27 ตุลาคม 2547 11:04 น.
extreme life
กาแฟหอมดอมดมก้มสูดกลิ่น
สัมผัสลิ้นรสขมขย่มขวัญ
หายง่วงเหงาเราระรื่นตื่นมามันส์
ดื่มทุกวันฉันต้องการงานตื่นตัว
เพราะกาแฟมีแน่หนาคาเฟอีน
แขกไทยจีนปีนป่ายได้สุดขั้ว
ตาสว่างถ่างไม่กลับหลับไม่กลัว
ใจเต้นรัวเป็นเสียงกลองฆ้องโยธา
แต่กินมากอาจจากโลกโศกก่อนแก่
ไขมันแย่ในครีมเทียมเยี่ยมหนักหนา
น้ำตาลหวานผลาญไม่ลดหมดเวลา
เบาหวานมาล้าหัวใจไม่ดีเลย
จึงควรกินเพียงแต่แค่จำเป็น
คราลมเย็นเห็นท้องตึงหนังตาเฉย
อย่ากินเล่นเช่นกับเพื่อนเหมือนที่เคย
อย่าเฉยเมยเลยตัวเราเฝ้าดูแล
26 ตุลาคม 2547 09:46 น.
extreme life
แวมไพร์ใหญ่ในนิยายสยายปีก
โฉบเฉี่ยวฉีกดูดเลือดเนื้อเพื่ออาหาร
พุ่งจากโลงผีตายโหงในตำนาน
มันต้องการอมตะตลอดไป
ซอกคอขาวน่ากัดมากปากประกบ
เหยื่อสยบอ่อนแรงตัวแข็งใส
แวมไพร์ใหญ่แสนสะใจตาเป็นไฟ
ดูดเลือดใครคนนั้นต้องเป็นตาม
แวมไพร์น้อยล่องลอยในความมืด
ตบกันวืดหนอคนบ่นเหยียดหยาม
ช่วยไม่ได้ไม่มีเลือดมาเป็นชาม
จึงต้องจามเข็มลงตรงเนื้อเย็น
กัดทุกที่ไม่มีเว้นทั้งหัวหาง
ดูดเลือดจางเต็มท้องมองก็เห็น
รู้สึกตัวโดนตบหัวตัวกระเด็น
เกิดมาเป็นยุงน้อยนิดชีวิตแวมไพร์
25 ตุลาคม 2547 12:08 น.
extreme life
นักรบผู้เชี่ยวชาญงานต่อสู้
ชั้นเชิงรู้หลบเลี่ยงเอียงหลบหนี
ทุกหย่อมหญ้าฆ่าไม่คิดปลิดชีวี
ที่ไหนมีผู้เก่งกล้ามาสู้กัน
ครานักรบพบรักประจักษ์ใจ
เกี้ยวพาไปไม่กลัวตายคล้ายในฝัน
หมกตัวอยู่คู่เคียงทุกคืนวัน
เป็นสิ่งอันเพิ่มขวัญวันสบาย
ไฟสงครามลามลุกไม่หยุดยั้ง
ญาติมิตรพลั้งพลัดพลากจากไปหลาย
นักรบคลั่งใส่พลังไม่ยั้งกาย
ฆ่าวอดวายศัตรูผู้มาเยือน
คนข้างกายหายไปในฝูงชน
เหล่าผู้คนสับสนม้าวนเลื่อน
มองเห็นคู่อยู่ในภัยไม่ลบเลือน
ไม่แชเชือนพลีกายในรักพลัน
23 ตุลาคม 2547 17:28 น.
extreme life
ตักผัดไทยใส่ปากฝากรสชาด
โอ้เกินคาดรสชาดดีเหลือหลาย
กุ้งตัวยักษ์นอนขดตัวยั่วน้ำลาย
พร้อมสหายเจ้าหมึกหลายหนวดอวดกัน
เนื้อมันมันนั่นไรหรออ๋อเนื้อหมู
พาเต้าหู้มาเป็นเพื่อนเยือนปากฉัน
หมูหมึกกุ้งพุ่งลงท้องพัลวัน
แถมครบครันด้วยผักล้วนทั้งสวนเลย
ถึงครึ่งจานเส้นคงสานบานเต็มท้อง
ฉันนั่งร้องโอดโอยน้องนั่งเฉย
น้องบอกพี่กินไปมากกว่าที่เคย
ฉันนอนเสยผมแผ่ร่าเหมือนบ้าบอ
น้องแสนดีหาอีโนเทใส่โถ
ทำตาโตเป็นไข่ห่านผ่านฟองฟ่อ
ฉันลุกขึ้นซดทันใดไม่รีรอ
อีโนหนอเศร้าใจทำไมเค็ม
22 ตุลาคม 2547 12:13 น.
extreme life
ฟ้าไม่ใสเหมือนใจที่ไหวหวั่น
เหมือนมีควันกางกั้นบดบังแสง
ต้นไม้น้อยยืนละห้อยไร้เรี่ยวแรง
คนระแวงในรักหักอกตน
เมฆมีมากเหมือนหมู่คนปล้นความรัก
ลอยยึกยักคึกคักทุกแห่งหน
เราคนเดียวมองเมฆเชี่ยวเที่ยวอดทน
อยากบินวนชนเมฆเช่นเครื่องบิน
แล้วฟ้าฝนก็พรูพร่ำกระหน่ำลง
เรายังคงยืนสู้คู่ก้อนหิน
เป็นเพียงน้ำสร้างความช้ำให้ก้อนดิน
อ้าปากกินก้อนฝนจนหมดไป
เหลือเพียงแค่หยาดฝนบนเรือนร่าง
ยังไม่จางความชื้นจากเม็ดใส
เราก็เหลือเพียงแค่ตัวและหัวใจ
กับหวัดไข้เรื้อรังใจไปจนตาย