14 ธันวาคม 2548 20:35 น.
extreme life
ย่างยามเย็นเห็นแสงอ่อนแรงลง
เรายังคงองอาจและคาดหวัง
ในร่างกายคล้ายคึกปึกพลัง
เหมือนคลุ้มคลั่งยังครับรับรู้ดี
ตะวันตกนกน้อยล่องลอยจาก
ที่ฟ้าฟากหลากเมฆเสกสรรสี
ฉันลุกยืนชื่นยิ้มอิ่มชีวี
หัวใจนี้มีสุขไร้ทุกข์ทน
มืดเสียแล้วแว่วสำเนียงเสียงจิ้งหรีด
มายืนหวีดกรีดปีกหลีกหลบฝน
ทุกอย่างเปียกเรียกร้องน้องกบซน
มาร้องบ่นพ้นสามทุ่มเหมือนกลุ้มใจ
พอตีหนึ่งถึงเงียบเปรียบกบง่วง
มันเป็นช่วงปวงชนฝันอันสดใส
แต่ตัวเราเฝ้ารอกันต่อไป
เช้าวันใหม่ใกล้แค่เอื้อมตาเชื่อมเอย
11 ธันวาคม 2548 20:40 น.
extreme life
ชีวิตฉันถูกกำหนดหมดทุกอย่าง
ทุกเส้นทางที่ฉันเดินเผชิญหน้า
กับความสุขสมหวังดั่งอุรา
กับความทุกข์อ่อนล้าระอาใจ
ความสุขเกิดจากความดีที่เคยทำ
ความทุกข์ย้ำเคยชั่วตัวเหลวไหล
จึงปวดแสบปวดร้อนเหมือนนอนไฟ
จะมีใครช่วยเราที่เศร้าตรม
เลยอยากหยุดทำบาปเพราะซาบซึ้ง
และตราตรึงกับความทุกข์ไม่สุขสม
อยู่เฉยเฉยดีกว่าทำบาปกรรมปม
ไม่อยากขมไม่อยากขื่นอยากรื่นเริง
ถ้าทำดีแล้วยังซวยเหมือนหวยกิน
คงเพราะยังไม่สิ้นกลิ่นกรรมเหลิง
อาจเพราะทำบาปมามากหลากเปลวเพลิง
บ่บันเทิงก็สมควรล้วนเลือกเอง
10 ธันวาคม 2548 14:35 น.
extreme life
เมื่อร่างกายอ่อนแอแพ้ฝุ่นผง
น้ำมูกคงหยดเยิ้มเหมือนเดิมหนา
ยังคงจามฮัดเช่ยเหมือนเคยมา
ก็อ่อนล้าอ่อนแรงตะแคงนอน
ร่างกายเป็นเช่นนี้ไม่ดีเลย
มันทำเฉยทำนิ่งหัวพิงหมอน
ใจสั่งด้วยสำเนียงเสียงเว้าวอน
ไม่ทุกข์ร้อนหนอกายสบายจริง
เย็นวันหนึ่งแปลกมากอยากเสียเหงื่อ
มิอยากเชื่อสามโลโอ้เราวิ่ง
เลยทำอยู่เดือนได้ไม่ประวิง
อยากจะทิ้งคนเก่าที่เฉาตรม
แล้ววันหนึ่งวิ่งสี่กิโลเมตร
สุดทุเรศแสนเหนื่อยเมื่อยขื่นขม
แต่พอได้นั่งพักหมักอารมณ์
เรี่ยวแรงผมพรั่งพร้อมยอมใจเอย
9 ธันวาคม 2548 14:27 น.
extreme life
เมื่อกาแฟหนึ่งแก้วดื่มแล้วตื่น
เหมือนสดชื่นใจเต้นเป็นกุ้งฝอย
หรือสดชื่นเหมือนดีดดิ้นอยู่ตีนดอย
ให้มันน้อยลงนิดความคิดเรา
ก็กระตุ้นร่างกายง่ายอย่างนี้
อย่างไรดีกระตุ้นใจให้หยุดเฉา
นามปากกานารีบ่มีเงา
ฉันก็เฝ้าคล้ายหมาหาปลอกคอ
อาจเป็นเพราะความว่างที่สร้างขึ้น
เราเลยยืนคิดมากลำบากหนอ
เบื่อเสียจริงนะครับกับการรอ
ถึงจะท้อแต่ความหวังยังคงมี
ตอนนี้อยากทำอะไรไม่อาจตอบ
สิ่งที่ชอบสิ่งที่ฝันมันวิ่งหนี
ทำอย่างไรจะเอาจริงวิ่งเสียที
ก่อนเป็นผีคงคิดได้นะใจเอย
7 ธันวาคม 2548 22:04 น.
extreme life
ฉันวิ่งอยู่บนทางทองของชีวิต
สะดุดนิดล้มคว่ำทำใจหาย
เพราะมองเห็นเส้นชัยนัยน์ตาลาย
ในตัวคล้ายหมดแรงตะแคงนอน
อายก็อายเจ็บก็เจ็บเก็บกดกัก
อยากจะพักสองนาทีมีไหมหมอน
เฝ้ามองหาคนช่วยด้วยเว้าวอน
แดดก็ร้อนลมก็นิ่งเซ็งจริงเชียว
ยังคงนอนอยู่ที่เดิมเริ่มครุ่นคิด
ในชีวิตที่ผ่านมาเคยขาเขียว
เราเคยล้มมาครั้งหนึ่งซึ้งทีเดียว
ครั้งนั้นเปรี้ยวลุกขึ้นสู้กู้เกียรติ์คืน
มาครั้งนี้ล้มอีกปลีกวิเวก
อยากจะเสกเส้นชัยไม่อาจฝืน
ถ้วยรางวัลอยู่ในมือชูถือยืน
สะดุ้งตื่นจากฝันกลางวันวาน
ทำอย่างไรเมื่อล้มสมน้ำหน้า
ขยับขาสิคนแพ้แม้โศกสาน
เอาแขนยันพื้นเปื้อนเหมือนคืบคลาน
อีกไม่นานคงลุกเดินเหินวิ่งเอย