26 เมษายน 2548 18:37 น.
Dr.Poom
ณ นครโอคาริสซ์ เด็กหนุ่มคนนึงกำลังฝึกกระบี่ อย่างคล่อง ชำนาญ ในวงล้อมของนักเรียน อีกหลายคนชื่อของเขาคือ แพททริค ไดว่ากระบี่ของเขานั้น เป็นกระบี่ที่รวมตัวกันของน้ำแข็ง ซึ่งตกทอดมาตั้งแต่บรรพบุรุษของเขา ซึ่งเขาก็ได้รับมันมาต่อจากพ่อของเขา เพื่อปราบแนวร่วม ของไบล่า ซึ่งเป็นชนเผ่าที่ ได้เข่นฆ่ามนุษย์ โดยศาสตราวุธ ที่น่ากลัวยิ่งนัก พ่อของแพททริค ก็ต้องตายเพราะชนเผ่านี้
ตอนนี้แพททริคก็ทำลังฝึกกระบี่กับครูของเขา ครูของเขาให้ฝึก เพลงกระบี่ ภพน้ำแข็ง
ย้า........
เพลงกระบี่ ภพน้ำแข็ง
ทันใดที่เขาพูดนั้น กระบี่ของเขาเรืองแสงสีขาวจ้า แสบตา!!!!
แล้วเขาก็ฟันกระบี่ลงพื้นเกิดเป็นรอยแยกเล็กๆ แล้วเขาก็ยกดาบขึ้นอีกครั้ง ทันใดที่เขายกดาบขึ้น พื้นที่ที่เขาใช้ฝึกก็ได้มีไอน้ำแข็งเริ่มก่อตัวขึ้น อย่างฉับพลัน!!! แล้วไปรวมตัวกันที่กระบี่ของเขา จากนั้น
เขาฟันกระบี่เป็นแนวนอน พลังน้ำแข็งพุ่งปะทะเป้า เป้าสลายไปในทันที
ดีมากแพททริค เธอก้าวไปอีกขึ้นของการฝึกกระบี่ แล้วนะ ครูชม แพททริค แต่แพททริคได้แต่ยิ้มรับเท่านั้น
นี่คือการใช้กระบี่ที่เยี่ยมมาก อย่างที่แพททริคได้ทำเมื่อกี้นี้ ต่อไป เราจะได้เห็นการใช้กงจักร และ พลังจิต ผสมกัน ซึ่งมีความร้ายแรงทีเดียว ครูพูด
ออกมา ชิล ออกมาแสดงความสามารถที่เธอทำได้ดีที่สุดซิ ครู เรียกตัวเขาออกมา
ครับ!!!! เขาตอบรับ
งั้นฉันจะกำหนดกระบวนท่าให้เธอนะ เอาเป็น.... กงจักรสะท้านฟ้าซิ ครูกำหนดหัวข้อให้เขา
ครับ!!!!เขารับ
เขาหยิบอาวุธออกมา ซึ่งมันดูไม่เหมือนกงจักรเสียเลย มันเป็นเพียงแต่เหล็กเป็นแท่ง แบนๆ มีรูตรงกลาง
แต่เมื่อเขาประกอบมันก็ดูเหมือนเป็นกงจักร กงจักรของเขาเป็นกงจักร หลายแฉก ซึ่งเกิดจากการประกอบ
จากนั้นเขาก็ไปยืนตรงสนาม แล้วหลับตา แล้วเขาก็ยกกงจักรขึ้นระดับสายตา
กงจักร สะท้านฟ้า!!!
แล้วเขาก็ขว้างมันออกไป พุ่งไปที่เป้าด้วยความเร็วสูง!!!
แล้วเกิดแสง สีขาวนวลตารอบๆ ตัวกงจักร
แต่เมื่อมันจะถึงเป้า กลับหมุนเป็นเกลียวขึ้นฟ้า ผ่าลงมาผ่ากลางเป้า แล้วกลับมาที่ ชิลอีกครั้ง แต่มัน... ลอยนิ่งอยู่เฉยๆ ตรงหน้าเขา
ชิลกางมือออก ทำให้กงจักรถูกแยกชิ้นส่วนออกมาเป็นเหล็กแบนๆ หลายชิ้นด้วยกัน ทำให้พวกนักเรียนที่อยู่รอบข้างรู้ว่าเขากำลัง ใช้พลังจิต!!!
เขาควบคุมให้มันพุ่งไปที่เป้าอีกครั้ง!!!
ตูม!!!!
เป้าสลายไปในพริบตา
ดีมาก ดี.. ดีมาก ครูชมเขา
ครูขอจบคาบเรียนนี้ เพียงแค่นี้ละนะครูบอก
นักเรียน ไปได้
เมื่อจบคาบเรียน แพททริค ชิลได้ไปกับเพื่อนอีก 3 คนคือ ออล จินนี่ และทีน่า แต่ละคนมีอาวุธต่างกัน คือ ออลเป็นดาบ จินนี่ใช้สนับมือ( เธอบอกว่าถ้าผู้ชายคนไหนมาหลีเธอ จนเธอรำคาญ เธอก็มีสิทธิ์ ใช้สนับมือแทงของสำคัญของเขาก็เป็นได้ ) ส่วนทีน่า ใช้มีด เพื่อนของแพททริคใช้อาวุธธาตุน้ำแข็งทั้งหมด
ตอนนี้เขาพากันไปกินข้าวที่ร้านโอซิริส ร้านอาหารที่มีแต่นักเรียนทั้งน้าน....
ขณะที่เขากำลังกินข้าวก็คุยกันเกี่ยวกับอาวุธของตัวเอง พร้อมยอตัวเองไป ( ดังคำว่า ไม่มีใครยอ ก็ยอตัวเอง )
ตอนที่ครูให้ฉันใช้เพลงกระบี่ ภพน้ำแข็ง โห... สุดยอดมากๆเลย แต่ใช้กำลังแขนเยอะเหมือนกัน ครูเลยถามฉันก่อนว่า เธอแน่ใจนะที่จะใช้กระบวนท่านี้แสดงต่อทุกคน เธอเป็นคนเลือกเองนะ เขาว่านักเรียนส่วนมากทำกันไม่ค่อยจะได้ เห็นไหม ฉันเก่งขนาดไหน แพททริคพูดไปกินไป (ข้าวเต็มปาก และเกือบไอข้าว สำลักข้าวกระจาย)
ชิส์ แค่กระบวนท่ากระจอกๆ แหวะ สู้กระบวน ดาบมังกรฟ้าดินก็ไม่ได้ เทียบไม่ติดออลอวดบ้าง
แหวะ ไม่เห็นจะดีเลย...แพททริคบอก
ของนายก็กระจอก กว่าฉันอีกออลบอก
นายกระจอกกว่าแพททริคเถียง
นายแหละกระจอกกว่าออลตอบกลับ
นี่พวกนายน่ะ หยุดได้แล้ว ไม่อายเขารึไง ชิลพูด พลางใช้สายตาข่มขู่ ทำให้สองคนนั้นถึงกับพูดไม่ออก
หลังจากกินข้าวกันเสร็จก็แยกเข้าหอของแต่ละคน....
...วันต่อมา...
พวกแพททริคนัดเจอกันที่หน้าโรงเรียนคนที่มาคนแรกคือ ชิล ต่อด้วยจินนี่ ทีน่า ออล และแพททริค
นี่ไปฝึกกันเปล่า ที่สนามหลังโรงเรียนออลชวน
อืมก็ดีนะ ฆ่าเวลาไปในตัวและเพิ่มความเก่งกาจจินนี่บอก
แต่ฉันขอไปซื้อน้ำมาก่อนนะ เผื่อพวกเธอหิวน้ำกันทีน่าเอ่ยปาก อย่างกล้าๆกลัวๆ
แล้วทุกคนก็ออกไปที่สนามหลังโรงเรียน ยกเว้นทีน่าที่ออกไปซื้อน้ำ
เอาล่ะ เหลือเวลาอีก 1 ชั่วโมง ก่อนเรียน ให้ซ้อมทีละคนนะชิลพูด
เริ่มจากแพททริค
ได้เลย พร้อมเสมอ มิมีเปลี่ยนแปลงแพททริคพูด
ย้า......
สายลมน้ำแข็ง!!!
แพททริคหมุนตัวหนึ่งรอบ แล้วฟันแนวเฉียง แล้วกระโดดฟัน และกระโดดอีกครั้ง แต่ครั้งนี้มีสายลมที่พัดจากค่อยๆแล้วแรงขึ้น แรงขึ้น และเย็นขึ้นเรื่อยๆ รอบตัวแพททริค แล้วกระบี่ของแพททริคได้ประกายแสงระยิบระยับออกมา กระบี่ของเขาเรืองแสงสีขาวจ้าอีกครั้ง สะเก็ดน้ำแข็ง มารวมที่ปลายกระบี่ของแพททริค แล้วฟันลงที่พื้นดิน พลังน้ำแข็งยักษ์แตกกระจายออก แต่ยังลอยอยู่เพราะแรงลม แรงลมทำให้แพททริคลอยขึ้นไปอีกครั้งหนึ่ง แล้วแพททริคก็ฟันกระบี่ผ่ากลาง เมื่อฟันพลังน้ำแข็งที่ลอยอยู่ได้พุ่งลงพื้นดิน
ตูม!!!!
เมื่อจบกระบวนท่า สายลมน้ำแข็ง ตัวของแพททริคค่อยๆ ลอยลงมาบนพื้นอย่างนิ่มนวล สายลม ความเย็นได้หายไป ทิ่งแต่รอยหลุมพลังเมื่อครู่นี้
เป็นไงบ้างชิล เขาถามความเห็น ดีมากเลยละ เป็นพลังที่รุนแรงทีเดียว คงกำจัดหินก้นอใหญ่ๆได้
ต่อไป จินนี่
O.K จินนี่พูด
เธอเอาสนับมือของเธอออกมา มันเป็นสนับมือที่มีสามแฉก สีฟ้าใส รูปร่างดูเหมาะกับมือผู้หญิง
น้ำแข็งทำลายพสุธา!!!!
เธอกระแทกหมัดแรกออกไป เกิดลำแสงน้ำแข็งเป็นทางพุ่งไป ตูม!!! และต่อด้วยกางแขนออก ทำให้สนับมือของเธอเรืองแสงสีฟ้าอ่อนๆออกมา แล้วเธอก็กระโดดขึ้น แล้วกระแทกหมัดทั้งสองพุ่งลงดิน เกิดเป็นลำแสงพุ่งไปจากสนับมือทั้งสอง แล้วหมุนเป็นเกลียว ปะทะพสุธา
ตูม!!!!
ต่อไปก็ ออลชิลไล่ชื่อไป
ออลเดินออกไปที่สนามที่สามารถคืนสภาพเองได้ภายใน 10 นาที แล้วเอาดาบออกมา
ดาบของออลเป็นดาบที่ใหญ่พอสมควรแต่ไม่ถึงกับเทอะทะ สีเงินเงาวับ
ดาบมังกรฟ้าดิน!!!!
เมื่อเขาพูดชื่อกระบวนท่าเสร็จก็ยกดาบด้วย 2 มือ ในระดับอก แล้วหมุนดาบจาก แนวตั้น เป็นแนวนอน แล้วหมุนควงสว่าน 3 รอบ แล้วฟันลงพื้น แล้วกระโดดขึ้นง้างดาบขึ้น ดาบเขาเรืองแสงสีน้ำเงิน แล้วฟันลงพื้น เกิดเป็น แสงรอบตัวเขาพุ่งไปยังเป้าหมายทันที
ตูม!!!!!
แล้วเขาก็ตกลงมาบนพื้นอย่างนิ่มนวล
มาแล้วจ้าาาา น้ำเย็นๆ กว่าจะเห็นร้านขาย แทบตาย แถมคนยังต่อคิวยาวเหยียดอีกทีน่าบอก
เอาล่ะ ต่อไปเป็นฉันแล้วกันทีน่าเสนอ
แล้วเอาอาวุธของเธอออกมา มีดเธอเป็นมีดสีฟ้าคราม และยาวถือว่าเกือบเป็นดาบเลยทีเดียว
มีดสะเก็ดน้ำแข็ง!!!!
ทันใดที่เธอพูดนั้น เธอโยนมีดขึ้นให้ควงสว่าน แล้วจับมีดแล้วปาออกไปเป็นเกลียวควงสว่าน แล้วเกิดสะเก็ดน้ำแข็งหมุนเกลียวรอบมีด มีดพุ่งไปยังต้นไม้ทันที ทันทีที่มีดปักต้นไม้นั้น มีดเรืองแสงกระพิบถี่ๆ แล้วระเบิดขึ้น แล้วกระเก็ดน้ำแข็งที่หมุนเกลียวรอบนั้นก็ปักซ้ำอีกที ต้นไม้สลายไปในพริบตา แล้วทีน่าก็เก็บอาวุธของเธอ
เอาล่ะต่อไปก็ฉันแล้วชิลพูด
เขาหยิบอาวุธออกมาแต่ ไม่ประกอบ เขาขว้างอาวุธไปข้างหน้า แต่มันไม่หล่นลงพื้นกลับลอยเฉยๆ
สะเก็ดน้ำแข็งควงเกลียวสว่าน!!!!
แล้วเขาก็ใช้พลังจิตควบคุมมันให้พุ่งควงสว่านไปที่ต้นไม้ด้วยความเร็วสูง แล้วปักต้นไม้ เมื่อชิ้นส่วนของกงจักร ปักที่ต้นไม้ ต้นไม้ถูกแช่แข็งทันที แล้วสลายไป แล้วเขาก็เก็บอาวุธ
ไปกันเหอะ ไปนั่งพักกัน ฉันเชื่อว่าทุกคนคงเหนื่อยเป็นแน่ทีน่าเสนอ เหลือเวลาอีก 5 นาที ก่อนเข้าเรียน อีก 3 ชั่วโมง
กริ๊งๆๆๆๆๆๆ......
เสียงออดดังขึ้น พวกแพททริคก็ขึ้นไปเรียน ในคาบทักษะการป้องกันตัวเอง
ทุกคน ฟังทางนี้ การใช้ทักษะนี้ ไม่ต้องใช้อะไรมาก เพียงแค่คุณต้องฟังผม และปฏิบัติอย่างถูกวิธี ก็จะสามารถเรียนได้อย่างรวดเร็วครูบอก เอาล่ะ หยิบอาวุธขึ้นมา
วันนี้เราจะเรียนเรื่องการป้องกันอาวุธพิษครูกำหนดหัวข้อ
ให้เธอควงสว่านอาวุธของเธอ เฉพาะอาวุธที่ยาวเท่านั้นนะ ส่วนอาวุธสั้นให้เอาส่วนที่เรียบที่สุด ไว้ใช้ป้องกัน และต้องตาดีด้วย ไม่งั้นมีสิทธิ์เหมือนกันครูพูดวิธีป้องกันพิษ
เอาล่ะ ให้พวกเธอไปฝึกกันที่สนามหลังโรงเรียนนะ ไปได้ครูพูด
เวลาผ่านไป...
จบคาบเรียน ไปได้คาบต่อไปได้
ต่อไปก็คาบโจมตีร้ายแรงใช่เปล่าออลถาม เออ ดิ จะเป็นคาบไรไปได้ ก็วันนึงเรียนกัน 2 คาบเอง นี่เป็นอัลไซเมอร์เปล่าแพททริคพูด ออลได้แต่สบถ โดยไม่มีใครได้ยิน
การโจมตีที่ร้ายแรงนั้น ต้องอาศัยกำลัง และธาตุที่แข็งแกร่งครูในคาบโจมตีพูด
และวันนี้ครูจะสอบ ให้พวกเธอแสดงพลังออกมาให้ดีที่สุด ร้ายแรงที่สุดครูอธิบาย
เอาล่ะไปที่สนามหลังโรงเรียนกันครูพูด
เมื่อไปถึงที่นั่นทุกคนถึงกับต้องตะลึง เพราะมีคนชุดดำหลายคนยืนอยู่ มันคือ.... ชนเผ่า....ไบล่า
แกตายเสียเถอะ หลังจากที่หัวหน้าชนเผ่าไบล่าพูด เขาก็ซัดพลังดาบทมิฬเข้าใส่นักเรียน นักเรียนทุกคนช่วยกันป้องกันและบางคนก็ปล่อยพลังต้าน แต่สุดท้ายก็ไม่ไหว ทุกคนบาดเจ็บปางตาย เลือดนองพื้น หน่วยพยาบาลที่ประจำอยู่ออกปฏิบัติหน้าที่
เมื่อทุกคนหายดี ครูอาจารย์ทุกคนจึงเรียกนักเรียนมาประชุมกัน เพื่อปรึกษาว่าจะเอาใครเป็นตัวแทนไปสู้รบกับไบล่า
ผมขอไปเองครับ แพททริคบอกอย่างกล้าหาญ พ่อของผมก็ได้ถูกชนเผ่าไบล่าฆ่าตาย ผมขอล้างแค้นเองครับ
พวกผมก็ขอไปด้วย เพราะเราเป็นเพื่อนที่สนิทที่สุดของเขาจะได้ช่วยกันปราบชนเผ่าไบล่า ชิล ออล ทีน่า และจินนี่เสนอ
ก็ได้ถ้าเธออยากไป แต่ฉันไม่รับรองความปลอดภัยของเธอนะ ตายมาฉัน ไม่ รับ ผิด ชอบ ทั้งสิ้น
จบ ภาคแรก
ขอบพระคุณมากครับที่มาอ่าน
(เมื่ออ่านเสร็จแล้ว กรุณาแสดงความคิดเห็นด้วย)
2 เมษายน 2548 10:26 น.
Dr.Poom
แล้วทำอะไรให้ดีในปัจจุบัน ในขณะนี้ ในเวลานี้ ให้ดีที่สุดก่อนที่จึงไปคิดถึงอนาคต เพราะปัจจุบันมาก่อนอนาคต แล้วอนาคตจะตามมาอีกทีนึง เป็นระบบไปแบบนี้เรื่อยๆอย่างที่ทุกคนทราบกัน
ทิ้งอดีตที่เลวร้ายคือ อย่างเช่น เราเคยอกหักมาแล้วครั้งนึง เราจึงไม่กล้าที่จะทำอะไรที่เป็นแบบนั้นอีก แต่อดีตก็ไม่ใช่จะไม่ดีเสมอไป ความทรงจำที่ดี คติที่คอยเตือนใจเราไม่ให้ทำสิ่งที่ไม่ดี นั่นคือข้อดีของอดีต แต่สำหรับสิ่งร้ายๆที่คอยมารังควานเรา ถ้าจะลืมมันได้ก็ลืมไปซะ ดังที่กล่าว แต่ถ้าสิ่งร้ายๆนั้น ไม่ยอมออกไปจะสมองเรา วิธีที่ดีที่สุดคือ ( ผมว่านะ ) เมื่อเราหวนคิดถึงมัน กลับไปคิดถึงมัน เมื่อความรู้สึกร้ายๆ เริ่มจะกลับมาทำร้ายเรา ก็อย่าทำตัวตามอารมณ์ อย่างเช่น ร้องไห้ออกมา เพราะน้ำตาไม่ได้ดีเสมอไป มันทำให้เราอ่อนแอลงไปยิ่งขึ้น ยิ่งร้องยิ่งอ่อนแอ แต่ถ้ามันกลั้นไม่อยู่ก็ควรระบายออกมา น้ำตาจะช่วยได้ในเรื่องความเศร้า
คิดถึงปัจจุบันคือ เมื่อเราหายเศร้าแล้ว ก็ควรทำอะไรดีๆให้กับตัวเอง ในปัจจุบัน เพราะตอนนี้เราอยู่ในปัจจุบัน ไม่สามารถย้อนอดีตได้ ไปหาอนาคตได้ เราจึงต้องทำอะไรให้ดีที่สุดในเวลานี้ เพราะถ้าเรามัวแต่เศร้า มันจะดีอะไรกับเรา จะได้อะไรขึ้นมา มีแต่เสียกับเสียทั้งนั้น ดังนั้นเราจึงต้อง ทำอะไรให้ดีที่สุดในปัจจุบัน
คิดสิ่งที่ดีในอนาคตคือ ถ้าเราคิดสิ่งที่ดีที่จะเกิดกับเราในอนาคต ก็จะทำให้เราดูสดชื่นขึ้นบ้าง เช่น วันนี้เป็นวันสิ้นปี เราจะได้โบนัส 10,000 บาท ลฯล ( แล้วแต่ในโอกาส ) นั่นคือสิ่งที่ดีที่เราคิด แล้วจะทำให้เราดูสดชื่นขึ้น แล้วจะทำให้เราไม่นึกถึงเรื่องร้ายๆ คิดแต่อะไรดีๆ ที่จะเกิดกับตัวเรา
จบ
ขอบพระคุณมากครับที่มาอ่าน
( เมื่ออ่านเสร็จแล้วพอมีเวลานิดหน่อย ก็ช่วยแสดงความคิดเห็นด้วยครับ )
30 มีนาคม 2548 11:29 น.
Dr.Poom
ถึงผมว่าผมมีเรื่องฝังใจเยอะมากก็จริงนะครับ แต่ก็ไม่ใช่เด็กมีปัญหา
เรื่องแรกคือ ตอนผม 4 ขวบ คือว่าเรื่องมันเป็นอย่างนี้ครับ
ร้านของผมเป็นร้านถ่ายรูปครับ มีถังดับเพลิงอยู่ข้างใน แล้วผมก็เข้าไปเล่นข้างในตามประสาเด็กอย่างผม แล้วก็เกิดไปถอดสลักถังดับเพลิงแล้วก็ฉีดออกมา พ่อของผมนั้นก็ด่าเอาเป็นเอาตาย เอาเหล็กที่ใช้หุ้มขอบของเครื่องถ่ายเอกสาร ( ร้านของผมก็เป็นร้านถ่ายเอกสารด้วย ) เอามาตีผม ตีเอา ตีเอา ซึ่งผมก็จำไว้จนถึงปัจจุบัน
เมื่อผม 10 ปี ตอนปิดเทอมน่ะครับ ได้ไปอยู่ที่ร้าน แล้วจู่ๆก็ได้ร้องไห้ออกมาโดยสาเหตุเดิม จนพ่อผม ได้เอาท่อน้ำมาตีผม อีกหลายรอบ
ผมก็พยายามที่จะลืมแล้วแต่ถ้ามันฝังใจก็จะเปรียบเสมือนไม้แกะสลักที่สลักแล้วแก้ไม่ได้
ขอให้เข้าใจเด็กอย่างผมด้วย
จบ
ขอบพระคุณมากครับที่มาอ่าน
30 มีนาคม 2548 10:35 น.
Dr.Poom
การทำความเข้าใจกับมันนั้นไม่ยากเลย เพียงแค่คุณนั้นต้องเข้าใจว่า ความคิดของผู้อื่นเป็นไง เมื่อฟังแล้วเป็นไง มันดีไหม และขึ้นอยู่กับความคิดของเรา อารมณ์ของเรา ถ้าเราไม่ฟังเลยก็เปรียบเสมือน ควาย กระทิงคือ ที่ว่าเหมือนคือ กระทิงที่จะไล่ขวิดนั้น มันไม่ได้คิดอะไร ก็เหมือนกับเรา ก็คือถ้าเราไม่ฟังแล้วสรุปเอง แล้วคนอื่นก็พยายามอธิบาย แต่เราก็ไม่ฟัง ฟังแต่อารมณ์เราเอง หรือฟังแต่ความคิดเราเอง และนั่นก็คือสาเหตุหนึ่งของความแตกแยกของกลุ่มๆ หนึ่ง หรืออาจจะเป็นความล่มสลายของบริษัทหนึ่งก็เป็นได้ และต่อไปนี้จะการทำความเข้าใจกับความคิดที่แตกต่าง
1. พยายามสงบอารมณ์ให้ได้ก่อนเป็นอันดับแรก
2. เมื่อสงบอารมณ์แล้วก็ค่อยๆฟังความคิดของผู้อื่น
3. เมื่อฟังแล้วไม่ดียังไงก็ค่อยๆ อธิบาย
เพียงแค่คุณปฏิบัติได้ตาม 3 ข้อที่กล่าวมานี้ ก็อาจจะลดการแตกแยกของกลุ่มคุณได้
จบ
ขอบพระคุณมากครับ ที่มาชม