุณเฌอมาลย์ .. อัลมิตราถ่ายรูปมาน้อยมาก ๆ เลย คือเห็นคนเยอะขนาดนั้น หมดอารมณ์อ่ะ เพราะถ่ายไป ก็จะเห็นแต่หัวคนพรึ่บเต็มไปหมด ตอนขากลับ อัลมิตราตีตั๋วนอนตลอด เอาแรงไว้ก่อน เพราะเย็นอีกวันที่ถึง กทม . ต้องไปงานเลี้ยงฉลองแต่งงานของเพื่อนร่วมงานค่ะ
17 มีนาคม 2552 20:14 น. - comment id 104330
เพิ่งเห็นนี่แหละค่ะ สาเก
17 มีนาคม 2552 20:25 น. - comment id 104331
คุณแจ้น .. แหะ แหะ อัลมิตราเคยเห็นบ่อยนะ คิดว่ามันเป็นลูกขนุนที่ยังเด็กอ่ะ เพิ่งจะมารู้ว่า คือต้นสาเก ก็เมื่อนี่ เอง เห่ยซะไม่มีเลย อัลมิตราเนี่ย
17 มีนาคม 2552 21:29 น. - comment id 104334
เดินชนกะกิ่งโศกมั้ยนี่คุณอัล 14 นะครับกะลังลงจากเขาเลย แต่รถสองแถวขึ้นลงนี่ ประทับใจ สุดๆๆ (โหดมาก อะ ขับขึ้นลงแบบไม่เบรคอะ) นี่ยังเกร็งไม่หายเลยอะ
18 มีนาคม 2552 07:07 น. - comment id 104345
คุณกิ่งโศก .. ช่วงไหนอ่ะ คือช่วงเช้าของวันที่ 14 อัลมิตราเพิ่งจะเดินทางไป กว่าจะถึงเมืองจันท์ก็เที่ยงไปโน่น บ่ายไปบ้านสวน แล้วก็เถลไถลริมเล ค่ำ ๆ กินสุกี้ที่โลตัส แล้วค่อยไปเขาตอนดึกค่ะ กลับลงมาเกือบเที่ยงของวันที่ 15 จ้า
22 มีนาคม 2552 21:32 น. - comment id 104379
สบายดีนะครับคุณมาร์ตี้
23 มีนาคม 2552 13:37 น. - comment id 104381
เฮ้ยยยยยยย คุณไวท์โรด คิดถึงจังเลย คุณไปอยู่ที่ไหนมา มาร์ตี้ตามหาคุณอยู่นะ ในครั้งก่อน ยังเขียนเรื่องสั้นตามหาคุณอยู่เลย มือถือเก่ามันเจ๊งไป เบอร์โทรที่อยู่ในเครื่องก็เจ๊งไปด้วยค่ะ :) ดีใจจัง คุณเป็นอย่างไรบ้าง สบายดีไหม นี่มาร์ตี้คิดถึงคุณบ่อยครั้งนะ เวลาที่เห็นหนังสือที่คุณให้มา ก็ยังนึกขอบคุณเสมอ ๆ มาร์ตี้เล่าเรื่องให้เพื่อน ๆฟังด้วย หลายคนทึ่งในเหตุการณ์ ซึ่งเป็นเรื่องหนึ่งที่ประทับใจจริง ๆ ตอนนี้เมล์ของมาร์ตี้คือ almitra_icc@hotmail.com นะ ไว้ไปกินแมคโดนัลล์กัน