รัฐบาลเขาให้หยุดงานตั้งแต่วันที่ 27 ตุลาคม จนถึง 31 ตุลาคม 2554 ฉันก็เริ่มตื่นตูม เพราะช่วงนี้เป็นช่วงที่น้ำทะเลหนุน... น้ำคงจะท่วมบ้านเป็นแน่แล้ว .....ของจริงกำลังจะมาถึงเสียที การป้องกันทุกการป้องกันของฉันจะสำเร็จไหมหนอ ตั้งแต่การซื้อไดโว่ อาการตื่นตูมของน้องสาวที่กระหน่ำซื้อแต่กระสอบทราย จนต้องถามว่า ถ้าน้ำลด จะเอากระสอบทรายกองมหึมานี่ไปเก็บไว้ที่ตรงไหน มาตื่นเต้น ตื่นตูมกันอีกครั้ง ก็เมื่อผู้คนที่คลองสามวา เขาทุบทำลายเขื่อนนั่นแหละจ้ะ..เขาบอกว่าน้ำท่วมทางฝั่งเขานานแล้ว แต่ฝั่งตรงข้ามที่เป็นบ้านจัดสรร ยังอยู่กันสบายดี เก๊าะเลยรวมตัวกันพังเขื่อน และปิดถนน ส่วนที่เขาทุบทำลายไป ขณะที่เขียนอยู่นี้ กทม.กำลังซ่อมอยู่ เมื่อเข้าไปในเวปรู้ทันน้ำ ก็พบว่าน้ำจะท่วมประมาณ 2.5 เมตร แต่จากการสอบถามข้อมูลจากกรมชลฯ เขาว่าระดับน้ำแถวบางกะปิ อยู่ที่ประมาณ 1 เมตร ถึง 1 เมตร 20 เนื่องจากเป็นที่ลุ่ม...ฟังแค่นี้ก็ใจเสียแล้ว ก็เห็นใจผู้คนละแวกคลองสามวาอยู่หรอก แต่การที่จะเข้าทุบทำลายน่าจะไม่ใช่วิธีการที่ถูกต้อง เห็นภาพข่าวชาวบ้านที่นั่นทางทีวี กันไหม ดูอาการแล้วกำลัง เลือดขึ้นหน้า ด้วยกันทุกคน ในเบื้องต้นชาวบ้านขอให้ระบายน้ำออก 1 เมตร แต่ตกลงกันได้ที่ 75 ซม. นึกว่าจะจบเรื่อง แต่คงเป็นเพราะน้ำไม่ลด ก็เลยมีการต่อรองให้ระบายน้ำออกอีกเป็น 1.50 เมตร แต่ผู้ว่า กทม.เป็นห่วงนิคมอุตสาหกรรมบางชัน จึงขอให้อยู่ที่ 80 ซ.ม. สส.ที่ดูแลเขตคลองสามวา เป็นใครไม่อยากเอ่ยชื่อ คงอยากได้ใจชาวบ้านโดยไม่คิดถึงผลกระทบได้เสนอให้อยู่ที่ 1 เมตร ท้ายที่สุดนายกยิ่งลักษณ์ มีคำสั่งเป็นลายลักษณ์อักษร ให้ระบายน้ำออกที่1 เมตร ฟังข่าวจากทีวี แล้วสะดุดใจมาก ทำไมต้องสั่งเป็นลายลักษณ์อักษร เช้ามาถึงที่ทำงาน เสียงวิจารณ์ก็เซ็งแซ่ ผู้วิเคราะห์การเมืองฉมังนักให้เหตุผลว่า ต้องเป็นลายลักษณ์อักษรเท่านั้น เพราะถ้าสั่งด้วยวาจา หากเกิดอะไรขึ้นกับนิคมอุตสาหกรรมบางชัน คุณชายผู้ว่าคงโดนด่าจนอ่วมอรทัย ยังงี้เขาเรียกว่า...คนมันทันกัน555... อยู่แต่บ้าน เฝ้าแต่หน้าจอทีวีจนเบื่อ... ฉันควรจะยุติการเสพย์ข่าวเสียที ก็พอดีเห็นตัวหนังสือวิ่งในทีวี เขาว่า ศปภ. ต้องการจิตอาสา บรรจุถุงยังชีพ เดิมศูนย์แห่งนี้อยู่ที่ดอนเมือง ซึ่งกว้างขวางมาก ฉันเคยไปช่วยมาแล้วครั้งหนึ่ง ต่อมาเมื่อศูนย์ถูกน้ำท่วม งานส่วนนี้ได้ย้ายมาอยู่ที่อาคารจันทนยิ่งยง สนามศุภชลาศัย ที่นี่แม้จะคับแคบกว่าที่ดอนเมืองมาก แต่บรรดาจิตอาสาก็ยังมากันเยอะ มีทั้งคนหนุ่ม-สาว คนสูงอายุ และเด็ก ซึ่งติดตามพ่อแม่มาช่วยด้วย ฉันไม่รู้ว่าเขาเก็บของบริจาคไว้ที่ไหน แต่จะมีรถบรรทุกนำของมาส่งทีละหลายคันรถ เมื่อรถมาถึงอาคาร บรรดาจิตอาสาก็จะยืนเรียงแถวหันหน้าเข้าหากัน จากนั้นก็จะเป็นการลำเลียงของลงจากรถส่งต่อๆกันเป็นสายพานทั้งสองแถว ของจะปะปนกันไปหมด ตั้งแต่บะหมี่สำเร็จรูป นม ยาสีฟัน น้ำตาล เกลือ ฯลฯ เมื่อลำเลียงของลงจากรถหมดแล้ว ก็ถึงเวลาคัดแยกของเป็นหมวดหมู่ ข้าวสารจะถูกเทรวมกันแล้วตักใส่ถุงพลาสติก แปรงสีฟันและยาสีฟันจะถูกนำมามัดหนังยางคู่กัน ผ้าอนามัยจะถูกห่อไว้ด้วยถุงดำ กันไม่ให้น่าเกลียด เมื่อบรรจุลงในถุงยังชีพ และผู้ประสบภัยจะได้นำถุงดำมาใช้ประโยชน์ด้วย น้ำปลาจะถูกบรรจุใส่ถุงพลาสติก รัดหนังยางให้แน่น เพราะบางคราบบางคราเมื่อถุงยังชีพหลุดมือ ขวดน้ำปลาแตก ข้าวของในถุงยังชีพจะเสียหายหมด ข้อมูลเหล่านี้ถูกส่งมาจากผู้นำถุงยังชีพไปแจกให้ผู้ประสบภัยตามจุดต่างๆ ทางศูนย์จึงปรับปรุงให้ดีขึ้นเรื่อยๆ การทำงาน จะนั่งล้อมวงกันตามประเภทของงาน เช่นงานข้าวสาร จิตอาสาจะนั่งล้อมวงกันรอบกะละมัง ตักข้าวสารวางไว้ ผู้มีหน้าที่รัดหนังยางก็จะทำไป งานน้ำปลาและงานอื่นๆก็ประมาณนี้ งานเหล่านี้เมื่อทำเสร็จ จะมีเจ้าหน้าที่เก็บใส่ถุงปุ๋ยตามประเภทของสิ่งของ ขั้นตอนต่อไป จิตอาสาจะนั่งเรียงแถวหันหน้าชนกัน และแล้วงานบรรจุของทั้งหมดใส่ถุงยังชีพก็จะเริ่ม ของหนักจะถูกบรรจุลงถุงก่อน ซึ่งแน่นอนว่าหัวแถวจะต้องเริ่มที่ข้าวสาร แล้วผลักถุงให้ผู้นั่งถัดมาบรรจุปลากระป๋องลงถุง แล้วผลักให้คนถัดมาบรรจุนม เรียงกันไปจนถึงคนสุดท้าย มัดปากถุง ที่ศปภ.จะมีกระดาษ บรรจุลงไปในถุงยังชีพด้วย เพื่อให้ทราบว่าถุงยังชีพนี้ มีผู้นำมาบริจาคที่ศปภ. และแล้วก็มาถึงขั้นตอนสุดท้าย จิตอาสาจะยืนเรียงแถวหันหน้าชนกันเหมือนเดิม ถุงยังชีพจะถูกส่งต่อกันไปเป็นทอดๆ จนถึงเจ้าหน้าที่ที่อยู่บนรถนำไปจัดเรียง เพื่อเตรียมส่งต่อไปยังผู้ประสบภัย ที่ศูนย์มีการตั้งครัวทำอาหารเลี้ยงจิตอาสา วันที่ไปมีข้าวต้มไก่ ข้าวเหนียวส้มตำ ผัดมาม่า ก๋วยเตี๋ยวราดหน้ามันฝรั่ง ซึ่งเกิดมาฉันก็เพิ่งเคยกินนี่แหละ ของหวานเป็นเฉาก๊วยใส่น้ำแข็ง สิ่งที่เห็นในวันนี้คือความมีน้ำใจของคนไทย การช่วยเหลือผู้อื่น การช่วยเหลือกันเองระหว่างจิตอาสา เช่นผู้สูงอายุบางคน นั่งนานๆ ลุกไม่ขึ้น จิตอาสาที่เป็นคนหนุ่ม-สาว ก็จะช่วยประคอง สิ่งเหล่านี้เห็นแล้วน่าชื่นใจมาก ดีใจที่ได้มีส่วนร่วม แม้มันจะเล็กน้อยแค่ปลายก้อยก็ตาม